[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 มิถุนายน 2568 11:22:59 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เงินโบราณ - หรียญดอกไม้อยุธยา  (อ่าน 1082 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2568 17:02:41 »



เงินตรา

เงินตรา เป็นสิ่งที่มนุษย์คิดประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า และเป็นเครื่องวัดมูลค่าของสิ่งของและการบริการ
บริเวณอันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ได้พบเงินตราโบราณที่ผลิตขึ้นตั้งแต่ยุคฟูนัน (พุทธศตวรรษที่ 6) ยุคทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11) ยุคศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13) และยุคลพบุรี (พุทธศตวรรษที่12) เมื่ออาณาจักรสุโขทัยก่อตั้งขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 ได้มีการผลิตเงินตราพดด้วงขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ใช้สืบต่อกันมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับเงินพดด้วงนั้นถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ทางเงินตราของไทย เนื่องจากมีรูปร่างไม่เหมือนเงินตราสกุลอื่นใดในโลก

นอกจากเงินพดด้วงยังมีเงินชนิดอื่น ได้แก่ "เบี้ย" ซึ่งเป็นเปลือกหอยน้ำเค็มชนิดหนึ่ง ที่ชาวต่างชาตินำเข้ามาจากหมู่เกาะมัลดีฟ และได้ใช้เป็นเงินตราในช่วงเดียวกับที่มีการใช้เงิน พดด้วง คือตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น การใช้เงินพดด้วงซึ่งผลิตด้วยมือไม่คล่องตัวจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงงานผลิตเงินเหรียญแบบต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยใช้เครื่องจักรจากประเทศอังกฤษเพื่อใช้แทนการใช้เงินพดด้วง และยังใช้สืบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน







เหรียญดอกไม้อยุธยา


จดหมายเหตุโหรสมัยอยุธยาบันทึกไว้สั้น ๆ ว่า ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ.๒๒๘๗ ใช้แปะประกับมิใช้เบี้ย เดิมพระยาโบราณราชธานินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าขุดตรวจที่ในพระราชวังหลวงอยุธยาพบดินเผาตีตราต่าง ๆ ฝังไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้เข้าใจว่าคือประกับที่กล่าวไว้ในจดหมายเหตุโหร ประกับดินเผาในที่นี้คือ ดินเผากลมแบน ขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ เส้นผ่าศูนย์กลางราว ๑.๕ - ๒.๙ เซนติเมตร หนาราว ๐.๕ เซนติเมตร ด้านหน้ามีลวดลายดอกบัว ไก่ กระต่าย ครุฑ เป็นต้น
.
ขณะที่แปะประกับอาจหมายถึงเหรียญดอกไม้อยุธยา ซึ่งคนพื้นที่อยุธยาเรียกว่า "ดอกไม้พระร่วง" มีลักษณะเป็นเหรียญหล่อจากแม่พิมพ์โลหะและแม่พิมพ์หิน พบกระจายทั่วไปที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะในแม่น้ำบริเวณด้านท้ายวัดพนัญเชิงและป้อมเพชร ซึ่งพบเป็นจำนวนมาก เหรียญดอกไม้อยุธยาแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ ๕ ขนาด ขนาดใหญ่สุดน้ำหนักราว ๗๒ กรัม ซึ่งพบยากมาก ขนาดรองลงมาน้ำหนัก ๒๓ - ๓๗ กรัม ๑๒ - ๑๘ กรัม ๒.๙ - ๓.๖ กรัม และ ๑.๓ - ๑.๔ กรัม บางขนาดมีลักษณะกลมแบน บางขนาดเป็นกลีบดอกไม้ ทุกขนาดมีรูกลมตรงกลาง สันนิษฐานว่า เหรียญดอกไม้อยุธยาอาจมีมูลค่าเท่ากับ ๑,๖๐๐ เบี้ย ๘๐๐ เบี้ย ๔๐๐ เบี้ย ๑๐๐ เบี้ย และ ๕๐ เบี้ย ตามลำดับ


ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2568 10:48:02 โดย ใบบุญ » บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 มีนาคม 2568 12:35:15 »



