[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
30 มิถุนายน 2568 15:46:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตตปัญญาศึกษา : ขยายพื้นที่แห่งความสุข  (อ่าน 1730 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 13 มิถุนายน 2553 15:06:45 »

http://3.bp.blogspot.com/_QwjBfpkmoEU/RuXxKuIhJjI/AAAAAAAAAK8/MfDenkwBL0s/s1600-h/748795831_b7197153f7_m.jpg
จิตตปัญญาศึกษา : ขยายพื้นที่แห่งความสุข

 
โดย พูลฉวี เรืองวิชาธร
 
เครือข่ายจิตตปัญญาศึกษา ContemplativeEducation@yahoo.com
คอลัมน์ ณ พรมแดนแห่งความรู้ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๐
 
บรรยากาศช่วงวันสุดท้ายของการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาวิทยากรกระบวนการทางจิตวิญญาณขั้นต้น สำหรับ ๒๘ ชีวิตซึ่งเป็นบุคลากรทางด้านสาธารณสุขเครือข่ายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนั้นอบอวลไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติสุข ความเมตตา การให้อภัย ความคิดถึงและความอาลัยที่ต้องล่ำลาหลังจากผ่านการร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ระยะเวลาเพียงแค่ ๕ ครั้งๆ ละ ๔ วัน (ช่วงระหว่างพฤษภาคม ถึงสิงหาคม ๒๕๕๐) ทำไมหนอเราจึงผูกพันกันได้อย่างลึกซึ้งเพียงนี้? เป็นเสียงของผู้เข้าร่วมอบรมบอกเล่ากับเพื่อนๆ ที่เข้าอบรมด้วยกันระหว่างการกอดกันด้วยสัมผัสแห่งรักก่อนลาจาก
 
ผู้เขียนเป็นหนึ่งในทีมงานที่จัดกระบวนการและร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับกลุ่มทั้ง ๕ ครั้ง สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองและกลุ่มได้อย่างชัดเจนในด้านทักษะพื้นฐานของการเป็นวิทยากรกระบวนการทางจิตวิญญาณ(จะขอเรียกสั้นๆ ว่ากระบวนกร) คือ การรับฟังอย่างลึกซึ้ง การเปิดใจกว้างไม่ด่วนตัดสินถูกผิด การจับประเด็นทั้งเนื้อหาสาระและอารมณ์ความรู้สึก การตั้งคำถามลงลึกต่อเนื่องเชื่อมโยงอย่างมีพลังเพื่อกระตุ้นให้ผู้ตอบได้หันกลับมาคิดใคร่ครวญภายในอย่างลึกซึ้ง การใช้กระบวนวิธีคิดที่เป็นระบบสอดคล้องกับเป้าหมายการเรียนรู้ เนื้อหา และกิจกรรมผ่านประสบการณ์ตรง ในด้านพฤติกรรมการแสดงออกของแต่ละท่านและความสัมพันธ์ระหว่างกันที่เห็นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คือ ความเชื่อมั่นว่าตนทำได้ อีกทั้งความไว้วางใจระหว่างกันในกลุ่ม การเกิดขึ้นของจิตสาธารณะหรือจิตใหญ่ของแต่ละคน การแบ่งปันช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นใครมาจากไหน การสะท้อนสิ่งที่เพื่อนควรปรับปรุงด้วยภาษาแห่งความกรุณา การให้อภัยเวลาผิดพลาดพลั้งเผลอ ในด้านอารมณ์ความรู้สึกนั้นสังเกตได้ว่าแต่ละท่านมีความสงบนิ่ง มีสติเท่าทันกับสิ่งที่ตัวเองกระทำได้เร็วขึ้นถึงแม้บางครั้งจะผิดพลาดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
 
นอกจากนี้ตัวผู้เขียนเองสัมผัสได้ถึงความสุข ความอิ่มเอิบใจ ความมั่นใจในตัวเอง และความไว้วางใจที่เพิ่มมากขึ้นในทีมงานว่าเราทำได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาทั้งหมดก็ยังเป็นเพียงหน่ออ่อนที่ต้องได้รับการใส่ใจดูแล ได้รับการรดน้ำพรวนดินอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงระดับนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ต้องรอการตอกย้ำด้วยการเอาไปใช้หรือพิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิตประจำวัน นี้แลการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและยั่งยืนจึงจะเริ่มเป็นจริง
 
