[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 มิถุนายน 2568 07:23:23 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อเที่ยงวัดระฆังโฆสิตาราม เปิดที่มารูปเหมือนสมเด็จจีวรลายดอกบวบ  (อ่าน 2834 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 17 มิถุนายน 2553 20:25:54 »




 ผมเรียกท่านเจ้าคุณว่าหลวงพ่อ ด้วยความเคารพมาตั้งแต่ครั้งท่านดำรงเป็นเจ้าคุณชั้นราช ที่พระราชวิสุทธิเวทีรู้จักกับท่านโดยการแนะนำของเพื่อนรุ่นพี่ตั้งแต่ พ.ศ.2534 จวบปัจจุบันก็เกือบ 19 ปีเต็ม ที่ได้เข้าออกคณะ 4 ของหลวงพ่อ ตั้งแต่กุฏิยาวเป็นเรือนไม้เสาโยกไปโยกมาโน่น

     หลวงพ่อเที่ยง ท่านบรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 16 ปี เดิมท่านเป็นคนนครราชสีมา อยู่ที่อำเภอโนนสูง ท่านเกิดเมื่อ 30 มิถุนายน 2478 พออายุครบได้มาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านดอนชมพู ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตารามตั้งแต่เป็นสามเณร มาเพื่อเรียนหนังสือ ครั้นถึงเวลาก็กลับไปบวชพระที่บ้าน แล้วจึงมาศึกษาต่อที่วัดระฆังฯ

     ท่านได้รับความเมตตาจากหลวงปู่นาคเป็นพิเศษ ในเรื่องของการส่งเสริมให้ศึกษา ท่านศึกษาจนกระทั่งจบเปรียญธรรม 9 ประโยค และในเรื่องอื่นๆ ด้วย ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งเป็นพระอารามหลวง และเป็นเจ้าคณะภาค 11 ดูแลในเขตจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ สุรินทร์

     หลวงพ่อเที่ยง เมื่อวันวานมีปฏิปทาอย่างไร วันนี้ก็เหมือนเดิมทุกประการ เช้าในช่วงเวลาแปดโมงกว่าๆ ท่านจะลงพระอุโบสถเป็นประจำเพื่อทำวัตรสวดมนต์ จากนั้นพอเก้าโมงเศษท่านก็จะฉันภัตตาหาร โดยฉันเพียงหนเดียวเป็นอาหารมังสวิรัติ หลวงพ่อบอกว่าฉันอาหารมังสวิรัติทำให้สุขภาพแข็งแรงดี แม้ปีนี้อายุ 74 แล้ว แต่ท่านก็ยังแข็งแรงทำงานเพื่อพระศาสนาได้อีกมาก

     หลวงพ่อท่านทำอะไรต่างๆ เอง แม้จะเทกับข้าวออกจากถุง จากปิ่นโตที่ญาติโยมมาถวาย เพราะท่านไม่ปรารถนาให้เป็นธุระของผู้อื่น มันยุ่งยากลำบากเขา ท่านมักจะดำเนินการเองทั้งสิ้น ที่สำคัญท่านเป็นพระกรรมฐาน ก่อนจำวัดหลวงพ่อจะนั่งกรรมฐานทุกคืนอย่างน้อยก็สองชั่วโมง และเมื่อลุกขึ้นตื่นแล้วก็จะนั่งกรรมฐานทันที ท่านทำอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว ปฏิปทาอีกอย่างหนึ่งคือ ท่านมักจะสร้างระฆังไปแจกตามวัดวาอารามชนบท หรือบางครั้งก็หล่อพระพุทธรูปไปแจก แม้แต่รูปของหลวงปู่โตอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็ยังหล่อเอาไปแจกตามวัดที่ได้ทำเรื่องขอท่านมา 

     โดยหลวงพ่อได้ร่วมกับญาติโยมที่เขาปรารถนาร่วมบุญการปฏิบัติกรรมฐานของท่าน ความจริงท่านปรารถนาเพียงแค่ให้จิตใจสงบเท่านั้น และศึกษาเรื่องการทำงานของจิต แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏต่อผลของการปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อ นั่นคือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อดีตเจ้าอาวาส ได้มาปรากฏในนิมิต และแนะนำอะไรต่อมิอะไรให้ท่านหลายสิ่งหลายอย่างในการปฏิบัติธรรม

