[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 เมษายน 2567 16:59:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระนางพิมพาเถรี  (อ่าน 11823 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 11:15:04 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 64px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.flash-mp3-player.net/medias/player_mp3_maxi.swf?mp3=http://www.fungdham.com/download/song/allhits/28.mp3&amp;width=250&amp;showstop=1&amp;showinfo=1&amp;showvolume=1&amp;volumewidth=35&amp;sliderovercolor=ff0000&amp;buttonovercolor=ff0000" width="800px" height="64px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" autoplay="false" autostart="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/28.mp3" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/28.mp3</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>





..........................................เรื่องโดยย่อของพระนาง.............................



พระนางพิมพา เป็นพระนามของชายาเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งต่อมาได้เสด็จออกบรรพชา และได้ตรัสรู้เป็นพระสมณโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนางเป็นที่รู้จักในหลายพระนาม คือ ยโสธรา ยโสธราพิมพา ภัททา กัจจานา และภัททากัจจานา
พระนางพิมพานั้นได้เริ่มต้นติดตามเป็นคู่รักคู่ บารมีพระโพธิสัตว์มาตั้งแต่ครั้งต้น ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัปก่อน ได้ร่วมสุข ร่วมทุกข์ ได้ร่วมสร้างบุญบารมีมากับพระโพธิสัตว์ยาวนานกว่าสตรีอื่น
บางชาติ พระนางพิมพาก็เกิดมาเป็นเพียงหญิงชาวบ้านฐานะต่ำต้อย แต่บางชาติก็ได้เกิดเป็นนางแก้วชายาของพระบรมจักรพรรดิ แต่ไม่ว่าจะเกิดมาในฐานะใด ในฐานะที่เป็นคู่บารมี พระนางพิมพาก็ต้องมีความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ คือ ต้องเกิดเป็นหญิงซึ่งถือเป็นอภัพฐานะมาโดยตลอด ต้องเสียสละทรัพย์เพื่อช่วยพระโพธิสัตว์บริจาคทาน ต้องเสียสามีอันเป็นที่พึ่งเมื่อพระโพธิสัตว์ต้องออกบวช ต้องเสียบุตรธิดา และแม้แต่ต้องเสียชีวิตและร่างกายตนเอง เพื่อให้พระโพธิสัตว์บริจาคเป็นมหาทาน
ความเสียสละและความทุกข์ยาก ทั้งปวงของพระนางพิมพา ได้เปิดเผยออกมาจากวาจาของพระนางเอง เมื่อพระนางในเพศพระอรหันต์ได้กราบทูลลาพระพุทธเจ้าเสด็จเข้านิพพาน ว่า..........................................................
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าเมื่อหม่อมฉันท่องเที่ยวไปในวัฏสงสาร หากมีความพลั้งพลาดใดในพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานโทษแก่หม่อมฉันด้วยเถิด

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 11:56:40 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 11:17:10 »








ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันชื่อ ยโสธรา เป็นปชาบดีของพระองค์
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันเมื่ออยู่ในพระราชวังของพระองค์ ได้เป็นประธานใหญ่กว่าหญิงทั้งปวง สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ และอาจารสมบัติ นารีทั้งมวลเคารพหม่อมฉันเหมือนพวกมนุษย์เคารพเทวดา
ข้าแต่พระมหามุนี อธิการเป็นอันมากของหม่อมฉันย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมุนีมหาวีรเจ้าขอพระองค์พึงทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่าของหม่อมฉันเถิด
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันสั่งสมบุญไว้เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้นอนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ได้.........................................
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันเพื่อให้เป็นภรรยาผู้อื่นหลายพันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันเพื่ออุปการะหลายพันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันเพื่อประโยชน์เป็นอาหารหลายพันโกฏิกัป หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย หม่อมฉันบริจาคชีวิตหลายพันโกฏิกัป เพื่อให้ประชุมชนพ้นจากภัย ก็ยอมสละชีวิตของหม่อมฉันให้
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันย่อมไม่เคยหวงเครื่องประดับและผ้านานาชนิดซึ่งอยู่ที่ตัว เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนี ทรัพย์ ข้าวเปลือก ปัจจัย เครื่องบริจาค บ้าน นิคม ไร่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี ทาสา มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้วเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ พระองค์ทรงตรัสบอกหม่อมฉันว่า เราย่อมให้ทานพวกยาจก เมื่อเราให้ทานอันอุดม เราย่อมไม่เห็นเธอเสียใจ
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันยอมรับทุกข์มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วนเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนีหม่อมฉันได้รับสุขย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์แก่พระองค์...........................................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 11:57:33 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 11:19:30 »




หม่อมฉันมีอายุ ๗๘ ปี ล่วงเข้าปัจฉิมวัย ถึงความเป็นผู้มีกายเงื้อมลงแล้ว ขอกราบทูลลาพระมหามุนี หม่อมฉันมีวัยแก่ มีชีวิตน้อย จักละพระองค์ไป มีที่พึ่งของตนได้ทำแล้ว มีมรณะใกล้เข้ามาในวัยหลัง
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันจักถึงความดับในคืนวันนี้ มิได้มีชาติ ชรา พยาธิ และมรณะ จักไปสู่นิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เป็นบุรีอันไม่มีความแก่ ความตายและไม่มีภัย
พระนางพิมพาจึงนับว่าเป็นคู่รักยิ่ง กว่าคู่รัก เป็นคู่ครองยิ่งกว่าคู่ครอง เป็นเนื้อคู่ยิ่งกว่าเนื้อคู่ เป็นคู่บารมี และเป็นนางแก้วแห่งพระโพธิสัตว์ ที่สมควรยกย่องบูชา




.........................................จบตอน.................................







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 11:58:24 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 11:53:25 »





ตอน สมเด็จพระพิมพารำพัน
สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี
จาก
หนังสือ วิมุตติรัตนมาลี
รจนาโดย พระพรหมโมลี วัดยานนาวา กทม.

กาลครั้งนั้น ฝ่ายเจ้าสุมิตตากุมารีสาวโศภาแห่งปัจจันตคามคู่สร้างบารมีแห่งองค์สมเด็จพระชินวร แต่ครั้งศาสนาพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งกลับชาติมาเกิดเป็นเจ้าหญิงพิมพาราชเทวี ชนนีแห่งพระราหุลขัตติยราชกุมาร เมื่อได้เสาวนาการเสียงโกลาหลสำเนียงนฤโฆษสนั่นถึงพระโสตดั่งนั้น พระนางเจ้าจึงมีเสาวนีย์ตรัสถาม นางกำนัลนิกรเปสกาว่า

"ดูกรเจ้าทั้งหลาย อันว่าเสียงโกลาหลวุ่นวายนั้น เกิดขึ้นด้วย เหตุปรากฏมีเป็นไฉน?"

นางกำนัลทั้งหลาย ออกไปสืบได้ความมาแล้วจึงทูลว่า

"ข้าแต่พระแม่เจ้า กาลบัดนี้ พระราชสวามีของพระแม่เจ้าเสด็จมาถึงกรุงกบิลพัสดุ์ด้วยเพศสมณะครองผ้ากาสาวพัสตร์ พระหัตถ์ทรงซึ่งบาตรบทจรลีลาศเที่ยวภิกขาจาร ชนทั้งหลายซึ่งเป็นชาวเมืองได้ทอดทัศนาการเห็นแปลกประหลาด จึงเกิดเอิกเกริกโกลาหลขึ้น เหตุเป็นดั่งนี้แล พระแม่เจ้า"

เมื่อเจ้าพิมพาราชเทวีได้สดับเหตุดั่งนี้ ความที่ไม่เคยคิดฝันและไม่เคยฟังมาแต่กาลก่อน ก็ให้เร่าร้อนรันทดพระหฤทัยโทมนัสตรัสว่า

