[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 01:05:57 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ท้าวกุเวรมหาราช (ไฉ่ชิ๋งเอี้ย)  (อ่าน 35568 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 12 มิถุนายน 2553 16:22:54 »



ภาพถ่าย ท้าวกุเวร จากหน้าผาของประเทศจีน

ท้าวกุเวรมหาราช (ไฉ่ชิ๋งเอี้ย)

ตามตำนาน องค์ท้าวกุเวร

บางตำนานก็เรียก...พระเศรษฐี
เรียก....ไฉ่ฉิงเอี๊ย
เรียก....ท้าวเวสสุวรรณ

ในความเป็นมนุษย์ ย่อมมีศรัทธาเป็นที่ตั้ง
มีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

ความเชื่อในศาสตร์ ความเชื่อในศิลปวัฒนธรรม
มีตำนาน มากมายอ้างอิงถึงประวัติของแต่ละความเชื่อ

ให้ยึดมั่นถือมั่นในความดี มีศีลธรรม
คิดดีประพฤติดี มีสัจจะ ทั้งทางกาย วาจา ใจ


องค์ท้าวกุเวร (ชัมภล) หรือ เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย

พระหัตถ์ด้านขวาถือลูกแก้ววิเศษ
พระหัตถ์ด้านซ้ายถือพังพอน

ที่กำลังคาย เพชร,นิล,จินดา,แก้วแหวนเงินทอง
พระบาทซ้ายเหยียบหอยโข่ง นั่งท่ามหาราชเทวา

ความเชื่อในพระปางนี้มีมาตั้งแต่อินเดีย
ผ่านไทยไปถึงเมืองจีน

ที่เมืองจีนเรียกไฉ่ฉิงเอี้ย สลักอยู่ที่หน้าผาหิน



ท้าวกุเวร วัดถ้ำคูหาพิมุข ถ้ำพระนอน
อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
 
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2553 17:03:33 »




ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

หากเอ่ยถึงเทพเจ้าต่างๆ ที่ชาวจีนกราบไหว้บูชาแล้ว จะเห็นได้ว่ามีอยู่ด้วยกันนับสิบสิบองค์ และองค์หนึ่งที่ชาวจีน
มักบูชาเพื่อความโชคดี ความมั่งคั่ง ความร่ำรวยมีโชคมีลาภก็คือ ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเอง

ซึ่งเป็นเทพเจ้าองค์แรก ที่ชาวจีนทุกครอบครัวกราบไหว้บูชากันในวันแรกของปีใหม่ ตามคติของชาวจีน
คือวันชิวอิก ตรุษจีนของปี เพื่อขอให้ท่านประทานความมั่งมีศรีสุข
โชคลาภ ความร่ำรวย ชาวจีนให้ความเคารพนับถือและกราบไว้บูชากันมาหลายพันปีแล้ว

ประวัติความเป็นมาของไฉ่ซิงเอี้ย นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายตำนาน เท่าที่ศึกษาดูและพอจะมีหลักฐานเค้าความจริง
อยู่ด้วยกันหลายเรื่อง มีอยู่ด้วยกัน 2 ภาค คือ

เทพเจ้าแห่งโชคลาภฝ่ายบู๊ (บูไฉ่ซิงเอี้ย) และเทพเจ้าแห่งโชคลาภฝ่ายบุ๋น (บุ่งไฉ่ซิงเอี้ย)

ตามตำนานกล่าวกันว่า เทพเจ้าแห่งโชคลาภฝ่ายบู๊ก็คือ เจ้ากงหมิง ซึ่งบำเพ็ญพรตอยู่บนเขาง้อไบ๊ สำเร็จมรรคผล
เป็นเซียนที่มีอิทธิฤทธิ์สูงมาก หน้าตาดุร้าย มีหนวดเครารุงรัง มีสมุนร้ายกาจมาก คือ เสือดำ บางตำราว่าเป็นเสือโคร่ง
และยังมีของวิเศษอีกหลายอย่าง เช่นแส้เหล็ก ไข่มุกวิเศษ เชือกล่ามมังกร
แม้แต่ เจียงไท่กง ซึ่งเป็นเทพผู้ใหญ่ มีหน้าที่แต่งตั้งเทพเจ้าองค์ต่างๆ ยังสู้เจ้ากงหมิงไม่ได้และตอนหลัง
ยังได้ของวิเศษอีก 4 อย่าง คือเจียป้อ หนับเตียง เจียใช้ หลี่ฉี ซึ่งเป็นของวิเศษที่สามารถเรียกเงินทองให้
ไหลมาเทมา ช่วยให้การค้าราบรื่นได้กำไรงาม ประชาชนจึงพากันกราบไหว้ เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภเงินทองความมั่งคั่ง

เทพเจ้าแห่งโชคลาภฝ่ายบุ๋น ตามตำนานกล่าวกันว่า คือ ปี่กาน อัครมหาเสนาบดีของจักรพรรดิอินโจ้ว ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์
สุดท้ายแห่งราชวงศ์อินหน้าตาสะอาดหมดจด รับใช้ราชสำนักด้วยความจงรักภักดี แต่ถูกนางสนมเอกของจักรพรรดิอินโจ้ว
กลั่นแกล้ง โดยจะขอหัวใจของปี่กานมาเป็นยา ซึ่งปี่กานก็รู้ว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ก่อนที่จะควักหัวใจให้ไปปี่กาน ได้รับยาวิเศษ
จากเจียงไท่กง ผู้ใดกินแล้วถึงแม้ไม่มีหัวใจและกินเข้าไปก่อนแล้วก่อนควักหัวใจ จึงทำให้มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีหัวใจ
พอควักหัวใจให้ไปแล้วก็เดินออกจากวังไป ตอนหลังเร่ร่อนไปตามหมู่บ้านต่างๆ เที่ยวโปรยเงินโปรยทองกลายเป็นเทพเจ้า
แห่งทรัพย์สินเงินทอง และโปรยเงินทองให้ประชาชนอย่างทั่วถึง
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2553 17:11:36 »



พระเศรษฐีชัมภล หรือพระธนบดี หรือ ท้าวกุเวร
พิมพ์ต่างๆ ในสมัยโบราณ ซึ่งมีสร้างทั้งศรีวิชัยและทวารวดี


ลักษณะที่สำคัญอันเป็นเอกลักษณ์

เนื่องจากไฉ่ซิงเอี้ยเป็นเทพแห่งความโชคดี ความมั่งคั่งและความร่ำรวยและเป็นที่นิยมนับถือกันในหมู่ชาวจีนโดยเฉพาะ
ชาวจีนที่ประกอบการค้า ดังนั้นจึงปรากฏว่ามีการสร้างรูปเคารพของไฉ่ซิงเอี้ยขึ้นมา
เพื่อสักการะบูชากัน ซึ่งมีตั้งแต่เป็นภาพ
วาด, รูปปั้นเซรามิค (กระเบื้อง) และรูปหล่อโลหะ (มีน้อยไม่ค่อยพบเห็นเพราะจัดสร้างยาก ต้นทุนสูง)
 
ลักษณะที่ปรากฏในรูปเคารพดังกล่าว จึงแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

1. รูปเคารพของไฉ่ซิงเอี๊ยในภาคบู๊

รูปเคารพของไฉ่ซิงเอี้ยในลักษณะนี้ จะเป็นรูปของไฉ่ซิงเอี้ยที่อยู่ในวัยกลางคน
สวมใส่ชุดนักรบจีนโบราณอันประกอบไปด้วยชุดเกราะ, หมวกขุนพลจีนโบราณ

มือขวาจะถือกระบอง มือซ้ายถือเงินหยวน (หยวนเปา)
ใบหน้าดุดันค่อนข้างไปในทางเหี้ยมโหด และมีพาหนะเป็นเสือโคร่งลาดพาดกลอนตัวใหญ่

2. รูปเคารพของไฉ่ซิงเอี๊ยในภาคบุ๋น

รูปเคารพของไฉ่ซิงเอี้ยในลักษณะนี้ เป็นรูปของไฉ่ซิงเอี้ยอยู่ในชุดขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของจีนโบราณ
สวมหมวกขุนนางมีปีกออกไปสองข้าง (ลักษณะเดียวกับหมวกของเทพลก)

ชุดขุนนางจีนชั้นผู้ใหญ่ก็จะครบเครื่องครบครันทั้งเสื้อนอกเสื้อใน
มือซ้ายจะถือเงินหยวน (หยวนเปา) หรือบางที่ไม่ได้ถืออะไรดังกล่าวเลย

แต่มือทั้งสองจะถือแผ่นผ้าจารึกอักษร (ปัก) ที่คลี่ออก
มาเป็นคำอวยพรที่เป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชาท่าน
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2553 17:32:34 »



รูปสลักหิน เทพเจ้าแห่งโชคลาภ คนจีนเรียก " ไฉ่ซิ้งเอี้ย "
คนทิเบต อินเดีย เนปาลเรียก " ชัมภล หรือ ชัมภาลา"
คนไทยเรียก "ท้าวกุเวร หรือ พระธนบดี หรือ ท้าวเวสสุวรรณ " ฯลฯ

องค์นี้อายุประมาณพันกว่าปี สมัยราชวงศ์ถังอยู่ที่วัดหลิงหยิ่น มณฑลหังโจว ประเทศจีน

อานุภาพของไฉ่ซิงเอี้ย

ไฉ่ซิงเอี้ยเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ความมั่งคั่ง และความร่ำรวยของชาวจีนย่อมจะต้องมีอานุภาพในด้านอำนวยความมี
โชคลาภ ความมั่งคั่ง และความร่ำรวยให้แก่ผู้บูชา ซึ่งหากบูชาได้ถูกวิธีก็จะดียิ่งขึ้น
สำหรับอานุภาพของไฉ่ซิงเอี๊ยนั้นขอจำแนก
ออกเป็นภาคเพื่อจะได้เข้าใจได้ชัดเจนดียิ่งขึ้น

