[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 21:22:02 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตวิวัฒน์ : สนามแม่เหล็กโลกเกี่ยวกับดวงอาทิตย์จริง ๆ  (อ่าน 1751 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Opera 9.80 Opera 9.80


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 14 มีนาคม 2555 08:20:54 »





โดย ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555

ก่อนจะลงไปในเนื้อหาสาระของสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ที่เกี่ยวข้องควบคุมสนามแม่เหล็กโลก ในฐานะที่ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางร่วมของพลังงานแม่เหล็กธรรมชาติ ของการแลกเปลี่ยนพลังงานธรรมชาติกับสนามแม่เหล็กโลก ที่ผู้เขียนคิดเอาเองว่าคงมีมานานตั้งแต่เริ่มมีระบบสุริยะ จึงใคร่ขอเล่าเรื่องส่วนตัวสักเล็กน้อย ผู้เขียนเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์โดยมีคอลัมน์เป็นของตัวเองก่อนจะมาร่วมกับชมรมจิตวิวัฒน์กว่า ๙ ปี รวมที่ได้เขียนมาถึงกว่า ๒๐ ปี จึงขอขอบใจหนังสือพิมพ์มติชนที่ได้เอื้อเฟื้อชมรมจิตวิวัฒน์

ผู้เขียนได้เขียนหนังสือเพื่อหาเงินจริงๆ ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๓ ไม่นับการเขียนบทความกับเรื่องสั้นที่ลงในหนังสือต้อนรับน้องใหม่เมื่อยังอยู่ที่จุฬาฯ ทั้งนี้ ต้องขอบใจหมอประเวศ วะสี ที่ได้ให้เงินมาเปล่าๆ ๑ แสนบาทโดยไม่มีอะไรตอบแทน เพราะผู้เขียนไม่มีเงินเลยจริงๆ ในปีนั้น ซึ่งผู้เขียนได้ใช้ซื้อคอมพิวเตอร์ในราคาเกือบครึ่งหนึ่งของเงินที่หมอประเวศให้มา และนั่นคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผู้เขียนและการเป็นนักเขียนหน้าใหม่

นิยายที่ผู้เขียนเขียนเรื่องแรกโดยคอมพิวเตอร์นั้นเป็นภาษาอังกฤษ และได้พยายามติดต่อโรงพิมพ์ที่เมืองนอกไม่รู้ว่ากี่แห่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ตอนที่เขียนใหม่ๆ มีหนังสือพิมพ์ที่ผู้เขียนเขียนเป็นประจำทุกอาทิตย์ถึงห้าฉบับจนไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร ก็ต้องขอบใจสยามโพสต์ (ไทยโพสต์ในปัจจุบัน) ที่ให้ผู้เขียนได้ตั้งต้นชีวิตใหม่
ที่พูดเรื่องส่วนตัวนั้นก็เพราะรู้ตัวว่าแก่ชรามากแล้ว คงจะเขียนได้ไม่นาน ผู้เขียนเคยบอก ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ว่ารู้ตัวว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่ออายุครบ ๘๔ บริบูรณ์ และปีนี้ผู้เขียนก็ครบเวลาที่ว่านั้นแล้ว อีกอย่างหนึ่งผู้เขียนนั้นตาก็มองไม่เห็นแล้วจากโรคแม็คคูล่าดีเจนเนอเรชั่น อันเป็นโรคที่เสื่อมถอยอย่างหนึ่ง การมองไม่เห็นของผู้เขียนจึงเป็นเหตุให้ผู้เขียนแทบจะพึ่งความจำแต่เพียงอย่างเดียว ฉะนั้นต้องขอโทษท่านผู้อ่านด้วยถ้าหากมีอะไรบกพร่อง หรือว่าข้อมูลเก่าเกินไป หรือไม่ถูกต้องทั้งหมด