"พระลูกเจ้าสถิตในพระนครนี้ จะเสด็จไปในสถานที่ใด ก็เคยทรงกุญชรชาติพาชีสีวิกากาญจน์ยานราชรถ อันปรากฏด้วยดิเรกราชานุภาพมหึมา ก็บัดนี้ มาปลงพระโลมามัสสุและเกศา ทรงนุ่งห่มผ้าย้อมน้ำฝาด พระหัตถ์ทรงซึ่งบาตรเสื่อมสูญพระยศศักดาเดชดุจเพศคนจัณฑาล เที่ยวภิกขาจารทรมานพระองค์ ไม่มีพระภูษาทรงแลอาภรณ์หรือไฉน พระสิริวิลาสจะแปลกประหลาดเป็นประการใดในคราวนี้ น่าสงสารนัก

อนึ่ง ชะรอยพิมพานี้จะเป็นหญิงกาลกิณีอาภัพอัปลักษณ์ทุรพลไม่มีกุศลแต่กาลก่อนหรือไฉน จึงเผอิญบันดาลให้พระลูกเจ้าบำราศร้างห่างเสน่หา ทั้งนี้น่าจะเป็นด้วยอกุศลกรรมกระทำไว้แต่ปุเรชาติ พระภัสดาจึงเสด็จนิราศจากไปด้วยหมดอาลัยไยดี แต่พิมพานี้ครองชีวิตกินแต่อัสสุชลธารามาก็ช้านาน ช่างกระไร พระลูกเจ้าไม่มีพระหฤทัยโปรดปรานกรุณาบ้าง มาตัดขาดเด็ดเดี่ยวบำราศร้างอย่างประหนึ่งว่าเป็นอื่นไป อนิจจา! น่าอนาถใจถึงไม่มีพระอาลัยไยดีในพิมพา ก็น่าที่จะทรงจินตนาการมาถึงเจ้าราหุลราชกุมารหน่อน้อยบ้างก็มิได้มี"

ตรัสพลางเจ้าพิมพาราชเทวี ก็ทรงพระโศกีกำสรดพิลาปพระพักตราอาบไปด้วยนัยนามพุธารา พระหัตถ์มุ่นพระเกศาพลางเสด็จอุฏฐาการโดยด่วน ชวนพระราหุลราชโอรสบทจรสู่สีหบัญชรปราสาท ด้วยพระทัยปรารถนาจะทอดทัศนาพระภัสดา ซึ่งมีข่าวว่าได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ จึงเผยพระแกลเล็งแลดูพระสัพพัญญู ก็ได้ทัศนาเห็นองค์สมเด็จพระบรมครูภควันต์ ซึ่งในขณะนั้นพระองค์กำลังทรงรุ่งเรืองไปด้วยถ่องแถวพระฉัพพิธพรรณรังสี ครบบริบูรณ์ด้วยพระทวัตติงสมหาปุริสลักขณะและพระอสีตยานุพยัญชนะวิจิตรตั้งแต่พระอุณหิสลงมาจนตราบเท่าถึงพื้นฝ่าพระยุคลบาท ไพโรจน์ด้วยพระสิริวิลาสหาที่จะเปรียบมิได้ จึงยกพระหัตถ์ชี้ให้เจ้าราหุลได้ทอดทัศนา แล้วก็มีพระเสาวนีย์พรรณนาพระบวรรูปแห่งพระภัสดา โดยใจ ความว่า

"ดูกรพ่อราหุลลูกรัก พระมหาสมณะผู้มีศักดิ์ใหญ่ ซึ่งกำลังเสด็จเที่ยวโคจรบิณฑบาตไปด้วยพระพุทธลีลาอันงามนี้ พระองค์ทรงมีเส้นพระเกศาละเอียดอ่อน และวนเวียนเป็นทักษิณาวัฏ มีสีดำสนิททุกเส้น และทรงมีพื้นพระนลาฏงามยิ่ง ดุจสุริยมณฑลอันปราศจาก มลทิน นอกจากนั้น พระองค์ท่านยังทรงมีพระนาสิกสัณฐานยาวและสูงดุจขอแก้ววิเชียร รุ่งเรืองไปด้วยข่ายพระรัศมีมีพรรณโอภาส เป็นนรสีหราชบุรุษมนุษย์ประเสริฐศุภมงคล พื้นพระยุคลบาทมีพรรณแดง ประดับด้วยพระลายลักษณะวงกงจักรและรอบรูปอัฏฐุตตรสตมหามงคล ๑๐๘ ประการเป็นบริวาร

ดูกรพ่อราหุลกุมาร พระนรสีหบุรุษผู้เป็นมหาสมณะทรงศักดาใหญ่นี้ มิใช่ผู้อื่นไกลใครที่ไหน โดยที่แท้พระองค์คือพระราชบิดาของเจ้า อนึ่งเล่า พระองค์ก็ทรงเป็นศักยราชกุมารผู้ประเสริฐสุขุมาลชาติ มีพระสรีรกายวิจิตรงามวิลาสบริบูรณ์ เสด็จมาเพื่อจะกระทำกิจให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกทั้งปวง อนึ่ง พระองค์มีพรรณพระพักตร์ผ่องเพียงศศิธรมณฑล อันบริบูรณ์ในวันปุณณมี ทรงเป็นที่รักเลื่อมใสแห่งเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อทรงพระดำเนินไปก็งดงามประดุจลีลาแห่งพญาไกรสรสีหราชมฤคินทร์ ควรจะบังเกิดโสมนัสแก่ผู้ที่ได้ทัศนาการ ทั้งพระสุรเสียงของพระองค์ก็เสนาะสนิทวิจิตรคัมภีรภาพนฤโฆษ พระชิวหาแลพระโอษฐ์ก็มีพรรณแดงเข้มวิสุทธิโสภณ พระทนต์ก็ขาวสีสะอาดพิลาสดังสีสังข์ พระองค์ทรงบังเกิดในขัตติยอัครตระกูลอดุลยชาติ สมควรที่นรเทพยดาจักอภิวาทพระบวรบาทยุคล ทั้งพระกมลก็กอบด้วยศีลสมาธิปัญญาคุณอันอุดม ลำพระศอนั้นเล่าก็กลมดุจกลึงกล่อม พร้อมทั้งพระหนุก็งดงามดุจคางแห่งสีหราช พระสรีรกายก็ไพบูลย์พิลาสประดุจดังกายท่อนหน้าแห่งพญาราชสีห์ ทั้งพระฉวีวรรณก็งามไพโรจน์วิลาสประดุจสีแห่งสุวรรโณภาส พระองค์เสด็จยุรยาตรไปในท่ามกลางพระอริยสงฆ์สาวก ครุวนาดุจดวงจันทร์อันแวดล้อมด้วยคณะดารากำลังลีลาไปในอัมพรประเทศ พระนรสีหบุรุษองค์นี้หรือคือองค์พระปิตุเรศของเจ้านะ พ่อราหุล ขอพ่อจงรู้จักและจดจำไว้ให้จงดีเถิด"

สมเด็จพระพิมพาราชเทวี มีพระเสาวนีย์สดุดีสมเด็จพระบรมศาสดาให้เจ้าราหุลขัตติยกุมารน้อยได้สดับดั่งนี้แล้ว ก็เสด็จไปสู่พระตำหนักแห่งพระเจ้าสิริสุทโธทนะพระพุทธชนก ยกพระกรอัญชุลีแล้วกราบทูลความว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นสมมติเทวราชทรงพระคุณอันประเสริฐ บัดนี้ พระราชบุตรแห่งพระองค์มาเสด็จโคจรบิณฑบาตโดยวิถีในพระนครนี้ ด้วยพระพุทธลีลาศอันงามดุจเทพยดา ปวงประชาต่างพากันชื่นชมโสมนัสยินดีอยู่ทุกถ้วนหน้าแล้ว พระองค์จักไม่เสด็จไปทอด พระเนตรพระลูกเจ้านั้นบ้างหรือไฉน"


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 12:16:37 »




เมื่อสมเด็จบรมขัตติยธิราชได้สดับว่า สมเด็จพระลูกยาเสด็จเที่ยวภิกขาจารโคจรบิณฑบาตเช่นนี้ ความที่ไม่ทรงทราบอะไร ก็ทรงมีพระหฤทัยกอบไปด้วยความสังเวชอดสูอยู่หนักหนา ทรงรีบอุฏฐาการลุกจากพระแท่นที่ พระหัตถ์ทรงผ้าสาฎกสะพักพระองค์เสด็จลงจาก ราชนิเวศน์บทจรโดยด่วน ไปหยุดยืนอยู่ในที่เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดาแล้วทรงตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยพระราชหฤทัย

"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ไฉนพระองค์จึงมาทรงกระทำให้บิดาได้รับความอายขายหน้าเป็นอัปยศ มาเที่ยวบทจรบิณฑบาตอันเป็นการมิสมควรแก่ราชสกุลเช่นนี้เล่า หรือสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงเข้าพระทัยว่า บิดานี้ มิอาจที่จะยังพระภิกษุสงฆ์องค์บริวารประมาณ ๒๐,๐๐๐ องค์ ให้ได้ขบฉันภัตตาหารเป็นการเพียงพอหรือไร ขอพระองค์จงอย่าได้ทรงกระทำอย่างนี้เลย พระเจ้าข้า"

สมเด็จพระมหากรุณาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงมีพระราชดำรัสตรัสตอบพระพุทธบิดาว่า

"ดุกรบพิตรพระราชสมภาร อันว่ามหาสมมติวงศ์ศักยราชนี้ หาใช่วงศ์ประเวณีแห่งตถาคตไม่ วงศ์ประเวณีแห่งตถาคตเป็นอีกวงศ์หนึ่งต่างหาก จริงอยู่ สมเด็จพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งปวง จำเดิมแต่พระพุทธทีปังกรเป็นต้น ลงมาจนตราบถึงพระพุทธกัสสปะย่อม สำเร็จกิจเลี้ยงชีวิตด้วยสปทานจาริกภิกขาจาริกวัตรทั้งสิ้น อันนี้เป็นวงศ์ประเวณีแห่งอาตมาตถาคต

ดูกรบพิตรพระราชสมภาร กาลเมื่อตถาคตประสูติ ณ ภายใต้มงคลสาลพฤกษ์ในป่าลุมพินีวัน บังเกิดบุรพนิมิตเป็นมหัศจรรย์ ๓๒ ประการ ขณะนั้น ก็ยังชื่อว่าประดิษฐานอยู่ในมหาสมมติวงศ์ศักยราช และกาลเมื่อออกสู่มหาภิเนษกรมณ์กระทำทุกกรกิริยาจนนิสัชนาการ เหนือวชิรบัลลังก์ ยังพญามารและพลมารให้อัปราชัย จวบจนได้รู้แจ้ง ในปุพเพนิวาสานุสติญาณตอนปฐมยาม ครั้นล่วงเข้ามัชฌิมยามได้บรรลุทิพยจักษุแลทิพยโสตญาณตอนนั้น ก็ยังชื่อว่าประดิษฐานอยู่ในมหาสมมติวงศ์ศักยราช ยังมิได้ขาดจากวงศ์เดิมนั้น

กาลเมื่อพิจารณาพระปฏิจจสมุปบาทปัจจยาการ ตอนปัจฉิมยามเพลาตามอรุณสมัยไขแสงทองสว่างอร่ามฟ้า ได้ตรัสแก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสัพพัญญุตญาณ กาลนั้นเป็นอันว่ามหาสมมติวงศ์ศักยราชก็ขาดสูญประดิษฐานอยู่ในพระพุทธวงศ์อันประเสริฐจำเดิมแต่นั้นมา"

เมื่อมีพระพุทธฎีกาตรัสบอกฉะนี้แล้ว จึงตรัสพระธรรมเทศนาโปรดพระพุทธบิดาด้วยสารพระคาถาว่า อุตฺติฏเฐ นปฺปมชุเชยฺย เป็นอาทิ ซึ่งแปลเป็นใจความว่า บุคคลผู้ใดมิได้ประมาทในความเพียร อุตสาหะประพฤติในสุจริตธรรม และบุคคลผู้นั้นก็จะนิปัชชนาการเป็นสุขสำราญในอิธโลกและปรโลกเบื้องหน้า พอจบพระคาถาลง องค์บรมกษัตริย์สิริสุทโธทนะพระพุทธบิดาก็ได้บรรลุพระโสดาปัตติญาณ อันเป็นปฏิปัสสัทธิวิมุตติที่ ๑ ในพระพุทธศาสนา สำเร็จเป็นพระโสดาบัน อริยบุคคลแล้ว จึงทรงรับเอาบาตรและอาราธนาสมเด็จพระสัพพัญญูพร้อมทั้งหมู่อริยสงฆ์บริษัทให้ขึ้นสู่ปราสาท แล้วทรงอังคาสด้วยขาทนียโภชนียาหาร เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์และพระอริยสงฆ์เสร็จภัตกิจแล้ว จึงหมู่นางพระสนมทั้งปวงมีพระมหาปชาบดีเป็นประธาน ก็พากันมาถวายนมัสการด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เว้นแต่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพิมพาราชเทวี มิได้เข้ามาเฝ้ากับเขาทั้งหลายในขณะนี้เพียงแต่มีเสาวนีย์สั่งมาว่า

"อันตัวพิมพานี้ ถ้ามีความชอบอยู่บ้าง แม้นว่าสมเด็จพระสัพพัญญูเสด็จมาสู่สำนัก จึงจักได้ถวายวันทนาการพระยุคลบาทต่อภายหลัง" ดังนี้

ครั้นรุ่งขึ้นเป็นวันที่คำรบสอง สมเด็จพระพุทธองค์ก็ทรงพาพระอริยสงฆ์เสด็จพระพุทธดำเนินไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์อีก ตามคำอาราธนาของพระพุทธบิดา เมื่อเสร็จภัตกิจแล้วทรงพระมหากรุณาตรัสเทศนาโปรดพระมหาปชาบดีให้ได้สำเร็จ พระโสดาปัตติผลญาณ เป็นพระโสดาบันอริยบุคคล ส่วนสมเด็จพระเจ้าสิริสุทโธทนมหาราชพุทธบิดาผู้มีญาณูปนิสัย ก็ได้สำเร็จธรรมวิเศษสูงขึ้นอีกชั้นหนึ่งในวันนี้คือ พระองค์ได้บรรลุพระสกิทาคามิผลญาณ อันเป็นปฏิปัสสัทธิวิมุตติที่ ๒ สำเร็จเป็นพระสกิทาคามีอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา

ครั้นรุ่งขึ้น เป็นตติยวารสมัย พอพระสุริยาไขแสงส่องอร่ามฟ้า สมเด็จพระบรมศาสดาก็พาพระอริยสงฆ์เสด็จไปสู่พระราชนิเวศน์ ตามคำอาราธนาของสมเด็จพระพุทธบิดาอีกเล่า สมเด็จพระปิตุเรศเจ้าซึ่งทรงเป็นพระสกิทาคามีอริยบุคคลแล้ว ก็มีจิตผ่องแผ้วกอบด้วยพระราชศรัทธาถวายยาคูภัตตาหารอันประณีต แด่สมเด็จพระทศพลและพระอริยสงฆ์องค์บริวารจำนวน ๒๐,๐๐๐ นั้น ครั้นเสร็จภัตกิจแล้ว องค์พระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสเทศนา มหาธรรมปาลชาดกฉลองพระราชศรัทธา พอจบพระสัทธรรมเทศนาลง องค์บรมกษัตริย์ผู้มีพระบารมีแก่กล้า ก็ได้ทรงบรรลุพระอนาคามิผลญาณ อันเป็นปฏิปัสสัทธิวิมุตติที่ ๓ ในพระพุทธศาสนา สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลฉับพลันเป็นอัศจรรย์

แล้วจึงหันพระพักตร์เหลียวแลไปดูหมู่สนมนางในทั้งปวง เมื่อมิได้ทอดพระเนตรเห็นเจ้าพิมพาราชสุณิสาในระหว่างหมู่คณานางทั้งสิ้น สมเด็จพระบรมนรินทร์ปิ่นกษัตริย์สิริสุทโธทนะพระอนาคามีอริยบุคคลผู้ได้สำเร็จใหม่ จึงมีพระราชดำรัสตรัสถามไปในขณะนั้นว่า

"แม่พิมพาเทวีราชสุณิสาแห่งเรา เจ้าสถิตอยู่ ณ ที่ไหน เหตุไรจึงไม่มาเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดา เพื่อสดับพระธรรมเทศนาอันประเสริฐในวันนี้ด้วยเล่า? "