การพัฒนาจากเงินพดด้วงเป็นเหรียญกษาปณ์แบบกลมแบนได้เริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ โดยให้ช่างชาวต่างประเทศผลิตเหรียญเมืองไทขึ้นแต่ไม่ได้นำออกใช้ และหลังจากที่สยามได้ทำสนธิสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษ รัชกาลที่ ๔ จึงสั่งให้ช่างทำเหรียญของไทยขึ้นโดยประทับตราที่สำคัญต่าง ๆ และยังมีการตอกตราประทับบนเหรียญต่างประเทศเพื่อให้ประชาชนยอมรับ นับเป็นจุดเริ่มต้นการนำเหรียญแบบกลมแบนมาใช้ในประเทศไทย และต่อมาในรัชกาลที่ ๕ และ ๖ ก็ได้พัฒนารูปแบบของตราต่าง ๆ ให้มีความเป็นเอกลักษณ์ของไทยมากยิ่งขึ้น โดยจะนำเสนอมาให้ท่านได้รู้จักเรียงตาม Timeline ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๔ - ๖ จำนวน ๘ ตอนดังนี้

๑. เหรียญกษาปณ์ พระมหามงกุฎ พระแสงจักร พระเต้า
๒. เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ
๓. เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ ตอกตราฯ
๔. เหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์
๕. เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ตราแผ่นดิน
๖. เหรียญกษาปณ์นิกเกิล ช้างสามเศียร ช่อชัยพฤกษ์
๗. เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ไอราพต ชนิดราคา ๑ บาท รัชกาลที่ ๕
๘. เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ไอราพต ชนิดราคา ๑ บาท รัชกาลที่ ๖


- เหรียญกษาปณ์ พระมหามงกุฎ พระแสงจักร พระเต้า -
ราว พ.ศ. ๒๓๙๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โรงทำเงินหลวงทำเงินเหรียญนี้ขึ้นจำนวนหนึ่งโดยทดลองทำเป็นเหรียญเงินกลมแบน และนำตราเงินพดด้วงมาประทับบนด้านหน้าเหรียญเพียงด้านเดียว ได้แก่ ตราพระมหามงกุฎ พระแสงจักร และพระเต้า เป็นเหรียญแบนรุ่นแรกของไทย สันนิษฐานว่าผลิตขึ้นเพื่อทดลองออกใช้ เพราะพบจำนวนเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะได้รับเครื่องจักรผลิตเหรียญจากประเทศอังกฤษ เหรียญนี้ผลิตชนิดทองคำ ชนิดราคากึ่งเฟื้อง และเหรียญเงินชนิดราคา ๑ สลึง และ ๑ เฟื้อง
.
ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์ พระมหามงกุฎ พระแสงจักร พระเต้า ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)



ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2568 10:48:16 โดย ใบบุญ » บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 10 เมษายน 2568 11:57:08 »



เหรียญอีแปะ

คำว่า อีแปะ หรือ กะแปะ เป็นคำที่ใช้เรียกเหรียญจีนกลมแบนมีรูตรงกลาง เป็นเงินปลีกที่มักทำจากทองเหลือง ทองแดง พบแพร่หลายในไทยเพราะมีการค้าขายกับเมืองจีนมาก ในอดีตภาคใต้ของไทยมีการผลิตเงินปลีกออกใช้ในรูปลักษณะคล้ายอีแปะ แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยและผลิตจากดีบุกผสมตะกั่ว ดังที่สังฆราชปาลเลอกัวซ์บันทึกในหนังสือ เล่าเรื่องกรุงสยาม ซึ่งพิมพ์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๗ ว่า พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้หัวเมืองที่ห่างไกลสร้างเงินปลีกออกใช้ได้ อีแปะภาคใต้สร้างโดยเจ้าเมือง อาทิ สงขลา พัทลุง กาญจนดิษฐ์ รวมทั้งชุมชนที่เรียกว่า กงสี บางครั้งจึงเรียกว่า เหรียญกงสี อีแปะภาคใต้ที่สร้างโดยเจ้าเมืองมักมีภาษาไทยระบุชื่อเมือง ส่วนที่ผลิตโดยกงสีส่วนใหญ่ใช้ภาษาจีนระบุชื่อเมืองหรือกงสีนั้น ๆ บางเหรียญก็จะมี ๓ ภาษาคือ อักษรไทยและมลายูด้านหน้า ด้านหลังเป็นอักษรจีน
.
เหรียญอีแปะนี้ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เรียกว่า เงินเบี้ย ปกติมี ๓ ขนาด คือ ๔๐๐ เบี้ย (กึ่งเฟื้องหรือซีก) ๒๐๐ เบี้ย (เสี้ยว) และ ๑๐๐ เบี้ย (อัฐ) แต่ส่วนใหญ่จะพบชนิด ๔๐๐ เบี้ย ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว ๓.๕ เซนติเมตร อัตราแลกเปลี่ยนนี้อาจไม่แน่นอน ขึ้นกับสถานที่และห้วงเวลา เช่น ที่เมืองนครศรีธรรมราชใน พ.ศ. ๒๔๒๗ เงินเบี้ยซึ่งเป็นอักษรจีนทั้งสองด้าน ๑๐ อัน เท่ากับ ๑ ก้อน (๑ สลึง) ๓ สลึงเท่ากับ ๑ เหรียญรูเปีย และ ๖ สลึงครึ่งเท่ากับ ๑ เหรียญนกเม็กซิโก ขณะเดียวกันที่เมืองปัตตานีและเมืองกลันตันซึ่งขึ้นกับสยามในเวลานั้น ใช้เงินอีแปะหรือเงินเบี้ยที่เป็นอักษรเฉพาะของเมืองนั้น ๆ ด้วย โดยเป็นอักษรมลายูทั้งสองด้าน เงินเบี้ยปัตตานี ๑๒๐ เหรียญเท่ากับ ๑ สลึง และ ๙๖๐ เหรียญเท่ากับเหรียญนกเม็กซิโก ๑ เหรียญ หากเป็นที่เมืองกลันตันอัตรา ๖๐ เหรียญเท่ากับ ๑ สลึง และ ๙๖๐ เหรียญเท่ากับเหรียญนกเม็กซิโก ๑ เหรียญ
.
ขอชวนมาชมเหรียญอีแปะที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้านะคะ (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)




ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 เมษายน 2568 11:59:17 โดย ใบบุญ » บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 10 เมษายน 2568 12:02:01 »



เงินคุบ


เมื่อเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ ยังมีพัฒนาการของเงินตราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นและสะดวกในการนำไปใช้ โดยมีการปรับรูปลักษณ์ของเงิน จากที่เป็นก้อนของเงินพดด้วงให้เป็นแบบกลมแบนและบางเบาโดยมีรูตรงกลางเป็นเงินเหรียญ ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นเหรียญกษาปณ์ จึงขอนำมาจัดเรียงกันเป็นไทม์ไลน์ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจำนวน ๔ ตอนดังนี้

๑. เงินคุบ
๒. อีแปะ
๓. เหรียญดอกไม้อยุธยา
๔. เหรียญทองแดงตราช้าง และตราดอกบัว เมืองไท

เงินคุบ เป็นเงินที่สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สุโขทัย พบบริเวณภาคกลางและภาคเหนือ ทำด้วยโลหะที่มีราคาต่ำ เช่น ตะกั่วและดีบุก นำมาหลอมผสมกันเรียกว่า ชิน รวมทั้งมีชนิดที่เป็นเนื้อโลหะสังกะสีด้วย มีลักษณะเป็นก้อนคล้ายเงินพดด้วง บ้างก็เป็นรูปร่างอื่น ๆ เช่น ก้อนกลมคล้ายเงินกำไล แต่โดยเจตนาแล้วต้องการทำให้มีลักษณะคล้ายพดด้วง มีตราประทับตั้งแต่ ๒ ถึง ๙ ตรา เช่น ตราจักร ช้าง และตราที่เลียนแบบเงินพดด้วงบ้าง

เงินคุบไม่ได้ทำขึ้นโดยโรงทำเงินหลวง แต่ราษฎรทำขึ้นเองเพื่อใช้ในพิธีกรรมตามความเชื่อหรืออาจเป็นเครื่องรางของขลังประเภทหนึ่ง เงินคุบมีขนาดใหญ่กว่าเงินพดด้วงปกติ มีน้ำหนักตั้งแต่ ๒๐ - ๑๗๐ กรัม กล่าวได้ว่าไม่มีระบบของน้ำหนักและตราประทับที่ชัดเจน และไม่ได้ใช้จ่ายแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน

ขอชวนมาชมเงินคุบที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)




ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2568 10:48:30 โดย ใบบุญ » บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 10 เมษายน 2568 12:08:19 »




เงินพดด้วงเถาที่ระลึก ตราพระแสงจักร พระจุลมงกุฎ ช่อรำเพย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานบำเพ็ญพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระราชชนนี เมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ ๒๘ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๔๒๓ เนื่องจากเป็นปีที่พระองค์มีพระชนมพรรษาเท่ากับสมเด็จพระราชชนนีเมื่อตอนสิ้นพระชนม์ คือ ๒๘ พรรษา