ผู้เขียนมีลูกบุญธรรมยี่สิบกว่าคน และเมื่อเร็วๆ นี้ ลูกบุญธรรมที่เป็นศิษย์ของผู้เขียนคนหนึ่งที่กำลังจะเรียนจบปริญญาเอก มหาวิทยาลัยจุฬาฯ เธอได้ถามว่าพลังงานแม่เหล็กโลกที่เป็นธรรมชาติที่โลกของเรามีนั้นมีความสำคัญต่อโลกและชีวิตอย่างไร? และเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์หรือไม่และอย่างไร? ก็ได้ตอบลูกบุญธรรมไปว่า เกี่ยวข้องกับโลกแห่งชีวิตโดยตรง แถมสนามแม่เหล็กของโลกเรายังเป็นผลของดวงอาทิตย์โดยตรงอีกด้วย

ในประการแรกก็ได้เขียนบทความเรื่อง “กรรมกับพลังงานธรรมชาติ” ลงในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง มาประมาณสองปีมาแล้ว ซึ่งผู้เขียนได้อ้างอิงถึงเรื่องของความถี่คลื่นที่ใช้ในการแพทย์แผนปัจจุบันด้วย และได้พูดถึงหนังสือของ อีวาน-เว้นซ์ (Evan-Wentz : Bardo Thodol, 1927) และวัชรยานพุทธศาสนาเอาไว้ ซึ่งหนังสือที่พิมพ์มาร่วม ๙๐ ปีในบทที่ว่าด้วยเรื่องมณฑลนั้น ได้บอกอย่างชัดเจนว่าในตัวอ่อนของชีวิตมนุษย์ในครรภ์มารดานั้น (หรือเอ็มบริโอ) มันจะมีสองศูนย์ด้วยกัน – คือศูนย์สมองหรือศูนย์เหนือกับศูนย์หัวใจหรือศูนย์ใต้ – ที่ได้รับพลังงานโดยตรงมาจากใจกลางของดวงอาทิตย์ พลังงานที่จะทำให้ทั้งสองศูนย์ผูกพันกัน พึ่งพาอาศัยกันและกันประหนึ่งโซ่สายที่สัมพันธ์กัน และทุกวันนี้ วิทยาศาสตร์ได้แสดงอย่างชัดแจ้งว่า ศูนย์หัวใจหรือศูนย์ใต้นั้นมีเซลล์สมองอยู่จริงราวๆ หมื่นกว่าตัว (neurons) บังคับควบคุมให้หัวใจเต้นอย่างมีจังหวะ ซึ่งแสดงว่าหัวใจเป็นประหนึ่งสมองย่อยๆ อีกอวัยวะหนึ่งที่ควบคุมโดยพลังงานแม่เหล็กที่มาจากใจกลางของดวงอาทิตย์ สำหรับเถรวาทพุทธศาสนานั้น ผู้เขียนได้เคยถามท่านเจ้าคุณศรีปริยัติโมลี อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย – ซึ่งปัจจุบันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ – อันเป็นมหาวิทยาลัยพระสงฆ์แห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ผู้เขียนเข้าใจ

ส่วนประการที่สอง ที่ผู้เขียนบอกว่าสนามแม่เหล็กโลกเป็นผลของดวงอาทิตย์โดยตรงนั้น ได้มาจากคอลเลียร์เอ็นไซโคลพิเดียปี ค.ศ.๑๙๘๕ ที่บอกว่าสนามแม่เหล็กโลกนั้นมาจากพลังงานเทอร์โมนิวเคลียร์ที่เกิดจากการเผาผลาญไฮโดรเจนภายในดวงอาทิตย์ นั่นแปลว่าดวงอาทิตย์จะต้องหมดไฮโดรเจนเข้าสักวัน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ในระหว่าง ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ ล้านปี ซึ่งตรงกับหนึ่งกัลป์และอายุของพรหมันในคัมภีร์ของลัทธิพระเวทพอดี

วิทยาศาสตร์ว่าด้วยดวงอาทิตย์ (solar science) บอกเราว่า ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะเป็นเพียงดาวดวงหนึ่งใน ๑๐๐ พันล้านดวงในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกของเรา ที่มาของพลังงานธรรมชาติหรือหลังงานแม่เหล็กของโลก และส่วนหนึ่งของแรงดึงดูดที่ควบคุมดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวงของระบบสุริยะ แต่ในลัทธิพระเวทที่มาจาเอเชียกลาง จากเผ่าอารยันบอกว่า เป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง (ลัทธิพระเวทอาจมีที่มาสองแหล่ง คือจากเผ่าพันอารยันที่เอเชียกลาง และจากอาฟริกาซึ่งมาจากแผ่นดินที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกับเอเชียใต้เมื่อตอนปลายของยุคน้ำแข็ง หรือจากเผ่าโปรโตดราวิเดียนที่มาของชาวลังกา และชาวอินเดียที่อยู่ตอนใต้ของเทือกเขาวินธัย (Vindya) ในอินเดียโบราณ

