[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 มิถุนายน 2568 06:41:48 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กฎพระสงฆ์ ร.1 ตำหนิพระไม่ทำตามพระวินัย ฆราวาสขาดปัญญา  (อ่าน 452 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 130.0.0.0 Chrome 130.0.0.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 ตุลาคม 2567 11:48:59 »


ภาพประกอบเนื้อหา – พระสงฆ์สยามในอดีต

กฎพระสงฆ์ รัชกาลที่ 1
ตำหนิพระไม่ทำตามพระวินัย ฆราวาสขาดปัญญา

ผู้เขียน - เสมียนนารี
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2567


ภายหลังสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงดำเนินการปฏิรูปฟื้นฟูพุทธศาสนา ด้านต่างๆ ในส่วนการปกครองและควบคุมคณะสงฆ์ ทรงประกาศใช้ “กฎพระสงฆ์” อันเป็นกฎหมายที่ใช้เพื่อบังคับพระสงฆ์และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวของกับพุทธศาสนา ซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อ (10 ฉบับ) ซึ่งเป็นแบบอย่างของกฎหมายปกครองคณะสงฆ์ในสมัยหลังๆ จนปัจจุบัน

ในที่นี้ขอนำ กฎพระสงฆ์ ข้อ 6 (ฉบับ 6) ที่อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์วัดโมลีโลกยาราม (www.watmoli.com) ไว้ดังนี้

กฎให้ไว้แก่สังฆการีธรรมการ พระราชาคณะ เจ้าอธิการ อนุจรแลข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ข้างน่า ข้างใน ฝ่ายทหาร พลเรือน ผู้รั้งกรมการ อาณาประชาราษฎรนอกกรุง ในกรุง แขวง จังหวัด หัวเมือง 1-2-3-4 ตวันตก ตวันออก ปากใต้ ฝ่ายเหนือทั้งปวง จงทั่ว

สมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณธรรมอนันตาสัมภาราดิเรกพิบูลสุนธรราชศรัทธา เปนอัคมหาสาศนุปภัมถกพระพุทธสาศนา จำเริญศรีสวัสดิทั้งพระบริญัติแลฏิปติสาศนาให้ถาวรารุ่งเรืองไปเปนที่เลือมไสยนมัศการบูชาแก่เทพยดามนุษยทั้งปวง เสด็จออก ณ พระที่นั่งดุสิดามหาปราสาทโดยบูรพาภิมุข พร้อมด้วยอัคมหามนตรีกระวีชาติราชปะโรหิตาโหราราชบัณฑิตยเฝ้าพระบาทบงกชมาศ

สมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงทศพิทราชธรรมอันประเสริฐ ตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า แต่ก่อนฆราวาศผู้จะทำทานแก่ภิกษุสงฆ์ โดยต่ำแต่เข้าทัพพีหนึ่งก็มีผลปรากฎในชั่วนี้ชั่วน่า เพราะพระภิกษุผู้รับทานนั้นทรงศีลบริสุทธิ์ ฝ่ายฆราวาศผู้จะให้ทานนั้น ก็มีปัญญาย่อมตักเตือนมิได้เกียจคร้าน จ่ายทรัพยตกแต่งทานประณีตบันจงเปนจัตุปัจจัยทานตามพระพุทธโอวาทตรัสสอนไว้ แลผู้ให้ผู้รับทั้งสองฝ่ายสุจริตดีจริง จึ่งให้ผลมากประจักในชั่วนี้ชั่วน่าสืบมา

ทุกวันนี้ ภิกษุแลสามเณรผู้รับทานรักษาสิกขาบทนั้น ก็ฟั่นเฟือนมักมาก โลภรับเงินทองของอันมิควรด้วยกิจพระวินัยสั่งสมทรัพยสิ่งของ เที่ยวผสมประสานทำการของฆราวาศ การสพ การเบญจา เปนหมอนวดหมอยาหมอดู ใช้สอยอาษาการคฤหัฐแลให้สิ่งของต่างๆ แก่คฤหัฐ เพื่อจะให้เปนประโยชน จะให้เกิดลาภเลี้ยงชีวิตรผิดธรรม มิควรนักแม้ว่าท่านพระอุประคุตเถรเจ้าอันเปนอรหรรตเหมือนน้ำเต็มกระออมอยู่แล้ว

