[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 ธันวาคม 2568 09:13:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - เปิดชีวิตออแพร์ไทยในสวีเดน เส้นทางฮิต ‘ย้ายประเทศ’ แต่ก็เสี่ยงดวง ก่อนไปควรรู  (อ่าน 112 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 14 กันยายน 2568 19:53:00 »

เปิดชีวิตออแพร์ไทยในสวีเดน เส้นทางฮิต ‘ย้ายประเทศ’ แต่ก็เสี่ยงดวง ก่อนไปควรรู้อะไรบ้าง
 


<span>เปิดชีวิตออแพร์ไทยในสวีเดน เส้นทางฮิต ‘ย้ายประเทศ’ แต่ก็เสี่ยงดวง ก่อนไปควรรู้อะไรบ้าง</span>

            <div class="field field--name-field-byline field--type-text-long field--label-hidden field-item"><p>เรื่อง: พัชญ์สิตา รุ่งโรจน์ธนกุล</p><p>ภาพปก: กิตติยา อรอินทร์</p></div>
      <span><span>See Think</span></span>
<span><time datetime="2025-09-14T18:20:34+07:00" title="Sunday, September 14, 2025 - 18:20">Sun, 2025-09-14 - 18:20</time>
</span>

            <div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p>โครงการออแพร์ (Au Pair) เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งที่อยู่ภายใต้การรับรองและอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลต่างประเทศ เปิดโอกาสให้วัยรุ่นอายุ 18-30 ปี สมัครไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก และพักอาศัยร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “โฮสต์” ซึ่งมาจาก “โฮสต์แฟมิลี่” (Host Family) เป็นระยะเวลา 1-2 ปี</p><p>หน้าที่ของออแพร์โดยภาพรวมก็ไม่หนีไปจากงานพี่เลี้ยงเด็กที่เรารู้จัก ไล่มาตั้งแต่ปลุกน้องตอนเช้า พาน้องอาบน้ำ เตรียมอาหาร พาน้องไปโรงเรียน เก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อย ฯลฯ ในรายละเอียดปลีกย่อยก็แล้วแต่จะตกลงกัน สิ่งที่ออแพร์จะได้คือ เงินเดือนที่ไม่เยอะมาก บางประเทศกำหนดเงินเดือนออแพร์น้อยกว่าเงินเดือนขั้นต่ำของไทยเสียอีก&nbsp;</p><p>อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของโครงการนี้นับว่าค่อนข้างเป็นมิตรต่อคนอายุน้อย หรือ ‘เด็กจบใหม่’ ที่อยากหาลู่ทางไปอยู่ต่างประเทศในราคาถูก เนื่องจากการขอวีซ่าไปออแพร์ ส่วนมากไม่ต้องแสดงหลักฐานทางการเงินเหมือนอย่างกรณีอื่นๆ การสมัครผ่านเอเจนซี่ใช้เงินเพียงไม่กี่หมื่นบาท ถ้าสมัครเองก็ประหยัดในส่วนนี้ไป บางคนถึงกับเล่าว่ากรณีของตัวเอง “จ่ายแค่ 5,000 ก็ไปยุโรปได้” เพราะว่าพวกค่าตั๋วเครื่องบินโฮสต์เป็นคนจ่ายให้ จากความยืดหยุ่นที่กล่าวมานี้ ทำให้ออแพร์กลายเป็นเส้นทางที่คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งใช้เป็นใบเบิกทางย้ายประเทศ</p><p>อย่างไรก็ตาม โครงการออแพร์ถูกวิจารณ์อยู่เนืองๆ ว่า มีช่องโหว่ที่ทำให้โฮสต์ใช้งานออแพร์เกินเรื่องเกินราวจนกลายเป็นการเอารัดเอาเปรียบ เมื่อปี 2566 รัฐบาลนอร์เวย์ประกาศยกเลิกโครงการออแพร์ หลังจากเกิดข้อถกเถียงในสังคมมาหลายปี</p><p>ในปี 2559 สำนักข่าวแรปเลอร์ (Rappler) ปล่อยงานสืบสวนตีแผ่ชีวิตออแพร์ชาวฟิลิปปินส์ในเดนมาร์กว่าพวกเธอถูกเอารัดเอาเปรียบจากโครงการนี้อย่างไร</p><p>ตามข้อมูลจากองค์กร&nbsp;FOA ซึ่งเป็นองค์กรดูแลออแพร์ในเดนมาร์กระบุว่า เดนมาร์กมีออแพร์จากฟิลิปปินส์มากที่สุด รองลงมาคือไทย ต่อมาคือประเทศอื่นๆ ในแอฟริกา</p><p>สำหรับสังคมไทย ออแพร์ไม่เป็นที่รู้จักมากนักเหมือนกับอาชีพอื่นๆ ในต่างแดน ชนิดที่คนในสหภาพแรงงานยังไม่รู้จัก เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าโครงการนี้ไม่ใช่โครงการจัดหางานที่เป็นกิจลักษณะ คนไทยบางส่วนก็มีมุมมองต่อออแพร์ว่าเป็นการ “ไปหาประสบการณ์” มากกว่าจะเป็นอาชีพที่จริงจัง</p><p>จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวประชาไทพบว่า ออแพร์ไทยในต่างแดนมักทำคอนเทนต์แชร์ประสบการณ์ทางโซเชียลมีเดีย ชี้แนะช่องทาง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเฟซบุ๊กที่ใช้พูดคุยสอบถามกัน ตั้งแต่ขั้นตอนการทำสัญญางานกับโฮสต์ การทำงานล่วงเวลา การทำวีซ่า หาเพื่อนที่อยู่เมืองเดียวกัน หาออแพร์ใหม่ให้โฮสต์ การยื่นภาษี ไปจนถึงการขอความช่วยเหลือในกรณีที่มีปัญหากับโฮสต์จนต้องออกจากบ้าน การเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับออแพร์จึงมีลักษณะเป็นไม่เป็นทางการ อาศัยเครือข่ายทางสังคมที่พบเจอในโลกออนไลน์</p><p>เมื่อเห็นว่าประเทศสวีเดนมีข้อกำหนดที่ยืดหยุ่นต่อออแพร์มากที่สุด ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อพูดคุยกับอดีตออแพร์สวีเดน เพื่อค้นหาว่าการทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในประเทศที่คนไทยมักมองว่าเป็นประเทศ ‘รัฐสวัสดิการต้นแบบ’ นั้นเป็นอย่างไร มีอะไรบ้างที่เราควรต้องรู้เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ สถานการณ์แบบไหนที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงข้อเสนอแนะในการคุ้มครองออแพร์ นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้พูดคุยกับตัวแทนจากเอเจนซีออแพร์แห่งหนึ่งด้วย</p><h2>จากอดีตออแพร์ สู่คุณแม่ลูกสองที่รับออแพร์ไทย</h2><p>เมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่นใด สวีเดนดูจะเป็นประเทศที่มีข้อกำหนดยืดหยุ่นมากที่สุดและกลายเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายคนที่อาจตกเกณฑ์ของประเทศอื่น ด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้</p><p>หนึ่ง – เพดานอายุที่สูงกว่าประเทศอื่น</p><p>สอง – ออแพร์สามารถสมัครไปด้วยตนเองได้</p><p>สาม – ไม่ได้ระบุว่าออแพร์ต้องมีทักษะภาษาสวีดิชมาก่อน ขณะที่ประเทศที่ใช้ภาษาที่สามอย่างฝรั่งเศสและเยอรมนีกำหนดว่าผู้สมัครต้องมีความรู้ภาษาในระดับพื้นฐาน</p><p>สี่ – ตอนขอวีซ่า สวีเดนขอเอกสารน้อยกว่าประเทศอื่น</p><p>นี่คือคำบอกเล่าจากประสบการณ์ของ “นุ่น” อดีตออแพร์ไทยที่เป็นยูทูบเบอร์และเจ้าของเฟซบุ๊กเพจ “นุ่นนี่สวีเดน” ในระหว่างการพูดคุย เธออธิบายภาพรวมและแจงแจงรายละเอียดให้เราเข้าใจแบบเดียวกับที่เธอทำคอนเทนต์ในยูทูบ</p><p>“ไปประเทศไหนขึ้นอยู่กับอายุของเรา”</p><p>ย้อนไปเมื่อปี 2562 นุ่นในวัย 28 ปี สมัครเป็นออแพร์ประเทศสวีเดน เพราะมันเป็นที่เดียวที่เธอสมัครได้ การตัดสินใจครั้งนั้นนำพาให้เธอได้เหยียบแผ่นดินยุโรปเป็นครั้งแรก</p><p>การไม่มีความรู้ภาษาสวีดิชไม่ได้ทำให้นุ่นกังวล ตอนนั้นคิดแค่ว่าใจสู้ ขอแค่ได้ไปก็พอ อีกทั้งการเคยเข้าร่วมโครงการทำงานและท่องเที่ยว (Work and Travel) ที่สหรัฐอเมริกามาแล้วก็ทำให้นุ่นรู้ว่าตัวเองสนุกกับการใช้ชีวิตต่างประเทศ</p><p>นุ่นเลือกใช้บริการเอเจนซีแห่งหนึ่งให้ดำเนินการให้ เนื่องจากขณะนั้นเธอทำงานประจำและไม่สะดวกที่จะจัดการเอกสารด้วยตัวเอง</p><p>“การมีเอเจนต์ช่วยเรื่องเอกสาร หาโฮสต์ง่ายขึ้น แต่ที่เหลือเราต้องสู้เอง”</p><p>หลังจากที่คุยกับเอเจนซีเพียง 2 เดือน นุ่นหาโฮสต์แฟมิลี่ได้ แต่การมีเอเจนซีคอยดูแลไม่ได้แปลว่าเราสามารถวางใจได้ว่าทุกอย่างจะราบรื่น</p><p>“เอเจนต์บอกว่า ทำงาน 1 ปี ได้ฮอลิเดย์ 2 วีค แต่จริงๆ คนทำงาน 1 ปีที่สวีเดน สามารถถึง 5 วีค”</p><p>“ก่อนที่จะทำวีซ่า จะมีสัญญางาน (มาให้ออแพร์เซ็น) ซึ่งค่อนข้างหลวม ควรรัดกุมกว่านี้ เช่น วันหยุดนักขัตฤกษ์ ทำงานกี่ชั่วโมงต่อวีค และวันหยุดกี่วันต่ออาทิตย์”</p><p>นุ่นอยู่กับโฮสต์แฟมิลี่บ้านนี้เป็นระยะเวลา 9 เดือน อีกไม่กี่เดือนก็จะจบโครงการตามแพลนเธอวางไว้ ทว่าเกิดการระบาดของโควิด-19 ขึ้นมา นั่นทำให้การเป็นออแพร์ของเธอต้องหยุดลง</p><p>“9 เดือนที่อยู่กับเขา (โฮสต์) เลี้ยงเด็กและทำงานบ้านของทั้งบ้าน เรื่องงานบ้าน แต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน แต่พี่ทำของพี่เอง เหมือน (เราคนไทยก็ถูกสอนมา) อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย”</p><p>ตอนแรกนุ่นแพลนไว้ว่าจะใช้เส้นทางออแพร์เป็นเส้นทางย้ายประเทศ เริ่มที่สวีเดน ต่อเนเธอร์แลนด์ จบที่แคนาดา แต่ในช่วงโควิดที่เธอจำต้องหยุดเป็นออแพร์ เธอก็ได้พบรักกับชายคนหนึ่งที่ต่อมาพัฒนาความสัมพันธ์จนแต่งงาน หลังจากนั้นนุ่นกลับเมืองไทยไปทำวีซ่าประเภทผู้อยู่อาศัย (Resident Visa) เพื่อบินกลับมาอยู่สวีเดน</p><p>ปัจจุบัน อดีตออแพร์คนนี้กลายมาเป็นคุณแม่ของลูก 2 คน เธอสลับฝั่งมาเป็นโฮสต์แฟมิลี่ ครอบครัวนี้มีออแพร์ไทยมาแล้ว 4 คน เพราะอยากให้ลูกได้ภาษาไทย โดยนุ่นหาออแพร์ด้วยตนเองผ่านโซเชียลมีเดีย ทุกครั้งที่เธอโพสต์รับสมัครก็จะมีคนส่งใบสมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก</p><p>นุ่นในฐานะอดีตออแพร์บอกด้วยว่า เมื่อเธอชั่งน้ำหนักดูแล้วจากทุกเรื่องที่พบเจอ แม้มีวันที่เครียดบ้าง ท้อบ้างก็ยังรู้สึกว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เปิดโอกาสให้เด็กไทยมายุโรปได้ในราคาไม่แพง การสมัครด้วยตนเองก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก ใครที่อยากมาก็ขอให้ได้มา</p><h2>อดีตออแพร์ 3 ประเทศผู้ผันตัวทำธุรกิจรับให้คำปรึกษา</h2><p>อดีตออแพร์อีกคนหนึ่งที่ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยคือ ภรกมล สารเถื่อนแก้ว หรือ บี๋ ผู้เคยเป็นออแพร์ในสหรัฐฯ สวีเดน และเนเธอร์แลนด์</p><p>สมัยที่ยังเป็นออแพร์ บี๋เป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์จากการทำคลิปบอกเล่าเรื่องราวทางช่องยูทูบ&nbsp;Biee Au Pair คอนเทนต์ของเธอจึงจัดว่า ‘ทำถึง’ จึงมีคนทักเข้ามาปรึกษามากมาย</p><p>ปัจจุบันบี๋แต่งงานและอาศัยอยู่กับสามีที่ประเทศสกอตแลนด์จึงหันมาบอกเล่าเรื่องราวผ่านเพจ&nbsp;Biee In Scotland แทน โดยเธอได้แปรเปลี่ยนประสบการณ์วงในเรื่องออแพร์ที่สั่งสมมาให้กลายเป็นธุรกิจเล็กๆ คือ บริการให้คำปรึกษาผู้ที่ต้องการไปเป็นออแพร์</p><p>บี๋เล่าว่า หลังจากเรียนจบการศึกษาเอกภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตอนนั้นเธอในวัย 23 ปี หรือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตัดสินใจไปเป็นออแพร์ที่สหรัฐฯ เพราะต้องการพัฒนาสกิลภาษาอังกฤษ&nbsp;“ตอนปีสี่ฝึกงานโรงแรม แล้วฟังลูกค้าต่างชาติพูดไม่รู้เรื่องเลยทั้งๆ ที่เป็นประโยคง่ายๆ จึงตั้งใจจะไปฝึกภาษาแล้วกลับมาทำงานที่ไทย”</p><p>“ชีวิตที่ไทยทำงานหนัก ที่บ้านไม่ค่อยมีเงิน (การเป็นออแพร์ที่สหรัฐฯ) คือชีวิตที่ไม่ต้องคิดอะไร ได้เงินเป็นรายอาทิตย์ ประมาณ 6,000 บาท ตอนนั้นก็ใช้เงินแบบไม่คิดอะไร ชีวิตสนุก ไปเที่ยว”&nbsp;เดิมเธอคิดว่าจะไปแค่ปีเดียว แต่สนุกจึงเลือกเส้นทางนี้ต่อเลย</p><p>บี๋เล่าว่าถึงเธอไม่ทำธุรกิจ คนก็ทักมาปรึกษาอยู่ดี โดยเธอเริ่มต้นธุรกิจนี้ตอนช่วงปี 2565 หลังจบโครงการออแพร์ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้วก็กลับเมืองไทย ได้มีเวลาว่าง จึงเริ่มเขียนข้อมูลออแพร์แต่ละประเทศลงเว็บไซต์</p><p>ก่อนหน้านั้นหนึ่งปี ซึ่งช่วงนั้นตรงกับช่วงที่มีกระแส ‘ย้ายประเทศกันเถอะ’ บูมในหมู่คนรุ่นใหม่ เธอให้คำปรึกษาแบบฟรีๆ เพื่อแลกกับข้อมูลรีวิวจากลูกค้า</p><p>ธุรกิจของเธอมีชื่อว่า ‘Biee Au Pair’ คิดค่าบริการ 3,499 บาท ซึ่ง&nbsp;“ค่อนข้างถูกมากในการไปต่างประเทศสำหรับคนๆ หนึ่ง” โดยเป็นระบบสมาชิกตลอดชีพ จ่ายครั้งเดียวแล้วปรึกษาได้ตลอด ปัจจุบันมีสมาชิกกว่าพันคน</p><p>“(คนที่เข้ามาใช้บริการเรา) ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ม.ปลายกับเด็กจบใหม่ เด็ก ม.ปลายค่อนข้างจะเยอะ แต่พวกเขามักไม่ถูกเลือก เนื่องจากโฮสต์ก็อยากได้คนที่ดูน่าเชื่อถือว่าจะมาเลี้ยงลูกเขาได้จริงๆ ทำให้คนจบปริญญาตรีได้ไปเยอะกว่า”</p><p>ในเว็บไซต์ Biee Au Pair ระบุถึงบริการที่ลูกค้าจะได้รับ อาทิ ช่วยเช็ก-เลือกรูปภาพในการสมัคร เขียนโปรไฟล์ให้น่าสนใจในการหาโฮสต์แฟมิลี่ ช่วยทำเรซูเม่ (CV / Resume) เขียนจดหมายแรงบันดาลใจในการเป็นออแพร์ ช่วยทำสคริปต์วิดีโอการแนะนำตัว ติวก่อนสัมภาษณ์กับโฮสต์แฟมิลี่ ไปจนถึงการตรวจสอบเอกสารก่อนยื่นวีซ่า