24 มิถุนายน 2568 04:54:51
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
.:::
มหายานเพื่อมหาชน
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: มหายานเพื่อมหาชน (อ่าน 1732 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2637
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 134.0.0.0
มหายานเพื่อมหาชน
«
เมื่อ:
19 มีนาคม 2568 17:03:38 »
Tweet
มหายานเพื่อมหาชน
ที่มา - มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 กรกฎาคม 2563
คอลัมน์ - ผี-พราหมณ์-พุทธ
ผู้เขียน - คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง
เผยแพร่ - วันพฤหัสที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2563
คุณอุษณีย์ นุชอนงค์ หรือพี่น้อง ซึ่งเป็นครูสอนภาวนาที่วัชรสิทธาเล่าให้ชาวสังฆะฟังว่า วันหนึ่งท่านไปเที่ยวที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ระหว่างเดินอยู่ก็เห็นพระพุทธรูปเล็กๆ จำนวนมาก
เมื่อเห็นก็เกิดความรู้สึกสะเทือนใจถึงขั้นร้องไห้ เพราะมีความคิดวาบขึ้นมาว่า คนโบราณคงได้สร้าง “พระแทนตัว” ในความหมายว่า พระพุทธรูปเหล่านั้นคือตัวเราเองที่มีความเป็นพุทธะอยู่แล้ว การสร้างพระแทนตัวจึงช่วยสะท้อนให้เห็นความใกล้ชิดระหว่างตัวเรากับสภาวะแห่งพุทธะที่เรามีอยู่อย่างบริบูรณ์
เรียกได้ว่าพระพุทธรูปเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้ใกล้ชิดความเป็นพุทธะในตัวเราเอง
นี่คือแง่มุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างพระแทนตัวซึ่งผมไม่ได้คิดมาก่อน เพราะมักคิดจากมุมวิชาการอยู่เสมอ
แล้วคุณอุษณีย์ก็นึกต่อว่า ทำไมในทุกวันนี้ พระพุทธรูปกลับทำให้เกิดความรู้สึกห่างเหินกับสภาวะแห่งพุทธะที่มีอยู่ในตัวเราเอง เรากราบไหว้พระพุทธรูปที่เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ภายนอก แล้วรู้สึกไปว่าพระพุทธะนั้นช่างอยู่ห่างกับเราเสียเหลือเกิน ท่านเป็นถึงอรหันต์สัมมาสัมพุทธผู้สูงส่งเกินเอื้อม ผู้นิพพานไปนานแล้วพระองค์นั้น
เราจึงทำได้เพียงกราบไหว้ระลึกถึงพุทธคุณ โดยไม่ได้รู้สึกว่า พระพุทธรูปช่วยให้เราตระหนักว่าพุทธคุณนั้นอยู่ในตัวเรา และเราพร้อมที่จะเป็นพุทธะองค์หนึ่งเช่นกัน
ผมฟังเรื่องนี้แล้วประทับใจ ประกอบกับเพิ่งได้รับฟังคำสอนเกี่ยวกับโพธิสัตว์ในมโนคติของมหายานอันกว้างใหญ่ไพศาล ด้วยความรู้สึกถึงพื้นที่อันไพศาลของมหายานธรรมนี้เอง
จึงอยากจะมาส่งต่อความรู้สึกนี้กับท่านผู้อ่าน
เราเรียนและรู้สึกกันว่า มหายานเป็นความ “แตกแยก” ของหมู่สงฆ์ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปฐมสังคายนา
โดยกล่าวหากลุ่ม คณะสงฆ์มหาสังฆิกะ ว่าเป็นชนวนการแตกแยกดังกล่าว รวมทั้งการโจมตีว่ากลุ่มนี้ (ซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดมหายาน) เป็นพวกที่ลดทอนพระวินัยลง (มีงานวิชาการที่กำลังจะคลอดของอาจารย์ชาญณรงค์ บุญหนุน ที่จะแสดงหลักฐานใหม่ว่า ที่จริงพวกที่เปลี่ยนแปลงพระวินัยไม่ใช่พวกมหาสังฆิกะอย่างที่เคยเข้าใจกันมาตลอด)
