[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 04:17:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เพ่งนิมิตจิตมุทรา : แนะนำตันตระ สัมโภคกาย พระมหาไวโรจนพุทธะ  (อ่าน 5182 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5068


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2554 10:07:16 »






แนะนำตันตระ
 
 
ในจันทร์เพ็ญอันกระจ่างบริสุทธิ์แห่งฤดูสารท คุณได้ปลูกฝังพีชมนตร์ ลงไป แสงสีฟ้านวลเย็นแห่งพีชมนตร์นั้นแผ่รัศมีแห่งความกรุณาไพศาล สุดประมาณ แสงนั้นช่วยดับร้อนผ่อนทุกข์แก่ส่ำสัตว์ทั้งมวล ส่องรัศมี อันอบอุ่นเมตตาเพื่อชำระล้างความวิปลาสสับสนของสรรพสัตว์และจาก พีชมนตร์นั้นคุณได้เนรมิตองค์มหาไวโรจนพุทธขึ้น ปรากฏเป็นรูปกาย ของดรุณราชอายุแปดชันษา มีฉวีขาวผ่อง พร้อมด้วยมหาปุริสลักษณะ ฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงกษัตริย์โบราณแต่ครั้งยุคพระเวท ทรงมงกุฎ ทองประดับด้วยจิดามณี เกศาอันดำงามครึ่งเศียรมุ่นเป็นมวยและอีกครึ่ง หนึ่งปล่อยสาวสยายคลุมไหล่ ทรงประทับนั่งขัดสมาธิอยู่บนบังลังก์ศศิธร จีบมือเป็นเครื่องหมายสมาธิมุทรา ทรงวัชรแก้วผลึกอยู่ในอุ้งหัตถ์


เราจะทำอย่างไรดีกับภาพนิมิตเยี่ยงนี้
 
 
นิมิตเรียบง่าย ทว่ามั่งคั่งเปี่ยมล้นยิ่ง เต็มไปด้วยความสูงส่ง ทั้งยังเต็มไป ด้วยความบริสุทธิ์อ่อนเยาว์อีกด้วย ภาพนี้บริสุทธิ์อย่างยิ่งและเยือกเย็น อย่างล้นเหลือ ในขณะเดียวกัน เรายังรู้สึกเต็มเปี่ยมเพียงแค่ได้คิดถึงมหา บุรุษเยี่ยงนี้ นี่คือภาพลักษณ์แห่งกริยาโยคยาน อันเป็นปฐมยานแห่งตันตระ


ดังที่ข้าพเจ้าได้บรรยายให้เห็นถึงมหาไวจนพุทธ ซึ่งดูเหมือนจะทรงสถิต อยู่จริงในจิตใจของเรา เรื่องดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จริง อาจมียุพราชอายุ แปดชันษาประทับนั่งอย่างสง่างามอยู่บนบัลลังก์จันทร์ พระองค์ถือกำเนิด ขึ้นมาจากพีชมนตร์


หลักการพื้นฐานของกริยาโยคะก็คือความสะอาดบริสุทธิ์ คือความผ่อง แผ้วนิรมล ครั้นเมื่อผู้ปฏิบัติได้ค้นพบถึงหลักการแปรเปลี่ยนพลัง ได้ ค้นพบถึงความปีติอย่างทั่วถ้วนแล้ว กริยาโยคะยานกล่าวว่าหามีที่ว่าง ใดสำหรับมลทินหรือความมืดดำไม่ ด้วยเหตุที่ว่าบัดนี้มิได้มีความสงสัย ใด ๆ หลงเหลืออยู่ เพราะในท้ายที่สุด เราก็สามารถกระทำให้ตถาคต ครรภ์หรือธรรมชาติแห่งพุทธะปรากฏขึ้น เราได้เพ่งนิมิตและกระทำให้ ปรากฏ ได้หล่อหลอมหลักการสีขาวอันงดงามและบริสุทธิ์ไร้มลทิน ขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งจากแง่มุมของกริยาโยคะตันตระ ด้วย เหตุที่ธาตุมูลอันแปดเปื้อนสับสน หนาหนัก และหยาบกระด้างแห่ง การดิ้นรนอยู่ในวัฎสังสารได้ห่างหายไปไกลแล้วจากตัวเรา ในที่สุดเรา จึงสามารถเข้ารวมกับสิ่งอันสมบูรณ์และสะอาดพิสุทธิ์ได้ นี่เป็นสิ่งอัน นิรมลอย่างยิ่งยวด
 
 
และที่น่าสนใจยิ่งก็คือ ผลจากการนี้จะไม่อนุญาติให้เราแปรเปลี่ยนนิมิต ของเราให้กลายเป็นศิลปะร่วมสมัย การเพ่งนิมิตเยี่ยงนี้ต่างไปจาก ( ตัว อย่างเช่น ) การขโมยป้ายชื่อถนนในกรุงปารีสนำกลับไปยังอเมริกาเอาไป แปะไว้บนผนังห้อง ป้ายนั้นจะบอกว่า " ถนนรูว์โรยัล " หรืออะไรทำนอง นั้น แต่การกระทำดังนั้นออกจะหยาบกระด้างผิวเผินไปสักหน่อย


ดังนั้นขั้นตอนแรกแห่งการฝึกฝนตันตระ จึงต้องเต็มไปด้วยศิลปะ ต้อง ชัดเจนเที่ยงตรงและบริสุทธิ์สะอาดอย่างที่สุด ซึ่งในบางแง่มุมเราอาจ กล่าวได้ว่ากริยาโยคตันตระอาจเทียบเคียงได้กับมรรควิธีอันแพรวพราย ของโยคาจารย์ ซึ่งเต็มไปด้วยการชื่นชมในความบริสุทธิ์สะอาด
 
 
มีอยู่ปัญหาหนึ่งซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อเราพยายามเข้าตันตระนั่นก็คือแม้ เราจะยอมรับสังสารในฐานะที่เป็นพื้นฐานให้กระทำการ แต่เราก็ยังถือ มันเป็นศิลปะร่วมสมัยอยู่ดี ความหยาบกระด้างของมันคือความสนุก เพลิดเพลินของเรา ดังเช่นเรื่องกามารมณ์หรือความรุนแรง หรือธาตุ มูลตันตระอื่น ๆ ที่เราอยากจะพูดถึงทัศนคติดโดยทั่ว ๆ ไปที่เราต่อมุม มองของตันตระในเรื่องกามารมณ์ ความรุนแรง และอวิชชา ก็คือการ ยอมรับถึงความหยาบกระด้างเหล่านั้นว่าเป็นเรื่องตลกอย่างใหญ่หลวง เป็นเรื่องน่าขัน


นี่คือประเด็นพื้นฐานที่เราจะต้องทำความเข้าใจโดยอาศัยแบบแผนแห่ง กริยาโยคตันตระ ตันตระมิได้เริ่มด้วยความคิดที่ว่าเราจะต้องอยู่กับความ ตายและใช้มันอย่างดีที่สุด ทว่าตันตระคือหลักธรรมอันลี้ลับที่เก็บงำอยู่ ในตนเอง ดังนั้นเองเหล่าตันตราจารย์จึงมิได้ไร้หวังถึงขั้นที่ต้องมาคอย โต้แย้งเราด้วยความคิดทำนองว่า เราจะต้องถือว่าความสับสนทั้งมวล ของเรานั้นเป็นสิ่งเข้าท่าและใช้การได้ ตันตระมิได้บอกให้เรากลบเกลื่อน กองขี้ของเราโดยพาลคิดไปว่าเป็นพื้นดินอันสะอาดสะอ้านที่เรานั่งอยู่ ดูเหมือนจะมีการมองตันตระอย่างผิด ๆ ว่ามันเป็นแนวทางที่ก่อกำเนิด ขึ้นมาจากความจำยอมสิ้นหวัง ด้วยเหตุที่เราไม่อาจจัดการกับเรื่องเลว ร้ายหรือกองอาจมที่มีอยู่ ดังนั้นตันตระจึงเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ อาจม ก็กลับกลายเป็นภาพศิลป์ เป็นศิลปะร่วมสมัยไปและในที่สุด ตันตระ ก็กลายเป็นความชอบธรรมที่เราจะใช้จัดการกับมัน


แนวทางเช่นนี้รังแต่จะก่อให้เกิดปัญหาอย่างใหม่ขึ้น ถ้าหากว่าตันตระ เป็นเพียงความปรารถนาที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านั้นโดยมองไม่เห็น ถึงความสะอาดบริสุทธิ์ที่มีอยู่ของมัน เมื่อนั้นตันตระเป็นเช่นนี้อยู่ เขาพา กันคิดว่าบทบาทของตันตระคือการยอมรับความเงอะงะหยาบกระด้าง เข้ามาในปริมณฑลทางธรรมอย่างชอบธรรมและเต็มตัว ด้วยข้ออ้างแห่ง ตันตระ เราจึงอาจหยาบกระด้างและสกปรก อันที่จริงแล้วเราอาจจะ กระโจนลงสู่ตันตระโดยการทำตัวให้หยาบคายและสกปรก แถมยังภาค ภูมิใจด้วยซ้ำ ครั้นแล้วเราก็อาจเถิดเทิงเอากับปรีชาญาณบ้าได้


อย่างไรก็ตาม ดุจดังที่เหล่าพระโพธิสัตว์และบรรดาผู้ก้าวเดินไปบน มรรคโพธิสัตว์ล้วนเป็นสัตบุรุษ เหล่าโยคีก็ล้วนเป็นสัตบุรุษที่ยอดเยี่ยม ท่านเหล่านี้ไม่อาจถือเป็นพวกบ้าหรือขยะสังคมแต่อย่างใด


เรายังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเพ่งนิมิตและอรูปฌานในการปฏิบัติสมาธิ แบบตันตระ อันควรที่เราจะได้พิจารณาตั้งแต่ต้นในที่นี้ การเพ่งนิมิตใน ตันตระมิใช่เรื่องการนึกจินตนาการให้เป็นรูปเป็นร่างหรือเป็นกสิณใด ๆ ทั้งผู้ปฏิบัติยังต้องชัดเจนว่าตนกำลังปฏิบัติอยู่ในยานใด ว่าเป็นกริยาโยค ยานหรืออุปโยคยาน เป็นโยคยานหรือมหาโยคยาน หรือเป็นยานอื่น ๆ เพราะแต่ละยานต่างก็มีแนวทัศน์และพื้นฐานความเข้าใจอันเหมาะสม รองรับอยู่ การเพ่งนิมิตของผู้ปฏิบัติจะต้องเป็นไปตามลำดับขั้นเป็นกระ บวนการวิวัฒน์ ( ขณะที่ผ่านพ้นจากยานหนึ่งไปสู่อีกยานหนึ่ง )


ก่อนที่เราจะพูดกันถึงการเพ่งนิมิตในกริยาโยคยานตันตระ ข้าพเจ้าคง ต้องอีกครั้งว่าผู้ปฏิบัติในกริยาโยคยานจะต้องเกิดสัมมาทิฏฐิตระหนักรู้ ในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อันอยู่ในระดับของสาวกยานเสียก่อน ทั้งยัง จะต้องเข้าใจถึงเรื่องอัตตาจากญาณทัศน์แห่งปัจเจกพุทธยาน ทั้งผู้ปฏิบัติ กริยาโยคยานยังจะต้องเข้าใจถึงหลักการแห่งสุญตาและบารมีทั้งหกอีก ด้วย ทว่ามิได้คาดหวังว่าจะต้องแตกฉานเชี่ยวชาญและสมบูรณ์หมดจด ในแต่ละขั้นตอน แต่อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะได้หยั่งเห็นถึงสิ่งเหล่านี้บ้าง แม้เพียงน้อยหนึ่งก็ยังดี ผู้ปฏิบัติจะต้องปฏิบัติมาตามลำดับขั้นก่อนที่จะ เดินไปบนตันตระมรรค นี้เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างที่สุด


มีอาจารย์ในนิกาย ยิงมา ท่านหนึ่งได้เปรียบเปรยการเพ่งนิมิตแบบตันตระ ว่าเป็นเหมือนกับการนอนอยู่กับนางเสือที่ตั้งครรภ์ มันอาจจะเกิดหิวขึ้นมา กลางดึกและขย้ำกินคุณเสีย หรือไม่มันก็อาจเคล้าเคลียให้คุณรู้สึกอบอุ่น นุ่มสบาย ในคัมภีร์ วัชรมล ซึ่งเป็นคัมภีร์ของกริยาโยคตันตระ ได้กล่าว ถึงผู้ที่เกิดมิจฉาทิฏฐิเกี่ยวกับการเพ่งนิมิตว่า แทนที่จะบรรลุถึงวัชรสัตว์ กลับเข้าถึงรุทรอันเป็นอัตตาในขั้นสูงสุด กลับไพล่ไปกลายเป็นพญาลิง กลายเป็นจอมอสูรไปเสียได้


มีคัมภีร์ทางฝ่ายตันตระเป็นอันมากที่ได้เตือนเราถึงข้อแตกต่างระหว่าง มิจฉาทิฏฐิกับสัมมาทิฏฐิในการปฏิบัติเพ่งนิมิต ในแนวทางของมิจฉา ทิฏฐิ การเพ่งนิมิตถูกถือเป็นแค่อารมณ์กสินเท่านั้น คุณเพียงแต่สร้าง มโนภาพขึ้นมาจากความนึกคิด ระหว่างการปฏิบัติสมาธิ คุณอาจจะ เกิดจินตนาการทางเพศต่าง ๆ นานาขึ้น และเกิดอยากจะติดตามไปโดย ละเอียดทุกขั้นตอน ขั้นที่หนึ่ง ขั้นที่สอง ขั้นที่สาม ขั้นที่สี่ ขั้นที่ห้า พยายามจะนึกคิดให้เห็นโดยพิศดาร สิ่งเดียวกันนี้ก็อาจอุบัติขึ้นในการ เพ่งนิมิตแบบตันตระ แม้ว่าคุณจะเพ่งมหาไวโรจนะอันเรียบง่ายอยู่ องค์ดรุณผู้ประทับนั่งบนบัลลังก์จันทรา แต่ก็อาจเกิดปัญหาในทำนอง เดียวกันขึ้นมาได้ คุณอาจเพียงแค่สร้างมโนภาพของตนเองขึ้น ซึ่งผล สุดท้ายทำให้กลายเป็นพญาลิงไป คุณอาจบอกว่า " ฉันคือมหาไวโรจนะ ฉันได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ดังนั้นฉันจึงอาจกลายเป็นพระองค์ " คุณถือคติว่า " ฉันเป็นดังที่เป็น " เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างสัตว์อันป่า เถื่อน เป็นจอมอัตตา เป็นลิงกอริลล่ายักษ์


การเพ่งนิมิตนั้นจะต้องได้รับแรงดลจากความไร้หวังหรืออนัตตา ซึ่ง นับเป็นสิ่งเดียวกัน คุณไม่อาจต่อต้านขัดขืนตัวเองหรือแม้แต่เพื่อน ๆ ได้ คุณจะเต็มไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวังจากการต้องสูญเสียอาณาเขต ของตัวตนไป พรมที่อยู่ใต้เท้าของคุณถูกกระชากออกไป คุณจะถูก แขวนลอยค้างเติ่งอยู่ คุณยังมีความเข้าใจถึงอนัตตา อนิจจัง และอื่น ๆ ทั้งยังเข้าใจถึงภาวะอันไม่แบ่งแยกด้วย ขอบเขตระหว่างตัวคุณกับผู้อื่น หาได้มีอยู่ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้อย่างหมดจดบริบูรณ์ อยู่ตลอดเวลา ทว่าอย่างน้อยที่สุดก็ควรจะได้หยั่งเห็นมันชั่วแวบ เพื่อ ว่าคุณจะได้ฉานฉายการไม่มีอยู่ สุญตา และอนัตตาออกมา เพื่อว่าจะได้ สามารถเพ่งนิมิต นี่เป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5068


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2554 10:08:37 »




ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งที่หลักธรรมคำสอนแห่งวัชรยานได้เผยแผ่ มาสู่ธิเบต ได้เน้นอย่างยิ่งในหลักคำสอนเรื่องการยอมศิโรราบ ท่าน อตีศะ ทีปังกระ คุรุชาวอินเดียผู้สถาปนารากฐานแห่งพุทธศาสนาขึ้น ในธิเบต เป็นที่รู้จักกันในฐานะของคุรุผู้เป็นสรณะ ด้วยเหตุที่ท่านได้ เน้นอย่างที่สุดถึงเรื่องการยอมศิโรราบ การให้ การเปิดออก และการ เลิกละซึ่งการติดยึด