ปรึกษาได้ตลอดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงได้วีซ่า</p><p>ก่อนที่จะมาลงตัวที่ราคาสามพันกว่าและระบบสมาชิกตลอดชีพ เธอเคยตั้งราคาถูกกว่านี้ และเคยมีระบบสมาชิกวีไอพีที่ให้แบ่งจ่ายค่าบริการเป็นงวดๆ ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเข้าใจดีว่าคนที่ไปออแพร์ส่วนมากก็มีพื้นเพคล้ายๆ กับเธอที่ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตมากเท่าไร อย่างไรก็ตาม ความยืดหยุ่นของเธอก็กลายเป็นช่องว่างให้ลูกค้าบางคนตุกติก เธอจึงเลิกระบบนี้ไป</p><h2>หน้าที่ของเอเจนซี-ปัญหาที่พบบ่อยหน้างาน</h2><p>ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังเอเจนซีไม่กี่แห่งที่ระบุในเว็บไซต์ว่ามีโครงการออแพร์ที่ประเทศสวีเดนด้วย เพื่อสอบถามถึงหน้าที่ของเอเจนซี และเทรนด์ในภาพรวมของการไปเป็นออแพร์ในหมู่เด็กยุคนี้</p><p>Beloved Thai Aupair เป็นเอเจนซีแห่งเดียวที่ตอบรับการให้สัมภาษณ์ โดย แอง ผู้เป็นเจ้าหน้าที่จาก Beloved Thai Aupair แสดงความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเราสนใจประเทศสวีเดน เธอบอกว่าเป็นประเทศที่คนไปน้อยมาก มีเพียง 1-2 ต่อปีเท่านั้น ทางฝั่งเอเจนซีแทบจะไม่โปรโมตเลย</p><p>แองเล่าถึงเทรนด์ในภาพรวมว่า เมื่อผ่านพ้นกระแสคนรุ่นใหม่ย้ายประเทศ คนไปออแพร์ผ่านเอเจนซีก็ตกฮวบ</p><p>“ช่วงกระแสย้ายประเทศ (ยอดสมัคร) โหดมาก ใบสมัครถล่ม ข้อความเข้ามาทางเพจ 20,000 ข้อความต่อสัปดาห์…(ช่วงนั้นเอเจนซีเรา) ส่งไปอเมริกาได้เดือนละ 30 กว่าคน”</p><p>ในช่วงหลังๆ มานี้ ขนาดสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งก็มีเพียง 1-2 คนต่อเดือน&nbsp;“เด็กยุคนี้ไม่ค่อยสนใจงานออแพร์ ยอดคนสมัครฮวบลงไปประมาณ 70% หลังจากโควิด-19 ระบาด”</p><p>เมื่อถามว่าหน้าที่ของเอเจนซีมีอะไรบ้าง แองอธิบายว่ามีตั้งแต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการแก่ผู้ที่สนใจไปเป็นออแพร์ คัดกรองคุณสมบัติผู้สมัครว่าเข้าเกณฑ์หรือไม่ ช่วยกรอกใบสมัคร ทำรูปถ่าย-คลิปวิดีโอแนะนำตัว ช่วยผู้สมัครหาแง่มุมนำเสนอตัวเองแก่โฮสต์แฟมิลี่ และช่วยสกรีนเบื้องต้น</p><p>“ส่วนใหญ่ 60% (น้องๆ ที่เข้ามาหาเรา) จะแบล๊ง (ไม่รู้ข้อมูลอะไรมาก่อน) เลย”</p><p>“(บางคน) ใจอยากไป แต่เอเจนซี่จะจะช่วยดูว่าโฮสต์เหมาะกับน้องหรือเปล่า โฮสต์เป็นมังสวิรัติ เราไม่ได้เป็น เราจะอยู่ได้ไหม”</p><p>แองเล่าว่าเอเจนซี BTA ทำข้อตกลงกับเอเจนซีประเทศปลายทางเอาไว้ว่าผู้สมัครที่ผ่านเราจะต้องมีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาบ้าง ถ้าไปเป็นออแพร์ในยุโรปก็จะประมาณ 50-200 ชั่วโมง</p><p>โดยมีค่าใช้จ่ายแบ่งเป็น ค่าดำเนินการของเอเจนซี่ 26,000 บาท และ ค่าวีซ่าประมาณ 3,500 ที่ออแพร์ต้องจ่ายเอง</p><p>ในระหว่างโครงการ เอเจนซีมีการช่วยเหลือออแพร์เบื้องต้น กรณีที่พบบ่อยคือมีปัญหากับโฮสต์แฟมิลี่ แต่ไม่กล้าคุยตรงๆ กับโฮสต์ เหตุผลส่วนหนึ่งคือเรื่องกำแพงภาษา ทำให้หน้างานเลือกที่จะเงียบ แต่มาขอเปลี่ยนโฮสต์</p><p>โดยเอเจนซีจะแนะนำให้ออแพร์ลองพูดคุยกับโฮสต์เองก่อน การหาโฮสต์ใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่า&nbsp;“โฮสต์ใหม่ 90% จะขอโทรคุยกับโฮสต์เดิม”</p><p>แองบอกว่าปัญหาที่ออแพร์ไทยในโซนยุโรปเจอแล้วจะรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ คือการทำงานเกินชั่วโมง ส่วนใหญ่โฮสกับออแพร์จะตกลงกันเรื่องจำนวนชั่วโมง แต่เมื่อไปเจอหน้างานจริงถึงจะรู้ว่าการคุยแค่นั้นมันหลวมเกินไป</p><p>“ช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมกับปิดเทอม ชั่วโมงการทำงานก็จะต่างกัน ตอนคุย (กันตอนแรก) มันเป็นการแจ้งคร่าวๆ แต่ไม่ได้ระบุว่ากี่โมงถึงกี่โมง”</p><p>ในกรณีของสวีเดน กฎหมายกำหนดให้ออแพร์ทำงานสัปดาห์ละไม่เกิน 25 ชั่วโมง แต่ในทางปฏิบัติก็มีความยืดหยุ่น อยู่ที่จะตกลงกัน เช่น ในช่วงปกติอาจทำแค่ 20 ชม. แต่ช่วงซัมเมอร์ที่เด็กปิดเทอม อาจจะต้องทำถึง 30 ชั่วโมง</p><p>สัญญาจ้างงานระหว่างโฮสต์กับออแพร์มีแบบฟอร์มตามกฎของรัฐบาลสวีเดน&nbsp;“แต่ทางรัฐบาลไม่ได้ระบุวันหยุด”&nbsp;จึงเป็นเรื่องที่อาศัยการตกลงกันเองเช่นเดียวกัน</p><p>เมื่อถามว่าการสมัครออแพร์ผ่านเอเจนซีจะช่วยให้ปลอดภัยกว่าขนาดไหน เมื่อเทียบกับการสมัครไปเองทุกขั้นตอนด้วยตนเอง แองตอบว่าเท่าที่ทำงานด้านนี้มา เธอก็ยังไม่เคยได้ยินปัญหาที่ร้ายแรง</p><p>จากการที่ผู้สื่อข่าวสังเกตจากบทสนทนาในโลกออนไลน์ของออแพร์ไทยในยุโรป พบว่ามีคำถามเกี่ยวกับการทำงานเกินเวลาอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นคำถามว่าโฮสต์ควรต้องจ่ายค่าล่วงเวลาชั่วโมงละเท่าไหร่ บ้างมีคนตอบว่ามีเรทราคาอยู่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกับโฮสต์เป็นหลัก อีกคำถามหนึ่งก็คือ ค่าล่วงเวลาจำเป็นต้องถูกระบุตั้งแต่ขั้นตอนการทำสัญญางานด้วยหรือไม่ หรือเป็นการตกลงกันปากเปล่าก็พอ ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่มีกฎที่แน่ชัดเพื่อคลายความสงสัยเหล่านี้</p><p>ด้วยลักษณะของงานที่เป็นงานในบ้าน อยู่กันแบบครอบครัวใต้ชายคาเดียวกัน มีความผูกพันใกล้ชิดกับเด็กๆ ที่ดูแล อีกทั้งเงื่อนไขของโครงการที่ทำให้ออแพร์จำต้องพึ่งพาโฮสต์อยู่มาก ความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันนี้ทำให้การตกลงกันในเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือขอบเขตของงานดูจะทำได้อย่างกระอักกระอ่วน อย่างเช่น ถ้าโฮสต์พ่อแม่กลับดึก ออแพร์จะปล่อยน้องไว้แล้วไปพักผ่อนเลยได้หรือไม่ เชื่อว่าในความเป็นมนุษย์คงไม่น่าจะมีใครสบายใจที่จะทิ้งเด็กเล็กๆ ไว้ลำพัง หรือ ถ้าเราอาศัยอยู่ในบ้านของใครสักคนแล้วเขาขอให้ช่วยงานอื่นๆ เพิ่มเติมในเวลาที่เราควรได้พักผ่อน แม้ว่าใจเราไม่อยาก แต่เราจะปฏิเสธแบบเต็มปากเต็มคำได้หรือ โดยธรรมชาติของคนไทยมักขี้เกรงใจอยู่แล้ว