ทรงมีพระราชดำรัสถามด้วยความที่ทรงห่วงใยในพระราชสุณิสาฉะนี้แล้ว ก็ดำรัสใช้เปสกาบริจาริกานางหนึ่ง ให้ไปทูลพระราชสุณิสามาในที่ประชุมนั้นโดยไว แล้วก็ทรงกราบทูลพระบรมไตรโลกนาถเจ้าว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นบรมไตรโลกนาถ เจ้าพิมพาราชเทวีศรีสะใภ้แห่งบิดานี้เจ้ามีแต่ทุกข์แต่โศกมาเป็นเวลานาน วันนี้ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาอนุเคราะห์ระงับเสียซึ่งหฤทัยเจ้าศรีสะใภ้ อันหม่นไหม้ไปด้วยวิปโยคโศกีมาประมาณเจ็ดแปดปีด้วยเถิดพระเจ้าข้า บิดานี้เข้าใจว่า เจ้าพิมพาราชเทวีคงจักสิ้นอาดูรเทวษอันรุ่มร้อนหฤทัยในวันนี้เป็นแน่แท้" ดังนี้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 สิงหาคม 2554 21:09:48 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 12:35:38 »




ฝ่ายนางเปสกานารีซึ่งมีศักดิ์ใหญ่กว่าหญิงทั้งหลายในพระราชนิเวศน์ ครั้นรับพระราชโองการสมเด็จพระนฤบดีแล้ว ก็รีบจรลีไปสู่ปราสาทแห่งพระราชสุณิสา ได้ทอดทัศนาเห็นเจ้าพิมพาราชเทวีในขณะนั้นก็ให้บังเกิดความสงสารสุดใจ ด้วยว่า ในขณะนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพิมพาราชเทวีมีพระกรัชกายซูบซีดเศร้าหมองมิ ผ่องใส มีครุวนาดุจจันทเรขาในวันกาฬปักษ์จาตุทสีราตรีกาล มิฉะนั้นดุจศศิรังสีในฤดูฝนระคนไปด้วยราตรีแห่งเมฆพลาหก มิฉะนั้นดุจใบไม้อันเหลืองหล่นตกลงจากขั้ว มิฉะนั้นดุจอุทกวารีใสไหลลงในราสีกองถ่านเพลิงอันร้อนก็แห้งเหือด พระฉวีวรรณที่เคยผุดผ่องของเจ้า ก็เศร้าหมองวิปริตผิดเผือดเหี่ยวแห้งอับราศรี ด้วยเจ้าทรงกำสรวลโศกปิยวิปโยคทุกราตรีพระอินทรีย์ถูกไหม้ไปด้วยเพลิงกล่าว คือความโศกเป็นนิรันดรกาล กระแสพระอัสสุชลธารนองพระนัยน์เนตรมิรู้วาย ตรัสโทษหมู่นางกำนัลทั้งหลายด้วยความฟุ้งซ่านพระหฤทัย ผิดกว่าแต่กาลก่อนอย่างน่าสงสาร ดังนั้น นางเปสกานารีที่ถือรับสั่ง เมื่อเห็นว่ายังมิได้โอกาสที่จะกราบทูลพระนางซึ่งกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย พระหฤทัย จึงค่อยแอบไปนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

จวบจนถึงกาลที่พระนางพิมพาราชเทวี ซึ่งมีความทุกข์โศกเข้าครอบงำดวงจิตเป็นยิ่งนัก หันพระพักตร์มาทอดพระเนตรเห็นนางทรงศักดิ์ใหญ่ในราชสำนัก จึงกวักพระหัตถ์ตรัสเรียกให้เข้ามานั่งใกล้ๆแล้วก็ทรงรำพันปรับทุกข์ให้ฟัง ว่า

"ดูกรเจ้าซึ่งเป็นเพื่อนสตรี กาลบัดนี้ เจ้าควรจะสังเวชสงสารเรา ด้วยว่าสมเด็จพระลูกเจ้าผู้เป็นภัสดาแห่งเรานี้ พระองค์ช่างมีกมลฤทัยเหี้ยมเกรียมห้าวหาญยิ่งนัก เห็นประหนึ่งว่าจะสิ้นเสียแล้วซึ่งความรักและความกรุณา เป็นไฉนเช่นพิมพานี้ไม่ควรจะรองละอองธุลีพระบาทเจียวหรือประการใด จึงทรงสลัดตัดพระอาลัยไร้ร้างเสน่หาให้โศกาดูรเดือดร้อน ถึงไม่ทรงมีอาวรณ์ในพิมพานี้ก็พอทำเนามิได้ว่า แต่พ่อราหุลราชกุมารหน่อน้อยน่าสงสาร เพิ่งเกิดวันเดียวมีพักตร์ดั่งพิมพ์ทองเทียมหฤทัยนัยน์เนตรนั้น เจ้าพลอยมีความผิดสิ่งใดด้วยเล่า สมเด็จพระลูกเจ้าจึงทรงสละเสียได้ ดุจหยากเยื่อเชื้อชานดอกไม้อันเหี่ยวแห้ง แกล้งบำราศร้างออกไปสู่ภิเนษกรมณ์ ด้วยพระอารมณ์เด็ดขาดปราศจากเมตตาการุณยภาพไม่ทราบว่าโทษทัณฑ์ฉันใด เมื่อพระลูกเจ้าผู้เป็นพระราชสามีที่รัก มาร้างไร้เสน่หาออกบรรพชาฉะนี้ อกเราเป็นสตรีนี้จะเป็นเช่นใด จะไว้พักตร์แลจิตสถิตสถานใดดีเล่า มีก็แต่ จะเฝ้าเสวยทุกข์เทวษเหตุเป็นม่ายมัวหมองกมล ทนต่อความชอกช้ำระกำใจหนักหนา

อันธรรมดาว่าสตรีเมื่อเป็นม่าย ก็ย่อมจะได้แต่ความยากอัปยศ หมดสิ้นสง่าหาศักดิ์และอำนาจบ่มิได้ ไม่มีใครจะยำเกรงเหมือนแต่กาลก่อน มีแต่จะยอกย้อนให้อัปยศอดสูด้วยหมิ่นประมาท ครุวนาดุจราชรถอันมีงอนปราศจากธงชัย มิฉะนั้นดุจกองไฟปราศจากควัน ถ้ามิดั่งนั้นดุจราชธานีที่ไม่มีบรมกษัตริย์ ซึ่งจักดำรงไอศวริยสมบัติครอบครอง ก็มีแต่จะต้องถูกผองชนติฉินยินร้ายอยู่ตลอดนิรันดร์

จะมีประโยชน์อันใดกับชีวิตพิมพานี้ซึ่งไม่มีแก่นสาร ด้วยมีแต่ทุกข์เทวษทุกวารวันเสวยแต่ทุกข์โทมนัสบำราศร้าง ว่างเว้นจากพระลูกเจ้าภัสดา เช่นนี้แล้วพิมพานี้ก็ควรที่จะกล้ำกลืนยาพิษเสียให้มรณา ก็จะประเสริฐกว่าที่จะดำรงชนม์ มิฉะนั้นก็จะอุตส่าห์ขึ้นไปบนภูผาสูงสุดแล้วก็โดดลงมาให้ม้วยมุดวายชีวาตม์ มิฉะนั้นก็จะโจนเข้าในกองเพลิงให้ชีวิตพินาศก็จะดีกว่าอยู่เป็นคนทนเป็นม่าย หรือจะเอาเชือกผูกคอให้สิ้นสุดทุกข์ที่เจ็บอายอัปภาคย์มากเหลือล้นพ้นที่จะประมาณ แม้นว่าพิมพานี้ดับสูญสิ้นสังขาร ก็จะขาดความทุกข์ขุกเข็ญที่ขุ่นข้องชอกช้ำระกำหฤทัย หรือจะว่าอย่างไรนะ เปสกานารีเจ้า"

นางเปสกานารีสดับวาทีปรับทุกข์รำพันของพระนางด้วยความสงสารจับใจ แล้วพอขาดพระเสาวนีย์ได้โอกาส จึงอภิวาทบังคมทูลว่า