1. ไฉ่ซิงเอี๊ยในภาคบู๊

ไฉ่ซิงเอี๊ยในภาคบู๊นี้ชาวจีนที่นับถือเชื่อกันว่าจะมีอานุภาพ
ให้คุณแก่ผู้บูชาในเรื่องของหนี้สินกล่าว
คือ จะช่วยดลบันดาลให้ผู้บูชาที่เป็นเจ้าหนี้สามารถทวงหนี้
จากลูกหนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น ลูกหนี้ไม่คิดที่จะเบี้ยวหรือหนีให้เจ้าหนี้
ต้องลำบากลำบน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอานุภาพ
ในการช่วยดูแลควบคุม
บริวารลูกจ้างทั้งหลายให้อยู่ในกรอบในระเบียบให้
ขยันทำการทำงาน โดยเฉพาะตามโรงงานใหญ่หรือบริษัทใหญ่ๆ ตลอดจนกิจการงานที่มีลูกน้องมากๆ ต่างนิยมบูชาไฉ่ซิงเอี๊ย
ในภาคบู๊นี้ด้วย มีความเชื่อว่าท่านจะช่วยกำกับดูแล ลูกน้องให้ดีเป็นหูเป็นตาให้แก่ผู้บูชาหรือเจ้าของกิจการ
ทั้งนี้และทั้งนั้นยัง
รวมไปถึงบรรดาข้าราชการทหาร ตำรวจที่อยู่ในระดับหัวหน้า (ชั้นสูงๆ) ที่มีผู้ใต้บังคับบัญชามากๆ ต่างนิยมบูชาไฉ่ซิงเอี๊ยใน
ภาคบู๊ด้วยกันทั้งสิ้น (ของจีน) นอกจากนี้ยังมีอานุภาพ
ในการคุ้มครองบุตร ภรรยา (ของผู้บูชา)
ทั้งที่อยู่ในบ้านและต่างถิ่นแดน
ไกลให้ทำตนเป็นคนดี มีความขยันหมั่นเพียร ไม่เกียจคร้าน

2. ไฉ่ซิงเอี๊ยในภาคบุ๋น

ชาวจีนเชื่อว่าไฉ่ซิงเอี้ยในภาคบุ๋นนี้จะอำนวยพรให้ผู้บูชา
มีความมั่งคั่ง และมีความร่ำรวย และ
มีโชคลาภเป็นประจำ โชคลาภที่ได้เป็นรายได้พิเศษ ที่นอกเหนือไปจากรายได้ประจำไฉ่ซิงเอี้ย
ในภาคนี้จะมีอานุภาพในด้าน
เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ และโชคลาภที่ถือเป็นรายได้รายรับที่จะทำให้ผู้บูชา
ที่มีความมั่งคั่งและมีความร่ำรวยเปรียบดังนักการฑูต
ที่ดีมีความสามารถในการเจรจาโน้มน้าวให้ต่างชาติ
ต่างภาษามีความเชื่อถือในประเทศของตน และเช่นเดียวกัน
ทำให้ลูกค้า
เชื่อถือในคุณภาพสินค้า และบริการและกลายเป็นลูกค้าประจำ
ดังนั้นผู้ที่จะบูชาไฉ่ซิงเอี้ยก็ควรอย่างยิ่งที่จะต้องบูชาไฉ่ซิงเอี้ย
ให้ครบชุด กล่าวคือ จะต้องมีรูปไฉ่ซิงเอี้ยทั้งในภาคบู๊
และภาคบุ๋นคู่กัน เพื่อท่านจะได้อำนวยความเป็นสิริมงคล
ให้ครบทุกๆ ด้าน ดังกล่าวมาแล้ว
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2553 17:41:33 »




รูปหล่อบูชาไฉ่ซิงเอี๋ยในชุดนักรบยืนเหยียบเสือ
มือซ้ายถือเงินทองและไข่มุกวิเศษ
มือขวาถือดาบคล้ายกระบอง สวมใส่เสื้อมังกร เหน็บแส้ไว้ข้างลำตัว
จัดเป็นปางที่สวยสมบูรณ์แบบที่สุดของเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยปางบู๊ก็ว่าได้

ซึ่งรูปแบบจะเห็นได้ถึงความลงตัวของงานศิลปะจีนที่สวยงามอลังการยิ่งนัก
ปั้นแบบโดยประติมากรชื่อดังซึ่งปั้นงานศิลปะจีนได้สวยงามที่สุดแห่งยุค (ขอสงวนนาม)
องค์เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยอยู่ในชุดนักรบเหยียบเสือ สวมใส่เสื้อมังกรชุดนักรบ
มือซ้ายถือก้อนเงินก้อนทองจีนมีไข่มุกวิเศษมุกไฟ ล่อมังกรเป็นการเรียกทรัพย์โชคลาภ
ข้างลำตัวเหน็บแส้เหล็กไว้ พระพักตร์เต็มไปด้วยเมตตา ปกติบู๊ไฉ่ซิงหน้าตาจะดุมาก

ลักษณะต่างๆ ถูกต้องตามโหงวเฮ้งยิ่งนัก จมูกเจ้าทรัพย์เป็นมหาเศรษฐี เป็นเคล็ดว่า
ผู้บูชาจะได้ร่ำรวยเป็นสิริมงคล มีอำนาจบารมีประกอบกับปางบู๊เหยียบเสือนี้
มีความหมายยิ่งนัก เพราะเสือเป็นราชาแห่งสัตว์ป่าทั้งมวลบ่งบอกถึงอำนาจ ราชศักดิ์
ความสง่าผึ่งผาย ความกล้าหาญ ความทรงพลังทางอำนาจ ตลอดจนการค้าอีกด้วย
และในภาวะเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันเปิดกว้างถึงกันหมด การค้าขายก็ไม่ผิดอะไรกับ

สงครามการค้าดีๆ นี่เอง จึงควรบูชาบู๊ไฉ่ซิงเอี้ย เพื่อขอพระให้ท่านช่วยให้ทำการค้า
ประสบผลสำเร็จ และปางเหยียบเสือนี้สอดคล้องกับปีนักษัตรจอที่จะมาถึงในปี พ.ศ.2549
ยิ่งนัก เพราะเสือกับจอเป็นคู่มิตร (ซาฮะ)จะหนุนเสริมเติมพลังให้กันและกัน
ผู้บูชาจะทำให้ธุรกิจการค้าพุ่งไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและเจริญก้าวหน้า
เสื้อที่องค์ไฉ่ซิงเอี้ยสวมใส่นอกจากชุดนักรบยังมีเสื้อมังกรอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

มังกรนั้นเป็นสัตว์ในเทพนิยายจีนที่มีรูปลักษณะเด่นสะดุดตาหลายสิ่งหลายอย่างรวมกันถึง 9 ประการ
กล่าวคือ หัวคล้ายอูฐมีเขาสวมอยู่คล้ายเขากวางมีตาเหมือนกระต่าย มีหูเหมือนหูวัว คอเหมือนงู
ลำตัวยาวเหมือนจระเข้ มีเกล็ดยาวตลอด ลำตัวคล้ายเกล็ดปลา ขากรงเล็บเหมือนนกเหยี่ยว
ฝ่าเท้าเหมือนเท้าเสื้อเลื้อยแล่นวิ่งชอนไช อยู่บนก้อนเมฆบนท้องฟ้า บางครั้งก็พบกำลังเลื้อยแล่น
โต้คลื่นอยู่ในทะเล ใกล้หัวมังกร มีลูกกลมเป็นไข่มุกไฟลอยหมุนอยู่ มังกรถือเป็นสัตว์เทพเจ้า

มีความเป็นอมตะ จะตายก็ต่อเมื่อสมัครใจเองและไม่มีกำหนด มังกรจึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชาวจีน
ซึ่งล้วนแต่เป็นสิริมงคลเป็นพื้นฐานของความเมตตา กรุณา พลังอำนาจวาสนาความแคล้วคลาดปลอดภัย
เป็นผู้พิทักษ์อำนาจของเทวดาที่คอยเฝ้าดูอยู่เหนือจักรวาล และมวลมนุษย์แม้แต่
ฉลองพระองค์จักรพรรดิจีน ยังต้องมี "มังกร 9 ตัว" เป็นหัวใจ

รูปแบบที่มือขวาถือดาบคล้ายกระบอง
เป็นการช่วยในเรื่องของการค้า การเจรจา
อำนาจให้ดูมีบารมีน่าเกรงขาม แส้เหล็ก
ที่เหน็บข้างลำตัวไว้ปราบเสือ

เหมือนดั่งเอาไว้ควบคุมบริวารให้อยู่ในโอวาทไม่คดโกง
มือซ้ายถือก้อนเงินก้อนทองไข่มุกวิเศษ
ล้วนมีความหมายเป็นสิริมงคล
ให้ผู้บูชามีทรัพย์สินเงินทอง ร่ำรวย มีอำนาจ วาสนา
ยศฐาบรรดาศักดิ์ เกียรติยศชื่อเสียง
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2553 18:21:12 »


ท้าวกุเวรมหาราช (พระธนบดีศรีธรรมราช)
ผู้ประทานโชคลาภและความมั่งคั่ง แห่งอาณาจักรทะเลใต้

จำลองจากต้นแบบองค์ที่สวยที่สุดในโลก
ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์กีเม่ต์ ประเทศฝรั่งเศส



พระธนบดี ศิลปะศรีวิชัย เนื้อสำริดสนิมเขียว อายุประมาณ 1,200 ปี
ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ กีเม่ต์ ประเทศฝรั่งเศส
องค์นี้มีความงดงามสุดยอด เป็นศิลปะศรีวิชัยบริสุทธิ์ นำมาเป็นต้นแบบจัดสร้างในครั้งนี้


พระธนบดีศรีธรรมราช (เจ้าแห่งโชคลาภ)
จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก โดยจำลองแบบมาจากรูปหล่อ
ท้าวกุเวรเจ้าแห่งขุมทรัพย์ที่สร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัย
โดยมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น พระธนบดี พระกุเวร พระรัตนครรภ์
เจ้าพ่อขุมทรัพย์ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
โบราณถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง
ที่มีหน้าที่ประทานความมั่งคั่ง ความมีโชคดีให้
กับผู้บูชา ฯลฯ

ท้าวกุเวร เป็นเทพผู้รักษาทิศเหนือ ตามลัทธิศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ
ประวัติของท้าวกุเวรกล่าวไว้ว่า
พระองค์ได้บำเพ็ญทุกรกิริยา เป็นเวลาหลายพันปี จนพระพรหมทรงเห็นใจโปรดให้เป็นเทพแห่งความมั่งคั่ง
จากมหากาพย์ รามายณะกล่าวว่า เทพกุมาร ได้รับยานที่ขับเคลื่อนไปในอากาศได้ตามประสงค์ของเจ้าของคือ บุษบก
บางตำรากล่าวว่าท้าวกุเวรมีม้าสีขาวเป็นพาหนะ มีมเหสีนาม จารวี หรือ ฤทธี
มีโอรส 2 องค์ ชื่อ มณีครีพ หรือ วรรณกวี กับ นุลกุพล หรือ มยุราช

มีธิดา 1 องค์ชื่อ มีนากษี
ในรามเกียรติ์กล่าวว่า ท้าวกุเวรทรงเป็นบิดาคันธมาทน์ นายทหารของพระราม
และมีสวนชื่อเจตรถอยู่บนยอดเขามันทร ท้าวกุเวรยังมีชื่อเรียกตามเรื่องราวและคุณสมบัติอีกหลายชื่อ
เช่น กุตนุ (มีรูปร่างน่าเกลียด) รัตนครรภ(มีเพชรเต็มพุง) ราชราช (เจ้าแห่งราชา)
นรราช ธนบดี (เป็นใหญ่ในทรัพย์) ยักษราช (เจ้าแห่งยักษ์) รากชเสนทร์ (เป็นใหญ่ในพวกรากษส) ฯลฯ

