ทำไมชาวเน็ตไทย-กัมพูชาตีกันฉ่ำ ? วิเคราะห์รากปัญหา ดรามาแย่งชิงวัฒนธรรม
<span>ทำไมชาวเน็ตไทย-กัมพูชาตีกันฉ่ำ ? วิเคราะห์รากปัญหา ดรามาแย่งชิงวัฒนธรรม</span>
<span><span>See Think</span></span>
<span><time datetime="2024-11-15T18:56:34+07:00" title="Friday, November 15, 2024 - 18:56">Fri, 2024-11-15 - 18:56</time>
</span>
<div class="field field--name-field-byline field--type-text-long field--label-hidden field-item"><p>เรื่อง: ศศิธร อักษรวิลัย, ศิชา รุ่งโรจน์ธนกุล</p><p>ภาพปก: กิตติยา อรอินทร์</p><p>ถ่ายภาพ: ภัทรภร ผ่องอำไพ</p></div>
<div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p>ในยุคดิจิทัลที่ข้อพิพาทระหว่างประชาชนเกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย การปะทะกันของชาวเน็ตไทยกับกัมพูชาดูจะดรามามากกว่าเพื่อนบ้านอื่นใด โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการ “เคลมวัฒนธรรม” ไล่มาตั้งแต่เรื่องกีฬาอย่าง “กุน ขแมร์” มวยเขมรในซีเกมส์ หรือคนดังอย่าง ลิซ่า แบล็กพิงค์ และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งชาวโซเชียลกัมพูชาบอกว่ามีเชื้อสายเขมร</p><p>ไล่มาจนถึงเรื่องล่าสุด พรรคพลังประชารัฐจุดกระแสว่าไทยจะเสียเกาะกูด สืบเนื่องมาจาก MOU 44 ที่ไทยลงนามไว้ร่วมกับกัมพูชาตั้งแต่เมื่อปี 2544 ดรามาล่าสุดนี้แม้ว่าจะไม่ลุกลามใหญ่โตเท่ากรณีเขาพระวิหาร แต่ก็ถูกปั่นกระแสวนอยู่ในโซเชียลมาตั้งแต่ต้นเดือน ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีเหตุการณ์ที่ชาวโซเชียลถล่มพรรคภูมิใจไทย หลังจากที่รายงาน
ข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะไปจับมือประเทศกัมพูชาเพื่อเดินหน้าวัฒนธรรมผลักดันซอฟท์พาวเวอร์ร่วมกัน จนเกิดทัวร์ลงอนุทิน และแฮชแท็ก #คัดค้านการใช้วัฒนธรรมร่วมกับเขมร ก็ติดเทรนด์ในเอกซ์</p><p>ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ชาวเน็ต 2 ประเทศเขม่นกันรุนแรงเป็นพิเศษ และอะไรบ้างที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งของปรากฏการณ์การ ‘เคลม’ หรือการแย่งชิงวัฒนธรรมของสองเพื่อนบ้าน ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น ประชาไทหาคำตอบเรื่องนี้กับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธิบดี บัวคำศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์กัมพูชาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</p><p> </p><img src="
https://live.staticflickr.com/65535/54141445520_b95591e1da_b.jpg" width="1024" height="683" loading="lazy"><p class="picture-with-caption">ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธิบดี บัวคำศรี </p><h2>ทำไมไทยกับกัมพูชาชอบทะเลาะกัน</h2><p>สำหรับปรากฎการณ์กระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ธิบดีไม่คิดว่ามันเป็น “ความขัดแย้ง” เพราะอันที่จริงชาวไทยกับชาวกัมพูชาแค่กระทบกระทั่งกัน หรือเรียกอีกอย่างว่า “เหม็นหน้า” ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะว่ามีช่องทางในการที่จะปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น</p><p>อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์อธิบายเหตุปัจจัย 2 ส่วนที่อาจเป็นเหตุก่อดรามา อย่างแรกคือความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในอดีต อย่างที่สองคือประสบการณ์และความรับรู้ (Perception) ในปัจจุบัน