"ข้าแต่พระแม่เจ้า บัดนี้ สมเด็จพระปิ่นเกล้ามงกุฎประชาสัสสุราธิบดีมีพระราชโองการตรัสสั่งให้มาเชิญเสด็จว่า วันนี้ สมเด็จพระสรรเพชญ์พระองค์ผู้เคยทรงเป็นพระภัสดา เสด็จมากระทำภัตกิจสถิตอยู่ในพระราชนิเวศน์สถาน จะโปรดประทานพระสัทธรรมเทศนา เพื่อระงับโศกาพระแม่เจ้าให้บรรเทาที่โทมนัสมานานวัน ขอเชิญเสด็จพระแม่เจ้าจงไปกับเกล้ากระหม่อมฉัน ในกาลบัดนี้เถิด อย่าชักช้า"

สมเด็จพระนางเจ้าพิมพาราชเทวี ได้ทรงสดับสารฉะนี้ ก็ยิ่งแสนช้ำกำสรดเศร้า สองพระกรค่อนพระทรวงเข้าถึงปริเวทนาการพิลาป พระเนตรนองอาบไปด้วยอัสสุชลวารีมีพระเสาวนีย์ตรัสแก่นางเปสกานารีนั้นว่า

"เมื่อสักครู่นี้ เจ้ากล่าวว่าอย่างไรนะ ดูเหมือนเจ้าว่าสมเด็จพระอิสราเจ้ารับสั่งให้เราขึ้นไปดูองค์พระภัสดา จริงดั่งนี้หรือประการใด"

"ข้าแต่พระแม่เจ้าซี่งเป็นใหญ่กว่าทุกนารีในกรุงกบิลพัสดุ์ บุรี สมเด็จพระอิสราเจ้ารับสั่งให้เชิญเสด็จจริงเหมือนดั่งกราบทูลเป็นแน่แท้ เกล้ากระหม่อมฉันจะได้แสร้งเสกสรรเอาเท็จมาเจรจาก็หามิได้"

ทรงครุ่นคำนึงถึงเหตุการณ์อยู่ชั่วครู่ แล้วสมเด็จพระนางซึ่งกำลังตกลงอยู่ในความทุกขโทมนัส จึงมีพระเสาวนีย์ตรัสสั่งด้วยความน้อยพระทัยว่า

"ดูกรเจ้าเปสกานารีเอ๋ย อันตัวพิมพา ครานี้ไม่เหมือนก่อน ด้วยกลายเป็นคนกาลกิณี มีจักขุนทรีย์วิกลวิการไปทุกสิ่ง เป็นความจริงนะเจ้า ครั้นพิมพาจะขึ้นไปเฝ้าก็น่าจะทำให้เสื่อมเสียพระสิริอัปภาคย์ไป ขอเจ้าจงใคร่ครวญดูให้ดีเถิดว่า แต่ปางก่อนยามเมื่อยังอยู่ในพระราชนิเวศน์ คือ ยังไม่เสด็จออกบรรพชา สมเด็จพระลูกเจ้าก็เคยเสด็จไปเสด็จมาเข้าออกในนิเวศน์แห่งพิมพานี้เป็นนิตย นิรันดร์ทุกวันทุกราตรี ไม่ต้องมีเปสกานารีหรือนางกำนัลคนใดไปทูลเชิญเสด็จไปเสด็จมา ทรงปรารถนาจักเสด็จมา ก็ย่อมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง
สถิตเหนือพิจิตรอลังการอาสน์ ตรัสประภาสแย้มสรวลเล่นตามสบายพระทัย บางเวลาพิมพานี้ยังไม่ทันที่จะมารับเสด็จ พระองค์ก็เสด็จไปสู่ที่สรง ทรงตักอุทกวารีด้วยสุวรรณภาชนะขันทองล้างพระบาทด้วยพระหัตถ์เอง แล้วเสวยโภชนาอันพิมพาประจงตกแต่งไว้ถวาย แล้วเสด็จไปนิสัชนาการสำราญพระวรกาย บนพระแท่นที่สิริไสยาสน์ที่พิมพานี้ตกแต่งปูลาดไว้ บัดนี้ ไฉนจะให้พิมพาไปเฝ้าพระภัสดาในที่อื่นเล่า เจ้าจงไปกราบทูลตามคำของพิมพาในกาลบัดนี้เถิดว่า พิมพานี้เป็นหญิงกาลกิณีไม่อาจที่จะใช้นัยนาจ้องมองสมเด็จพระลูกเจ้าผู้ ภัสดา ให้ทรงเสื่อมเสียพระสิริไปโดยใช่เหตุ มิฉะนั้นแล้ว สมเด็จพระลูกเจ้าคงจะไม่เสด็จหนีออกบรรพชา

ดูกรเจ้าเปสกานารี เจ้าจงกลับไปกราบทูลสมเด็จพระอิสราธิบดีเจ้าผู้เป็นใหญ่ในกบิลพัสดุ์เถิดว่า พิมพานี้ขอถวายอภิวันท์ให้ทราบเหตุ คือ ตั้งแต่วันสมเด็จพระลูกเจ้าเสด็จออกบรรพชา พิมพาหญิงกาลกิณีนี้ ก็มีแต่โศกาดูรเดือดร้อนเร่ารุมสุมในทรวงเสมอเหมือนมีภูเขาหลวงเข้ามาทุ่ม ทับทุกวารวัน คงเป็นเพราะโบราณกรรมอันตนกระทำไว้มีกำลังกล้า พิมพาปลงใจเสียเช่นนี้ ก็มิได้มีความขัดหฤทัยต่อผู้ใด สู้อดกลั้นหักห้ามจิตมิให้คิดถึงความละอายว่าเป็นม่าย จึงอุตส่าห์ดำรงชนม์ยืนนานมาจนป่านฉะนี้ บรรดาพระประยูรญาติที่กรุงเทวทหบุรีได้สดับข่าวที่พิมพาชอกช้ำระกำใจ ก็ให้พลอยเศร้าสลดซบเซาไปด้วยโศกาปิ้มประหนึ่งว่าจะพากันจมลงในกลางมหาสมุทร กล่าวคือ ความโศก อันเกิดจากพิมพาได้เสวยวิปโยคทุกขเวทนาไร้ร้างบำราศภัสดา ก็แลคราวนี้ สมเด็จพระลูกเจ้าผู้ภัสดาเสด็จมาถึงกรุงกบิลพัสดุ์ได้ถึง ๓ วันกับทั้งวันนี้ คงจะเป็นพราะพิมพาเป็นหญิงกาลกิณีไม่สร่างซา จึงมิได้ทรงกรุณาปรานีเสด็จลีลาศมาสู่นิวาสสถานของพิมพา เสด็จออกจากพาราไปเสียทุกวัน

แม้นว่า กาลวันนี้ พระองค์มิได้ทรงมีพระกมลหมายมั่น เอื้อเฟื้อในพิมพาเสด็จออกจากพาราไปในขณะใด ชีวิตของพิมพาก็จะบำราศจากสรีรกายไปในขณะนั้น แต่รักษาชีวันรอท่าพระราชสวามีมาก็ช้านาน เห็นจะขาดสูญสังขารสุดสิ้นเป็นแม่นมั่นในวันนี้ หากว่ากุศลแห่งพิมพายังรักษาบำรุงอยู่ ก็คงจะบันดาลให้สมเด็จพระลูกเจ้าผู้ภัสดา เสด็จมาหาพิมพาอันจะเป็นเหตุให้มีชนมายุยืนยาวสืบไป แม้นว่าพระลูกเจ้ามิได้ทรงพระกรุณาเสด็จมา จะให้พิมพาไปหาเองนั้นย่อมเป็นการไม่สมควร และพิมพาก็จะถวายบังคมลาในวันนี้ จะกระทำให้สิ้นสุดโศกีที่ทนทุกขเทวษมานานวัน มิให้ทุกข์นั้นปวัตตนาการทรมานหฤทัยสืบไปเบื้องหน้า ขอเปสกานารีเจ้าจงไปกราบทูลพระกรุณา ตามถ้อยคำพิมพารำพันสั่งดั่งนี้เถิด"


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 13:15:46 »