โดยวิทยาศาสตร์อันเป็นความจริงทางโลก และโดยจิตกับศาสนา โดยเฉพาะวัฒนธรรมพระเวท สนับสนุนโดยควอนตัมฟิสิกส์อันเป็นความจริงทางธรรม (โลกุตระ) ข้อมูลใหม่ๆ เมื่อเร็วๆ นี้บอกสามอย่างสามประเด็นอันสุดสำคัญยิ่งแก่เรา

ประการแรก มันเกิดมีช่องติดต่อใหม่ (portal) ของสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์กับสนามแม่เหล็กของโลก ซึ่งเป็นผลของสนามแม่เหล็กอันเป็นพลังงานธรรมชาติที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อชีวิตของมนุษย์ ที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นแหล่งกำนิดของ “กรรม” เดวิด ซิเบ็ค แห่งศูนย์ค้นคว้าอวกาศก็อดดาร์ดขององค์การนาซ่า (Goddard Space Center) ผู้ค้นพบและรายงานเรื่องการเลิกการติดต่อระหว่างสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์กับสนามแม่เหล็กของโลก เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.๒๐๐๘ (Necsus: Last Quarter, 2008) โดยช่องปิด-เปิด (portal) ที่กระทำการเปิดทุกๆ ๘ นาทีและจะปิดหนึ่งนาที (โดยประมาณ) โดยยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า “แน่ใจว่า มันไม่เคยมี (portal) ช่องปิด-เปิดที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าโลกของเราอย่างนี้เมื่อสิบปีก่อนเลย”

ประการที่สอง มันมีจุดดำของดวงอาทิตย์ กับสนามแม่เหล็กโลกที่เหลือน้อยอย่างที่ไม่เคยเหลือเช่นนี้มาก่อน (Necsus: Second quarter, 2009)

ประการที่สาม จุดดำของดวงอาทิตย์อาจจะเกี่ยวข้องกับพายุสุริยะและแผ่นดินไหวในตะวันออกไกล รวมทั้งไทยเราที่จะเกิดขึ้นในหน้าร้อนปี ค.ศ.๒๐๑๒ ซึ่งทางด้านควอนตัมเมคคานิกส์ และความจริงทางธรรม (โลกุตระ) ก็ทำนายไว้อย่างนั้น (B. Alan Wallace: The Hidden Dimensions, 2007)

จะเห็นได้ว่าวิทยาศาสตร์ฝ่ายหนึ่ง กับพุทธศาสนาและคัมภีร์ของลัทธิพระเวทอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างก็บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กของทั้งสอง ดังที่เราเห็นในภาพที่นักวิทยาศาสตร์สร้างนั้น มันมีนัยสำคัญเช่นที่หนังสือของ อีแวน-เว้นทซ์ ที่ผู้เขียนอ้างถึงว่า ความสัมพันธ์และความสำคัญของสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์และสนามแม่เหล็กของโลก ที่ผู้เขียนคิดว่าคงมีความสัมพันธ์เช่นนั้นมานานแล้ว อย่างน้อยตั้งแต่ยุคสมัยการเริ่มต้นการมีขึ้นของสัตว์โลก ร่วม ๕๐๐ ล้านปีก่อน ซึ่งทางวิทยาศาสตร์คงไม่รู้ เพราะมีมาก่อนหน้าที่เราจะมีวิทยาศาสตร์ของดวงอาทิตย์นานมากนักหนา และคงจะเกี่ยวกับกรรมนั้น มันก็มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ – หรือความจริงทางโลก ซึ่งผู้เขียนพูดบ่อยๆ ว่ามันแสดงสติปัญญาความฉลาด (intelligence) ธรรมดาๆ ซึ่งหลวงพ่อชา สุภัทโท เรียกว่าเป็น “ปัญญาหยาบ” เพราะว่าผู้เขียนเชื่อแน่ว่าไม่ใช่ความจริงที่แท้จริง - พอสมควรที่ผู้อ่านน่าจะเอามาคิดต่อ