หากปฏิเสธก็อาจส่งผลต่อความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ในบ้านก็ได้ จึงกลายเป็นว่าออแพร์ไม่ว่าจะสมัครไปเองหรือไปกับเอเจนซี่ก็ต้อง ‘เสี่ยงดวง’ เอาเองว่าจะได้เจอโฮสต์ที่แฟร์หรือไม่</p><h2>เทียบความต่าง ยุโรป-อเมริกา ข้อเสนอคุ้มครองออแพร์ควรเป็นแบบไหน</h2><p>บี๋ อดีตออแพร์ผู้มีประสบการณ์ในสามประเทศ เล่าถึงความแตกต่างหลักๆ ของฝั่งยุโรปและอเมริกา คือเรื่องตารางงานและวัฒนธรรม</p><p>“เคยไปอเมริกามา 2 ปี ระบบดูแลออแพร์ดี กฎแฟร์ โฮสต์ดูแลเหมือนเรามาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน โฮสพาไปเปิดธนาคาร”</p><p>“สวีเดน (สมัคร) ไปเอง ค่อนข้างโชคดีที่เจอบ้านดี แต่ฝั่งยุโรปแตกต่างตรงที่เราต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไปเปิดบัญชีธนาคารเอง ตารางงานไม่มีตัวกลางมาคุยให้เรา มันยืดหยุ่น”</p><p>บี๋บอกว่าแต่ละบ้านมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะชั่งน้ำหนัก ที่สหรัฐฯ บี๋มีช่วงเวลาทำงานที่แน่นอนคือ 7.00-17.00 น. ไม่เกิน 45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์</p><p>ส่วนบ้านที่สวีเดนแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เธอทำงานช่วง 15.30-20.30 น. รวมไม่เกิน 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยจะมีช่วงเช้าที่เธอได้ออกไปเรียนภาษาสวีดิช</p><p>โฮสต์ของเธอที่สวีเดนเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีลูกสองคน เปิดบริษัทเอง ไลฟ์สไตล์เขายืดหยุ่นมาก เช่นเดียวกับตารางงานของเธอที่จะเปลี่ยนทุกอาทิตย์ แม้โฮสต์แจ้งล่วงหน้าก่อน แต่มันก็ทำให้เธอวางแพลนไปเที่ยวยาวๆ ได้ลำบาก</p><p>อย่างไรก็ตาม ข้อดีของบ้านนี้คือ โฮสต์มีอพาร์ทเมนต์ส่วนตัวให้กับออแพร์ ตั้งอยู่ข้างๆ แยกออกมาจากตัวบ้าน</p><p>ขณะที่ แอง ผู้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่จาก Beloved Thai Au Pair ที่ในอดีตเคยเป็นออแพร์สหรัฐฯ มาก่อน บอกกับผู้สื่อข่าวว่าสิ่งที่สหรัฐฯ กับยุโรปมองต่างกันคือความคาดหวังต่อออแพร์ในเรื่องการทำงานบ้าน</p><p>“อเมริกามีกฎว่าออแพร์ทำเฉพาะงานบ้านที่เกี่ยวกับเด็ก แต่โฮสต์ยุโรปคาดหวังให้ออแพร์ทำงานบ้านของทั้งบ้าน”</p><p>เมื่อถามว่ารัฐบาลของประเทศปลายทางควรมีนโยบายคุ้มครองออแพร์อย่างไรบ้าง</p><p>แอง ผู้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่จาก Beloved Thai Au Pair กล่าวว่าโมเดลแบบที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาทำถือเป็นตัวอย่างที่ดี สหรัฐฯ อนุญาตให้ออแพร์ไปผ่านเอเจนซีที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น&nbsp;“มี au pair meeting เดือนละครั้ง ให้ออแพร์แต่ละชาติในละแวกบ้านมาเจอกัน”&nbsp;รวมถึงมีผู้ประสานงานในระดับท้องถิ่น (Local Coordinator: LCC) อยู่ในรัศมีที่จะให้ความช่วยเหลือออแพร์ได้</p><p>ทางด้านบี๋ อดีตออแพร์สามประเทศที่ผันตัวมาทำธุรกิจให้คำปรึกษา กล่าวว่าที่เดนมาร์กมีศูนย์รับเรื่องออแพร์ที่เรียกว่า