นางเปสกานารี ได้สดับคำรำพันฉะนี้ ก็ให้แสนสุดที่จะสงสาร รีบอัญชลีคมนาการไปกราบทูลตามคำพระราชสุณิสานั้นทุกประการ ในที่เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ซึ่งเสด็จอยู่ ณ ที่นั่นเป็นมหาสันนิบาตมากมาย ทั้งพระอริยสงฆ์และอำมาตย์ราชบริพารทั้งหลาย เมื่อได้ทรงเสวนาการข่าวสารแห่งพระพิมพาราชเทวีศรีสะใภ้ยอดสงสาร สมเด็จจอมนราภิบาลบรมกษัตริย์ ก็ทรงมีพระราชดำริจะให้สมเด็จพระสัพพัญญูผู้บวรดนัยได้ทรงทราบถึงความเป็นไปแห่งเจ้าพิมพา ขณะที่พระองค์เสด็จออกบรรพชาเพื่อแสวงหาโมกขธรรม จึงกราบทูลด้วยพระวาจาพรรณนาถึงคุณเจ้าพิมพาเทวีเป็นอันมาก แล้วในที่สุดก็กราบทูลขึ้นอีกว่า

"ข้าแต่พระสัพพัญญูผู้มีเพียรพยายามชำนะแก่สงคราม และกอบด้วยพระมหากรุณา ขออาราธนาเสด็จพระพุทธลีลาสู่นิวาสสถานแห่งเจ้าพิมพาราชเทวีในกาลบัดนี้เถิดพระเจ้าข้า แม้นว่าพระชินสีหเจ้าไม่ทรงอาศัยพระมหากรุณาเสด็จไปสู่นิเวศน์ของเจ้าพิมพาด้วยพระองค์เองแล้วไซร้ ก็น่าที่เจ้าจะเสียใจโศกาดูรเดือดร้อน ด้วยความรักเป็นกำลังคับคั่งอยู่ในกมลสันดาน เห็นเที่ยงที่จะดับสูญสิ้นสังขารภายในสิริไสยาสน์นั้นเป็นมั่นคง ผิว์เจ้าพิมพาปลดปลงชีวาตม์แล้ว เห็นว่าพระหลานแก้วราหุลกุมารก็จะทำลายล้างชีวาตม์ไปตามพระชนนี เมื่อเป็นเช่นนี้ อันว่าประเวณีที่จะสืบขัตติยวงศ์ก็จะพินาศ บ่มิอาจวัฒนาถาวรสืบไป อนึ่ง ในกาลก่อนแต่เสด็จออกบรรพชา เจ้าพิมพากับ พระองค์ก็เคยสนิทเสน่หา จะได้เคลื่อนคลาดธุลีพระบาทบทมาลย์ แม้แต่สักเพลาหนึ่งก็หามิได้ ดังนั้น ในกาลบัดนี้ จึงใคร่ที่จะขอรับพระราชทานชีวาเจ้าพิมพาไว้ อย่าให้ถึงชีวิตอันตรายในครั้งนี้เลย พระเจ้าข้า"

สมเด็จพระบรมโลกุตมาจารย์ เมื่อได้ทรงสดับอาราธนากถา แห่งพระพุทธบิดากราบทูลฉะนี้ จึงทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า

"ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภาร อันคำอาราธนาที่พระองค์ดำรัสนี้ เป็นการชอบสมควรยิ่งนัก ผิว์วันนี้ ตถาคตมิได้ไปเยี่ยมเยือนถึงนิเวศนสถานแล้วไซร้ ก็น่าที่เจ้าพิมพาจะมีดวงหฤทัยภินทนาการเป็นแม่นมั่น และเจ้าพิมพาราหุลมารดานี้ เป็นผู้ที่มีคุณแก่ตถาคตเป็นอันมากมาแต่อดีตกาลประมาณกว่าแสนชาติ ในชาตินั้นๆ เมื่อตถาคตบำเพ็ญบารมีทาน มีบุตรทานเป็นต้นในชาติใด เจ้าพิมพาก็เต็มใจยินยอมพร้อมร่วมศรัทธาในมหาบริจาคด้วยดีจะได้มีจิตคิดขัด แย้งกำเริบพิโรธ และมิได้เกิดความปราโมทย์ยินดีด้วยแม้แต่สักครั้งก็หามิได้ ตั้งแต่บำเพ็ญพระบรมโพธิญาณบารมี คุณความดีของพิมพาเจ้าก็ล้ำเลิศประเสริฐโดยยิ่งจะหาสิ่งใดที่จะเปรียบปาน นั้นมิได้ จนตราบเท่าชาตินี้ถึงปรมาภิเษกสมัย ได้สำเร็จแก่พระสรรเพชญโพธิญาณเห็นปานฉะนี้ จะหาสตรีใดดุจพิมพาซึ่งมีกมลเจตนาช่วยบำรุงพระกฤษฎาภินิหารให้ได้บรรลุพระ สัพพัญญุตญาณนั้น มิได้มีเลย ผิว์ตถาคตจักเมินเฉยไม่กระทำปัจจูปการสนองคุณความดีของเจ้าในครั้งนี้ เจ้าพิมพาราชเทวีก็จะคลาดจากประโยชน์ยิ่งใหญ่ไปอย่างน่าเสียดายนัก"

เมื่อสมเด็จพระพุทธบิดา ได้เสาวนาการพระพุทธบรรหารเช่นนั้น ก็ทรงชื่นชมโสมนัสเหลือประมาณ กราบทูลอาราธนาสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ขึ้นอีกว่า

"ข้าแต่พระอนันตญาณมุนี กาลบัดนี้ สมควรแล้วที่องค์พระประทีปแก้วจะเสด็จพระพุทธลีลาศสู่ปรางค์ปราสาทแห่งเจ้าพิมพา ขออาราธนาเสด็จเถิด พระเจ้าข้า"

กาลครั้งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์อันกตัญญูกตเวทีเข้าตักเตือนพระหฤทัยจึงเขยื้อนพระวรกายอุฏฐาการจากบวรบัญญัตตาอาสน์ ประทานบาตรทรงให้พระพุทธบิดาเสด็จบทจรตามไป โดยให้พระมหาขีณาสพทั้งหลายยังคงรออยู่ในที่นั่น มีพระพุทธบัญชาให้ตามเสด็จแต่เพียงคู่อัครสาวกทั้งสอง คือ พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลาน์ทำหน้าที่เป็นปัจฉาสมณะ แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินไปสู่ปราสาทแห่งสมเด็จพระพิมพาราชเทวี พลางมีพระพุทธฎีกาตรัส แก่สองอัครสาวกว่า

"ดูกรสารีบุตรและโมคคัลลาน์ เจ้าพิมพาราหุลมารดานี้ เป็นสตรีมีคุณแก่ตถาคตเป็นอันมาก ในกาลบัดนี้ ผิว์นางจักจับบาทตถาคตลูบคลำสัมผัสและโศกาดูรพิลาปด้วยกำลังเสน่หา เธอทั้งสองจงอย่าได้ห้ามปราม จงปล่อยให้นางทำไปตามอัธยาศัย ให้นางพิไรรำพันปริ เวทนาการไปจนกว่าจะสิ้นโศก หากว่าจักห้ามนางในขณะนี้แล้วไซร้ นางก็จะวางวายม้วยมุดมรณาอาสัญ มิได้ทันเป็นสุพรรณภาชนะทองรองรับสดับพระธรรมเทศนา และตถาคตนี้ก็ยังประกอบไปด้วยเป็นหนี้แห่งเจ้าพิมพา ยังมิได้ปลดเปลื้องไปให้พ้น จะได้โอกาสเลิศล้นทดแทนใช้หนี้แก่เจ้าพิมพาก็แต่ในกาลครั้งนี้

อนึ่ง ตถาคตนี้ก็เป็นผู้มีราคะ โทสะ โมหะ ปราศจากขันธสันดาน เป็นสมุจเฉทปหานสิ้นสูญมูลรากเด็ดขาด มิอาจบังเกิดเจริญอีกสืบไปในเบื้องหน้า ครุวนาดุจยอดตาลที่ถูกตัดขาดมิอาจวัฒนาการสืบไป จะได้หวั่นไหวด้วยราคาทิกิเลสนั้น ย่อมเป็นอันมิได้มีอีกดังนั้น หากเจ้าพิมพาราชเทวีที่ไม่ได้พบเห็นตถาคตมานาน เจ้าจักเข้ามาลูบคลำสัมผัสด้วยความเสน่หาตามประสาสตรี ขอเธอทั้งสองจงอย่าห้ามปราม
ในครั้งนี้เลย"