การรับเอาทัศนะเรื่องของการยอมศิโรราบดังกล่าว ก่อนที่เราจะเริ่ม เพ่งนิมิต เราจะต้องทำให้ความคิดฟุ้งซ่านทั้งมวลเหือดแห้งลงเสียก่อน หรืออย่างน้อยก็จัดการมันสักส่วนหนึ่ง นี่มิได้หมายความว่าเราจำเป็น จะต้องเข้าถึงสภาวจิตอันปราศจากความคิดฟุ้งซ่านโดยสิ้นเชิง แต่ อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรจะพยายามจัดการกับมัน วิธีการที่ใช้กันอยู่ก็คือ อานาปานสติ ในภาษาบาลี หรือที่เรียกว่า สติปัฏฐาน ในสันสกฤต ซึ่งก็คือการฝึกสติโดยการกำหนดลมหายใจ การพัฒนาสติสัมปชัญญะ ดังกล่าวก็คือ ชิ - เน และ ลักทอง ในภาษาธิเบต ( สมถะและวิปัสสนา ในภาษาสันสกฤต ) รวมทั้ง เทรนปา เยวาร์ จ็อกปา เหล่านี้ล้วนสำคัญ ยิ่ง หากปราศจากสัมปชัญญะกำหนดรู้เพื่อผ่อนพักหัวใจตนแล้วไซร้ อันได้แก่ เทรนปา เยวาร์ จ็อกปา เทรนปา มีความหมายว่า " อนุสติ " หรือ " การกำหนดรู้ " ส่วนเยวาร์ จ็อกปา หมายความว่า " การจดจ่อ อย่างสมบูณ์ " หากปราศจากสิ่งนี้ก็ไม่มีทางเลยที่จะเริ่มปฏิบัติตามแนว ทางการเพ่งนิมิตของตันตระได้


การได้ผ่านพื้นฐานดังกล่าวมาทำให้เราตระหนักได้ว่าเหตุใดกริยาโยค ตันตระจึงต้องเน้นที่ความสะอาดบริสุทธิ์ ความหมดจดไร้มลทินแห่ง นิมิตมหาไวโรจนะ อันก่อเกิดจากพีชมนตร์และทรงทับนั่งอยู่บนบัลลังก์ จันทรา ยิ่งเป็นภาพนิมิตอันลึกซึ้งตราตรึงยิ่ง องค์สัมโภคกายพุทธทรง งดงามเป็นอย่างยิ่งด้วยเหตุที่คุณปราศจากอคติใด ๆ สิ่งนั้นก็จะสำแดง ออกอย่างบรรเจิดยิ่ง มันคือความบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรืออาจกล่าว ได้ว่าเป็นนิรมล นี่คือความบริสุทธิ์ที่ไม่จำต้องชำระล้างใด ๆ ไม่จำเป็น ต้องผ่านเครื่องซักผ้า


ถ้าหากคุณพยายามที่จะใช้น้ำยาขัดคราบสกปรกมาขัดภาพของคุณให้ กลับเป็นเงาวาววับ นั่นเท่ากับทำให้มันยิ่งสกปรกเลอะเทอะความบริสุทธิ์ สะอาดของญาณทัศน์แห่งตันตระเป็นสิ่งจริงแท้อย่างยิ่ง ผู้เพ่งนิมิตไม่ จำเป็นจะต้องถามตนเองเลยว่า " ฉันแค่จินตนาการถึงสิ่งนี้หรือว่ามันเกิด ขึ้นจริง " คำถามเช่นนั้นไม่อาจใช้การได้อีกต่อไป



ผู้คนที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กคงจะนึกภาพรถแท็กซี่สีเหลืองหรือรถตำรวจ ได้อย่างแจ่มชัด แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายทอดสิ่งนี้ให้แก่ชาวทิเบตซึ่ง อาศัยอยู่ในทิเบต ผู้ไม่เคยได้พบเห็นหรือเคยได้อยู่ในนิวยอร์ก ถ้าหาก คุณอยากจะให้คนทิเบตนึกเห็นภาพนิวยอร์ก คุณก็คงจะต้องกล่าวว่า " นิวยอร์กเป็นอย่างนี้ เต็มไปด้วยถนน มีตึกระฟ้า มีรถแท็กซี่คันสีเหลือง ๆ ลองนึกภาพดู และจินตนาการว่าท่านอยู่ในนั้น " คุณอาจอธิบายอย่าง ละเอียดลออ กระนั้นก็ตามคนทิเบตก็คงจะนึกเห็นภาพได้โดยยาก และ ยิ่งให้กว่าตนอยู่ในเมืองนิวยอร์กด้วยแล้ว ก็คงจะยากเย็นแสนเข็ญทีเดียว และในขณะเดียวกัน เขาก็คงจะรู้สึกว่านิวยอร์กเป็นเหมือนกับดินแดน สนธยาอันเต็มไปด้วยภาพฝันนานา
 
 
 
การสอนชาวอเมริกันให้แลเห็นภาพนิมิตมหาไวโรจนะ ก็คงเหมือนกับ สอนชาวทิเบตให้นึกถึงภาพมหานครนิวยอร์ก ด้วยเหตุที่เขาไม่เคยได้ ผ่านพบประสบการณ์ดังกล่าวมาเลย ดังนั้นคุณอาจถามว่าเราจะทำดังนั้น ได้อย่างไร เราทำดังนั้นได้ก็โดยอาศัยการปฏิบัติในขั้นตอนทั้งสาม อัน ได้แก่ หีนยาน มหายาน และวัชรยานหรือตันตระ มีการปฏิบัติ เทรนปา เยวาร์ จ็อกปา หรืออนุสติของหีนยาน มีหลักสุญตธรรมและกรุณาบารมี ของโพธิสัตว์ สิ่งเหล่านี้เราจะต้องผ่านการปฏิบัติมาแล้ว เมื่อนั้นคุณจึง อาจประจักษ์ได้ถึงความบริสุทธิ์สะอาดไร้ราคีขององค์มหาไวโรจพุทธได้



การเพ่งนิมิตเป็นหนึ่งในการปฏิบัติรากฐาน ที่ว่าเป็นรากฐานเพราะเหตุว่า ในการเพ่งนิมิตนั้นคุณได้เชื่อมโยงตัวเองเข้ากับเหรุกหรือสัมโภคกายพุทธ นี่ก่อให้เกิดความมั่นอกมั่นใจในความภาคภูมิแห่งวัชระขึ้นมา ความภาคภูมิ แห่งวัชระนี้มิใช่ความภาคภูมิใจอย่างโง่เขลา ทว่าคือความภาคภูมิอันเป็น อริยะ คุณมีศักยภาพที่จะเป็นดุจดังภาพในนิมิต คุณเป็นหนึ่งในบรรดาภาพ เหล่านั้นแล้ว นี่มิใช่ว่าจะมีอำนาจวิเศษอยู่ในการเพ่งนิมิตก็หาไม่ ทว่าอำนาจ วิเศษนั้นดำรงอยู่ในความภาคภูมิหรือแรงบันดาลใจของคุณนั่นเอง คุณคือ องค์มหาไวโรจนะอันบริสุทธิ์นิรมล ดังนั้นเองคุณจึงอาจเชื่อมโยงเข้ากับ ความพิสุทธิ์ล้ำภายในตนเองยิ่งกว่าเทพหรือองค์พุทธะที่อยู่ภายนอก ผู้ซึ่ง บริสุทธิ์สูงส่งและมาสู่คุณดุจดังอีกตัวตนหนึ่งที่ดำรงอยู่ภายนอกอันแยกต่าง หากจากตัวคุณ คุณได้ปลุกตนเองให้ตื่นขึ้นเมื่อความบริสุทธิ์รากฐานได้ถูก ปลุกขึ้นมา



ประเด็นหลักของตันตระก็คือมันมิใช่ตำนานเพ้อฝันหรือเวทมนตร์ ทว่าตัน ตระคือกระบวนการวิวัฒน์อันสูงสุดเท่าที่มีอยู่ ซึ่งหลักการและเหตุผลของ มันทอดยาวอยู่ในทุกย่างก้าวที่คุณได้ผ่านพ้นมา นี่เป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง


ในกริยาโยคยานตันตระนั้นได้เน้นเป็นอย่างยิ่งถึงความสำคัญของการเพ่ง นิมิต รวมถึงการปฏิบัติมุทรา หรือท่ามือแบบต่าง ๆ การกระทำมุทราคือ ความพยายามที่จะเป็นหนึ่ง เป็นดุจดั่งองค์พุทธะเหล่านั้น ที่จริงมิใช่พยา ยามเป็น แต่นึกเอาว่าเป็นหนึ่งในบรรดาพระพุทธเจ้าเหล่านั้นเลยทีเดียว
 
 
 
ความภาคภูมิแห่งวัชระในภาษาทิเบตคือ ลายี งาเกียล ลา หมายถึง " เทพ " ส่วน งาเกียล หมายถึง " ความภาคภูมิ " ความหมายก็คือจะต้องสร้างเสริม ความภาคภูมิแห่งความเป็นพุทธะขึ้นมา ซึ่งแท้จริงแล้วคุณก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่างไม่มีข้อสงสัย