ในงานบำเพ็ญพระราชกุศลแด่สมเด็จพระราชชนนีนี้ ได้มีการจัดทำเงินพดด้วงที่ระลึกตราพระแสงจักร พระจุลมงกุฎ ช่อรำเพย มี ๖ ชนิดราคาและมีจำนวนการผลิต ดังนี้ ๑ ชั่ง (๘๐ บาท) มี ๘ เม็ด กึ่งชั่ง (๔๐ บาท) มี ๑๘ เม็ด ๕ ตำลึง (๒๐ บาท) มี ๔๒ เม็ด สองตำลึงกึ่ง (๑๐ บาท) มี ๗๕ เม็ด ๑ ตำลึง (๔ บาท) มี ๑๑๕ เม็ด และ กึ่งตำลึง (๒ บาท) มี ๒๐๕ เม็ด รวม ๖ ขนาดเป็นจำนวน ๔๖๒ เม็ด จำนวนที่ผลิตนี้เก็บไว้เป็นเงินคงคลังของหลวงอย่างละ ๒ เม็ด นอกนั้นพระราชทานให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ เจ้านายเป็นที่ระลึก

ด้านบนของเงินพดด้วงเป็นตราพระแสงจักร หมายถึงราชวงศ์จักรี ด้านหน้าเป็นตราจุลมงกุฎหรือพระเกี้ยวซึ่งเป็นตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า มีฉัตร ๕ ชั้น กระหนาบสองข้าง มีกรอบล้อมสองชั้น พื้นเป็นลายกระหนก ด้านหลังเป็นตราช่อรำเพย อันหมายถึงพระนามเดิมของสมเด็จพระบรมราชชนนี คือ หม่อมเจ้าหญิงรำเพย (รัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาเป็นพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ในพ.ศ. ๒๓๙๕ พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๗ สวรรคตเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๔) มีตัวเลขไทยบอกจุลศักราช ๑๒๔๒ อยู่ใต้ช่อรำเพย ตราของเงินพดด้วงชนิดราคา ๑ ชั่ง (๘๐ บาท) และ กึ่งชั่ง (๔๐ บาท) แกะสลักตราด้วยมือ โดยช่างสิบหมู่ ส่วนขนาดเล็กลงมาจะใช้แม่ตราที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะตีประทับ ทั้งนี้ จำนวนกลีบพระแสงจักร จุดและรัศมีซึ่งประทับด้านบนของเงินพดด้วงที่เรียกว่า ตราบน นั้น ไม่เท่ากันทุกชนิดราคา เช่น ชนิดราคา ๑ ชั่ง พระแสงจักรเป็นจักร ๑๐ กลีบ กึ่งชั่ง พระแสงจักรเป็นจักร ๑๒ กลีบ หรือ กึ่งตำลึง พระแสงจักรเป็นจักร ๘ กลีบ เป็นต้น

ชวนมาชมเงินพดด้วงเถาที่ระลึก ตราพระแสงจักร พระจุลมงกุฎ ช่อรำเพย ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)



ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2568 10:48:49 โดย ใบบุญ » บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 14 เมษายน 2568 10:51:42 »



เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ

เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ นิยมเรียกกันว่า เงินเหรียญนอก อาทิ เงินเหรียญเม็กซิกัน เงินเหรียญเปรู เงินเหรียญรูปี เงินเหรียญฮอลแลนด์ นับเป็นรูปแบบหนึ่งของเหรียญกษาปณ์ที่ใช้เพื่อการค้า เนื่องจากรัฐไม่สามารถผลิตพดด้วงได้ทันตามความต้องการ ใน พ.ศ. ๒๔๐๐ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีประกาศอนุญาตให้ใช้เงินเหรียญนอก ดังความสำคัญว่า ผู้ใดมีเหรียญเงิน เหรียญทองก็จงใช้สอยปนไปกับเงินตราในเวลานั้นคือเงินพดด้วง เพราะลูกค้าต่างประเทศเอาเข้ามาใช้สอยมาก ไม่ค่อยจะเป็นเงินปลอมเพราะปลอมยาก รัชกาลที่ ๔ ไม่ห้ามการใช้สอยเงินเหรียญในการซื้อขายเลย แม้ในท้องพระคลังเวลานี้ก็มีเงินเหรียญนอกมาก ในราชการก็จะใช้เงินเหรียญนอกปะปนไปกับเงินตราไทย โดยกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน ๓ เหรียญเท่ากับ ๕ บาท
.
ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น. ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)



ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 22 เมษายน 2568 17:16:33 »




