สำนักนายกฯ แจ้งหน่วยงานรัฐทำข้อสงวนไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศก่อนลงนามสัญญาใดๆ
<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2024-03-26 17:45</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพจาก ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สำนักนายกฯ ออกจดหมายถึงหน่วยงานรัฐก่อนลงนามสัญญาใดๆ ให้ทำข้อสงวนไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ยกเหตุกระทบอำนาจอธิปไตยของไทย หลังมี ครม.มีมติเมื่อ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาให้ทำข้อสงวนไม่รับอำนาจ ICJ จากกรณีเข้าร่วมเป็นภาคีตามอนุสัญญาคุ้มครองบุคคลจากการบังคับสูญหายฯ</p>
<p>26 มี.ค.2567 สุณัย ผาสุก ที่ปรึกษา Human Rights Watch เผยแพร่จดหมายของสำนักนายกรัฐมนตรีถึงผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ แจ้งให้หน่วยงานปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ทำข้อสงวนไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(International Court of Justice หรือ ICJ) ไว้ทุกเรื่องเพื่อไม่ให้กระทบอำนาจต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศ</p>
<blockquote class="twitter-tweet"><p dir="ltr" lang="th" xml:lang="th">กลัวอะไร? รัฐบาล
#เศรษฐา สั่งให้ทำข้อสงวนไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice หรือ ICJ) ในการยื่นสัตยาบันต่อยูเอ็นเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (International Convention for the Protection…
pic.twitter.com/ksVSZB6FLA</p>
<p>— Sunai (@sunaibkk)
March 26, 2024</p>
<script async="" src="
https://platform.twitter.com/widgets.js" charset="utf-8"></script><p>จดหมายนี้ได้อ้างอิงถึงมติ ครม.ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาที่มีการพิจารณาจัดทำข้อสงวนเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับสูญหายของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งในมติดังกล่าวออกมาเป็นหลักการให้ทุกส่วนของราชการและหน่วยงานรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในกรณีมีความจำเป็นในการทำหนังสือสัญญาที่มีข้อบทให้อำนาจแก่ ICJ มีเขตอำนาจเหนือข้อพิพาทตามหนังสือสัญญานั้น ให้หน่วยงานนั้นๆ จัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจ ICJ ไว้ด้วย</p>
<p>สุณัยแสดงความเห็นในทวีตดังกล่าวด้วยว่าที่ผ่านมากลไกยุติธรรมภายในประเทศของไทยไม่สามารถเอาผิดและคลี่คลายกรณีอุ้มหายกว่า 70 รายที่สหประชาชาติทำบันทึกข้อมูลเอาไว้ได้</p>
<p>ทั้งนี้ในการประชุม ครม.ครั้งวันที่ 12 มี.ค.นั้น
เป็นการลงมติตามข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ ที่เสนอให้มีข้อสงวนไว้ในส่วนของข้อบทที่ 42 ของอนุสัญญาดังกล่าวที่ระบุถึงกรณีให้อำนาจแก่ ICJ ในการพิจารณาข้อพิพาทระหว่างรัฐภาคี 2 รัฐขึ้นไปในกรณีไม่สามารถยุติได้ด้วยการเจรจา</p>
<p>ยธ.ระบุเหตุผลในการเสนอให้จัดทำข้อสงวนไว้ด้วยว่า "เพื่อไม่ให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ มีเขตอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตยของไทย ส่งผลให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่สามารถก้าวล่วงมาตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างไทยกับรัฐภาคีอื่นได้ ซึ่งข้อพิพาทนั้น ๆ อาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศ ดังนั้น ไทยจึงควรจัดทำข้อสงวนต่อข้อบทดังกล่าวไว้ ดังเช่นที่ได้จัดทำไว้ในอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศฉบับอื่น ๆ"</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/03/108583