การเกิดขึ้นของมหายานในมิติทางประวัติศาสตร์นั้น เริ่มต้นในราวพุทธศตวรรษที่ห้า เราอาจทำความเข้าใจการเกิดขึ้นของมหายานได้ในสามลักษณะ นอกเหนือจากอคติที่ว่ามหายานคือความถดถอยย่อหย่อนต่อพระวินัยดังที่เคยเชื่อกันมา
ที่จริงต้องกล่าวว่า มหายานเป็น “พัฒนาการ” ของพุทธศาสนาในอินเดียด้วยซ้ำ ก่อนที่พุทธธรรมจะเผยแผ่ออกไปในวัฒนธรรมอื่นๆ
อย่างแรก เป็นการเปลี่ยนแปลงจากบริบททางสังคมและวัฒนธรรมพุทธศาสนาเอง กล่าวคือ หลังจากพุทธศาสนาได้ตั้งมั่นลงแล้วในช่วงระยะห้าร้อยปีแรก พุทธศาสนาได้รับการอุปถัมภ์จากกษัตริย์ในหลายแคว้น พระภิกษุเลิกการจาริกเร่ร่อนไปและใช้ชีวิตในอาราม มีข้าทาสบริวารและสั่งสมความมั่งคั่ง ความรู้และการปฏิบัติชั้นสูงถูกจำกัดไว้ในหมู่ภิกษุด้วยกัน
มหายานเกิดขึ้นจากการท้าทายสิ่งเหล่านี้ ฆราวาสตั้งคำถามถึงสถานภาพและการบรรลุธรรมของตน รวมทั้งสถานภาพของสตรี
สุดท้ายแล้ว มหายานได้แสดงให้เห็นว่า ฆราวาสทั้งชายและหญิงก็อาจบรรลุธรรมอย่างสูงสุด (คือบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ) จึงไม่ได้ไม่มีสถานภาพต่ำกว่าพระภิกษุ มิหนำซ้ำอาจยังประโยชน์ได้มากกว่าในบางกรณี
เราอาจเห็นความท้าทายนี้ได้ชัดในกรณีวิมลเกียรตินิทเทศสูตรของฝ่ายมหายาน ซึ่งวิมลเกียรติคหบดีแสดงธรรมโปรดพุทธสาวกที่เป็นพระภิกษุ หรือศรีมาลาเทวีสีหนาทสูตร ซึ่งสตรีเป็นผู้แสดงธรรม
ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่ามหายานไม่เคารพพระภิกษุนะครับ เพียงแต่พยายามลบอคติที่มีต่อฆราวาสและสตรีที่ได้เคยสั่งสมกันมา
อย่างที่สอง ความเปลี่ยนแปลงของอุดมการณ์ กล่าวคือ ก่อนยุคมหายานเรากล่าวถึงพระโพธิสัตว์จากแง่มุมอดีตชาติของพระพุทธะเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ก็มุ่งบำเพ็ญเพื่อจะบรรลุอรหันตผลเป็นหลัก มีน้อยที่มุ่งสู่พุทธภูมิ
แต่เมื่อถึงสมัยมหายาน พุทธธรรมมิอาจเป็นเพียงการปฏิบัติส่วนตนในอารามอีกต่อไป จึงเกิด “อุดมการณ์โพธิสัตว์” ขึ้น อุดมการณ์นี้เปลี่ยนรูปโฉมของพุทธศาสนาไปเลยทีเดียว
อุดมการณ์โพธิสัตว์คือ ความมุ่งมาดปรารถนาที่จะบรรลุเป็นพระพุทธะเพื่อฉุดช่วยสรรพสัตว์ให้ได้มากที่สุด การบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณมิใช่เพื่อละความทุกข์ส่วนตน แต่เพื่อนำพาสรรพสัตว์ทั้งหมดให้พ้นทุกข์ไปด้วย
กล่าวคือ เราต่างมีพุทธภาวะในตัวเองอยู่แล้ว การบรรลุพุทธะจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ผ่านเส้นทางโพธิสัตว์
ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นฆราวาสหรือนักบวช ชายหรือหญิง หรือมีสถานะทางสังคมอย่างไรก็สามารถเข้าถึงความเป็นโพธิสัตว์ได้ เพียงตั้งปณิธานที่จะฉุดช่วยสรรพสัตว์เท่านั้น
นอกจากบรรดาปุถุชนชาย-หญิงที่ปรารถนาจะช่วยผู้อื่นในฐานะโพธิสัตว์แล้ว มหายานยังมีตัวอย่างของ “มหาโพธิสัตว์” ต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นคุณธรรมและเส้นทางที่ทุกคนจะก้าวเดินไป เช่น อวโลกิเตศวร มัญชุศรี ตารา เมตไตรยะ สมันตภัทร ฯลฯ
ในทางวิชาการ มหาโพธิสัตว์เหล่านี้ของมหายาน บางองค์ก็แปลงจากทวยเทพของฮินดู หรือสร้างบุคลิกลักษณะบางอย่างเพื่อตอบโต้ท้าทายเทพฮินดู