ตามเรื่องรามเกียรติ์ เรียกชื่อท้าวกุเวรว่าท้าวกุเปรัน แต่ชื่อที่คนไทยคุ้นเคย คือ ท้าวเวสสุวัณ
(สันสกฤต-ไวศรวณบาลี-เวสสวณ) ในคัมภีร์ไตรเพทกล่าวว่า ทรงเป็นอธิบดี ของพวกอสูร รากษสและภูติผี

ในกลุ่มพวกนับถือศาสนาพุทธลัทธิมหายานในประเทศจีนกล่าวว่าโลกบาลทิศอุดร
มีชื่อว่า "โตบุ๋น" แปลว่า " ได้ยินทั่วไป " มีพวกยักษ์เป็นบริวารมีกายสีดำ ถือดวงแก้วและงู
ส่วนพวกธิเบตกล่าวว่าถือธงและพังพอน สีกายเป็นสีทองคำ ในประเทศญี่ปุ่นถือว่า โลกบาลทิศนี้
เป็นเทพเจ้าประจำโชคลาภมีนามว่า " พิสะมอน " ตรงกับนามว่า " ธนบดี " หรือ ธเนศวร
อันเป็นนามหนึ่งของท้าวกุเวร แปลว่า เป็นเจ้าใหญ่แห่งพชทรัพย์ ส่วนหนึ่งของที่ถือนั้น มีแก้วมณีกับทวนหรือธง


ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ลัทธิวัชรยานในคัมภีร์สาธนมา กล่าวถึงท้าวกุเวรว่ามีหน้าที่เป็นทั้งธรรมบาล
คือ ผู้มีตำแหน่งเทียบเท่าพระโพธิสัตว์ มีหน้าที่ทำสงครามปราบปรามปีศาจและยักษ์มารต่างๆ
ซึ่งเป็นศัตรูต่อพระพุทธศาสนา ทรงเป็นโลกบาล (มีชื่อว่า เวสสุวัณหรือไวศรวีณ)
คือ เทพผู้มีหน้าที่ปกป้องทิศทั้ง 4 (เฉพาะทิศเหนือ) อยู่บนเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
และคอยเฝ้าคอยดูแลทางเข้าสวรรค์ (ดินแดนสุขาวดี) *


*** พระธนบดีที่เก่าที่สุด เท่าที่พบในประเทศไทย มีการสร้างมาตั้งแต่ครั้งยุคสมัยศรีวิชัย
เมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญได้อย่างดี พระธนบดียังถือว่าเป็นนิรมาณกายอีกปางหนึ่ง
ของพระโพธิสัตว์ และยังเป็นส่วนหนึ่งของพระมหากษัตริย์ตามคำภีร์พระมนู


ซึ่งจะหมายถึงปางหนึ่งของจตุคารามเทพก็ได้ ที่จะประทานความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งให้กับโลกมนุษย์
การสร้างพระธนบดีครั้งนี้จึงสร้างขึ้นจากศาสตร์ความรู้ที่มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

ตามคัมภีร์เก่าแก่กล่าวไว้ว่า
ท่านเป็นผู้ประทานความมั่งคั่ง แผ่นดินใดที่อุดมสมบูรณ์พระมหากษัตริย์ปกครองแผ่นดินโดยธรรม
ทรงเปี่ยมไปด้วยพระบรมเดชานุภาพเหนือกว่าพระราชาทั้งปวงหรือที่เรียกว่า "จักรพรรดิ" ท้าวกุเวรหรือชัมภลนี้
จะเป็นผู้ประทาน "สัตรัตนมณี" แก้วเจ็ดประการหรือสมบัติแห่งจักรพรรดิอันมีช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว
ขุนคลังแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว

การประทานสมบัติเจ็ดประการของมหาจักรพรรดิ เพื่อความรุ่งเรืองแห่งแผ่นดิน มีดังนี้

ประการที่ 1 จักรรัตนะ คือ จักรแก้ว หมายถึง การมีอำนาจหรือเดชานุภาพแผ่ขยายไปทั่วทุกทิศ

ประการที่ 2 หัตติรัตนะ คือ ช้างแก้ว หมายถึง การแสดงออกซึ่งความมีบารมีที่ยิ่งใหม่ความมั่นคง

ประการที่ 3 อัสสรัตนะ คือ ม้าแก้ว หมายถึง การมีบริวารข้าทาสรับใช้ที่ดี

ประการที่ 4 มณีรัตนะ คือ มณีแก้ว หมายถึง ความสว่าง ความมีสติปัญญา ความรู้

ประการที่ 5 อิตถีรัตนะ คือ นางแก้ว หมายถึง ได้คู่ครองที่ดีมีความงดงาม

ประการที่ 6 คหปติรัตนะ คือ ขุนคลังแก้ว หมายถึง ความมีทรัพย์สิน เงินทองบริบูรณ์

ประการที่ 7 ปริณายกรัตนะ คือ ขุนพลแก้ว หมายถึง ที่ปรึกษาคู่ใจ ผู้ให้ความรู้
ผู้ปกป้องคุ้มครอง บุตรที่ดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มิถุนายน 2553 18:23:06 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2553 18:51:43 »



พระธนบดี หินแกะสลักที่มหาเจดีย์บุโรพุทโธ อินโดนีเซีย
ศิลปะศรีวิชัยที่งดงาม ประจักษ์พยานถึงความสำคัญของพระธนบดี
ผู้ประทานสมบัติพระจักรพรรดิแห่งอาณาจักรทะเลใต้


ดังนั้น อานุภาพแห่งพระธนบดีนี้ สามารถอธิษฐานขอพรได้ 7 ประการดัวยกัน
ตามคุณลักษณะของสมบัติจักรพรรดิ 7 ประการ ซึ่งประทานให้โดยมหาราชผู้เป็นท้าวจตุโลกบาล
ซึ่งคุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ตลอดกาล อาณาจักรศรีวิชัยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มีพระราชาธิราช
ที่มีพระบรมเดชานุภาพเหนือกว่าพระราชองค์อื่นปกครองทั่วน่านน้ำอาณาจักรทะเลใต้
มีพระมหากษัตริย์ที่ประกาศตนยิ่งใหญ่ ประดุจพระอาทิตย์ พระจันทร์ มีจารึกกรุงศรีวิชัย
ประกาศความยิ่งใหญ่ ปรากฏชัดเจน

ในคัมภีร์รามายณะและมหาภารตะได้บันทึกไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณมีอีกนามหนึ่งคือ ท้าวกุเวร
(ท้าวจตุโลกบาล หรือท้าวมหากาพย์ หมายถึง เทพ ผู้มีภารกิจคุ้มครองปกป้องโลกทั้งสาม)
ซึ่งเป็นเทพแห่งยักษ์เป็นอสูรเทพ ท้าวเวสสุวรรณนี้เป็นเจ้าแห่งอสูรเทพทั้งมวลนั่นเอง
พระปุลัสตย์นั้นเป็นพระบิดาของท้าวเวสสุวรรณและท้าวเวสสุวรรณได้มีโอรสองค์หนึ่งชื่อว่า พระวิศรวัส

ท้าวเวสสุวรรณแม้จะเป็นเทพอสูรแต่เป็นอสูร ที่มีชาวบ้านชาวเมืองเคารพนับถือเป็นอันมาก
ดังจะเห็นว่าแม้ในปัจจุบันนี้ ก็ยังมีพระรูปของท้าวเวสสุวรรณติดไว้ตามบ้านต่างๆ
เพื่อให้พระองค์ได้คุ้มครองดูแลปกป้องบ้านเรือนของครอบครัวนั้น ส่วนใหญ่พระรูปของท้าวเวสสุวรรณ
จะถูกชาวบ้านชาวเมืองนำมาติดไว้ที่ประตูหรือหน้ารั้วเพื่อให้พระองค์ได้ปกป้องคุ้มครอง
เพราะอีกนัยหนึ่งนั้นมีความเชื่อในหมู่ชาวอินเดียโบราณว่า ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์สินด้วย

พระนามในบางคัมภีร์ของท้าวเวสสุวรรณ อาทิ ยักษราช มยุราช รากษสเสนทร์ และธนวดี
ซึ่งหมายถึง ผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์สินนั่นเอง การที่คนในพุทธศาสนาได้ทำบุญแล้วอธิษฐาน
อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรนั้น จริงๆ แล้วในความเชื่อของพราหม์ถือว่าหมายถึง
ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวจตุโลกบาลนั่นเอง


ท้าวเวสสุวรรณในบางคัมภีร์ เป็นอสูรเทพ เป็นยักษ์ 3 ขา มีฟัน 8 ซี
แต่พระวรกายขาวกระจ่าง สวมอาภรณ์งดงามมีมงกุฎทรงอยู่บนพระเศียร
แต่มีรูปกายพิการ และมีพาหนะคือม้าสีขาวนวลราวกับปุยเมฆ


องค์นี้เป็นศิลปะแบบธิเบต

ท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวร
ธิเบตเรียก นัม.โถ.เซ.
จีนเรียก ใช้ป๋อเทียนอ๊วงหรือพีซามึ้งเทียนอ๊วงหรือแป๊ะไช้ซิ้ง


ท่านมีสองสถานะคือสถานะเทพผู้ประทานทรัพย์องค์ขาว
และสถานะหนึ่งในท้าวจตุโลกบาล

ตำนานได้กล่าวไว้ว่า เมื่อก่อนพระศากยะมุนีพุทธเจ้าจะปรินิพพาน
ได้สั่งความแก่ท้าวจตุโลบาลไว้ว่า ในอนาคตต่อไป
พุทธศาสนาจะประสพกับอุปสรรคมากมายจากพวกนอกศาสนา พวกไม่หวังดีต่อพุทธศาสนา
จะทำร้ายพุทธศาสนา ขอให้ท้าวจตุโลกบาลช่วยกันปกป้องรักษาพุทธศาสนา
ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ได้ทำหน้าที่ปกป้องพิทักษ์รักษาพุทธศาสนาและผู้ปฏิบัติธรรมเสมอมา

คาถาประจำองค์ โอม.ไว.ซา.วา.นา.เย.โซ.ฮา



นำข้อมูลมาจาก(สามารถอ่านเพิ่มเติมได้)
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=prachaya555&month=10-2005&date=07&group=17&gblog=2 [/size]