ตรัสบอกแก่คู่อัครสาวกผู้ทำหน้าที่เป็นปัจฉาสมณะฉะนี้แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เปล่งพระพุทธรังสีให้โอกาส เพียงดังภาณุมาสสักแสนดวงที่บังเกิดปรากฏเหนือยอดไกรลาสบรรพตมหาหิมวัตคีรี ถ่องแถวพระรัศมีทั้ง ๖ ก็ไพโรจน์โชตนาการส่องสว่างเข้าไปภายในปราสาทสิริไสยาสน์แห่งพระนางพิมพาราชเทวี มีประมาณเท่าลำต้นตาล พุ่งเข้าไปโดยช่องสีหบัญชรทวารกาญจนปราสาท โอภาสไปทั่วบริเวณพระราชมณเฑียรทั้งสิ้น เพื่อจะให้บังเกิดความเลื่อมใส
โสมนัสแก่พระนางพิมพา แล้วก็เสด็จพระพุทธลีลาเข้าไป ด้วยพระพุทธสิริวิลาสอันงามสุดที่จะหาอะไรมาเปรียบได้ สถิตบนรัตนบัลลังก์อาสน์มณฑล ดุจดวงทินกรสถิตเหนือยอดยุคนธรสิขรินทร์

ฝ่ายว่าอเนกนางสนมทั้งสิ้น ได้ทอดทัศนาเห็นสมเด็จพระสัพพัญญูพร้อมกับคู่อัครสาวก เสด็จเข้าสู่พระมณเฑียรสถาน ทรงนิสัชนาการเหนือรัตนบัลลังก์อาสน์ ด้วยพระพุทธลีลาอันงามสุดประมาณเช่นนั้น ต่างก็พากันเข้าไปทูลพระพิมพาราชเทวีซึ่งกำลังทรงพระโศกีหมองไหม้ด้วยหทัยทุกข์ว่า

"ข้าแต่พระแม่เจ้า บัดนี้ สมเด็จพระปิ่นเกล้ากษัตริย์ภัสดาเสด็จมาสถิตบนรัตนบัลลังก์อาสน์ดังแต่กาลก่อนแล้วนะ พระแม่เจ้า"

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 15:32:40 »




เมื่อสมเด็จพระนางพิมพาราชเทวี ได้ทรงสดับนางสนมพากันมาทูลความฉะนี้ ก็ให้ดีพระหฤทัยค่อยเคลื่อนคลายระบาย พระอัสสาสะปัสสาสะอันร้อนผ่อนยาวออกได้ จึงอุฏฐาการลุกขึ้นฉับพลันทันใด พระกรจูงหัตถ์พระราหุลบวรดนัย มิได้ทันทรงประดับสรรพาภรณ์ รีบด่วนบทจรมาสถิตยังธรณีพระทวาร ปรารถนาจะทอดทัศนาการพระบรมราชสามี พระอัสสุชลวารีก็ให้มีเป็นอันหลั่งไหลนองพระนัยนากว่าร้อยพันหยาด พอเหลือบเห็นองค์พระมุนีนาถ น้ำพระอัสสุชลนัยน์ก็ไหลหลั่งดั่งกระแสสายสินธุ์นทีธาร ทำให้พระนางมิอาจจะได้ทอดทัศนาการสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์โดยสะดวกเป็น ปรกติสุขได้ จึงตรัสพิไรรำพันพ้อต่อน้ำพระเนตรว่า

"อนิจจา น้ำตาเอ๋ย! กระไรเลยเจ้าช่างไม่เวทนาต่อพิมพา ช่างไม่มีความเมตตาปรานีต่อพิมพานี้บ้างเลยหรือไร จะขอโอกาสเจ้าแต่พอเพ่งพักตร์พระราชสวามีให้เต็มเนตรก็มิใคร่จะได้ แกล้งไหลหลั่งพรั่งไปไม่หยุดยั้ง กำบังเสียซึ่งทัศนวิสัยมิให้ได้เชยชมพระอุดมรูป สิริวิลาสถนัดตา แลพิมพานี้ก็ให้โอกาสแก่เจ้าให้ไหลออกมาสิ้นกาลช้านาน คณนาได้ถึงเจ็ดแปดปีเศษ ยังไม่พอแก่โศกาดูรเทวษหรือประการใด นี่น้ำตาเจ้าจะก่อกรรมทำเวรแก่เรานี้ไปถึงไหนหนอ ไฉนจึงไม่รู้จักเพียงพอเสียทีเล่า เฝ้าหลั่งไหลมิรู้ขาดสายวางวายฉะนี้แล้วพิมพาจะได้มีโอกาสได้ทอดทัศนาพระราช สามีที่จากไปนานได้อย่างไร ขอน้ำตาเจ้าจงให้โอกาสแก่เราในกาลนี้สักหน่อยเป็นไรหนอ"

สมเด็จพระนางเจ้ามีพระเสาวนีย์ตัดพ้อบริภาษอัสสุธาราดั่งนี้ แล้วก็ค่อยมีสติอดกลั้นเสียซึ่งความโศก ค่อยคลานเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระกรกอดเอาข้อพระยุคลบาทซบพระเศียรลง ถวายนมัสการ พลางทรงพระพิลาปกราบทูลด้วยเนื้อความว่า

"ข้าแต่พระลูกเจ้าบรมราชสวามี โทษของกระหม่อมฉันพิมพานี้ คงจะมีมากถึงขั้นเป็นหญิงกาลกิณีหรือไร สมเด็จพระลูกเจ้าบรมราชสวามีจึงเสด็จหลีกหนีออกไปบรรพชา ปล่อยให้พิมพานี้ต้องอาดูรด้วยเสน่หาแต่กาลยังดรุณภาพ พระองค์มิได้ตรัสบอกให้ทราบแสร้งทรงสละข้าพระบาทไว้ไม่มีพระอาลัย ดุจก้อนเขฬะในปากพระชิวหาอันถ่มออกจากพระโอษฐ์มิได้โปรดปราน เสด็จบำราศร้างจากนิวาสสถาน ในยามรัตติกาลออกไปทรงบรรพชา เบื้องว่าข้าพระบาทพิมพานี้มีโทษหนักแล้วก็แล้วไปเถิด แต่พระลูกแก้วราหุลราชบวรดนัยเพิ่งประสูติจากพระครรภ์ในวันนั้น ยังมิได้รู้ผิดชอบประการใด นั่นจะมีโทษสิ่งไรไปด้วยเล่า พระผ่านเกล้าจึงแกล้งทอดทิ้งไว้ให้ร้างพระปิตุรงค์

อนึ่ง อันตัวพิมพาข้าพระบาทบงกชนี้ เหล่าเนมิตตกาจารย์ผู้ชำนาญรอบรู้ดูลักษณะก็ได้ทำนายทายทักไว้แต่ยังเยาวทาริกาว่า จะมีบุญญาธิการอภินิหารใหญ่ยิ่งสมควรเป็นมิ่งมเหสีอดุลกษัตริย์จักรพัตราธิราช แลคำทำนายทายทักนั้นก็เคลื่อนคลาดเพี้ยนผิด กลับแปรพิปริตไปสิ้นใช้ไม่ได้ อันที่จริงควรจักทำนายว่า พิมพานี้จะเป็นม่ายได้อัปยศความชอกช้ำระกำใจแต่ยังสาวคราวมีลูก นั่นแลจึงจะถูกจะต้องเป็นที่สุด ประการหนึ่ง ศากยราชนารีมีศักดิ์ใหญ่ทรงพระนามว่า กีสาโคตมี ได้เคยสดุดีสรรเสริญไว้ว่า สตรีใดได้พระลูกเจ้าเป็นพระราชสวามี สตรีนั้นนับว่ามีบุญกุศลมหาศาล ดับเสียได้ซึ่งหทัยทุกข์เป็นสุขนิตยนิรันดร์ คำสรรเสริญสดุดีนั้นก็ให้มีอันเป็นวิปลาสคลาดเคลื่อนไปอีก ด้วยว่าพิมพาข้าพระบาทนี้ได้พระลูกเจ้าเป็นพระราชสวามี บัดนี้ ไม่เห็นจะมีสุขแต่อย่างใด กลับได้แต่ทุกข์อาดูรเทวษบ่มิเว้นวาย"
สมเด็จพระพิมพาเทวีเจ้าบรรยายปริเทวนากถา โดยนัยดังพรรณนาฉะนี้ แล้วก็กลิ้งเกลือกพระอุตตมางคโมลี เหนือหลังพระบาทสมเด็จพระจอมมุนี โศกีพิลาปรำพันอยู่หนักหนา