     หลวงพ่อได้เล่าให้ฟังว่า พอหลวงปู่โตปรากฏในนิมิตก็เกิดความปีติแทรกเข้ามา อิ่มเอิบใจมาก ท่านมาแล้วบอกว่าให้ตามมานี่ ในความรู้สึกเหมือนเราลุกเดินตามท่านไปจริงๆ ท่านพาไปสวนที่ไหนไม่ทราบ ที่พื้นดินนั้นเดินสบาย มีเปลือกหมากร่วงหล่นกองกับพื้น ทำให้เดินแล้วนุ่มเท้าจัง เดินไปถึงกระต๊อบหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นหลังเล็กๆ ท่านบอกว่าให้รอยู่ที่นี่ก่อน...แล้วท่านเดินไปไหนไม่ทราบเดินเร็วมาก เดินหายไปเลยแล้วก็ไม่เห็นกลับมาเสียที ในใจนึกขึ้นได้ว่านี่อยู่ในพรรษาต้องกลับวัดเพราะจะค่ำแล้ว ก็เลยสะดุ้งตื่น ค่อยๆ ลืมตาขึ้น คลายออกจากสมาธิ

     จากนั้นหลวงปู่ก็ไม่เคยมาอีกเลย...แต่การนั่งกรรมฐานของหลวงพ่อยังปฏิบัติไปต่อเนื่อง กระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆ ขณะที่ท่านจำวัด ได้ยินเสียงหัวเราะจึงค่อยๆ ลืมตาแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นเป็นรูปหลวงปู่โตมานั่งอยู่ที่หัวนอนแล้วก็หัวเราะ พออีกสองวันเดินทางไปโคราช รถที่เขาพาไปก็เก่ามาก นี่ขับไปกว่าจะถึงก็เป็นกังวลตลอดทาง ครั้นขากลับมาพอมาถึงรังสิตล้อหลังแซงล้อหน้า....หลุดออกมาทั้งยวง มิน่าทำไมหลวงปู่โตมานั่งหัวเราะที่หัวนอน แต่ก็ปลอดภัยไม่มีเหตุอะไรร้ายแรง       

     หลวงพ่อเที่ยงท่านสื่อกับหลวงปู่โตผ่านพลังจิตของสมาธิและการท่องพระคาถาชินบัญชร คราวหนึ่งผมได้อาราธนานิมนต์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และหลวงพ่อเที่ยง ไปสวดมนต์เปิดร้านอาหาร ท่านเจ้าประคุณสมเด็จถามหลวงพ่อเที่ยงว่า พระคาถาชินบัญชรตกลงมีของประเทศไหนบ้าง เห็นศรีลังกาก็มี ของอินเดียก็มี พม่าก็มี หลวงพ่อเที่ยงท่านเรียนไปว่า พระคาถานี้ต้นแบบแต่เดิมมาจากไทยนี่แหละ เป็นของโบราณ ตอนสยามวงศ์ไปเผยแพร่ที่ลังกาก็นำเอาไปด้วย ตอนหลังพระศรีลังกามาเผยแพร่ในสยามก็ได้นำเอาพระคาถาบทนี้กลับมาด้วยอีกคราวหนึ่ง

     ได้ถามหลวงพ่อเที่ยงว่า การสร้างรูปเหมือนของหลวงปู่โตนั้น ที่สร้างในยุคสมัยก่อนที่เก่าที่สุดคงจะเป็นรูปเหมือนที่ตั้งอยู่ในวิหารวัดระฆังฯ ที่สร้างขึ้นมาแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีอยู่ที่วัดระฆังฯ และวัดเกศไชโยเท่านั้น ส่วนรูปเหมือนที่มีขนาดเล็กๆ ที่สร้างเป็นจีวรลายดอกบวบ คล้ายๆ ศิลปะพระยุครัตนโกสินทร์นั้นสร้างเมื่อครั้งใด หลวงพ่อท่านบอกว่า น่าจะเป็นยุคหลังๆ สร้างแถวๆ เสาชิงช้ามากกว่า เพราะยุคสมัยรัชกาลที่ 7 ปลายๆ มีการสร้างกันเยอะมากที่นั่น สร้างแล้วก็ขอซื้อไปถวายให้วัดต่างๆ ปลุกเสกบ้าง หรือถวายให้วัดไปเลยบ้าง ในยุคหลวงปู่นาคเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ มีคนนำมาให้ท่านสวดคาถาชินบัญชรปลุกเสกอยู่บ่อยครั้ง ท่านก็เมตตาทำให้ เห็นว่าเอาไปบูชาแล้วดี บางคนทำมาค้าขายก็ร่ำรวยขึ้น

     ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของเรื่องรูปเหมือนหลวงปู่โต กับจีวรลายดอกบวบที่น่าศึกษา จะอย่างไรก็ตามรูปเหมือนของหลวงปู่โต ไม่ว่าจะสร้างที่ไหนต่างก็มีความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกันหมด หากได้ผ่านพิธีกรรมมาแล้วอย่างถูกต้อง.

                                              ราช รามัญ

                                             n.siam@hotmail

http://www.thaipost.net/tabloid/190709/7934

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.181 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 21 กุมภาพันธ์ 2568 13:26:03