เหรียญทองแดง ตราช้าง เมืองไท และเหรียญทองแดง ตราดอกบัว เมืองไท

เหรียญเมืองไทคือเหรียญทองแดงตัวอย่างที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพระยาพระคลัง คิดออกแบบเพื่อให้สยามมีเหรียญกษาปณ์ตามแบบตะวันตก ซึ่งเจ้าพระยาพระคลังได้มอบหมายให้นายรอเบิร์ต ฮันเตอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษเป็นผู้ดำเนินการให้ โดยมีการผลิตที่โรงงานบริษัทฮีตัน ประเทศอังกฤษ เหรียญเมืองไทมีสองแบบ ได้แก่ “เหรียญทองแดง ตราช้าง เมืองไท” ซึ่งได้แบบจากเหรียญซีลอน (ศรีลังกา) ด้านหนึ่งเป็นรูปช้างเต็มตัวยืนหันหัวไปทางซ้าย ด้านล่างมีเลขไทย ๑๑๙๗ บอกปีจุลศักราชที่ผลิต ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๘ ส่วนด้านหลังมีตัวอักษร “เมืองไท” มีรูปดาว ๑๖ แฉกอยู่เบื้องบนและเบื้องล่างของตัวอักษรไทยอย่างละ ๑ ดวง แบบที่สองคือ “เหรียญทองแดง ตราดอกบัว เมืองไท” ด้านหนึ่งเป็นรูปดอกบัวผลิบานอยู่เหนือใบบัว ด้านล่างมีเลขไทย ๑๑๙๗ บอกปีจุลศักราชที่ผลิต ส่วนด้านหลังมีลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญแบบแรก

เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร ไม่โปรดลวดลายบนเหรียญ สันนิษฐานว่าเนื่องจากเหรียญตราช้าง เมืองไท คล้ายกับเหรียญซีลอนของรัฐบาลอังกฤษ ขณะที่เหรียญตราดอกบัว เมืองไท คล้ายกับเหรียญของรัฐอาเจะห์ในเกาะสุมาตรา จึงเป็นเหตุให้ไม่มีพระบรมราชานุญาตให้ผลิตเหรียญทองแดงตามตัวอย่างชุดนี้

ขอชวนมาชมเหรียญทองแดง ตราช้าง เมืองไท และเหรียญทองแดง ตราดอกบัว เมืองไท ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้านะคะ (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)



ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2568 11:31:36 »



เหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์

เหรียญกษาปณ์ทองแดงนี้เกิดขึ้นจากการขาดแคลนเหรียญชนิดราคาปลีกที่จำเป็นต้องใช้ในท้องตลาด เหรียญปลีกในเวลานั้นส่วนใหญ่เป็นดีบุกและทองแดง ซึ่งส่วนหนึ่งราษฎรหลอมไปขายเนื่องจากขณะนั้นราคาโลหะสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ เมื่อเหรียญปลีกย่อยขาดแคลนทำให้ราษฎรนิยมใช้ปี้กระเบื้องโรงบ่อนเป็นเงินปลีกแทน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สั่งทำเหรียญทองแดง ตรา จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ จากโรงกษาปณ์เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ประกาศออกใช้ครั้งแรกชนิดราคาเสี้ยว อัฐ โสฬส ใน พ.ศ.๒๔๑๘ ส่วนราคาซีกออกใช้หลังจากนั้น ๒ ปี

ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้านะคะ (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น. ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)


ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2568 12:10:23 »




เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ตราแผ่นดิน

เหรียญกษาปณ์ทองแดงนี้เกิดขึ้นจากการขาดแคลนเหรียญชนิดราคาปลีกที่จำเป็นต้องใช้ในท้องตลาด เหรียญปลีกในเวลานั้นส่วนใหญ่เป็นดีบุกและทองแดง ซึ่งส่วนหนึ่งราษฎรหลอมไปขายเนื่องจากขณะนั้นราคาโลหะสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ เมื่อเหรียญปลีกย่อยขาดแคลนทำให้ราษฎรนิยมใช้ปี้กระเบื้องโรงบ่อนเป็นเงินปลีกแทน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สั่งทำเหรียญทองแดง ตรา จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ จากโรงกษาปณ์เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ประกาศออกใช้ครั้งแรกชนิดราคาเสี้ยว อัฐ โสฬส ใน พ.ศ.๒๔๑๘ ส่วนราคาซีกออกใช้หลังจากนั้น ๒ ปี

ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น. ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.)


ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC [/size]

ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.166 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มิถุนายน 2568 05:41:12