ที่ผู้เขียนคิดว่าช่องเปิด-ปิด (หรือ portal) ของสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์มายังโลกเป็นข้อมูลใหม่ประการแรกที่อ้างไว้ข้างบน ซึ่ง เดวิด ซีเบ็ค ค้นพบและรายงานเมื่อปลายปี ค.ศ.๒๐๐๗ นั้น ไม่มีคำอธิบายโดยเดวิด ซีเบ็ค หรือนักวิทยาศาสตร์คนใด

แต่ที่ผู้เขียนคิดว่าช่องเปิด-ปิด เป็นเสมือนกลไกที่สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ใช้ควบคุมสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งหายไปเกือบทั้งหมด ดังข้อมูลใหม่ประการที่สอง พูดง่ายๆ คือสนามแม่เหล็กที่ดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนพลังงานหรือข้อมูลของ “กรรมร่วม” ให้ “เลิกหรือยุติ” การควบคุมสนามแม่เหล็กโลก เหตุผล? ผู้เขียนคิดว่าก็เพราะมนุษย์เรารังแกสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมากยิ่งกว่าจะพูดว่า “มากยิ่งนัก” สาเหตุหลักก็เพราะ “อวิชชา” ซึ่งเป็นแรงกรรมอย่างหนึ่งนอกจากตัณหา การรังแกธรรมชาติมีผลยิ่งกว่าการฆ่าสัตว์ชีวิต เพราะว่าฆ่าทั้งเผ่าพันธุ์หลายเผ่าพันธุ์เลย โดยการไปไล่ที่อยู่ของพวกมัน ผู้เขียนคิดเองว่ากรรมร่วมนี้อาจจะอธิบายการสูญเสียประชากรโลกจำนวนมากๆ อย่างฉับพลันทันที ดังที่ เจมส์ เลิฟล็อค นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเครือจักรภพอังกฤษว่าไว้ว่า ประชากรโลกจะเหลือเพียงร้อยละ ๑๘ ภายในปี ค.ศ.๒๐๒๐-๒๐๔๐ (เจมส์ เลิฟล็อค ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Guardian เมื่อวันที่ ๒๙ เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.๒๐๑๐)

นั่นคือ เนื้อหาสาระของบทความบทนี้ สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ที่ได้มาจากพลังงานเทอร์โมนิวเคลียร์ที่ผลิตขึ้นภายในดวงอาทิตย์เกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กโลกจริงๆ และผู้เขียนคิดเอาเองว่ามันคงจะเกี่ยวข้องกับ “กรรมร่วม” ด้วย ดังที่ได้เขียนมา จึงขอให้ท่านผู้อ่านคิดกันให้ดีก่อนที่จะบอกว่าไม่เชื่อ

 รัก http://jitwiwat.blogspot.com/2012/02/blog-post_17.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
จิตวิวัฒน์ : เรียนรู้ด้วยใจอย่างไร้คอก
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 1 2596 กระทู้ล่าสุด 19 มีนาคม 2553 19:18:26
โดย เงาฝัน
จิตวิวัฒน์ สู่ จิตตปัญญา
กระบวนการ NEW AGE
หมีงงในพงหญ้า 0 9134 กระทู้ล่าสุด 09 มิถุนายน 2553 13:22:19
โดย หมีงงในพงหญ้า
จิตวิวัฒน์ : ยาโยอิ คุซามะ ป็อปอาร์ตจากสวรรค์
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1180 กระทู้ล่าสุด 29 มิถุนายน 2559 20:16:24
โดย มดเอ๊ก
จิตวิวัฒน์ : มรดกทางจิตวิญญาณของโทมัส เมอร์ตัน
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1652 กระทู้ล่าสุด 02 กันยายน 2559 02:45:39
โดย มดเอ๊ก
จิตวิวัฒน์ : รัญจวน อินทรกำแหง จากเหรียญตรามาสู่ธุลีดินอย่างสง่าสงบงาม
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1673 กระทู้ล่าสุด 02 กันยายน 2559 02:56:39
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.545 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มีนาคม 2567 06:44:00