ับแต่แรกเริ่มมาแล้วที่คุณคือเทพ คุณคือพุทธะอย่างไม่มีข้อกังขา แต่ก่อน ที่คุณจะเสริมสร้างความภาคภูมิชนิดนี้ขึ้นมาได้ ก็อาจมีปัญหาอยู่บ้าง ถ้า หากคุณมิได้คิดว่าคุณเป็นหนึ่งในนั้น คุณก็อาจคิดว่า " ฉันควรจะคิดว่าฉัน คือเทพ คือมหาไวโรจนพุทธ ฉันควรจะคิดเยี่ยงนั้น นี่คืออุดมคติของฉัน นี่คือแนวทางที่ฉันได้รับมา ดังนั้นฉันจึงควรจะพยายามกระทำตามนี้ " แนว ทางเยี่ยงนี้ถือได้ว่าขลาดเขลา มันดูแบนราบเกินไป


การที่จะเสริมสร้างความภาคภูมิแห่งวัชระขึ้นมา เราจำเป็นต้องตระหนัก ให้ได้ถึงความทุกข์ ความทุกข์แห่งวัชระซึ่งนับรวมอยู่ด้วยเป็นความทุกข์ แห่งสังสารวัฎ เป็นความทุกข์อันหนักหน่วงซึ่งนับรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ดัง นั้นเองความภาคภูมิเช่นนี้จึงมีความหนักแน่นพอที่จะให้ภาคภูมิได้


ในกริยาโยคตันตระ เน้นถึงความสำคัญของความบริสุทธิ์ไร้มลทินสิ่ง ต่าง ๆ ย่อมบริสุทธิ์ไร้ราคีอยู่โดยพื้นฐาน ด้วยเหตุที่ไม่มีที่ทางใด ๆ เหลือ อยู่สำหรับความสงสัย ในขณะเดียวกัน จากทัศนะแห่งมหามุทราย่อม มองดูโลกแห่งปรากฏการณ์อย่างหลากล้นไปด้วยสีสัน และงดงามคม ชัดอย่างที่มันเป็น โดยปราศจากปัญหาใด ๆ คุณอาจแลเห็นสิ่งต่าง ๆ ดังนั้นด้วยเหตุที่คุณได้ตัดผ่านความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา หรือผู้เฝ้ามอง รวม ถึงความรู้สึกที่ว่าเป็นตัวเขาหรือผู้ถูกรับรู้ ดังนั้นจึงไม่มีข้ออ้างเลยว่า เหตุใดคุณจึงไม่อาจรรับมือกับทุกสถาการณ์ได้ มันกระจ่างชัดมากเท่าที่ จะสามารถเป็นไปได้ - เป็นดังที่มันเป็น


มีประเด็นพื้นฐานประการหนึ่งซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจ นั่นคือตัน ตระหาใช่ศิลปะร่วมสมัยไม่ มันเป็นสิ่งที่ชัดเจนกระจ่างแจ้งยิ่ง ผู้ปฏิบัติ ตันตระย่อมเป็นพลเมืองดีมิใช่นนักก่อกวนหรือคนขวางโลก ผู้ปฏิบัติ ตันตระคือพลเมืองที่แท้จริงซึ่งรู้ ( ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ) เขาคือช่างผู้ สามารถในอู่รถ ซึ่งรู้อย่างถี่ถ้วนว่าเครื่องยนต์ทำงานเยี่ยงไร เขามีจิตใจ ที่หมดจดคมชัด ผู้ปฏิบัติตันตระคือจิตรกรฝีมือเยี่ยมซึ่งเขียนรูปชั้นยอด เขามิได้พยายามจะเป็นปฏิปักษ์กับคุณ ผู้ปฏิบัติตันตระเป็นคู่รักที่ดี ซึ่งมิ ได้พยายามที่จะเอารัดเอาเปรียบคนรัก ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังหรืออารมณ์ ความรู้สึก ทว่ากลับร่วมรักอย่างชัดเจนหมดจด ผู้ปฏิบัติตันตระเป็นนัก ดนตรีที่ดี ซึ่งมิได้เที่ยวไปเปะปะวุ่นวายที่โน่นที่นี่ ทว่ากลับสร้างสรรค์ บทเพลงอย่างไพเราะเสนาะ อย่างแจ่มชัดดังที่ควรจะเป็น ผู้ปฏิบัติตัน ตระคือกวีผู้เปี่ยมสุนทรีย์


ผู้ปฏิบัติตันตระล้วนอยู่ในโลก ทว่าดำรงอยู่ในโลกด้วยอาการอันผิด แผกแตกต่างต่างจากการเป็นคนปากมากที่เที่ยววิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นโดย กระทำชั่วเสียเอง ซึ่งนั่นดูจะเป็นปัญหาอย่างใหญ่สำหรับพวกศิลปิน กบฏ คนพวกนี้ชอบวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นอย่างสาดเสียเทเสีย ทว่ากลับ สกปรกและหยาบคายเสียเอง แถมยังหลงภูมิใจอย่างผิด ๆ อีกด้วย ผู้ คนพากันเคารพยกย่องคนเหล่านี้ เพราะเหตุที่คำวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง ความดีงามของเขารุนแรงมาก จนกระทั่งไม่มีใครหาญกล้าไปท้าทาย หรือไม่ก็ปิดช่องทางโต้เถียงท้าทายเสียสิ้น ดังนั้นผู้คน ( จึงมักจะประ ทับใจ ) และพากันกล่าวว่า " สิ่งที่ท่านพูดก็ถูกอยู่ ดีแล้ว ขอเชิญเข้ามา อยู่ในสังคมของเรา ท่านดูทรงพลังมาก ท่านสกปรกมากพอและเราก็ ยอมรับ เรารู้สึกภูมิใจในความสกปรกของท่าน เราจะทำโปสเตอร์รูป ท่าน จงอย่าได้ล้างหน้า เราจะปิดโปสเตอร์นั้น ' ดังที่ท่านเป็น ' เรา จะปิดโปสเตอร์นั้นและภูมิใจกับมัน "


แต่แนวทางของตันตระกลับผิดแผกแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง มันมิได้เลื่อน เปื้อนดังที่คุณคิด ทว่ากลับสะอาด หมดจด บริสุทธิ์ไร้ราคี และกระจ่าง ชัดยิ่ง เป็นหนทางที่ชัดเจนกระจ่างแจ้งอย่างที่สุด
 
 
และนี่คือการแนะนำตันตระให้ท่านได้รู้จัก
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5068


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2554 10:09:24 »




ศิษย์ : ท่านได้พูดถึงเรื่องความเข้มข้นบริสุทธิ์ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาจากการ ปราศจากอคติ ทว่าการเพ่งนิมิตที่ท่านได้กล่าวถึง ดูเหมือนจะมีธาตุมูล ทางวัฒนธรรมผสมผสานอยู่ด้วย เมื่อข้าพเจ้าได้รับฟังสิ่งที่ท่านบรรยายก็ รู้สึกว่าดีมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีความเป็นทิเบตหรือพิธีกรรมแบบพุทธผสม ผสานอยู่ด้วย เป็นไปได้ไหมว่าภาพนิมิตเหล่านี้จะผุดขึ้นมาอย่างเป็นธรรม ชาติภายในตัวโดยปราศจากอคติใด ๆ ถ้าหากว่าข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินท่าน บรรยายถึงภาพลักษณ์ใด ๆ มาก่อน


ตรุงปะ : ภาพพระบฏของตันตระนั้น ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ( ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่คุณจะต้องสร้างขึ้นมาอีก ) และคุณจะเป็นการง่าย สำหรับเราที่จะเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับภาพตันตระเหล่านั้น โดยเฉพาะกับ เหล่าเทพสันติ ด้วยเหตุที่มันได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากวัฒนธรรมสายอินโด - ยุโรเปียน มันจึงมิใช่ภาพลักษณ์แบบอินเดียหรือยุโรปโดยเฉพาะเจาะจง ทว่าเป็นภาพลักษณ์แบบคลาสสิกจากยุคทองของตะวันออกกลาง ซึ่ง วัฒนธรรมตะวันตกส่วนหนึ่งได้ถือกำเนิดจากที่นั่นด้วย


อย่างไรก็ดี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีภาพลักษณ์อันสมบูรณ์หมดจดเพื่อ ที่คุณจะได้มีภาพนิมิตอันบริสุทธิ์สะอาดและสมบูรณ์ไว้เพ่ง เมื่อได้เข้าสู่ ตันตระ ต่อมาภายหลัง คุณจึงจะได้พบเผชิญกับเทพพิโรธอันน่าสยดสยอง ทว่าในตอนเริ่มแรกคุณจะต้องตระหนักให้ได้ว่า คุณอาจบริสุทธิ์ได้เพียง ไหน ในการเพ่งนิมิต แม้จะหมายความว่าความคิดเรื่องบริสุทธิ์จะต้องได้ รับการชำระล้างเช่นกันเมื่อคุณเริ่มเพ่งนิมิต ความบริสุทธิ์เช่นนี้คืออุดมคติ ในสายธรรมแห่งตันตระนั้นเน้นถึงแรงดลของความบริสุทธิ์อันเป็นอุดมคติ คมชัดและสะอาดหมดจด ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะต้องมีคุณลักษณะอันสูงส่ง แห่งขัตติยะอยู่ด้วย นี่เองจึงเรียกขานว่าวัชรยานหรือยานเพชร เมื่อเทียบ กับมหายานซึ่งเป็แค่ยานใหญ่เท่านั้น