Credit by : ufoatkaokala11.com
ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2553 11:07:29 »


http://img32.imageshack.us/img32/8308/p1030375.jpg
ท้าวกุเวรมหาราช (ไฉ่ชิ๋งเอี้ย)
  http://img32.imageshack.us/img32/8799/p1030380.jpg
ท้าวกุเวรมหาราช (ไฉ่ชิ๋งเอี้ย)


ท้าวจตุโลกบาล

เทพโชคลาภ ( ไฉ่ซิ่งเอี้ย , ไฉเสิ้น)


เทพเจ้าองค์นี้ ผมจะนับถือมากครับ เพราะจะเป็นเทพเจ้าที่จะให้โชคลาภครับ
ทุกๆปีในวันตรุษจีนจะมีพิธีไหว้ไฉ่ซิ่งเอี้ย
ซึ่งจะมีเวลาไหว้น่ะครับ ส่วนใหญ่ก้อตี2 ตี3 อ่ะครับ ผมไหว้ทุกปีครับ

เอาเกร็ดมาฝากน่ะครับ

  โดยทั่วไปที่นับถือบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั้น มีกันอยู่ ๒ ปาง คือ ปางบู๊ และ ปางบุ๋น
ปางบู๊มักจะจำลองเป็นรูปขี่เสือ ใบหน้าสีแดง มีท่าทางที่ดุ

เพื่อปัดเป่าไม่ให้ปีศาจร้ายต่างๆ มารังควานทรัพย์สินในครอบครัว

ส่วนปางบุ๋นเป็นรูปลักษณะมีเมตตา ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มือถือก้อนทอง
ประดุจดังว่า ท่านมอบเงินทองให้ครอบครัวของเขาอย่างมีความสุข

การบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ส่วนใหญ่มักบูชาด้วยส้มซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่เป็นสิริมงคล



http://img16.imageshack.us/img16/909/p1030408l.jpg
ท้าวกุเวรมหาราช (ไฉ่ชิ๋งเอี้ย)


รูปและข้อมูลจากเว๊บไซด์วัดมังกรกมลาวาส


 ยิ้ม    http://www.bp.or.th/webboard/index.php?PHPSESSID=049e826d6f4e2beb6596c1aed5a681fd&action=profile;u=3868;sa=showPosts;start=999
Credit by : ufoatkaokala11.com
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2553 11:16:18 »




เรื่องของเทพเจ้าในวันตรุษจีน

วันก่อน คุณสรยุทธ สุทัศนจินดา อ่านข่าวเช้า เล่าแจ้งแถลงไข ถึงเรื่องของเทพเจ้าโชคลาภและ เทพพิทักษ์ประจำปี(ไท้ส่วย)

งานนี้ ผู้อ่านคงเข้าใจว่าเป็นเทพองค์เดียวกัน แต่ความจริง เป็นการกล่าวถึงเทพ 2 องค์

องค์แรก คือเทพผู้พิทักษ์ดวงชะตา หรือ องค์ไท้ส่วย มีด้วยกัน 60 องค์ ผมเชื่อว่า เทพเหล่านี้ เกิดจาก วิชาดวงจีน เป็นการจับคู่ของ ราศีบน 10 ราศี  และราศีล่าง 12 ราศี ได้ 60 คู่

การบูชา ควรบูชา เทพที่ดูแลปีเกิด และเทพ ประจำปี ที่เข้ามาถึง

คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เทพทั้ง 60 องค์  จะให้โทษ ในกรณีที่ราศีล่าง (ปีนักษัตร) มีการชง ไห่ เฮ้ง แต่ยังมีการให้โทษ อีกแบบ คือ ทับทั้งราศีบนและล่าง  หรือ ปีที่มีองค์ไท้ส่วย เป็นองค์เดียวกับปีเกิด ปีนั้น จึงต้องไปไหว้ไท้ส่วยองค์นั้นๆ เพื่อแสดงความเคารพ

แต่ในหลัก 5 ธาตุ บางครั้ง สิ่งที่เราคิดว่าให้โทษ อาจให้คุณแทน บางคนเกิดปี ชง ก็จะมีแต่โชคดี


เทพองค์ที่สอง คือเทพแห่งโชคลาภ หรือ องค์ไฉ่ซิ้งเอี้ย   ท่านจะมาให้โชคลาภแก่ผู้ที่มาขอพรในวันขึ้นปีใหม่
โดยมาก นิยมไหว้ในตอนค่ำๆ หรือเที่ยงคืน ของวันขึ้นปีใหม่ หรือ ยามที่หนึ่ง ของจีน  ทั้งนี้ ชาวจีนเชื่อว่า ผู้ใดที่มาขอพรขอโชค เป็นคนแรกๆ ท่านก็จะให้พรให้โชคแก่ผู้นั้นก่อน

สงสัย กลัวเทพเจ้าแห่งโชคลาภจะเหนื่อย หมดแรง ให้โชค ให้พร หรือ สต๊อคโชคลาภหมด ไม่พอแจก เลยต้องรีบขอก่อน งานนี้ ใครขอเร็วได้เร็วครับ

เรื่องทิศทาง เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นผู้ที่จะไหว้ หากปีเกิด ชงกับทิศทาง บางสำนักก็จะห้าม ไม่ให้ไหว้ในทิศนั้น หรือ ให้ไหว้ในอื่นทิศอื่นที่เหมาะสมต่อไป

สุดท้าย ขอให้ผู้อ่านโชคดี แฮปปี้ไชนีส นิวเยียร์ ทุกๆท่าน


  http://www.oknation.net/blog/fengshuiscience/2010/02/13/entry-1
Credit by : ufoatkaokala11.com
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553 15:00:22 »



เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย พุทธสถาน จีเต็กลิ้ม

เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าองค์แรกที่ชาวจีนต้องเซ่นไหว้ ก่อนเทพเจ้าองค์อื่นๆ

เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ นับเป็นเทพเจ้าองค์แรกที่ชาวจีนต้องเซ่นไหว้ก่อนเทพองค์อื่นๆ เป็นเทพเจ้าที่มีพลานุภาพให้โชคลาภ ความมั่งคั่งร่ำรวย แก่ผู้เซ่นไหว้
องค์ไฉ่ซิงเอี๊ยเป็นเทพชั้นสูง ให้คุณทางด้านอำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง ชาวจีนจึงยกย่องให้ท่านเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือ เทพเจ้าแห่งเงินตรา ดังนั้นท่านที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ๆ กับชาวจีน จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าเห็นคนจีนเขาทำอะไรกัน ดึกดื่นเที่ยงคืนออกมาจุดธูป จุดเทียน กลางแจ้ง ไหว้อะไรกัน ? คำตอบก็คือ เขาออกมารับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยนั่นเอง

นอกจากให้โชคลาภเรื่องเงินทอง ค้าขายแล้ว ชาวจีนยังเชื่อว่าการขอพรให้ท่านช่วยคุ้มครองลูกหลานผู้ไปอยู่ต่างถิ่นแดนไกล ให้มีความสำเร็จในเรื่องของการศึกษา ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ไฉ่ซิงเอี๊ยเป็นเทพเจ้าที่รวมความศักดิ์สิทธิ์และอานุภาพหลายประการไว้ในองค์ท่านเอง

การไหว้เจ้า เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญของชาวจีน เช่นเดียวกับการไหว้พระสวดมนต์ของชาวไทย การไหว้เจ้าของชาวจีนเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาหลายพันปี ตั้งแต่สมัย โจวกง (จิวกง) เป็นนักปกครองที่ยอดเยี่ยมในสมัยราชวงศ์โจว (ก่อน พ.ศ. 591 - พ.ศ. 296) ได้ริเริ่มจารีตประเพณีต่างๆ มากมาย และเขียนเป็นตำราชื่อ “โจวหลี่”

นอกจากนี้ ผลงานสำคัญของโจวกง ได้แก่ การตรากฎมนเฑียรบาลว่า โอรสองค์โตที่ประสูติจากฮองเฮาหรือพระมเหสีเอกเท่านั้น ที่จะได้เป็น “รัชทายาท” สืบราชสมบัติเป็นฮ่องเต้ต่อไป
ในบันทึกประวัติศาสตร์จีน โจวกง เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของพระเจ้าโจวเหวินหวาง ต่อมาพระเชษฐาซึ่งเป็นราชโอรสองค์โตได้ครองราชย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าโจวหวู่หวาง ส่วน โจวกง (ชื่อต้นว่า โจวจีต้าน) ได้รับราชการในรัชกาลของพระองค์


โจวกง เป็นผู้มีความสามารถในการพัฒนาบ้านเมือง เป็นนักปกครองที่มีคุณธรรมสูงส่ง เป็นผู้ริเริ่มจารีตประเพณีสำคัญๆ ของจีนมากมาย ดังที่ปรากฏในคัมภีร์ “โจวหลี่” อาทิเช่น กำหนดธรรมเนียมประเพณีห้ามคนแซ่เดียวกันแต่งงานกันเอง และริเริ่มประเพณีการเซ่นไหว้ต่างๆ ฯลฯ

ต่อมาพระเจ้าโจวหวู่หวางสิ้นพระชนม์ เวลานั้นราชโอรสคือ พระเจ้าโจวเฉิงหวางยังทรงพระเยาว์ โจวกง ในฐานะพระอนุชาคนสำคัญ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน และทำหน้าที่ดั่งเช่นพระบิดาบุญธรรม โจวกง เป็นผู้ริเริ่มจารีตประเพณียกย่อง ฮ่องเต้ (พระเจ้าแผ่นดิน) ว่าทรงเป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ หรือเป็นโอรสสวรรค์ ซึ่งมีคำเรียกว่า “จิงเล้งเทียนจื้อ” มีความหมายว่า มังกรโอรสสวรรค์

ช่วงระยะที่ โจวกง เข้าร่วมบริหารราชการอยู่นั้น กล่าวได้ว่าเป็นระยะเวลาที่บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยที่สุด ทางราชการไม่ต้องลงโทษใครถึง 40 ปีเศษ เป็นช่วงเวลาที่ราชวงศ์โจวรุ่งเรื่องที่สุด และถือว่าจีนมีการปกครองที่ดีที่สุดในยุคนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม โจวกง กลับได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ว่า “ผู้บัญญัติประเพณี” มีเรื่องสนุกๆ ที่เล่ากันในหมู่คนจีนว่า หญิงสาวคนหนึ่งเมื่อรู้ว่าตนจะต้องแต่งงาน ก็ร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจเป็นอันมาก ถามแม่ว่า “ผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าสตรีต้องแต่งงาน” แม่ตอบว่าเป็น “โจวกง” เมื่อทราบเช่นนั้น หญิงสาวก็บ่นสาปแช่งโจวกงอยู่เสมอๆ จนกระทั่งหลังพิธีแต่งงาน ได้ 3 วัน สาวนางนั้นกลับมาเยี่ยมบ้านแม่ตามประเพณี พอเข้าบ้าน นางจึงเอ่ยปากถามแม่ว่า “โจวกงผู้นี้อยู่ที่ใดหรือ” ฝ่ายแม่ของหญิงสาวก็งงๆ ถามกลับว่า “เจ้าจะรู้ไปทำไม” หญิงสาวตอบอย่างเอียงอายว่า “ข้าพเจ้าใคร่จะนำรองเท้าปักไปกำนัลแก่ท่านซักหน่อย”
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553 15:05:03 »