เมื่อรับปัฏิญาณพระมหาเถระทั้งปวงที่จะธรมานพระยามาร เมื่อกระทำการฉลองพระวิหารแปดหมื่นสี่พันนั้น จึ่งกล่าวแก่พระสงฆ์ทั้งปวงว่า ข้าพเจ้าจะพึงได้อาหารที่ชอบธรรมที่ใดมาฉันเปนกำลัง ภิกษุองค์หนึ่งจึ่งรับว่า ข้าพระเจ้าจะรับถวาย พระอุประคุตจึ่งถามว่าอาหารของท่านได้ด้วยเหตุอันใด

ภิกษุจึ่งบอกว่า อาหารนี้ข้าพระเจ้าได้ด้วยผลทาน เมื่อครั้งข้าพระเจ้าเปนภิกษุแต่ชาติก่อนเปนตระกูลพราหมณ์แห่งหนึ่ง ทายกเขานิมนตเข้าไปฉันมธุปายาศ ข้าพระเจ้าฉันอิ่มพ้นประมาณ ล้วงคอรากมธุปายาศออก ให้ทานแก่แม่สุนักจักษุบอด ด้วยผลทานนี้ให้บังเกิดอาหารทิพยแก่ข้าพระเจ้าวันละสองบาตรเหล็ก ข้าพระเจ้าขอถวายแก่พระผู้เปนเจ้า

พระอุประคุตห้ามว่า อาหารของท่านหาชอบธรรมไม่ เหตุว่าท่านบริโภคเหลือประมาณจำเปนให้ทาน แลภิกษุองค์หนึ่งจึ่งว่า อาหารของข้าพระเจ้าบังเกิดด้วยผลทานแต่ชาติก่อน ข้าพระเจ้าภาภิกษุเพื่อนของข้าพระเจ้า เข้าไปในเรือนบิดาข้าพระเจ้าวันละสี่รูปทุกวัน ด้วยผลทานนั้น ก็บังเกิดอาหารทิพยแก่ข้าพระเจ้าในชาตินี้วันละสี่บาตรเหล็ก จะขอถวายพระผู้เปนเจ้า พระอุประคุตเถรเจ้าก็ห้ามเสียว่า อาหารแห่งท่านบังเกิดแต่ตัณหาสัณฐวะ บิดาท่านรักท่านจึ่งพลอยให้ภิกษุสี่รูปฉัน เรามิควรจะบริโภค

อนึ่ง พระษาริบุตรเถรเจ้าป่วยอุทรโรคๆ นั้น ชอบฉันมธุปายาศหาย  จึ่งบอกแก่พระโมคคัลลานะเถรเจ้า ๆ ก็ว่าจะไปบิณฑบาตรตามบุญ เทพยดาฟังสนทนา ก็ไปสู่โยมอุปฐากพระษาริบุตรเถรเจ้าเข้าบิดคอ จึ่งชนทั้งปวงถามว่าท่านกระทำเบียดเบียนมนุษยดังนี้ จะปรารถนาสิ่งใด เทพยดาบอกว่า เราปรารถนาเข้ามธุปายาศ ให้พวกท่านทำถวายพระษาริบุตรเถรเจ้า ชนทั้งปวงจึ่งว่าเราจะทำถวายท่าน จงออกไปเถิด

เทพยดาก็ออกจากกาย ชนทั้งหลายก็กระทำมธุปายาศ เวลาเช้าใส่บาตรพระโมคคัลลานะๆ จึ่งนำมาถวายพระษาริบุตรเถรเจ้า ๆ พิจารณาก็แจ้งว่าอาหารนี้ มิชอบธรรม เกิดแต่เทพยดาไปเบียดเบียนบอกกล่าวขอเอามธุปายาศ จึ่งกล่าวว่าดูกรอาวุโสโมคคัลลานะ อาหารนี้มิเปนธรรม แม้ใส้เราจะขาดออกมาถึงแก่ความตาย ก็ดูประเสริฐกว่าการบริโภคอาหารอันมิชอบธรรมนี้อีก ท่านจงไปเทเสียทั้งบาตรเถิด พระโมคคัลลานะก็เทเสีย แต่มาทว่าพระโมคคัลลานะคว่ำบาตรเทอาหารตกเหนือดิน ด้วยอำนาจอาชีวะปาริสุทธิศีลอันบริสุทธิ์ พระษาริบุตรเถรเจ้า ก็หายอุทรโรคในขณะนั้น เปนเยี่ยงอย่างพระอาจาริยเจ้าประพฤติมาฉนี้

แลภิกษุทุกวันนี้บวชเข้ามิได้กระทำตามพระวินัย ปติบัติเหนแต่จะเลี้ยงชีวิตรผิดธรรม ให้มีแต่เนื้อหนังบริบูรณ ประดุจโคกระบือมีแต่บริโภคอาหารให้จำเริญเนื้อหนัง จะได้จำเริญสติปัญญานั้นหามิได้ เปนภิกษุสามเณรลามกในพระสาศนา