ศิษย์ : ท่านคิดว่าการเพ่งนิมิตเช่นนี้ถูกปลูกฝังขึ้นมาโดยแนวคิดแบบ พุทธหรือไม่ หรือว่าเป็นสิ่งซึ่อก่อกำเนิดขึ้นมาเอง


ตรุงปะ : ข้าพเจ้าคิดว่านนี่เป็นภาพลักษณ์อันเป็นสากล ภาพลักษณ์ซึ่ง คุณใช้เพ่งอยู่นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นสมบัติของทางตะวันออก มันไม่จำ เป็นต้องมีดวงตาหรี่ปรือเช่นนั้น เพียงแต่มีรูปลักษณ์แห่งขัตติยะอยู่ ซึ่ง จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับขัตติยราช อันที่จริง แล้วบางครั้งวัชรยานก็รู้จักกันในนามของราชยานอีกด้วย


ศิษย์ : นี่ดูเหมือนกับภาพลักษณ์ของพวกซามูไรซึ่งปรากฏอยู่ในภาพ ยนตร์ พวกซามูไรนี้ดูจะแต่งเนื้อแต่งตัวสะอาดเอื่ยมและหมดจดสำ รวมอยู่ตลอดเวลาในทุกสถานการณ์
 
 
ตรุงปะ : ใช่ ข้าพเจ้าก็คิดเช่นนั้น ดูเหมือนว่าถ้าพวกเขาจะไร้เมตตา ก็ไม่เป็นไร แต่จะต้องสะอาดและคมชัด สิ่งที่น่าสนใจยิ่งเวลาเฝ้าดู ภาพยนตร์ซามูไรก็คือเวลาที่เขาเช็ดเลือดออกจากดาบ นั่นเป็นท่วงท่า ที่งดงามมาก ดุจดังว่านี่เป็นงานศิลปะยิ่งกว่าที่จะเป็นกองเลือดบน บันไดที่จะต้องเช็ดถูชำระล้าง


ศิษย์ : อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างความภาคภูมิแห่งวัชระและ อติมานะแห่งรุทร
 
 
ตรุงปะ : แตกต่างกันอยู่ตรงแก่รากเลยทีเดียว อติมานะแห่งรุทรขึ้นอยู่ กับความพยายามที่จะครอบงำผู้อื่น ทว่าความภาคภูมิแห่งวัชระนั้นคือ ความภาคภูมิแห่งตนเองโดยมิได้สนใจกับผลของมัน ไม่มีความปรารถนา ที่จะพิชิตเอาชัยอยู่ เพียงแค่เป็นตัวเองก็คือความภาคภูมิ แต่ในกรณีของ รุทรนั้นนั้นมีเรื่องของอาณาเขตรวมอยู่ด้วย ดุจดังว่าคุณคือราชันผู้พยายาม จะแผ่อำนาจครอบครองดินแดนข้างเคียง แต่ถ้าหากว่าคุณได้กลายเป็น จอมจักรพรรดิ์ไปแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปรบพุ่งแย่งชิงดินแดนของ ใครอีก การเป็นตัวเองก็คือการเป็นจักรพรรดิ์ และคุณก็อาจภาคภูมิใน การเป็นดังนั้น
 
 
ศิษย์ : ถ้าดังนั้น ความภาคภูมิแห่งวัชระก็เป็นยิ่งกว่าท่าทีทัศนะ


ตรุงปะ : มันเป็นยิ่งกว่านั้นแน่นอน มันยังผสานรวมอยู่ด้วยอารมณ์ ความรู้สึกและแรงดล คุณรู้สึกว่าตนคือผู้พิชิตแห่งจักรวาล ซึ่งตาม เหตุผลแล้วคุณก็เป็นดังนั้น ด้วยไม่มีโลกอื่นใดอาจมาแก่งแย่งแข่ง ขันกับคุณได้ และด้วยอาศัยแรงดลเยี่ยงนี้เอง ทำไมจะไม่สามารถ เป็นได้เล่า


ศิษย์ : หมายความว่าเป็นสิ่งที่จะอุบัติขึ้นกับเรา แทนที่จะเป็นสิ่งที่เรา สามารถสร้างขึ้นได้


ตรุงปะ : คุณอาจใช้การเพ่งนิมิตนี้เป็นเครื่องมือเพื่อก่อให้เกิดความรู้ สึกที่ว่าคุณคือองค์ราชัน การเพ่งนิมิตองค์สัมโภคกายพุทธะทั้งมวล เกี่ยวพันกับราชันทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าเหล่านั้นล้วนสวมมงกุฏและทรง เครื่องกษัตริย์ คุณกำลังพยายามที่จะเทียบเคียงกับกษัตริย์ คุณคือองค์ ราชันแห่งจักรวาลอยู่แล้ว ไม่มีการเพ่งภาพนิมิตที่เป็นรองไปกว่านี้ ข้าพเจ้าไม่อาจจินตนาการถึงสิ่งนั้นได้ บรรดาภาพนิมิตเหรุกทั้งมวล ล้วนรู้จักกันดีในนามของจอมราชัน



ศิษย์ : ฟังดูน่ากลัวมา
 
 

ตรุงปะ : ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวอยู่ว่าการเพ่งนิมิตอย่างผิด ๆ จะ นำคุณไปสู่ความเป็นรุทร คุณอาจกลับกลายเป็นจอมอัตตา นั่นเอง จึงกล่าวกันว่าการปฏิบัติตามแนวทางนี้มีอันตรายใหญ่หลวง ถ้าหาก คุณเกิดปฏิบัติผิดพลาดขึ้นมา คุณก็จะกลับกลายเป็นพญาวานรไปได้


ศิษย์ : ถ้าหากมันอันตรายมากถึงเพียงนั้น โดยคุณจะต้องผ่านการ ปฏิบัติในแนวทางหีนยานและมหายานก่อนที่จะเข้าสู่ตันตระ ถ้าเช่น นั้น เหตุใดเราจึงต้องมาพูดกันถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะแม้แต่ในการ บรรยายเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ข้าพเจ้าก็ยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ ท่านพูดแม้แต่น้อย ครั้นแล้วท่านกลับมาพูดถึงตันตระ แถมบอกอีก ว่ามันเป็นระเบิดปรมาณูทางจิตวิญญาณ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุ ใดในการแสดงธรรมจึงมุ่งไปในแนวทางนี้


ตรุงปะ : นี่เป็นคำถามที่ดีมาก ดีมาก ๆ ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ท่านหยิบ ยกประเด็นนี้ขึ้นมา มันเป็นอย่างนี้ สมมุติว่าข้าพเจ้าถูกลักพาตัวมา จากทิเบต ถูกปิดตาและจับตัวนั่งเครื่องบินมา หลังจากแก้ผ้าผูกตา ออกก็พบตัวเองมาอยู่ในเบอร์กเลย์ แคลิฟอร์เนีย แล้วก็มีผู้มาบอกว่า " นี่คือโลกของท่าน ท่านจะต้องอยู่ที่นี่ จงกระทำการร่วมกับโลก กระ ทำการร่วมกับผู้คนในฐานะกัลยาณมิตร " ข้าพเจ้าก็คงจะงงเป็นไก่ตา แตก ด้วยไม่รู้ว่าอเมริกาเป็นอย่างไร และคนอเมริกันเป็นเช่นไร ข้าพเจ้า คงจะตื่นตระหนก คงจะต้องเสียสติไปเป็นแม่นมั่น แต่ถ้าหากว่ามีผู้มา หาข้าพเจ้าในทิเบตและบอกว่า " ท่านกำลังจะไปอเมริกา นี่คือแผนที่ ของประเทศนี้ นี่คือขุนเขา นี่คือแม่น้ำ นี่คือบ้านเรือน นี่คือมหาคร นิวยอร์ก นั่นบอสตัน นั่นชิคาโก นั่นคือแอล.เอ และนั่นซานฟรานซิสโก ท่านกำลังจะไปยังซานฟรานซิสโก ซึ่งก็คือที่นี่ เป็นเมืองที่มีประชากร เท่านั้นเท่านี้ " ในกรณีนี้ ถ้าหากข้าพเจ้าขึ้นเครื่องบินมาลงที่สนามบินที่ สนามบินแห่งนี้ ข้าพเจ้าก็คงจะสามารถสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ได้

 
ศิษย์ : ถ้าเช่นนั้นความคิดที่ว่าคุณถูกผลักไสออกมาก็หาใช่การศึกษาที่ แท้จริงไม่ ...