การไหว้เจ้า เป็นประเพณีที่ชาวจีนนิยมปฏิบัติสืบทอดกันมาตามความเชื่อที่จะต้องไหว้ เทพเจ้า (เซียน) ทั้งหลาย ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง และไหว้บรรพบุรุษ เพื่อให้เป็นสิริมงคล และนำความสุขความเจริญมาแก่ตนเองและคนในครอบครัว

ชาวจีนมีความเชื่อที่สืบต่อๆ กันมาว่า ในปีหนึ่งๆ มักจะมีสิ่งเลวร้าย เรื่องไม่ดี เรื่องอัปมงคล มากระทบหรือรังควานการดำเนินชีวิตของผู้คน จนทำให้เกิดการเจ็บป่วย การงานติดขัด เงินทองไม่คล่องตัว ทำอะไรก็พบแต่ความยุ่งยาก ชีวิตในบ้านไม่มีความสุข สิ่งที่จะช่วยเหลือได้คือ การไหว้เจ้า นั่นเอง เพราะเชื่อถือและปฏิบัติสืบถอดกันมากว่า 3,000 ปีแล้ว การไหว้เจ้านอกจากจะเป็นการแสดงความกตัญญูต่อผู้ล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นการวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยดลบันดาลชีวิตให้พบแต่ความสุขความเจริญ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา สุขภาพแข็งแรง มีความสุขตลอดไป

ดังนั้นเพื่อความ ไม่ประมาท และเสริมสร้างความมั่นใจ ที่จะให้ช่วยให้ท่านผ่านพ้นเคราะห์โศกต่างๆ ในแต่ละปี การไหว้เจ้าเพื่อเสริมสิริมงคลและพลังแห่งชีวิต ทำให้มีกำลังใจต่อสู้กับความยากลำบากให้มีความหวังไม่ท้อแท้ โดยเฉพาะเทพเจ้าองค์สำคัญที่ชาวจีนต้องกราบไหว้คือ ไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ความมั่งคั่งและการค้าขาย เพื่อให้คุ้มครองธุรกิจ การงาน การค้าให้รุ่งเรืองมีโชคลาภ

ความสำคัญของ ไฉ่ซิงเอี๊ย มีมากมายขนาดไหน สามารถพิจารณาได้จากการที่ชาวจีนต้องไหว้เป็นองค์แรกของวันตรุษจีน ก็จะทราบได้ นี่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนให้ความสำคัญกับการค้าขายมาก ชีวิตจะทุกข์ยากลำบาก หรือสุขสบายเพียงใดขึ้นอยู่กับ “การค้าขาย” เป็นสำคัญ ดังนั้น เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย จึงได้รับความเคารพอย่างสูงสุดเช่นกัน จึงกำหนดได้ว่า เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพเจ้าองค์แรกที่ต้องไหว้ในวันตรุษจีน (วันขึ้นปีใหม่ของจีน)

ไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพชั้นสูง (ความเป็นเทพชั้นสูง ให้สังเกตจากเครื่องเซ่นไหว้จะเป็นของเจทั้งหมด) ให้คุณทางด้านการอำนวยโชคลาภ ความร่ำรวยแก่ผู้บูชา เป็นเทพองค์แรก ที่ชาวจีนต้องไหว้ในวันตรุษจีน โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบธุรกิจการค้า โดยในแต่ละปี เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยจะเสด็จมาในทิศทางและเวลาที่แตกต่างกัน ชาวจีนจึงนิยมที่จะบูชาเอาไว้ประจำบ้าน และนิยมบูชาอย่างสม่ำเสมอ
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553 15:09:53 »



ประวัติความเป็นมาของเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย

ไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ มีคำเรียก หรือสำเนียงแตกต่างกันอยู่บ้าง เช่น “ไช้ซิ้งเอี๊ย” “ไฉ่เซ่งเอี๊ย” หรือ “ไฉเสิ่งเอี๊ย” เป็นต้น

ชาวจีนเรียก เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ว่า “ไฉ่ซิงเอี๊ย” (ไฉเสินเย๋) ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย (ตามปฏิทินจีน) และวันที่ 22 เดือน 7 (ตามปฏิทินจีน) ของทุกปี นักธุรกิจชาวจีนจะขมีขมันนำเครื่องเซ่นไหว้ มาบูชาเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย และสาเหตุที่ต้องไหว้ 2 ครั้ง ก็เพราะว่า เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย มี 2 องค์ คือ ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊ และ ไฉ่ซิงเอี๊ยบุ๋น

ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊ หน้าจะดุ บางครั้งประทับบนหลังเสือ บางครั้งก้อทรงเหยียบหลังเสือ ที่หัตถ์ถือกระบอง ส่วนไฉ่ซิงเอี๊ยบุ๋น เป็นเทพเจ้าหน้าตาดี ทรงคุณธรรม เชื่อกันว่าองค์บู๊ให้คุณในเรื่องของหนี้สิน เจ้าหนี้คนไหนบูชามักจะตามหนี้ง่าย ลูกหนี้จะไม่กล้าโกงหรือหนีหนี้ ตามคำบอกเล่าเก่าแก่ฟังว่า ไฉ่ซิงเอี๊ย องค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อเสือนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ใครดวงไม่ดีหรือกำลังมีปัญหาเรื่องเงินทอง ไปไหว้ท่านที่ศาลเจ้า และขอพรท่าน ท่านจะช่วยเสมอ คนจึงนิยมไปกราบไหว้กันมาก แต่มีเคล็ดอยู่อย่างหนึ่งก็คือ อย่าลืมเอาหมูไปเซ่นไหว้เสือด้วย แล้วทุกอย่างจะราบรื่น

ไฉ่ซิงเอี๊ย ทั้ง 2 องค์นี้เป็นใคร เกี่ยวกับเรื่องนี้มีตำนานเล่าขานมามากมายหลายกระแส แต่ส่วนใหญ่จะเล่ากันว่า ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น คือ ปี่กาน และองค์บู๊ คือ จ้าวกงหมิง ซึ่งมีตำนานเล่ามาดังนี้
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553 15:14:37 »



เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น

นานมาแล้ว เจียงไท้กง เทพชั้นผู้ใหญ่ผู้มีหน้าที่แต่งตั้งเทพเจ้า วันหนึ่งท่านกำลังนั่งบำเพ็ญตบะอยู่ จู่ๆ หัวใจก็สั่นหวิว ท่านจึงทราบด้วยจิตญาณว่า เทพปี่กาน กำลังจะมีเรื่องเดือดร้อนหนัก จึงพยายามหาทางช่วย ปี่กานนั้นเป็นอัครหมาเสนาบดีของจักรพรรดิอินโจ้ว ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อิน ทรงลุ่มหลงสุรานารี ไม่ใส่ใจราชกิจ ทรงมีสนมเอกนางหนึ่งนาม โซวถังกี้ (ซูต๋าจี่) ที่เป็นหณิงงามที่ลือชื่อในประวัติศาสตร์ ปี่กาน เป็นขุนนางผู้ซื่อตรง พยายามจะเตือนองค์จักรพรรดิให้หันมาสนใจราชกิจ แต่พระองค์ไม่สนพระทัยต่อคำเตือน ปี่กานจึงวางแผนให้ทหารไปจับสุนัขจิ้งจอกมาทำเสื้อคลุมถวายแด่องค์จักรพรรดิ เพราะเชื่อว่า ถังกี้ (ต๋าจี่) เป็นปีศาจจิ้งจอก เมื่อพบเห็นเสื้อคลุมก็จะตกใจและหนีไป แต่เหตุการณ์กับตรงกันข้าม เพราะถังกี้ไม่ตกใจ และยังวางแผนเล่นงานปี่กานกลับอีกด้วย

เย็นวันหนึ่งปี่กานได้ยินเสียงคนร้องขายของอยู่หน้าบ้านว่า “ขายหัวใจๆ” ก็แปลกใจ จึงออกไปดู พบเห็นคนแก่ยืนอยู่หน้าบ้านของตน จึงถามว่า “ท่านผู้อาวุโส จะขายหัวใจจริงหรือนี่” ชายชราก็ตอบว่า “ขายจริงๆ นายท่านสนใจซื้อหาหรือไม่”

ปี่กานจึงแย้งไปว่า “หัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของร่างกาย ถ้านำมันออกมาแล้ว ทุกคนต้องตาย ท่านยังคิดที่จะขายหัวใจอยู่อีกหรือหาไม่” ชายชรากล่าวว่า “หัวใจเป็นต้นเหตุของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หากหัวใจไม่เที่ยงธรรม มือเท้าย่อมทำแต่สิ่งไม่ดี ถ้าเอาหัวใจออกมาขายเสีย ต่อไปข้าพเจ้าก็จะไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีแต่ความยุติธรรม จัดการปัญหาต่างๆ อย่างยุติธรรม เป็นเช่นนี้มิใช่ประเสริฐกว่าหรือ” ปี่กานยืนยันว่า “แต่หัวใจเป็นอวัยวะสำคัญมาก มีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อขายแล้วท่านจะมีชีวิตสืบต่อไปได้อย่างไร”“ได้ แน่นอน เนื่องจากข้าพเจ้ามียาวิเศษอยู่เม็ดหนึ่ง เมื่อกินเข้าไปแล้วถึงแม้ไม่มีหัวใจ แต่อวัยวะอื่นๆ ของร่างกายจะยังสามารถทำงานสืบไปได้เช่นเดิม” “งั้นขอให้ข้าพเจ้าได้ชมยาวิเศษสักนิดได้หรือไม่” ชาย แก่จึงส่งมอบยาวิเศษเม็ดนั้นให้แก่ปี่กาน เมื่อเขานำมาดมดูก็รู้สึกหอมอย่างประหลาด รู้สึกมีพลังวิ่งไปทั่วร่างกาย แต่พอเงยหน้าขึ้นมา กลับไม่พบชายชราผู้นั้นเสียแล้ว (ความจริงแล้ว ชายชราผู้นั้นคือเจียงไท้กงแปลงกายลงมานั้นเอง)

เช้าวันรุ่งขึ้น องครักษ์หลายนายได้มาเชิญตัวปี่กานไปเข้าเฝ้าแต่เช้า ปี่กานรู้สึกแปลกใจ เพราะจักรพรรดิอินโจ้วไม่เคยสนพระทัยว่าราชการ แต่กลับส่งคนมาเชิญตนแต่เช้า จึงไถ่ถามเหล่าองครักษ์ จึงทราบว่า พระสนมถังกี้ เป็นโรคประหลาด หมอหลวงอับจนปัญญาที่จะรักษาได้ มีแต่หัวใจของปี่กานเท่านั้นที่จะสามารถใช้รักษาโรคนี้ได้

จักรพรรดิอินโจ้วกำลังหลงพระสนมถังกี้มาก ทรงตรัสว่า “เจ้าเป็นพระสนมเอกแห่งเรา ส่วนปี่กาน เป็นแค่ขุนนางอันต่ำต้อย ชีวิตใครจักมีค่ามากกว่ากัน เรารู้ดี ดังนั้นขอเพียงรักษาอาการป่วยของเจ้าได้เท่านั้น อย่าว่าแต่ชีวิตของขุนนางผู้เดียวเลย ต่อให้ต้องฆ่าขุนนางสัก 100 คน เราก็เต็มใจ”

ดังนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้เบิกตัวปี่กานมาเข้าเฝ้าแต่เช้า หลังจากปี่กานทราบเรื่องก็ตกใจเป็นอันมาก เรียกหาคนในครอบครัวมาสั่งเสีย ทันใดนั้นเขานึกถึงยาวิเศษที่ได้รับมาจากชายชรา จึงรีบไปหยิบยาวิเศษเม็ดนั้นออกมากลืนกินลง แล้วตามเหล่าองครักษ์เพื่อเข้าเฝ้า

พอมาถึงท้องพระโรง จักรพรรดิอินโจ้วก็ตรัสขอหัวใจของปี่กานเพื่อนำไปใช้รักษาอาการป่วยของพระสนมถังกี้

ปี่กานจึงทูลว่า “พระองค์รับสั่งให้ขุนนางตาย ขุนนางผู้นั้นก็มิอาจมีชีวิตสืบไป แต่ก่อนที่จะตาย กระหม่อมขอกราบทูลเตือนพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายว่า พระองค์กำลังลุ่มหลงนางปีศาจ และกำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน หลังจากที่พระองค์ทรงประหารกระหม่อมแล้ว ราชวงศ์ของพระองค์ที่ดำรงคงอยู่มาถึง 28 รัชกาล ก็จะถึงกาลอวสานแล้ว”

อนิจจา องค์จักรพรรดิหาได้ใส่พระทัยต่อคำเตือนของปี่กานไม่ กลับรับสั่งให้ทหารควักหัวใจของปี่กานออกมา

แต่ปี่กานห้ามเหล่าทหารเอาไว้ และกล่าวว่า “พวกเจ้านั้นหาจำเป็นไม่ ขอเพียงมีมีดสั้นให้กับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะกระทำการสืบไปเอง”

กล่าวจบ ปี่กานก็ใช้มีดแหวะอก และควักหัวใจออกมา โยนหัวใจนั้นทิ้งไว้กับพื้น แล้วเดินออกจากพระราชวังโดยไม่พูดอะไร แต่ที่มหัศจรรย์คือ ตลอดการกระทำของปี่กานนี้ หามีเลือดออกมาไม่ ตั้งแต่นั้นมา ปี่กานก็ออกท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เขาโปรยเงินทองแจกจ่ายแก่ผู้คนไปทั่ว กลายเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ตามตำนานกล่าวกันว่า ปี่กานกินยาวิเศษของเจียงไท้กงเข้าไป ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ แม้ว่าจะไม่มีหัวใจ และกล่าวกันว่า เพราะปี่กานไม่มีหัวใจนี่เอง เขาจึงโปรยเงินโปรยทองแก่ผู้คนทั่วไป โดยไม่เลือกว่าคนนั้นดีหรือคนนี้ไม่ดี ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นที่มาของเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น นั้นเอง
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553 15:24:04 »



เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊

ขณะเดียวกัน จ้าวกงหมิง ได้บำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาง้อไบ้ ได้สำเร็จมรรคผลเป็นเซียนมีฤทธิ์มาก กลับเกิดอาการเพี้ยนกลายเป็นนักพรตกังฉินที่ทั้งเก่งและอำมหิต จ้าวกงหมิง ถวายตัวรับใช้จักรพรรดิอินโจ้ว ได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย จ้าวกงหมิงมีบริวารที่ร้ายกาจอยู่ตัวหนึ่ง คือ เสือดำ และยังมีของวิเศษหลายอย่าง อาทิ แส้เหล็ก ไข่มุกวิเศษ เชือกล่ามังกร ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ เจียงไท้กงซึ่งเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่จึงสู้จ้าวกงหมิงมิได้ มีคราวหนึ่งเจียงไท้กงถูกจ้าวกงหมิงกักขังไว้ในค่ายกลสิบทิศ เจียงไท้กงพยายามหาทางออกเท่าไหร่ก็ไม่พบ ขณะเดียวกันก็ถูก จ้าวกงหมิงทำร้ายแทบปางตาย ซ้ำยังขู่เข็ญให้เจียงไท้กงแต่งตั้งตนให้เป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยยื่นเงื่อนไขว่า “ตาเฒ่า เจ้าจงยอมแต่ตั้งให้ข้านี้เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภเสียแต่โดยดีเถิด แล้วข้าจะปล่อยแกออกไป ข้าต้องการควบคุมทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด แต่ถ้าหากแกโยกโย้ ข้านี้จะทรมานให้แกสิ้นชีพในบัดดล”

เจียงไท้กงไม่มีทางเลือก จึงยื่นขอเสนอให้แก่จ้าวกงหมิงว่า “เราจักแต่งตั้งเจ้าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภได้อย่างไร เพราะเวลานี้ปี่กานเป็นผู้ครองตำแหน่งนี้อยู่ หากแม้นเจ้ามีความสามารถนำเอาหัวใจของปี่กานออกมา ทำให้เขาสิ้นชีพวายชนม์เสีย ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้ ก็จะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”

เมื่อตกลงกันได้เช่นนี้ จ้าวกงหมิง ได้ยินดังนั้นจึงย้ำกับเจียงไท้กงว่า “ตกลงเช่นท่านว่านี้แหละ ข้าจักฆ่าปี่กานเอง แต่เจ้าต้องรักษาคำพูดให้มั่นเล่า”

เมื่อตกลงกันได้เช่นนั้น จ้าวกงหมิงจึงยอมปล่อยตัวเจียงไท้กงออกมาจากค่ายกล หลังจากนั้น
จ้าวกงหมิงจึงสั่งให้เสือดำออกตามล่าหาปี่กาน และได้กำชับเสือดำว่า ต้องนำหัวใจของปี่กานกลับมาให้ได้ อย่าได้ผิดพลาดเป็นอันขาด

เวลานั้นปี่กานกำลังโปรยเงินโปรยทองแจกจ่ายแก่ผู้คนตามที่ต่างๆ ที่เขาเดินทางผ่าน บ่ายวันหนึ่ง ปี่กานเดินทางมาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง เขารู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้า จากงานสงเคราะห์ผู้คน จึงเอนตัวลงนอนพักบนโขดหิน พลันเกิดลมพายุกรรโชกอย่างรุนแรง ปี่กานตกใจอย่างมาก เห็นเสือดำตัวหนึ่งกระโจนใส่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว ปี่กานหลบมิทัน ถูกเสือตะปบล้มลง จากนั้นมันก็เริ่มตะกุยหน้าอกของปี่กานเพื่อควานหาหัวใจ แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ เพราะปี่กานไม่มีหัวใจแล้ว เสือดำจึงคำรามด้วยความโกรธ และผละจากไปอย่างไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะเจียงไท้กงออกอุบายหลอกจ้าวกงหมิงนั่นเอง อย่างไรก็ดี แม้เสือดำจะมิได้หัวใจของปี่กานไป แต่กรงเล็บของมันที่ตะกุยอยู่ในทรวงอกของปี่กานนั้น ทำให้อวัยวะภายในของปี่กานสับสน ส่งผลให้ปี่กานกลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ไม่เที่ยงธรรมนัก เขามักโปรยปรายเงินทองอย่างลำเอียง เจอใครก่อนก็ให้คนนั้นก่อน และมักจะให้เยอะๆ ทำให้คนที่ร่ำรวยอยู่แล้วก็ยิ่งร่ำรวยยิ่งขึ้น ส่วนคนยากจนอยู่เดิม ก็ยังคงยากจนต่อไป เพราะเป็นเรื่องลำบากไม่น้อย ที่จะหาเครื่องเซ่นไหว้ดีๆ มาบูชาตอนที่เขาออกมาเยือนผู้คนในแดนมนุษย์

ทางฝ่ายจ้าวกงหมิง แม้มิได้เป็นเทพเจ้าแห่งความโชคลาภตามที่ปรารถนา แต่เนื่องจากเจียงไท้กงเคยตกปากรับคำรับคำไว้ เจียงไท้กงจึงประทานของวิเศษให้ 4 ชิ้น คือ เจียป้อ หนับเตียว เจียไช้ และ หลี่ฉี้ ซึ่งเป็นของวิเศษที่ใช้เรียกเงินเรียกทองให้ไหลมาเทมา การค้าราบรื่น มีกำไรดี ดังนั้นชาวจีนจึงพากันกราบไหว้ จ้าวกงหมิง เป็น เทพเจ้าแห่งโชลาภอีกองค์หนึ่ง

ด้วยเหตุที่ว่า จ้าวกงหมิง เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก เคยเอาชนะเจียงไท้กงมาแล้ว ชาวจีนจึงยกย่องให้เป็น “บู๊ไฉ่ซิงเอี๊ย” (เทพเจ้าแห่งโชคลาภองค์บู๊) และยกย่องปี่กานให้เป็น “บุ๋นไฉ่ซิงเอี๊ย” (เทพเจ้าโชคลาภองค์บุ๋น) เพราะเคยเป็นอัครมหาเสนาบดีขององค์จักรพรรดิมาก่อน
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553 15:31:20 »



เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น และองค์บู๊

รูปลักษณ์และพลานุภาพของไฉ่ซิงเอี๊ย

ไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพชั้นสูงที่ชาวจีนให้ความสำคัญมาก เป็นเทพองค์แรกที่จะต้องเซ่นไหว้ก่อนเทพองค์อื่นๆ ทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่ทำมาค้าขาย ดังนั้นจึงมีการสร้างรูปเคารพของไฉ่ซิงเอี๊ยขึ้นมาสักการบูชากัน

ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊

มักจะเป็นรูปชายวัยกลางคน ใส่ชุดนักรบจีนโบราณ ประกอบด้วยชุดเกราะ หมวกขุนพล มือซ้ายถือกระบอง มือขวาถือเงินหยวน (หยวนเป่า) ใบหน้าดุ มีพาหนะเป็นเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวใหญ่ ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ นี้ชาวจีนที่บูชาเชื่อกันว่า มีพลานุภาพให้คุณแก่ผู้บูชาในเรื่องของหนี้สิน ช่วยให้ผู้บูชาเก็บหนี้ได้ง่ายขึ้น ลูกหนี้ไม่คิดเบี้ยวให้เจ้าหนี้ต้องลำบากใจ นอกจากนี้ยังมีอนุภาพช่วยดูแลและควบคุมบริวาร ตลอดจนลูกจ้างให้อยู่ในระเบียบวินัย มีความขยันในการทำงาน ดังนั้น ตามโรงงานหรือบริษัทใหญ่ๆ จึงนิยมบูชาไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ ด้วยความเชื่อที่ว่า จะช่วยดูแลคนทำงาน ตลอดจนเป็นหูเป็นตาให้กับจ้าของกิจการ นอกจากนี้ บรรดาข้าราชการ ทหาร หรือตำรวจ (ของจีน) ล้วนนิยมบูชาเซ่นไหว้ ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ เพราะช่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีจำนวนมากนั่นเอง

ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น

มักจะเป็นรูปของชายในชุดขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของจีนโบราณ สวมหมวกมีปีกออกไป 2 ข้างคล้ายๆ กับหมวกของเทพ ลก (หมายถึง ฮก ลก ซิ่ว) ชุดขุนนางจีนชั้นผู้ใหญ่ครบเครื่อง ทั้งเสื้อนอก เสื้อใน มือทั้งสองข้างจะถือแผ่นผ้าจารึกอักษร ที่คลี่ออก เป็นอักษรมงคล หรือคำอวยพรที่เป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชา ชาวจีนเชื่อว่า ไฉ่ซิงเอี๊ยสามารถดลบันดาล หรือช่วยเหลือให้ผู้ที่บูชามีโชคมีลาภ ตลอดจนมีความมั่งคั่งร่ำรวย โชคลาภที่ได้นี้ เป็นรายได้พิเศษ ไม่ใช่รายได้ประจำ (เงินเดือนหรือเงินค้าขายตามปกติ) ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋นนี้มีอานุภาพหรือให้คุณทางด้านเงินทองหรือทรัพย์สิน ตลอดจนโชคลาภต่างๆ ทำให้ผู้บูชาประสบความสำเร็จ ลูกค้าเชื่อถือ


อ้างอิง : ข้อมูลจากหนังสือ ไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดย พ.สุวรรณ

ที่มา : http://www.thaisamkok.com/
 รัก  http://snaturbysrithai.com/blog/tussanapak/2010/02/14/%E0%B9%84%E0%B8%89%E0%B9%88%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%8A%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C/
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553 13:36:04 »



เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย ปางมหาเศรษฐี

ไฉ่ซิงเอี๊ย ปางมหาเศรษฐี ชัมภล

เจ้าแห่งโชคลาภ หรือในภาษาจีนเรียกว่า  ไฉ่ ซิ้ง เอี้ย  เป็นเทพเจ้าที่ให้คุณทางด้านโชคลาภ ทรัพย์สมบัติ และการค้าขาย

         ในทำเนียบของเทพเจ้าจีน ซึ่งมีเป็นจำนวนมากอาทิ เทพเจ้ากวนอู, ตั่วเหล่าเอี้ย หรือ เฮียงเทียนเซี่ยงตี่ ที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม เจ้าพ่อเสือ, เทพเจ้าเห้งเจีย, เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตาไท้ส่วยเอี้ย ฯลฯ เทพเจ้าเหล่านี้คงเป็นที่คุ้นเคยกันดีกับคนไทย แต่จะมีเทพเจ้าสำคัญอีกองค์หนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนจีนทั่วโลก และมีความสำคัญอย่างมาก คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือในภาษาจีนเรียกว่า “ ไฉ่ ซิ้ง เอี้ย ” เป็นเทพเจ้าที่ให้คุณทางด้านโชคลาภ ทรัพย์สมบัติ และการค้าขาย
         ทุกตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่ จะต้องมีการกราบไหว้อัญเชิญเทพเจ้าองค์นี้ เข้ามาสู่เคหสถานบ้านเรือนร้านค้า เพื่อความมีโชคดีทำธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ในปีนั้นๆ ความเชื่อเหล่านี้มีมานานนับพันปี ในหมู่คนจีนทั่วโลก แม้กระทั่งในระดับฮ่องเต้ของจีน ก็ต้องประกอบพิธีอัญเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภในเทศกาลปีใหม่ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและมีความเป็นสากล

         บรรดาเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจากหลักของลัทธิศาสนาทั้งสิ้น เริ่มจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดรากอารยธรรมของโลกที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะลัทธิพราหมณ์ฮินดู ที่เผยแผ่ไปยังดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไทย, จีน, เขมร, อินโดนีเซีย, ศรีลังกา, พม่า, ทิเบต, เนปาล, ลาว, ญี่ปุ่น, เกาหลี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลความเชื่อในทางศาสนาจากอินเดียทั้งสิ้น

         เมื่อผนวกเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละประเทศ ที่มีการใช้ภาษาต่างกัน ทำให้การเรียกชื่อแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อมีการค้นคว้าเปรียบเทียบจากองค์ความรู้ด้านศาสนาวัฒนธรรม และความเชื่อแล้ว คือเทพเจ้าองค์เดียวกัน มีรากฐานมาจากที่เดียวกัน หลักความเชื่อสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างยิ่ง คือความเชื่อในเรื่องศูนย์กลางจักรวาลที่จำลองมาเป็นเขาพระสุเมรุ หรือไตรภูมิ ที่กล่าวถึงเรื่องมนุษย์ เทวดา ยักษ์ สัตว์หิมพานต์ ชมพูทวีป ฯลฯ ท่านที่มีความรู้ด้านนี้คงเข้าใจได้ง่ายขึ้น


ผู้เขียนจะกล่าวเฉพาะในส่วนของเทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉ่ชิ้งเอี้ย ว่ามีความเป็นมาที่ถูกต้อง ตามตำราโบราณอย่างไร เนื่องจากยังไม่เคยมีตำราใดในประเทศไทย เขียนถึงแบบ “ บูรณาการ ” มาก่อน ทำให้เกิดความไม่เข้าใจที่ถูกต้องกับเทพเจ้าองค์นี้ แม้จะมีผู้รู้ ก็รู้เพียงบางส่วน แต่ไม่รู้ลึกซึ้ง เนื่องจากต้องมีพื้นฐานความรู้หลายด้านประกอบกัน

         เริ่มว่ากันด้วยเทพเจ้าแห่งโชคลาภองค์นี้ก่อนว่าคือใคร ในคัมภีร์ภาษาบาลีที่จัดอยู่ในหมวดโลกศาสตร์ ซึ่งปราชญ์ทางด้านพุทธศาสนาโบราณได้แต่งไว้ เท่าที่มีการค้นพบมีด้วยกันแปดเรื่อง หนึ่งในแปดเรื่องคือ โลกสัณฐานโชตรคนคัณฐี อันมีเนื้อหากล่าวถึงกำเนิดจักรวาลและภพภูมิต่างๆ การนับอสงไขย เรื่องของพระอาทิตย์ พระจันทร์ กลุ่มดาวนักษัตรทั้ง 27 และหลักของไตรลักษณ์ อันเป็นเครื่องเตือนสติให้บุคคลประพฤติอยู่ในคุณงามความดี

ได้กล่าวไว้ว่า รอบเขาพระสุเมรุ ทั้ง 4 ทิศ มีเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ หรือที่รู้จักดีในนามของจตุโลกบาล องค์ที่เป็นใหญ่ในทิศเหนือ มีนามว่าท้าวเวสสุวรรณ หรือ เจ้าแห่งยักษ์ ในหนังสือเทวกำเนิดของพระยาสัจจาภิรมย์ ( สรวง ศรีเพ็ญ ) พิมพ์เมื่อปี พ . ศ .2474 ได้กล่าวถึงเรื่องจตุโลกบาล และเรื่องราวของท้าวเวสสุวรรณไว้ว่า เป็นใหญ่ในทิศเหนือ

         มีด้วยกันหลายนาม เช่น

ท้าวกุเวร ธนบดี ( เป็นใหญ่ในทรัพย์ )
ธเนศวร ( เจ้าแห่งทรัพย์ )
อิจฉาวสุ ( มั่งมีได้ตามใจ )
ยักษ์ราช ( ราชาแห่งยักษ์ )
กุตนุ ( มีรูปร่างน่าเกลียด หมายถึงยักษ์ที่มีหน้าตาดุ นั่นเอง )
รัตนครรภ ( มีเพชรเต็มพุง )
ราชราช ( ราชะราชเจ้าแห่งราชา )
นรราช ( เจ้าคน ) ฯลฯ

จะเห็นได้ว่า จะเรียกอย่างไรก็ตาม ท่านคือสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวย ผู้เป็นมหาราชประจำทิศเหนือและในอาฎานาฏิยะปริตรมหาสมัยสูตร หรือบทสวดภาณยักษ์ ก็กล่าวว่า ท้าวกุเวรเป็นจอมยักษ์ และเป็นผู้ดูแลรักษาโลกในทิศเหนือ
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553 14:17:24 »




ศาสนาพุทธมหายานครอบคลุมถึงทิเบต เนปาล และประเทศจีนปัจจุบัน รวมทั้งอดีตพันกว่าปี ของคาบสมุทรทะเลใต้ คืออินโดนีเซีย, ไทย, เขมร ที่ศาสนาพุทธมหายานเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด ที่กล่าวโดยสรุปย่อๆให้เห็นภาพชัดเจนว่า ท่านคือใคร แล้วท้าวชุมภล หรือเศรษฐีชัมภล มาจากไหน

         ในคาถาบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภของพุทธตันตระฝ่ายมหายาน มีดังนี้ “ โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ ”

         “ ชัมภาลา ” ก็คือชัมภล นั่นเอง และในภาษาอังกฤษที่เรียกรูปเคารพ ของท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ ก็เขียนทับศัพท์ว่า “JAMBHALA” ตามรูปสมมุติที่สร้างขึ้น เท่าที่ปรากฏตามที่ผู้เขียนได้ค้นคว้าจากตำราทั้งภาษาไทย, จีน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส ปรากฏตรงกันว่า ท่านถือพังพอนอยู่ในมือด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งถือลูกแก้วหรือฉัตรก็มี หน้าตาบางปาง ท่านจะดุดันเข้มขลัง เพราะท่านคือเจ้าแห่งยักษ์ บางปางก็ใส่รองเท้า บางปางก็ไม่ใส่รองเท้า

         ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้รู้ และเมืองจีนยุคหลังๆ เรียกท่านว่า “ ไฉ่ซิ้งเอี้ย ” ตามสำเนียงและภาษาที่เป็นไปของแต่ละพื้นที่ พร้อมกับมีนิทานเรื่องขุนนางจีนมาประกอบ แต่ยังปรากฏรากศัพท์ของเสียง

         “ ฉ ” หรือ “ ช ” ที่ภาษาจีนทางใต้ออกเสียง “ ใช้ ” หมายถึงความร่ำรวย ซึ่งใกล้เคียงของเดิมคือ “ ชัมภล ” “ ชัมภาลา ”

         ในการสวดมนต์ขอพรเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั้น ทางฝ่ายตันตระมหายาน ก็จะใช้คาถาตามที่กล่าวไป เพื่อขอพรให้ท่านประทานโชคลาภและความร่ำรวย ทั้งยังมีอานุภาพในการคุ้มครองปกป้องทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วให้ปลอดภัย รวมถึงจากบรรดาภูติผีปีศาจ อำนาจชั่วร้ายทั้งปวง ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ เพราะท่านคือมหาราชผู้เป็นจตุโลกบาล เจ้าแห่งยักษ์


       

เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ( ไฉ่ซิ้งเอี้ย ) สามารถจัดแบ่งปางต่างๆตามหลักมหายานได้ดังนี้

1.ปางมหาเศรษฐี ซัมภล ซึ่งเป็นปางที่ใหญ่สุดและมีความเก่าแก่ที่สุดกว่า 2,000 ปี

2.ปางบู๊ ทรงเครื่องนักรบโบราณ มีเสือประทับอยู่ด้วย คติมาจากความที่เป็นยักษ์นั่นเอง ภายหลังจึงแปลงให้เป็นปางบู๊

3.ปางบุ๋น เป็นรูปขุนนางจีน ดังที่เห็นกันทั่วไป ซึ่งปางนี้กำเนิดภายหลังไม่กี่ร้อยปี คล้ายคลึงกับเทพเจ้าองค์อื่นๆของจีน เช่น ตี่จูเอี้ย, แป๊ะกง ฯลฯ อาจจะมีคฑายู่อี่ และถือก้อนเงินจีนโบราณ

          จะเห็นได้ว่า ทั้งสามปางหลัก ปางมหาเศรษฐี ชัมภล มีความเก่าแก่ยาวนาน และมีประวัติความเป็นมาที่สากล ปรากฏในหลายประเทศแถบทวีปเอเซีย ส่วนอีก 2 ปางนั้น มากำเนิดขึ้นภายหลังในประเทศจีน ซึ่งจะมีกึ่งตำนานกึ่งนิทาน ตามตำนานมหาเทพของจีน ( ฮงสิงปั้ง ) ที่เป็นบุคคลธรรมดา ต่อมาภายหลังเมื่อเสียชีวิตจึงได้รับการยกเป็นเทพ ตัวอย่างเช่น เทพเจ้ากวนอู ที่รู้จักกันดี เทพเจ้าหลูปัน, อันเป็นผู้ชำนาญในงานช่างคิดประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ พอเสียชีวิตไป ก็ได้รับยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งงานช่าง แม้แต่มาตรวัดต่างๆ ที่บรรดาซินแสใช้ ก็มาจากมาตรวัดของหลูปันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร

         เทพเจ้าลักษณะนี้ เป็นเทพเจ้าที่มาจากวีรบุรุษในประวัติศาสตร์จีนภายหลัง นอกจากนั้น ยังมีเทพเจ้าที่มาจากนิทาน เช่น เจ้าพ่อเห้งเจีย ฯลฯ เหล่านี้ จะนิยมสร้างทั่วไปในเมืองจีน เป็นกระเบื้องเซรามิกและไม้แกะ ที่เป็นโลหะหล่อก็มี แต่เทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้ ถือว่าเป็นเทพเจ้าที่มาจากบันทึกตามพระไตรปิฎก คือท้าวจตุโลกบาล ผู้เป็นเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติทั้งมวลในโลกมนุษย์ ทั้งยังเป็นเทพธรรมบาลผู้รักษาดูแลพระพุทธศาสนาอีกด้วย

         นอกจากนั้น เทพเจ้าแห่งโชคลาภปางมหาเศรษฐี ชัมภลนี้ ยังมีบริวารอีกเป็นจำนวนมากที่ใหญ่รองลงมา ก็มีถึง 4 องค์ ด้วยกัน ตามศาสตร์จีนเรียกว่า “ โหงวไฉ่ซิ้ง ” หรือ ไฉ่ซิ้ง 5 องค์ ใน 4 องค์นี้ ก็มีบริวารอีกเช่นกัน แต่ที่สุดแล้วผู้เป็นใหญ่สุดคือ มหาเศรษฐีชัมภล ที่มีการสร้างรูปเคารพของท่านในที่ต่างๆ มาตั้งแต่โบราณเป็นพันปี ประวัติยังมีมากกว่านี้แต่จะไม่กล่าวถึง



รูปลักษณะของเศรษฐีซัมภล

         มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากเทพเจ้าองค์อื่นอย่างเห็นได้ชัด คือมีลักษณะอวบอ้วน, พุงพลุ้ย, ใบหน้าใหญ่, ล่ำ, มีความจริงจัง แต่แฝงไปด้วยความเมตตากรุณา ท่อนบนของท่านเปลือยเปล่า ประดับไปด้วยสร้อยสังวาล, เพชรนิลจินดา, กำไล ทั้งองค์เต็มไปด้วยอัญมณีล้ำค่า แสดงถึงความมั่งมีเงินทองทรัพย์สมบัติอย่างเหลือคณานับ

         บางที่จะประทับนั่งบนแท่นดอกบัวและห้อยพระบาท ข้างหนึ่งเหยียบหอยสังข์ มือด้านหนึ่งถือแก้วมณี อีกด้านหนึ่งถือพังพอนไว้ และท่านจะบีบคอพังพอนให้พังพอนอ้าปากคายแก้วแหวนเงินทองออกมา อันเป็นเคล็ดลับโบราณที่กล่าวว่า ทรัพย์สมบัติทั้งมวลบนพื้นพิภพล้วนแล้วแต่อยู่ในผืนดิน ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ ก็มาจากดินจากน้ำใต้ดินทั้งนั้น แก้วแหวนเงินทองของมีค่าล้วนแล้วเกิดจากพื้นปฐพีทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าทรัพย์เหล่านั้นก็คือ เจ้าแห่งเมืองบาดาลโบราณกล่าวว่าคือ งู ดังนั้น สัตว์ที่แก้เคล็ดกับงูได้ก็คือพังพอนนั่นเอง โบราณจึงได้กำหนดรูปลักษณะของมหาเศรษฐีชัมภลไว้ตามที่ปรากฏในที่ต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่มีพังพอนเป็นสำคัญ

         ตามพุทธสูตรกล่าวไว้ว่า “ ขอเพียงแต่วาดภาพหรือแกะสลักรูปของมหาเศรษฐีชัมภล จะคิดสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น สมดังใจปรารถนา

         เทวรูปมั่งคั่ง องค์นี้ก็คือ เทพธนาของพระพุทธศาสนานิกายตันตระ ( ในทิเบตคือนิกายลามะ ) มีนามว่า “ รัตนะโกศ ” มีหน้าที่ปกครองดูแลโภคทรัพย์ในแผ่นดินชื่อเต็มคือ “ รัตนโกศมหาพญายักษ์ ” ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมาและจะรักษาทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วอย่างมั่งคง ”

         ที่กล่าวมาโดยสรุปก็เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบถึงความเป็นมาของเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ( ไฉ่ซิ้งเอี้ย ) ปางมหาเศรษฐีชัมภล ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อน แต่ก็สามารถพบเห็นได้จากที่ต่างๆ ดังที่ได้นำภาพมาลงให้ชมเป็นหลักฐาน

        สำหรับในประเทศไทย มักเรียกท่านว่า ท้าวกุเวร ท้าวชุมพล บางแห่งจะเรียกท่านว่า “ เจ้าพ่อขุมทรัพย์ ” เศรษฐีมหาเศรษฐีหลายคนในประเทศไทยและต่างประเทศ ก็มีการบูชาท่านมานานแล้ว แม้แต่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งหนึ่งในไทย ก็มีรูปหล่อของมหาเศรษฐีชัมภลนี้บูชา

         การบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภปางนี้นั้น นอกจากให้คุณทางด้านโชคลาภทรัพย์สมบัติแล้วยังสมารถคุ้มครองป้องกันสิ่งอัปมงคล ได้ทุกชนิด สามารถปัดเป่าพลังอำนาจที่ไม่ดีออกไป ซึ่งคนโบราณค้นพบและหยั่งรู้ในความหมาย จึงได้สร้างรูปเหมือนท่านไว้ ทั่วทวีปเอเชียนานกว่าสองพันปี

ข้อมูล : พุทธสถานจีเต็กลิ้ม

Credit by :  http://www.mindcyber.com/home/new_book/ariya/569.html
ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
บันทึกการเข้า
คนดีศรีอยุธยา2
นักโพสท์ระดับ 4
****

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 20


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 27 มกราคม 2554 12:03:02 »

ขอบคุณครับ หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า
คำค้น: ท้าวกุเวร ไฉ่ชิ๋งเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ  ตำนาน ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวจตุโลกบาล 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เทพีคู่หาบเงิน–หาบทอง ดอกไม้งามในวันพ&#
สุขใจ ห้องสมุด
sithiphong 1 4505 กระทู้ล่าสุด 10 พฤษภาคม 2553 09:51:55
โดย เงาฝัน
ชี้แจงเรื่องการย้ายข้อมูลจากเวบเก่ามาเข้าสุขใจ ไม่ทันการแน่
สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
หมีงงในพงหญ้า 4 6459 กระทู้ล่าสุด 30 มิถุนายน 2553 10:15:11
โดย หมีงงในพงหญ้า
ห้องน้ำสาธารณะ ใจไม่ถึงเข้าไม่ได้
สุขใจ ไปรษณีย์
หมีงงในพงหญ้า 6 4727 กระทู้ล่าสุด 02 มีนาคม 2554 19:03:58
โดย หมีงงในพงหญ้า
ข้อคิดดี ๆ จาก ท่าน ว.วชิรเมธี ธรรมะต้มยำ
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
時々๛कभी कभी๛ 3 5785 กระทู้ล่าสุด 29 กันยายน 2553 11:16:12
โดย เงาฝัน
ชาติก่อน ชาติหน้า มีจริงหรือ?
ธรรมะจากพระอาจารย์
เงาฝัน 5 4125 กระทู้ล่าสุด 14 ตุลาคม 2553 18:40:08
โดย เงาฝัน
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.815 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 3 ชั่วโมงที่แล้ว