ฝ่ายฆราวาศก็ปราศจากปัญญา มิได้รู้ว่าทำทานฉนี้ จะเกิดผลมากน้อยแก่ตนหามิได้ มักภอใจทำทานแก่ภิกษุสามเณรอันผสมประสานทำการของตนจึ่งทำทาน บางคนยังมักง่าย ถวายเงินทองของอันเปนอะกัปิยะมิควรแก่สมณะ สมณะก็มีใจโลภสั่งสมทรัพยเลี้ยงชีวิตรผิดพระพุทธบัญญัติฉนี้ ได้ชื่อว่าฆราวาสหมู่นั้น ให้กำลังแก่ภิกษุโจรอันปล้นพระสาศนา ทานนั้นหาผลมิได้ชื่อว่าทำลายพระสาศนา

แต่นี้สืบไปเมื่อน่า ห้ามมิให้ภิกษุสามเณรสงเคราะหฆราวาศให้ผลไม้ดอกไม้ใบไม้เปนต้น แล้วอย่าให้ผสมประสาน ขอกล่าวป่าวร้องเรี่ยไรสิ่งของอันเปนของฆราวาศอันมิใช่ญาติ แล้วอย่าให้ทำการสพแลทำเบญจาการฆราวาศทั้งปวง แล้วอย่าให้เปนหมอนวด หมอยา หมอดูต่าง ๆ แลอย่าให้แก่คฤหัฐอันมิใช่ญาติ แลห้ามอย่าให้เปนทูตใช้สอยนำข่าวสารการฆราวาศ แลห้ามบันดาการทั้งปวง อันกระทำผิดจากพระปาฏิโมกขสังวรวินัย

ภิกษุรูปใดมีอธิกรณข้อใหญ่ สงฆ์พิภากษามิถ่องแท้เปนฉายาเงาปาราชิกควรจะเสีย อยู่ข้างการลามกในพระสาศนา เปนที่สงไสยสงฆ์ทั้งปวงอยู่แล้ว อย่าให้เอาไว้ให้ศึกเสีย เหตุภิกษุเหล่านี้ ครั้นกระทำผิดข้อใหญ่แล้ว ก็มิได้กลัวไภยในนรกกลัวไภยในประจุบัน  มากครั้งเอามาถามหารับตามจริงไม่ มักทนสบถษาบาล ให้การเคลือบแฝงฉะนี้ มีเปนอันมาก

อนึ่ง ห้ามฝ่ายฆราวาศทั้งปวง อย่าให้ถวายเงินทองนากแก้วแหวนแลสิ่งของอันมิควร แก่สมณะเปนต้น แลทองเหลืองทองขาวทองสำฤทธแก่ภิกษุสามเณร แลห้ามอย่าให้ถวายบาตร นอกกว่าบาตรเหล็กบาตรดิน แลนิมนตใช้สอยพระภิกษุสามเณร ให้ทำการสพการเบญจาแลให้นวดแลทำยา ดูลักขณะ ดูเคราะห แลวาดเขียนแกะสลักเปนรูปสัตว แลใช้นำข่าวสารการฆราวาศต่าง ๆ

แลห้ามบันดาการภิกษุสามเณร กระทำผิดจากพระปาฎิโมกขสังวรวินัยที่พรรณนาห้ามแล้วนั้น อย่าให้ฆราวาสทำตามน้ำใจภิกษุสามเณรอันกระทำเปนอันขาดทีเดียว

ถ้าแลพระราชาคณะเจ้าอธิการ ภิกษุสามเณร ฆราวาศแลสังฆการีธรรมการผู้ใดมิได้กระทำตามพระราชกำหนดกฎหมายนี้ แลละเมินเสียมิได้กำชับว่ากล่าวกันกระทำให้ผิด พระสาศนาเศร้าหมองดุจหนึ่งแต่ก่อนนั้น ฝ่ายพระราชาคณะ เจ้าอธิการภิกษุสามเณร จะเอาญาติโยมเปนโทษ ฝ่ายฆราวาศทั้งปวงจะให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนตีตามโทษานุโทษ

กฎให้ไว้ ณ วันอาทิตย เดือนแปด ขึ้นสิบห้าค่ำ จุลศักราช 1145 ปีเถาะ นักษัตรเบญจศก ฯ  [จัดย่อหน้าใหม่และสั่งเน้นคำโดยผู้เขียน]

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.458 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 3 ชั่วโมงที่แล้ว