ตรุงปะ : ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องของมุมมอง และการคำนึงถึงผลของการ ปฏิบัติ จุดมุ่งหมายของเราคือการกระทำการร่วมกับตันตระ ซึ่งเราจะต้อง กระทำอยู่แล้ว จุดมุ่งหมายของเราคือการกระทำการร่วมกับตันตระ ซึ่งเรา จะต้องกระทำอยู่แล้ว ทว่าการปฏิบัติสมาธิภาวนาที่แต่ละคนในกลุ่มกำลัง ปฏิบัติอยู่ ล้วนอยู่ในขั้นหีนยานทั้งสิ้น ทว่าก็ยังมีความเป็นไปว่าที่เรากำลัง ปฏิบัติอยู่ดีแล้ว ( และจะไม่ทำสิ่งอื่นอีก ) ความคิดเยี่ยงนี้ของแนวทางเซน ก็ดูจะเป็นปัญหาอยู่ คุณเพียงแต่นั่งลงและปฏิบัตินี่คือสิ่งเดียวเท่านั้น และ ผู้ปฏิบัติทุกคนล้วนเคร่งขรึมเอาจริงและดุร้าย แถมยังก้าวร้าวอีกด้วยเวลา บอกว่าไม่มีหนทางอื่นอีกนอกจากทางสายนี้เท่านั้น


ศิษย์ : รินโปเช เรามีโอกาสเลี่ยงหรือไม่ ในการที่จะไม่สัมพันธ์กับขั้น ตอนต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เหมือนกับการเหยียบเรือสองแคม โดยมีขาข้าง หนึ่งอยู่ในหีนยานและอีกข้างอยู่ในตันตระ ทำนองนั้น


ตรุงปะ : ข้าพเจ้าไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรก็ดี เราก็อาจรู้ได้ว่าอะไรจะเกิด ขึ้น เมื่อเรารุดหน้าไปบนหนทาง


ศิษย์ : ดูเหมือนแนวทางตันตระนี้จะทำให้ข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความถือ ดีอย่างผิด ๆ และหนุนส่งไปสู่สิ่งลวง ดังนั้นข้าพเจ้าจะคงอยู่สืบไปใน หีนยานได้อย่างไร


ตรุงปะ : ความทุกข์ในชีวิตของคุณเป็นสิ่งจริงยิ่งแล้ว มันจะคอยจัดการ กับคุณเอง คุณอาจจะอ้างว่าความทุกข์ของคุณอยู่ในระดับของหีนยาน และมันจะจัดการกับคุณ แต่เมื่อใดก็ตามที่ความทุกข์ได้ทบทวีขึ้นมาสู่ขั้น วัชรยาน นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราจะพูดกันต่อภายหลัง
 
 
ศิษย์ : ข้าพเจ้าไม่ค่อยเข้าใจชัดนักว่าการเพ่งนิมิตของตันตระจะเกี่ยวพัน อย่างไรกับสิ่งที่ท่านพูดว่าตันตระคือการกลับคืนไปสู่โลก กลับไปสู่พลัง แห่งวัฏสงสาร


ตรุงปะ : มันเกี่ยวพันอยู่กับแรงมุ่งหวังที่จะเป็นจอมราชัน เป็นผู้ปกครอง จักรวาล นี่มีทางเป็นไปได้ อย่างน้อยที่สุดคุณก็อาจเป็นผู้ปกครองในบ้าน ของตน การเพ่งนิมิตของตันตระคือการเพ่งให้เห็นตนเองเป็นประดุจราชัน ผู้ทรงอานุภาพ เป็นองค์สัมโภคกายพุทธ ทรงมงกุฏ ทรงคฑา นี่คือการ กลับคืนไปสู่วัฏสงสาร ทว่าเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจแห่งพระนิพพาน ความ คิดแต่แรกเริ่ม ( หีนยาน ) ก็คือการสละสิ้นทุกสิ่ง ไปเป็นวณิพกผู้ไม่ครอบ ครองสิ่งใด ควรหรือไม่ที่เราจะนึกภาพตนเองว่าเป็นขอทานสวมเสื้อผ้าขาด กะรุ่งกะริ่ง อดอยากผอมโซควรหรือไม่ที่เราพยายามบรรลุถึงความเป็น วณิพก หามิได้ ในตันตระกลับเป็นตรงกันข้าม คุณเปี่ยมล้น คุณคือกษัตริยา คุณสวมมงกุฎประดับประดาด้วยอัญมณี คุณถือคฑา เป็นผู้พิชิตจักรวาล ทั้งหมดจากมุมมองเยี่ยงนี้เอง เท่ากับว่าคุณได้ย้อนกลับคืนมาสู่วัฏสงสาร


ศิษย์ : ทว่าตัวการปฏิบัติเพ่งนิมิตนี้ดูเป็นโลกกุตระมาก มีข้อแตกต่าง อย่างใหญ่หลวงระหว่างการเพ่งนิมิตกับการได้เป็นกษัตริย์จริง ๆ


ตรุงปะ : การเพ่งนิมิตคือไส้กลางของแซนด์วิช กล่าวคือคุณเริ่มที่ อรูปฌาน และสิ้นสุดลงตรงอรูปฌาน และตรงระหว่างกลาง คุณมี การเพ่งนิมิตคั่นอยู่ ซึ่งการเพ่งนิมิตนี้ก็เช่นกันที่ถูกคุมอยู่ด้วยประ สบการณ์แห่งสุญตา ดังนั้นมันจึงแปรเปลี่ยนวัฎสงสารให้กลับกลาย เป็นวิมุตติแทนที่จะเป็นความวิปลาส


ศิษย์ : บางครั้งท่านพูดถึงสมาธิภาวนาว่าเป็นกระบวนการซึ่งงอกงาม ขึ้นมาเอง โดยเริ่มจากสมถภาวนา การเพ่งนิมิตเหล่านี้ก็คือกระบวน การต่อเนื่องมาจากสมถภาวนาในแง่ที่ว่ามันคลี่คลายงอกงามขึ้นด้วย ตัวมันเองใช่หรือไม่ หรือว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง คุณจะต้องรับคำสอน มาจากภายนอกโดยอาศัยคุรุ



ตรุงปะ : หากพิจารณาดูจากอรูปฌานอันเป็นพื้นฐานของคุณ สิ่งนี้ ย่อมเติบโตงอกงามขึ้นมาโดยธรรมชาติ ดังนั้นคุณจึงอาจบรรลุถึง การเพ่งนิมิตได้ด้วย เพียงแต่ว่าการเพ่งนิมิตเป็นอุบายอย่างใหม่ซึ่ง คุณรับมาใช้


ศิษย์ : ดังนั้น จึงถือว่ามันเป็นสิ่งที่รับมาจากภายนอกใช่หรือไม่

 
ตรุงปะ : ถูกแล้ว มันคล้ายกับเวลาที่อาจารย์คุณสั่งว่า " จงไปเก็บตัว ภาวนา " หรือ " จงไปหางานทำ " หรือ " จงไปแต่งงาน "
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5068


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2554 10:11:28 »





ศิษย์ : เมื่อคุณได้กลายเป็นตัวความภาคภูมิในการเพ่งนิมิต นี่จะเป็น ดังที่มีกล่าวอยู่ในหฤทัยสูตรว่า " ความว่างก็คือความว่าง " ใช่หรือไม่


ตรุงปะ : ใช่แล้ว ความว่างก็คือความว่าง ดังนั้นมันจึงมีรูปปรากฎขึ้น เป็นภาพลักษณ์ของยุพราชอายุแปดชันษา


ศิษย์ : มงกุฏ คฑา และสิ่งอื่น ๆ อันเป็นราชสัญลักษณ์เหล่านี้ หมาย แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสรรพสัตว์ใช่หรือไม่


ตรุงปะ : ถูกแล้ว นี่คือการแผ่ขยายออกตามแนวทางโพธิสัตว์ในฐานะ โพธิสัตว์ คุณจะต้องใส่ใจดูแลสรรพสัตว์ บัดนี้คุณได้เป็นผู้ปกครอง ของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ด้วยเหตุที่คุณไม่จำเป็นต้องระมัดระวังอีกต่อ ไป คุณรู้ดีว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ มาบัดนี้สิ่งที่คุณกำลังทำคือความรับ ผิดชอบอย่างใหญ่หลวง คือการจัดสรรโครงสร้างของพลังแห่งจักรวาล ดุจดังว่าคุณคือองค์ราชัน


