10 อันดับงานวิจัยใต้สะดือแห่งปี 2011 เว็บไซต์ข่าววิทยาศาสตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ จัดอันดับ 10 งานวิจัยใต้สะดือยอดเยี่ยมของปี 2011 มีทั้งเรื่องเซ็กส์ทอยที่ชาวสหรัฐฯ โปรดปราน ปลาหมึกที่มีเพศสัมพันธ์พิสดาร และใครจะรู้ล่ะว่าการนั่งสมาธิเพิ่มความสุขทางเพศรสได้ บางครั้งวิทยาศาสตร์ก็ลงไปแตะเรื่องใต้สะดือแล้วก้ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจออกมา ปีที่ผ่านมาก็เช่นกัน เมื่อมีนักวิจัยลงไปสำรวจเรื่องชวนให้ขวยเขินจำพวก การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไป, เซ็กส์ทอย, และการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ ทั้ง 10 เรื่องต่อไปนี้ถูก Livescience จัดให้เป็น 10 อันดับงานวิจัยใต้สะดือประจำปี 2011
1.) ไม่ใช่เพียงผู้ชายเท่านั้นที่รู้สึกว่าตนถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไป
จากงานวิจัยของวารสารเพศวิทยา Sexologies ฉบับเดือน ต.ค. 2011 การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไปเกิดในเพศหญิงมากกว่าที่คิด ในการสำรวจขั้นต้นจากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงชาวโปรตุเกส โดยโรงพยาบาลในโปรตุเกสเปิดเผยว่ามีผู้หญิงร้อยละ 14 ประสบกับปัญหาการถึงจุดสุดยอดไม่พึงปรารถนาก่อนเวลาอันควรอยู่บ่อยๆ ผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่สามารถควบคุมการถึงจุดสุดยอดของตัวเองได้ และมักจะรู้สึกอึดอัดหากจะมีเพศสัมพันธ์ต่อ ทำให้คู่นอนรู้สึกไม่ดี นักวิจัยเผยว่าพวกเขาจะทำการวิจัยต่อยอดเพื่อศึกษาว่า การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไปในเพศหญิงนั้น จะถูกจัดเป็นความผิดปกติในการมีเพศสัมพันธ์เช่นเดียวกับการหลั่งเร็วในเพศชายได้หรือไม่
2.) ชาวอเมริกันโปรดปรานไวเบรเตอร์
เรื่องนี้อาจจะไม่น่าแปลกใจนัก ในปีที่ผ่านมามีการสำรวจพบว่าชาวอเมริกันดูจะชื่นชอบเซ็กส์ทอย อย่างน้อยก็ในกลุ่มผู้หญิง จากการสำรวจของสหรัฐฯ พบว่า กลุ่มตัวอย่างราวครึ่งหนึ่งเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า "ไวเบรเตอร์ (เซ็กส์ทอยที่เป็นเครื่องระบบสั่น) เป็นส่วนหนึ่งของวิธีทางเพศของผู้หญิงที่ดีต่อสุขภาพ" เปรียบเทียบกับร้อยละ 10 ของกลุ่มตัวอย่างที่มองประโยคนี้ในแง่ลบ รวมถึงผู้มีความเชื่อที่ว่าการใช้ไวเบรเตอร์เป็นการดูถูกคู่นอนของพวกเธอ
ก่อนหน้านี้คณะผู้วิจัยทีมเดียวกันเคยสำรวจพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงร้อยละ 53 และผู้ชายร้อยละ 45 เคยใช้ไวเบรเตอร์มาก่อน และพบความเกี่ยวข้องระหว่างการใช้ไวเบรเตอร์กับความพึงพอใจทางเพศ
3.) การทำสมาธิช่วยเพิ่มความสุขทางเพศรส
เรื่องนี้เป็นเรื่องเซ็กส์ในเหล่าสตรีเพศอีกแล้ว งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งในเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้หญิงที่ "ทำสมาธิวิปัสสนา" จะมีร่างกายที่ไวต่อการตอบสนองสิ่งเร้าทางเพศเช่น รูปอิโรติก มากขึ้น นักวิจัยรายงานในวารสารเวชศาสตร์กายจิต (Psychosomatic Medicine) ว่า การทำสมาธิที่เน้นให้คนอยู่กับปัจจุบันขณะ จะช่วยยับยั้งความวิตกกังวลและความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ได้
4.) มนุษย์โบราณก็มีการผสมข้ามพันธุ์
ก่อนหน้านี้ในปี 2010 เคยมีข่าวการสำรวจพบว่า มนุษย์เผ่าพวกเราและนีแอนเดอทาล เคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ในปี 2011 มีการสำรวจไปไกลกว่านั้น เมื่อมีการค้นพบในเดือน มิ.ย. ว่า นักวิจัยค้นพบหลักฐานทางดีเอนเอ ที่บอกว่ามนุษย์ยุคปัจจุบันมีชิ้นส่วนของพันธุกรรมนีแอนเดอทาลอยู่ร้อยละ 9 ยกเว้นในทวีปแอฟริกา นั่นหมายความว่า การทดลองมีเพศสัมพันธุ์กันข้ามเผ่าพันธุ์จนเกิดการผสมยีนส์กันน่าจะเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่มนุษย์เราอพยพออกจากทวีปแอฟริกา
และในทวีปเอเชียเมื่อ 23,000 ถึง 45,000 ปีที่แล้ว มนุษย์เราก็มีความใกล้ชิดกับมนุษย์พันธุ์เดนีโซวาน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ที่แตกแขนงเผ่าพันธุ์มาจากเครือญาตินีแอนเดอทาล
อีกนัยหนึ่ง การมีเพศสัมพันธ์ข้ามพันธุ์อาจจะเกี่ยวเนื่องกับการคุมกำเนิดด้วยก็ได้ เมื่องานวิจัยในเดือน ก.ย. 2011 เผยว่าการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับนีแอนเดอทาลจะมีโอกาสเกิดลูกเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น
5.) วัยรุ่นคิดว่าออรัลเซ็กส์ มีความเสี่ยงน้อยกว่า
แม้จะมีหลักฐานชี้ว่าการทำออรัลเซ็กส์ (การทำรักด้วยปาก) มีความเสี่ยงบางส่วนต่อมะเร็งหู คอ จมูก แต่วัยรุ่นก็คิดว่าการออรัลเซ็กส์มีความเสี่ยงน้อยกว่าการสอดใส่ทางช่องคลอดหรือทวารหนัก ในเดือน ก.พ. 2011 มีการนำเสนองานวิจัยในที่ประชุมประจำปีของสมาคมเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา (American Association for the Advancement of Science) ซึ่งเปิดเผยว่า มีวัยรุ่นร้อยละ 14 คิดว่าการทำออรัลเซ็กส์ไม่ได้มีความเสี่ยงใดๆ ต่อสุขภาพ ในความจริงคือมีไวรัสอยู่ตัวหนึ่งที่ชื่อ papilloma virus (HPV) ที่สามารถติดต่อระหว่างคน และความเสี่ยงต่อการติดไวรัสนี้ในปากและคอจะเพิ่มขึ้นหากยิ่งมีการทำออรัลเซ็กส์ให้คู่นอนมากคน