FOA แต่ในกรณีของสวีเดน เมื่อออแพร์เจอปัญหาก็ไม่รู้ว่าต้องรายงานที่ไหน เพราะว่าไม่มีหน่วยงานที่ดูแลออแพร์โดยตรง ทำให้เวลาที่ออแพร์เจอปัญหาก็จะเป็นการแก้โดยอาศัยแรงของปัจเจกบุคคล เช่น บางทีออแพร์ Rematch (เปลี่ยนครอบครัว) แล้วโฮสต์เก่าไม่จ่ายเงิน ออแพร์ก็ไม่รู้ว่าจะไปร้องเรียนที่ไหน กลายเป็นว่าโฮสต์ใหม่ก็ต้องมาช่วยพูดกับโฮสต์เก่า</p><p>ผู้สื่อข่าวติดต่อสถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงเทพ เพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ</p><p>ผู้สื่อข่าวติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮลม์ เพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลตอบกลับมาเพื่อสอบถามถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น</p><p>ทั้งนี้ จากการสืบค้นของประชาไทพบว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน มีการจัดอบรมเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประเทศเดนมาร์กให้กับออแพร์ ในปี&nbsp;2567 และ&nbsp;2568</p><div class="note-box"><p><strong>รายงานชิ้นนี้ผลิตโดยนักข่าวที่เข้าร่วมโครงการ UNDP Media Fellowship on Sustainable Development ในหัวข้อ Business and Human Rights&nbsp;&nbsp;</strong> &nbsp;&nbsp;</p></div></div>
      <div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" hreflang="th">ข่าhttp://prachatai.com/category/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99" hreflang="th">แรงงาhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99" hreflang="th">สิทธิมนุษยชhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95" hreflang="th">คุณภาพชีวิhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8" hreflang="th">ต่างประเทhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%8C" hreflang="th">ออแพรhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%99" hreflang="th">สวีเดhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81" hreflang="th">พี่เลี้ยงเด็http://prachatai.com/category/%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%B0" hreflang="th">ย้ายประเทศกันเถอhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B" hreflang="th">ยุโรhttp://prachatai.com/category/au-pair" hreflang="th">au pair[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/care-work" hreflang="th">care work[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/depth" hreflang="th">depth[/url]</li>
      </ul>
</div> <!--/.node-taxonomy-container -->

 

http://prachatai.com/journal/2025/09/114645
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.123 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 27 กันยายน 2568 11:16:06