ศิษย์ : ยังมีบางสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ท่านเพิ่งจะพูดว่าความปรารถนา ของเราคือการเป็นองค์ราชัน ทว่าก่อนหน้านี้ท่านเคยบอกว่าการพยา ยามยกตนเองขึ้นไปสู่การเป็นเทพนั้นนับเป็นสิ่งที่โง่และขลาดเขลายิ่ง ข้าพเจ้ายังมองไม่เห็นเลยว่าทั้งสองประการนี้จะประสานกันได้อย่างไร


ตรุงปะ : ประเด็นทั้งหมดอยู่ที่ว่า ถ้าหากคุณมิได้ผ่านการปฏิบัติสมาธิ ภาวนาว่าด้วยอนัตตาและสุญตามาอย่างหนักแน่นมั่นคงแล้ว ก็คงน่า สมเพชมากที่คุณพยายามจะแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ทั้ง ๆ ที่ไม่ สามารถ แต่ถ้าหากคุณได้ผ่านพื้นฐานการปฏิบัติว่าด้วยอนัตตาและการ กำหนดรู้ในอนิจจังทุกขังแล้วไซร้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยคำพูดใด ๆ เลย เพราะคุณได้เป็นเรียบร้อยแล้ว


ศิษย์ : ดูเหมือนจะมีเงื่อนไขทางวัฒนธรรมอยู่ในที่นี้ ดังเช่นการถูก อบรมเลี้ยงดูมาให้อมงทุกสิ่งทุกอย่างในมุมมองของประชาธิปไตย หรืออนาธิปไตย หรือแม้แต่สังคมนิยม
 
ศิษย์ : ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงว่าสิ่งที่เราอยากเป็นคือประธานาธิบดี
 
ศิษย์ : เราไม่อาจมองดูกษัตริย์ในแง่ดีได้
 
 
 
ตรุงปะ : นี่แหละคือปัญหา



ศิษย์ : ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าการเป็นกษัตริย์จะดีตรงใหน เหตุใดจึงต้อง เป็นอย่างนั้นด้วย



ตรุงปะ : คุณมีข้อเสนออื่นอีกไหม คุณไม่อยากจะควบคุมตัวเองได้หรือ เป็นเจ้าแห่งตนเอง นั่นคือทุกสิ่ง คุณอาจเพ่งนิมิตให้ตนเองเป็นเจ้าแห่ง ตน ไม่จำเป็นต้องเป็นราชันผู้ปกครองแว่นแคว้น ตัวคุณเองนั่นแหละคือ แว่นแคว้น ตัวคุณเองเองนั่นแหละคือแว่นแคว้น คุณคือองค์ราชัน มัน คือสิ่งเดียวกัน



ศิษย์ : ตามแนวทางนี้ ท่านเห็นว่าการเพ่งนิมิตแบบตันตระในอเมริกา จะแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ในทิเบตหรือไม่


ตรุงปะ : ข้าพเจ้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ใน หมู่อาจารย์ทางสายตันตระ ว่าตามจริงแล้ว คนอเมริกันควรจะได้รับ อนุญาติให้ใช้พีชมนตร์ในรูปอักขระโรมันในการเพ่งนิมิตหรือไม่ หรือ ว่าควรจะใช้อักขระสันสกฤตหรือทิเบตตามแบบแผนเดิม นี่ก็ยังเป็นเรื่อง ที่ถกเถียงกันอยู่ ซึ่งข้าพเจ้าหวังว่าสักวันหนึ่งเราคงขบคิดปัญหาเรื่องนี้ ตกและจัดการให้ทุกสิ่งลงตัวได้ ซึ่งนั่นคงจะต้องเชิญอาจารย์นิกายชิน งอนมาจากญี่ปุ่น รวมถึงตันตราจารย์จากทิเบตและมองโกเลียมาพบปะ กัน ( เพื่อปรึกษาหารือกันในปัญหาที่มีอยู่และหาข้อสรุป ) ว่ามีพลังลี้ลับ อันใดอยู่ในการเพ่งอักขระสันสกฤตหรือไม่ เพราะในทิเบตเองก็มิได้ เพ่งอักขระสันสกฤตทว่ากลับใช้อักขระทิเบตแทน ในช่วงกาลที่พระ พุทธศาสนาเผยแผ่มาสู่ทิเบตนั้น ทิเบตถูกนับว่าเป็นดินแดนอันป่าเถื่อน ที่จริงเคยถูกขนานนามว่าดินแดนแห่งเปรตด้วยซ้ำ ด้วยเหตุที่ชาวทิเบต ยากจนข้นแค้นมาก ทิเบตมิได้มั่งคั่งร่ำรวยทางวัฒนธรรมดังเช่นวัฒนธรรม พราหมณ์ในอินเดีย กระนั้นก็ดี ชาวทิเบตก็ยังคงใช้พีชมนตร์เหล่านั้นด้วย อักขระทิเบต ทว่าอาจมีผู้ปฏิบัติบางคนไม่เห็นด้วยกับการใช้อักษรโรมัน ในการเพ่งนิมิต ด้วยเหตุที่อักขระทิเบตมีความงดงามดึงดูดใจยิ่งกว่า เขา อาจจะคิดว่าอักษรโรมันนั้นดูธรรมดาสามัญและตื้นเขินไร้มิติเกินไป เรา คงจะต้องค้นหากันต่อไป ข้าพเจ้าคิดว่าโครงการในอนาคตของเราก็คือ การพยายามหาคำตอบในปัญหาเหล่านี้ โดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าสนับ สนุนลักษณะท้องถิ่นมากกว่า คือการทำให้อเมริกันตันตระเป็นอเมริกัน ตันตระยิ่งกว่าจะเป็นตันตระนำเข้าดุจดังที่ทิเบตปรับเปลี่ยนตันตระให้ กลายทิเบตตันตระ ข้าพเจ้าสนับสนุนแนวความคิดนี้



ศิษย์ : สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้านึกได้เกี่ยวกับตันตระในวัฒนธรรมตะวันตก ก็คือลัทธิเล่นแร่แปรธาตุนั้นมีการเพ่งองค์ราชา และเพ่งนิมิตเหล่า เทวราชทั้งมวลแห่งอัตตา ทั้งราชา ราชินี ภราดา ภคินี ซึ่งข้าพเจ้า เห็นว่าสิ่งนี้ดูจะไม่แตกต่างจากสัญลักษณ์ที่หมายแสดงอยู่ในตันตระ


ตรุงปะ : แน่นอน สิ่งที่เทียบได้กับหลักการตันตระได้อุบัติขึ้นโดย อัตโนมัติในตะวันตก ทั้งยังมีสิ่งคล้ายคลึงกันอยู่อีกประการหนึ่ง พระ คริสต์เองก็ถูกขนานนามว่าเป็นจอมราชัน หลักการแห่งพระคริสต์นั้น ถูกถือว่าเป็นหลักการแห่งผู้พิชิตหรือจอมราชัน ทว่าสำหรับผู้ปฏิบัติ ชาวพุทธแล้วเราจะประยุกต์สิ่งนี้มาใช้ได้อย่างไร เราควรจะเพ่งภาพ นิมิตโดยใช้สัญลักษณ์เยี่ยงไร เราควรจะเพ่งภาพองค์มหาไวโรจนะ ผู้ทรงเครื่องกษัตริย์อิเดียโบราณ หรือจะเพ่งภาพพระองค์ทรงเครื่อง แบบยุโรปโบราณกันแน่



ศิษย์ : ลัทธิเล่นแร่แปรธาตุจะใช้ภาพของจักรพรรดิ์โรมัน นี่เป็น สัญลักษณ์ที่ทรงอานุภาพมาก มีบางสิ่งบางอย่างในตะวันตก ...