ชาวไทยได้พบปะกับชาวกัมพูชาโดยตรงจากการเดินทางไปท่องเที่ยวหรือคนกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ซึ่งอย่างหลังนี้อาจทำให้เรามีความเข้าใจใหม่ต่อเพื่อนบ้าน แต่เรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ที่มาแต่เดิมก็ยังคงอยู่</p><p>“ที่ทางหรือฐานะของกัมพูชาในประวัติศาสตร์ไทย คือผู้ร้าย แต่เป็นผู้ร้ายที่มีสถานะไม่เท่ากับพม่าซึ่งเป็นศัตรูที่อาจจะมีฐานะที่ทัดเทียมกันในแง่ของการแพ้หรือชนะ แต่กัมพูชาในทางประวัติศาสตร์มักจะถูกมองว่าเป็นพวกที่ชอบลอบกัด ฉวยโอกาสมาโจมตีในเวลาที่จะอยุธยาหรือกรุงเทพฯ อ่อนกําลังลงหรืออยู่ในช่วงที่กำลังติดศึกกับพม่า</p><p>ภาพหนึ่งที่มักจะยกขึ้นมาพูดถึง ก็คือกรณีของพระยาละแวกที่ยกทัพมาโจมตีอยุธยาในตอนที่อยุธยาติดศึกกับพม่า สุดท้ายพระนเรศวรก็ยกทัพไปปราบปรามพระยาละแวก นํามาซึ่งคําอธิบายหลายอย่าง ที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันแล้วว่า กรณีการจับพระยาละแวกมาตัดหัวแลัวเอาเลือดมาล้างเท้าพระนเรศวร ไม่เคยเกิดขึ้น”</p><p> </p><img src="
https://live.staticflickr.com/65535/54141781519_3f55a2e9cd_b.jpg" width="566" height="1023" loading="lazy"><p class="picture-with-caption">ตัวอย่างข้อความในเอกซ์เกี่ยวกับประเด็นเคลมวัฒนธรรม</p><p> </p><h2>กัมพูชามองไทยอย่างไร</h2><p>ธิบดีตอบคำถามนี้โดยอ้างถึงงานวิจัยของ ดร.ใกล้รุ่ง อามระดิษ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ศึกษาเกี่ยวกับไทยในทัศนะกัมพูชา ซึ่งหลักฐานที่นำมาศึกษาคือหนังสือที่ชื่อว่า “
คำสอนของตามาส” หรือ บ็อณฎำตาเมียะฮ์ (บณฺฎำตามาส-คำสั่งตาเมียะฮ์)</p><p>หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และถูกแจกจ่ายเป็นจำนวนมากภายใต้การสนับสนุนของฝรั่งเศส เนื้อหาคือมุมมองและประสบการณ์ของตามาส ซึ่งเป็นชายแก่คนหนึ่งในสมัยสงครามอานามสยามยุทธ์ที่สยามและญวนยกทัพมาใช้กัมพูชาเป็นสนามประลองยุทธ์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้บรรดาผู้คนในกัมพูชา</p><p>ในหนังสือเล่มนี้ สยามถูกมองว่าเป็นพวกที่เข้ามากอบโกยหาผลประโยชน์ จนกระทั่งฝรั่งเศสเข้ามา ทำให้สยามไม่กล้าเข้ามารุกราน กัมพูชาจึงกลับสู่ความสงบและรุ่งเรือง กล่าวได้ว่าทัศนะที่กัมพูชามีต่อไทยส่วนหนึ่งสร้างขึ้นมาจากชาวฝรั่งเศส ฝรั่งเศสหยิบยกเอาเรื่องนี้มาขับเน้นและผลิตซ้ำ จนทําให้กลายเป็นภาพหนึ่งของความเข้าใจที่ชาวกัมพูชามีต่อไทย</p><h2>ปรากฏการณ์การเคลมสะท้อน ‘ชาตินิยมทางวัฒนธรรม’</h2><p>ธิบดีแสดงทัศนะว่าโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบการใช้คำว่า “เคลม” หรือการล้อเลียนแบบเหมารวมอย่างคำว่า “เคลมโบเดีย” ที่จะสื่อว่าชาวเขมรเป็นพวกชอบมาเคลมวัฒนธรรมไทยไปเป็นสมบัติของกัมพูชา เนื่องจากมรดกทางศิลปวัฒนธรรมไทยกับกัมพูชามีลักษณะผสมผสานและแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันมาตั้งแต่ก่อนเกิดรัฐชาติ ทว่าการเกิดขึ้นของรัฐชาติของกัมพูชาซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสที่มีส่วนสำคัญในการก่อร่างสร้างความเป็นชาติกัมพูชาขึ้นมา ได้กลายมาเป็นจุดตัดสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน และเมื่อมีการขีดเส้นแบ่ง การเคลมข้ามเส้นจึงเกิดขึ้น</p><p>แต่ว่าเมื่อพูดถึงการเคลม หรือ การแย่งชิงสิ่งที่เรียกว่ามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ หากมองให้ลึกลงไป เบื้องลึกของปรากฏการณ์นี้มี 2 เรื่องที่ทับซ้อนกันอยู่</p><p>หนึ่ง คือ มิติทางประวัติศาสตร์ ในแง่ที่ว่าใครคือเจ้าของหรือเป็นคนสร้างสรรค์วัฒนธรรมนั้นขึ้นมา</p><p>สอง คือ ความภาคภูมิใจในชาติว่ามรดกของชาติเราได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก</p><p>ส่วนเรื่องของระดับความรุนแรงของดรามานั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคน “รู้สึก” กับเรื่องนั้นๆ มากน้อยเพียงใด</p><p>แม้แต่มีการเคลมวัฒนธรรมเกิดขึ้นจริง ก็ไม่ได้ทำให้วัฒนธรรมของเราหายไป ข้อกังวลที่พอฟังขึ้นอาจเป็น “ความรับรู้ของต่างชาติ” ต่อวัฒนธรรมไทยมากกว่า ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของการจัดการ การประชาสัมพันธ์ ทำการตลาด สร้างแบรนด์ดิ้งกันไป</p><p>ต่อมาในเรื่องของแนวคิดชาตินิยม ธิบดีอธิบายว่าสามารถแบ่งได้เป็นความชาตินิยมทางการเมือง และความชาตินิยมทางวัฒนธรรม ซึ่งประเด็นที่กำลังที่ชาวเน็ตไทยและกัมพูชาทะเลาะกันเป็นเรื่องของอย่างหลังเสียมากกว่า</p><p>“พูดอย่างสั้นที่สุดก็คือว่า วัฒนธรรมสร้างชาติ แล้วชาติก็เคลมตัวเองว่าเป็นเจ้าของวัฒนธรรม ดังนั้น วัฒนธรรมคือส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ”</p><p>“อย่างไรก็ดี สิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมนั้นสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชาติอื่นได้ด้วย แต่เมื่อพูดถึง “ชาติ” มักมีนัยยะถึงการขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจน ว่านี่คือประเทศ ก. และนี่คือประเทศ ข. ดังนั้นแล้วจึงเกิดความรู้สึกว่าไม่สามารถแชร์วัฒนธรรมเหล่านี้ด้วยกันได้ แม้ว่าวัฒนธรรมนั้นจะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันก็ตาม”</p><img src="
https://live.staticflickr.com/65535/54141783299_ca8eddb478_b.jpg" width="715" height="1023" loading="lazy"><p> </p><img src="
https://live.staticflickr.com/65535/54141458971_573db221bc_b.jpg" width="1024" height="785" loading="lazy"><p class="picture-with-caption">โพสต์ในโซเชียลที่มีข้อความเกี่ยวกับการเคลมวัฒนธรรม</p><p class="picture-with-caption"> </p><img src="
https://live.staticflickr.com/65535/54140603367_b638dabdf1_b.jpg" width="1024" height="918" loading="lazy"><p class="picture-with-caption">ตัวอย่างข้อความในเอกซ์เกี่ยวกับประเด็นเคลมวัฒนธรรม</p><h2>ชาตินิยมเขมร มรดกตกทอดยุคอาณานิคม</h2><p>“ชาตินิยมของกัมพูชามีแกนกลางอยู่บน ชุดความคิดและความเข้าใจทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่ฝรั่งเศสมีส่วนสําคัญในการสร้างขึ้น ในช่วงเวลาที่ฝรั่งเศสปกครองกัมพูชาในฐานะเจ้าอาณานิคมและกัมพูชาในฐานะที่เป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศส ในเวลานั้นสิ่งที่ฝรั่งเศสทำคือการสร้างวัฒนธรรมกัมพูชาขึ้นมา”</p><p>ธิบดีขยายความว่าคำว่า “สร้าง” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการสร้างปราสาทหินขึ้นมาใหม่จากความว่างเปล่า แต่เป็นการสร้างเรื่องเล่าและความหมายใหม่ให้กับปราสาทหินซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีมาแต่เดิม</p><p>“ก่อนที่ฝรั่งเศสจะเข้ามา ปราสาทมีความสําคัญต่อชาวเขมรในอีกแบบหนึ่ง ในแง่ที่ว่าบางส่วนถูกแปลงให้กลายเป็นวัดในพุทธศาสนา บางส่วนกลายเป็นที่อยู่ของผีปู่ย่าตายายและที่อยู่ของบรรดาอํานาจศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่ฝรั่งเศสมองสิ่งเดียวกันในแบบที่ต่างออกไป ว่านี่คือพยานยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ของผู้คนที่เคยมีอํานาจปกครองกัมพูชา และพื้นที่ที่อยู่นอกกัมพูชา”</p><p>“ชาติกัมพูชาที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นนั้นเคยเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะแต่กัมพูชาในปัจจุบันแต่ยังรวมไปถึงเวียดนาม