ในสังคมปัจจุบันนั้นต้องการความรวดเร็วสำเร็จรูปและง่ายไปเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งการเรียนรู้หลายคนในสังคมก็คิดว่าการเรียนรู้จากการอบรมครั้งหรือสองครั้งก็น่าจะทำให้คนหรือองค์กรเปลี่ยนแปลงในทางที่ต้องการ เช่น คนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมความคุ้นชินที่ไม่น่ารักให้น่ารักขึ้น คนในองค์กรต้องมีความรับผิดชอบต่อองค์กร หรือต้องการให้คนในองค์กรมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รักกัน สามัคคีกันฯลฯ เมื่อหลังจากเสร็จสิ้นการอบรม สำหรับผู้เขียนเองเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แม้แต่การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายยังต้องใช้เวลา เช่น ถ้าคุณกำลังเคลื่อนย้ายจากสภาพอากาศแบบหนึ่งไปอยู่ในสภาพอากาศอีกแบบ ร่างกายยังต้องใช้เวลาในการปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ในทำนองเดียวกันการปรับจิตใจต้องใช้เวลา เพราะจิตมีความซับซ้อนมากซึ่งคุณต้องยอมรับและเผชิญกับการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปรภายในอย่างรู้เท่าทัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นเราอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการอันหลากหลายและทดลองทำซ้ำอย่างต่อเนื่องจนจิตใจเกิดความคุ้นเคยใหม่ซึ่งจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อย นอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจของคนคนหนึ่งที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วนั้นยังต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกันทั้งปัจจัยในระหว่างกระบวนการเรียนรู้ และหลังจากออกไปดำเนินชีวิตประจำวัน สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้เขียนในการเปลี่ยนแปลงตนเองระหว่างการเรียนรู้ คือ ความไว้วางใจ ทั้งในตัวเราเองว่าเราทำได้ การได้รับความไว้วางใจและกำลังใจจากคนรอบข้าง มีหลายครั้งที่เราคิดว่าทำไม่ได้แต่พอได้รับกำลังใจและความไว้วางใจเราก็จะพยายามทำและเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ
 
ในระหว่างกระบวนการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงตนเองนั้น ความไว้วางใจเป็นปัจจัยสำคัญมากที่ทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมกล้าที่จะเปิดใจยอมรับจุดเปราะบางของตัวเอง กล้าที่จะเผชิญกับเรื่องราวบางสิ่งบางอย่างที่ค้างคาใจ ถูกเก็บงำมาตลอดชีวิตและยังไม่ได้คลี่คลาย กล้าแม้กระทั่งปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้มในที่สาธารณะต่อหน้าผู้เข้าร่วมอบรมด้วยกันซึ่งโดยปรกติหากเราไม่ได้ไว้วางใจกันมากพอเราคงไม่กล้าที่จะเปิดเผยหรือแสดงตัวตนที่แท้จริงของเราออกมาให้คนอื่นเห็น สำหรับผู้เขียนการกล้าที่จะเผชิญกับตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างสำคัญยิ่ง
 
ความไว้วางใจระหว่างผู้เรียนรู้ด้วยกันหรือกับกระบวนกรนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาเองลอยๆ แต่ทุกคนในกระบวนการเรียนรู้ต้องร่วมกันสร้าง โดยเริ่มจากกระบวนกรเองต้องจัดกระบวนการที่หลากหลายง่ายต่อการเรียนรู้ปฏิบัติได้ไม่ซับซ้อน หากคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในชีวิตจริงก็จะทำให้เห็นแง่คิดและมุมมองได้ง่าย ได้สัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึก เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียน มีการรับฟังซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งไม่ด่วนตัดสินและการมีส่วนร่วมของทุกคนบนบรรยากาศเป็นกันเองเอื้ออาทรระหว่างกัน ส่วนตัวผู้ร่วมเรียนรู้เองก็ต้องเปิดใจพร้อมที่จะเรียนรู้และรับฟังผู้อื่นอย่างแท้จริงด้วย
 
ปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงตนเองที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ เมื่อจบการอบรมและออกไปดำเนินชีวิตประจำวันแล้วทำอย่างไรเราจะสร้างโอกาสให้กับตัวเองในการทดลองใช้สิ่งต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มาในระหว่างการอบรม เพราะหากเราไม่มีโอกาสได้ทดลองใช้จริงอย่างสม่ำเสมอความคุ้นชินเดิมๆ ก็จะกลับเข้ามาหาเราอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการมีกลุ่มมีเพื่อนคอยช่วยเหลือให้กำลังใจคอยตักเตือนกันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วและยั่งยืนมากขึ้น
 
จากการที่ผู้เขียนได้มีโอกาสจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับบุคคลที่แตกต่างหลากหลาย ต่างองค์กร ต่างอาชีพ และจากประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น ผู้เขียนได้ตระหนักว่าการที่คนคนหนึ่งเรียนรู้เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของมนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ และผลที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงก็คุ้มค่ากับต้นทุนที่ต้องเสียไป จึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่ขณะนี้ แล้วเราจะได้พบกับพื้นที่แห่งความสุขที่กว้างใหญ่ไพศาล
 
Sunday, September 09, 2007
 
 
Posted by knoom at 8:33 AM| 0 commentsLabels: พูลฉวี เรืองวิชาธร



http://jittapanya.blogspot.com/2007/09/blog-post_09.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 2.369 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 24 พฤศจิกายน 2567 03:01:13