ตรุงปะ : ข้าพเจ้าคิดว่ามีอยู่ ทว่าปัญหากลับอยู่ตรงที่ว่ามันยิ่งซับซ้อน ขึ้นเมื่อเราเริ่มเพ่งเทพพิโรธซึ่งมีหลายเศียรหลายเนตรและหลายกร วัฒนธรรมตะวันตกไม่ดุเดือดพอที่จะกล้าเพ่งภาพเทพซึ่งมีหลายเนตร หลายกร ซึ่งอาจกัดกินคุณทั้งเป็น ณ ที่นั้น ทว่าตะวันตกกลับชื่นชอบ สิ่งที่นุ่มนวลมีเมตตาและได้รับการขัดเกลาแล้ว



ศิษย์ : มีเทพดังนั้นอยู่ในองค์บอสซ์และบรูเกล


ตรุงปะ : ข้าพเจ้าหวังเช่นนั้น


ศิษย์ : รินโปเช ท่านพอจะอธิบายได้ไหมว่าการปฏิบัติเยี่ยงนี้ซึ่งใช้การ นึกจินตนาให้ตนเองเป็นประดุจราชันแห่งตน จะเกี่ยวพันอยู่กับอุดมคติ โพธิสัตว์ซึ่งมุ่งที่จะกระทำการเพื่อประโยชน์สุขแห่งสรรพสัตว์อย่างไร


ตรุงปะ : มันล้วนมุ่งไปเบื้องหน้าในทิศทางเดียวกัน โพธิสัตว์กระทำการ เพื่อสรรพสัตว์ในฐานะผู้รับใช้ ทว่าบัดนี้ผู้รับใช้นั้นกลับยึดครองและควบ คุมทุกสิ่งดุจดังรัฐบาลของคณะปฏิวัติ ซึ่งเป็นการพลิกผันโดยสิ้นเชิง นี่ เป็นข้อแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างหนทางโพธิสัตว์และตันตระ จึง ทำให้มีผู้คนเป็นอันมากรู้สึกไม่พอใจ ผู้ปฏิบัติในหนทางโพธิสัตว์ไม่อาจ เข้าใจถึงความหมายของพลังแห่งวัชระ ข้าพเจ้าจำได้ว่าเคยเล่าให้ฟังเรื่อง ดร. คอนซ์ ซึ่งตื่นตระหนกกับแนวคิดของตันตระ ด้วยเหตุแห่งหลักการ แห่งราชัน หลักการเช่นนี้จะมาดำรงอยู่ในพุทธปรัชญาได้อย่างไรกัน เขา คงจะรู้สึกสงสัยด้วยเหตุที่ชาวพุทธนั้นเป็นผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและสมัคร สมานกลมเกลียวกันยิ่ง พวกเขาเป็นคนเมตตาซึ่งไม่มีทางจะมีความคิด ดังเช่นการขึ้นปกครองประเทศ ทว่ามุมมองเยี่ยงนี้ก็นับว่ามีปัญหาอยู่ใน ตัวมันเอง


ศิษย์ : ท่านเคยพูดเมื่อวันก่อนว่าพอมาถึงจุดหนึ่ง คุรุก็จะเข้ามาเจ้ากี้เจ้า การกับชีวิตของคุณ แนวคิดเช่นนี้มาจากตันตระใช่หรือไม่

 
ตรุงปะ : หามิได้ นั่นเป็นแนวคิดของมหายาน เป็นสิ่งชดเชยต่อความ ขาดพร่อง อันที่จริงแล้ว ถ้าคุณเป็นนักตรรกะสายตันตระซึ่งพยายามจะ โต้แย้งกับฝ่ายมหายาน คุณก็อาจหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอ้าง คุณอาจพูด ได้ว่าอาจารย์ฝ่ายมหายานใส่ใจกับทุกสิ่งที่ศิษย์เป็น เมื่อนั้นแนวคิดดัง กล่าวก็อาจยกระดับขึ้นมาสู่การเป็นผู้ปกครองยิ่งกว่าเป็นเพื่อนจอมยุ่งคือ จุดเชื่อมต่อที่มีอยู่ระหว่างมหายานกับวัชรยาน เราควรจะบอก ดร. คอนซ์ ถึงข้อความนี้


ศิษย์ : เราควรจะฆ่ารุทรด้วยคมดาบ หรือควรจะปล่อยให้ตายไปเองโดย ธรรมชาติ


ตรุงปะ : ทั้งสองทาง แม้การฆ่าด้วยคมดาบก็เป็นการตายอย่างเป็นธรรม ชาติด้วย


ศิษย์ : ท่านคิดว่าเรื่องดอนฮวนของคาสตาเดาเป็นตันตระแบบตะวันตก ใช่หรือไม่


ตรุงปะ : ข้าพเจ้ามองดอนฮวนว่าเป็นตันตระแบบตะวันตกในแนวทาง โยคาจารย์



ศิษย์ : ซูซูกิ โรชิ ผู้เขียน Zen Mind , Beginner ' s Mind ได้กล่าวไว้ว่า ทุกมรรควิธีล้วนมีข้อจำกัดอยู่ ล้วนมีวิธีการเฉพาะของตนท่านกล่าวว่า ถ้าหากคุณมิได้ตระหนักถึงข้อจำกัดของมรรควิธีซึ่งคุณใช้ปฏิบัติอยู่ สัก วันหนึ่งคุณจะต้องตกลงสู่ความสิ้นหวังอย่างล้ำลึก พื้นที่รองรับอยู่ใต้ฝ่า เท้าของคุณจะยุบลงไป มีสิ่งใดบ้างที่ท่านมองว่าเป็นข้อจำกัดของพุทธ ตันตระ และท่านคิดว่าจะมีมรรคาสายอื่นไหมที่จะมาบรรจบที่เดียวกัน กับตันตระ


ตรุงปะ : ญาณทัศน์แห่งตันตระหาใช่สิ่งแข็งกระด้างตายตัวไม่ ตันตระ มีอยู่หกระดับ หกขั้นตอน ซึ่งสิ้นสุดลงตรงมหาอติ ซึ่งมองดูสิ่งทั้งมวล ว่ามีความวิปลาสสับสนสิ้น มหาอตินี้มิอาจก้าวร้าวท้าทายได้ ด้วยเหตุนี้ มันมิได้วิพากษ์วิจารณ์หรือโต้แย้งกับสิ่งใด ในการดำรงอยู่ด้วยตนเองนี้ มันตระหนักได้ว่า ยานที่ต่ำลงมานั้นล้วนเป็นเพียงสิ่งใสซื่อ พ้นขึ้นไป จากนี้ ข้าพเจ้าไม่คิดว่ามีสิ่งใด ตันตระมิใช่ขั้นตอนเดียว ทว่ามีหลายขั้น ตอนอยู่ในตันตระ


ศิษย์ : ขั้นตอนที่ท่านเรียกว่าอติ ตรงจุดที่ท่านมองดูทุกสิ่งว่าเป็นความ สับสนสิ้น เรามีชื่อเรียกภาวะนั้นและเรียกมันว่าอติ เราเรียกมันอย่างนั้น จากมุมมองที่เราเห็น แต่นั่นคือความเว้นว่าง และในความเว้นว่างนั้น หามีชื่อเรียกขานไม่ ท่านคิดว่าเราจำเป็นจะต้องศึกษาพุทธทัศนะก่อน หรือไม่ ซึ่งเราอาจเรียกภาวะความเว้นว่างต่าง ๆ ว่ายานต่าง ๆ กว่าจะ ได้บรรลุถึงขั้นตอนนั้น


ตรุงปะ : ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น แต่หากคุณขึ้นอยู่เหนืออติได้คุณก็จะ วิจารณ์อติจากแง่มุมของสังสาร แทนที่จะมองมันจากแง่มุมที่ว่านั่นเป็น การตรัสรู้อันสูงสุด ทว่าคุณจะเริ่มถอยกลับมา เหมือนกับการขึ้นไปบน ยอดเขาและเริ่มไถลกลับลงมา ซึ่งแน่นอนว่าภาวะเช่นนี้ไม่จำเป็นต้อง อาศัยบัญญัติหรือนามเรียกขานแต่อย่างใด .


 
- จาก สีหนาทบันลือ -
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
กายทิพย์แดนนิพพาน=สัมโภคกาย, แดนนิพพาน=พุทธเกษตร, พระธรรม=ธรรมกาย
พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
phonsak 2 3415 กระทู้ล่าสุด 02 พฤศจิกายน 2553 17:56:55
โดย phonsak
เพ่งนิมิตจิตมุทรา : การเยียวยาด้วยสมาธิจากการสวดมนต์
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 1 2807 กระทู้ล่าสุด 20 พฤษภาคม 2554 21:56:48
โดย มดเอ๊ก
เพ่งนิมิตจิตมุทรา : เมล็ดพยางค์มนตร์ พีชะมนตรา ใน เทพสาธนา
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 2 5093 กระทู้ล่าสุด 20 พฤษภาคม 2554 22:02:07
โดย มดเอ๊ก
เพ่งนิมิตจิตมุทรา : การตื่นขึ้นอย่างเทวะ การสำแดงตรีกาย รูปกายดุจสายรุ้ง
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 7 6986 กระทู้ล่าสุด 22 พฤศจิกายน 2554 09:51:06
โดย มดเอ๊ก
เพ่งนิมิตจิตมุทรา : มันดาล่า อสังขตภาวมณฑล
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 2 2096 กระทู้ล่าสุด 22 พฤศจิกายน 2554 10:04:29
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.445 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 11 เมษายน 2567 19:50:28