ลาว เข้ามายังลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และลงไปถึงคาบสมุทรทางใต้ และสิ่งสำคัญที่จะเป็นประจักษ์พยานถึงความยิ่งใหญ่คือ ปราสาทหินและสิ่งที่อยู่ ณ ปราสาทหินนั้นด้วย” ธิบดีกล่าว</p><h2>จุดเริ่มความหมั่นไส้ของคน 2 ชาติ</h2><p>ในมุมมองของธิบดี การกระทบกระทั่งกันระหว่างชาวไทยและชาวกัมพูชาในแบบที่แผ่ขยายวงออกไปนั้นอาจอธิบายได้ว่ามีประเด็นเขาพระวิหารเป็นจุดตัดสำคัญ เพราะก่อนที่จะมีกรณีเขาพระวิหาร เราจะเห็นการกระทบกระทั่งกันในระดับรัฐต่อรัฐเสียมากกว่า ซึ่งอาจกระทบต่อผู้คนตามแนวชายแดนเป็นส่วนใหญ่</p><p>“หากย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1950 สิ่งที่เกิดขึ้นกับกัมพูชาก่อนหน้านั้นคือ กัมพูชากำลังต่อสู้เรียกร้องเอกราช ความสนใจของชนชั้นนำกัมพูชาจึงอยู่ที่ฝรั่งเศส ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนบ้านจึงไม่ใช่เรื่องหลัก หลังจากนั้นปัญหาไทยกับกัมพูชาเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อการเมืองในกัมพูชาเริ่มนิ่ง</p><p>กรณีของเขาพระวิหารนั้นเกิดประเด็นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1950 มีการตัดสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชาถึง 2 ครั้ง (พ.ศ. 2501 และ 2504) ก่อนที่ศาลโลกจะตัดสินให้เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา หลังจากเหตุการณ์นั้นเราจึงเริ่มเห็นการเข้ามามีส่วนร่วมของคน ดังจะเห็นได้จากการออกมาเดินขบวนเรียกร้องเขาพระวิหาร หรือการที่จอมพลสฤษดิ์ขึ้นปราศรัยผ่านวิทยุหลังจากที่รู้วาศาลโลกตัดสินว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา”</p><h2>กัมพูชาชูประเด็นชาตินิยม หวังผลเลือกตั้ง?</h2><p>สำหรับฝั่งกัมพูชา หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีการหยิบเอาประเด็นในทางวัฒนธรรมขึ้นมาใช้เป็นประเด็นทางการเมืองในช่วงก่อนการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ เพื่อให้พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ได้รับชัยชนะ เช่น กรณีที่สื่อกัมพูชาเผยแพร่ข่าวอ้างว่า ‘กบ สุวนันท์’ ดาราไทยพูดว่ากัมพูชาขโมยนครวัดไปจากไทย จนนำมาซึ่งเหตุการณ์จลาจลเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา ในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งในปีเดียวกันนั้นก็มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชา</p><p>ธิบดีให้ทัศนะไว้ว่าโดยทั่วๆ ไปแล้ว กระแสชาตินิยมอาจถูกจุดขึ้นมาโดยใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง กล่าวคือนักการเมืองอาจจะไม่ใช่คนจุดประเด็นโดยตรง แต่ก็อาจฉวยใช้กระแสดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ทางการเมือง</p><p>เขากล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามในกรณีของกัมพูชา ไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่างผลเลือกตั้งกัมพูชาปี 2556 กับกระแสชาตินิยมที่ถูกปลุกขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านั้น กล่าวคือ เมื่อปี 2554 มีเหตุปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทยที่ชายแดนไทย–กัมพูชาบริเวณปราสาทเขาพระวิหารตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง ผ่านไป 2 ปีก็มีการเลือกตั้ง ปรากฏว่าพรรคประชาชนกัมพูชาได้คะแนนเสียงลดลง เราจึงไม่สามารถฟันธงได้ว่าพรรคประชาชนกัมพูชาได้ประโยชน์จากกระแสชาตินิยมหรือไม่</p><h2>ข้ามพ้นชาตินิยม เป็นไปได้ไหม?