ผู้สมาทานอุดมการณ์แห่งโพธิสัตว์พึงตั้งจิตใจในอุดมคติสี่ข้อ คือ เราจักฉุดช่วยสรรพสัตว์ทั้งหมด เราจักละอกุศลกรรมทั้งหลาย พุทธธรรมอันมากมายเราจักเรียนรู้ให้สิ้น และเราจักบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
อุดมการณ์โพธิสัตว์นี่เป็นสิ่งที่งดงามมากนะครับ และอย่างที่ผมบอกไป มันได้เปลี่ยนรูปพุทธศาสนาไปโดยสิ้นเชิง เมื่อการเป็นโพธิสัตว์นั้นได้พลิกกลับตรรกะของศาสนาไปเป็นคนละขั้ว
ดังที่ท่านอาจารย์เขมานันทะเคยกล่าวไว้ว่า หากเราปฏิบัติในสาวกยาน ยิ่งเราใกล้นิพพานเท่าไหร่ แสดงว่าเราปฏิบัติถูกต้อง แต่ในมหายาน ยิ่งเรารู้สึกเราใกล้นิพพานเท่าไหร่ น่าจะไม่ใช่การปฏิบัติที่ถูกต้อง เพราะโพธิสัตว์ย่อมช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ไปก่อนตัวเอง โพธิสัตว์คือผู้ที่จะเข้า “ประตูนิพพาน” เป็นคนสุดท้าย
อีกทั้งโพธิสัตว์ย่อมไม่เข้าถึงสถานะแห่งความกลัวต่างๆ เช่น กลัวผู้คนติฉินนินทาด่าทอ กลัวการตกนรกภูมิ ดังนั้น หากเป็นประโยชน์แก่สรรพสัตว์แล้ว โพธิสัตว์ก็อาจละเมิดสิ่งที่ผู้คนในสังคมเห็นว่าดีก็ได้
ประการที่สาม มหายานได้พัฒนาความคิดทางปรัชญาที่ละเอียดไปกว่าเดิม เช่น แนวคิดเรื่องสุญญตา โพธิจิต ตรีกาย พุทธภาวะ พุทธเกษตร ฯลฯ ในทางหนึ่งแนวคิดเหล่านี้เกิดจากปัจจัยทางสังคมที่เปลี่ยนไป สถาบันสงฆ์กลายเป็นสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ที่มีการโต้แย้งกับแนวคิดอื่นๆ ซึ่งต่างก็พัฒนาทฤษฎีของตัวไปด้วยเช่นกัน
แต่เดิมผมเคยเข้าใจว่า แนวคิดทางปรัชญาของมหายานเป็นเรื่องพัฒนาการเชิงทฤษฎีเท่านั้น แต่มาบัดนี้ผมเข้าใจใหม่ว่า แนวคิดทั้งหมดของมหายานสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงๆ ในเส้นทางการปฏิบัติธรรมของเรา ต้องขอบคุณครูบาอาจารย์ที่ทำให้เข้าใจเรื่องนี้
ที่สำคัญ ความเป็นมหายานได้เปลี่ยนการใช้ “ความคิดตรึกตรอง” มาสู่ระดับของการใช้ “ความรู้สึก” คำสอนเรื่องศูนยตาและโพธิจิตที่ผนวกกับกรุณาหรือความรักนั้น รวมทั้งการตระหนักในความทุกข์ของสรรพสัตว์ เป็นเรื่องของความรู้สึกที่ถูกพัฒนาให้ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
โพธิสัตว์จึงเป็นเสมือนนักรบผู้อ่อนไหว มีความเศร้าลึกๆ ในใจเพราะเขาเปลือยเปล่าต่อทุกสภาวะและผู้คน ทว่ามุ่งมั่นในเวลาเดียวกัน
อาจารย์เรจินัลย์เรย์กล่าวว่า อุดมคติแบบโพธิสัตว์ในมหายานเหมือนการกอบทรายด้วยสองฝ่ามือ ไม่ว่าจะรัดกุมแค่ไหน ทรายก็ย่อมหลุดร่วงไปตามร่องมือและช่องว่างของนิ้ว ไม่มีทางที่เราจะช่วยสรรพสัตว์ได้ทั้งหมด แต่เราก็ไม่ย่อท้อ เราได้แต่ทำไปเรื่อยๆ
มีคำกล่าวว่า สรรพสัตว์มีมากมายดุจท้องฟ้า ดังนั้น หากพูดจริงๆ แล้ว การจะช่วยสรรพสัตว์ทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกคนผู้ถือมหายานธรรมก็ยึดอุดมการณ์นี้ไว้มั่นคง เป็นดาวเหนือสุกสกาวนำทาง
ความเป็นมหายานจึงโรแมนติกยิ่งนัก สมคำขวัญ
มหายานเพื่อมหาชน
... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichonweekly.com/in-depth/article_330692
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...