</h2><p>ธิบดีกล่าวว่าการปะทะกันในโซเชียลชาวเน็ตไทยและกัมพูชาดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา ต่างฝ่ายต่างมอง มีความเชื่อกันคนละแบบ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องวัฒนธรรม ตั้งแต่เรื่องกุนขแมร์ โขน และเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านั้น ซึ่งอาจไม่ได้สร้างความเสียหายในระดับที่น่ากังวลขนาดนั้น</p><p>แต่กระแสชาตินิยมจะนับว่าอันตรายเมื่อมีการหยิบฉวยไปใช้เป็นประเด็นทางการเมือง แต่อย่างดรามาเกาะกูดที่เป็นกระแสตั้งแต่ต้นเดือน ณ ขณะนี้ตนมองว่ายังไม่ได้น่ากังวลมากนัก แต่ถ้าในอนาคตมีการนำเรื่องนี้มาร้องเรียนกลั่นแกล้งกันทางกฎหมายจนส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ถ้าไปถึงจุดนั้นแหละจึงจะน่ากลัว</p><p>ส่วนประเด็นที่ว่าไทยกับกัมพูชาจะเลิกเขม่นกันได้ไหม ธิบดีกล่าวว่าสำหรับคนทั่วไปที่มีความเชื่อแบบใดแบบหนึ่งไปแล้ว การสลายอคติที่มีก็อาจจะเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นการจะไปถึงจุดที่ไม่กระทบกระทั่งกันเลยคงเป็นไปไม่ได้ หมายถึงว่าการถกเถียงกันในโซเชียลมีเดียก็ยังควรมี แต่ต้องยอมรับว่าบางแพลตฟอร์มนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับการถกเถียง</p><p>ทั้งนี้ ไทยกับกัมพูชามีจุดร่วมที่สามารถพัฒนาร่วมกัน เรายังคงต้องทำมาค้าขายกัน ในแง่ของการค้า ไทยส่งออกไปกัมพูชามากกว่านำเข้า ส่วนในด้านแรงงาน ไทยเองก็ต้องพึ่งพาคนงานกัมพูชาเป็นจำนวนมาก นี่คือจุดที่เราจะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้</p><p> </p><img src="
https://live.staticflickr.com/65535/54140131067_bef7823839_b.jpg" width="1024" height="683" loading="lazy"><p class="picture-with-caption">ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธิบดี บัวคำศรี</p></div>
<div class="node-taxonomy-container">
<ul class="taxonomy-terms">
<li class="taxonomy-term"><a href="
http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C" hreflang="th">สัมภาษณ
http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" hreflang="th">การเมือ
http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1" hreflang="th">สังค
http://prachatai.com/category/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1" hreflang="th">วัฒนธรร
http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2" hreflang="th">การศึกษ
http://prachatai.com/category/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8" hreflang="th">ต่างประเท
http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2" hreflang="th">กัมพูช
http://prachatai.com/category/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1" hreflang="th">วัฒนธรรมร่ว
http://prachatai.com/category/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1" hreflang="th">ชาตินิย
http://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3" hreflang="th">เขาพระวิหา
http://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3" hreflang="th">เขม
http://prachatai.com/category/%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1" hreflang="th">ลัทธิชาตินิย
http://prachatai.com/category/%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5" hreflang="th">ธิบดี บัวคำศร
https://prachataistore.net</div>
http://prachatai.com/journal/2024/11/111388 