              

ตอน สมเด็จพระพิมพาสำเร็จมรรคผล

สมเด็จพระเจ้าสิริสุทโธทนะจอมชนแห่งกบิลพัสดุ์บุรี ทรงเห็นเป็นโอกาสดีเลิศประเสริฐแล้ว จึงกราบทูลแถลงคุณสมบัติแห่งนางกษัตริย์ศรีสุณิสา แด่สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าว่า

"ข้าแต่พระบรมครูแห่งนิกรสัตวโลก อันเจ้าพิมพาศรีสุณิสาแห่งบิดานี้ จำเดิมแต่วิปโยคพลัดพรากจากพระองค์ ตั้งแต่วันที่เสด็จออกเพื่อทรงบรรพชากระทำทุกกรกิริยาแสวงหาวิมุตติธรรม เจ้าจะนั่งนอนเดินยืนอยู่ในที่ใดๆก็ไม่มีอารมณ์เป็นสุข มีแต่ทุกข์เศร้าโศกทุก เพลาเช้าเย็นแลราตรีมิได้ขาด ยามเมื่อเข้าห้องสิริไสยาสน์เห็นเศวตฉัตรอันกางกั้นรัตนบัลลังก์ ก็ตั้งหน้าแต่ร้องร่ำกำสรดโศกถึงพระองค์มิเว้นวาย เมื่อได้สดับข่าวว่าทรงนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ก็ปฏิบัตินุ่งห่มผ้า ย้อมน้ำฝาดบ้าง ทั้งนี้เมื่อแจ้งว่าทรงเว้นจากสุคันธวิเลปนมาลาก็มิได้ลูบไล้กายาด้วยจุณสุคนธ์ มิได้ประดับตนทัดทรงบุปผชาติ เมื่อขัตติยประยูรญาติส่งข่าวสารมาว่า จะรับไปบำรุงเลี้ยงรักษาปฏิบัติ ก็มิได้เล็งแลดูหมู่กษัตริย์ราชวงศ์องค์ใด ตั้งใจจงรักภักดีมีสัตย์ซื่อเสน่หาเฉพาะพระองค์ดำรงหฤทัยสุจริต จะได้คิดแปรปรวนไปแต่ในสิ่งใดอื่นมิได้มีเป็นแท้ แลพิมพาศรีสุณิสาแห่งบิดานี้ เจ้าเป็นหญิงกอบด้วยคุณอดุลประเสริฐเลิศกว่าอเนกนิกรกัญญา ควรที่จักกล่าวพรรณนาอีกมากมายสุดประมาณ ”

เมื่อสมเด็จพระชินสีหเจ้า ได้ทรงเสาวนาการคุณแห่งเจ้าหญิงพิมพาที่พระพุทธบิดาพรรณนามาฉะนี้ จึงทรงมีพระพุทธฎีกาดำรัสว่า

“ ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภาร การที่ว่าเจ้าพิมพาราชเทวีมีจิตสนิทเสน่หาสวามิภักดิ์ในตถาคต ซึ่งปรากฏมีในกาลบัดนี้นั้น มิสู้จะอัศจรรย์ ในอดีตกาลเมื่อบังเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน เจ้าพิมพานี้ก็มีจิตสุจริตเสน่หาในตถาคตมั่นคงบ่มิได้กัมปนาท ประหนึ่งสิเนรุราชบรรพตปรากฏในสกลโลกธาตุ บริจาคชีวิตให้เป็นทานแก่ตถาคตเป็นมหัศจรรย์ "

สมเด็จพระบรมศาสดาสัพพัญญูเจ้า ดำรัสดั่งนี้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาเผยพระโอษฐ์โปรดประทานพระสัทธรรมเทศนาจันทกินรีชาดกโดยพิสดาร เพื่อประหารเสียซึ่งโศกาดูรเทวษแห่งพระพิมพาราชเทวี ให้ระงับด้วยสิโตทกวารีคือมธุรธรรมกถา ส่วนว่าสมเด็จพระนางพิมพาราชกัญญาเจ้า เฝ้าทอดทัศนาการพระพักตร์มณฑลแห่งสมเด็จพระทศพลพลางสดับอมฤตรสบทพระธรรมอันวิจิตรไพเราะลึกซึ้งเป็นนิรันดร์ ดุจกระแสสายสินธุ์คงคาที่หลั่งไหลมามิรู้ขาด แล้วพระนางก็ยังประสาทปีติให้บังเกิดในพระกมลสันดาน ด้วยจินตนาการว่าเคยได้สร้างบารมีมากับพระองค์แต่อดีตภพ ก็รำงับเสียซึ่งความโศกให้สงบด้วยปีติปราโมทย์ ในไม่ช้า พระนางก็สามารถยังวิปัสสนาญาณให้บังเกิดขึ้นในขันธสันดานโดยลำดับ จนได้บรรลุพระโสดาปัตติมรรคญาณ ประหารเสียซึ่งกองกิเลสโทษสังโยชน์ทั้ง ๓ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาสให้อันตรธาน ประดิษฐานอยู่ในพระโสดาปัตติผลญาณ อันเป็นปฏิปัสสัทธิวิมุตติที่ ๑ ในพระพุทธศาสนา สำเร็จ เป็นพระโสดาบันอริยบุคคลแต่เวลานั้น สมเด็จพระสรรเพชญภควันตมุนีนาถ ครั้นทรงทราบอย่างแจ่มชัดว่าเจ้าพิมพาราชเทวีได้ดื่มอมตธรรมสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล มีจิตไม่จลาจลหวั่นไหวในคุณแห่งพระศรีรัตนตรัยแล้ว องค์พระประทีปแก้วก็เสด็จพระพุทธลีลา พร้อมกับคู่พระอัครสาวกคืนสู่พระนิโครธาราม เพื่อทรงบำเพ็ญพุทธกิจโปรดพระยูรญาติศากยวงศ์ในกรุงกบิลพัสดุ์ต่อไป


http://i115.photobucket.com/albums/n297/kgbwell/m_ff0e427431c1e23524ed8faa880d6d3f.jpg
พระนางพิมพาเถรี


สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี
จาก หนังสือ วิมุตติรัตนมาลี
รจนาโดย พระพรหมโมลี วัดยานนาวา กทม.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 สิงหาคม 2554 09:32:42 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เปลี่ยนภาพที่หายไปค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 15:58:43 »



              

                   สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี

คำนำ
สุมิตตากุมารี
พิมพายโสธราเทวี
พระกาฬุทายีพรรณนาสถลวิถี
สมเด็จพระพิมพารำพัน
สมเด็จพระพิมพาสำเร็จมรรคผล

สมเด็จพระพิมพาทูลลานิพพาน
อติทุกขกุมารี
พระนางนันทาเทวี
นาคีกุมารี
นางพญาปลาดุก

อนิมิตตาเศรษฐีนี
ปทุมากุมารี
มกฏนารี
ปัญญากุมารี
โกกิลนารี

นางกินรี
วิมลาเทวี
กัลยาณีกุมารี
จันทมาลากุมารี
มังคลีกุมารี

มงคลเทวี
นางพญาหงส์ทอง
ธรรมิกราชธิดา
นางพญาสกุณี
พระนางมัทรี

ปฏิหาริย์พระราหุลอรหันต์
สุวรรณทีปกุมาร
ภัททิยเศรษฐี
สมเด็จพระพิมพาดับขันธนิพพาน
อวสานบท

ปัจฉิมพจน์



สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี
จาก หนังสือ วิมุตติรัตนมาลี
รจนาโดย พระพรหมโมลี วัดยานนาวา กทม.
คลิ๊ก.. เพื่ออ่านตอนอื่นๆต่อค่ะ : http://palapanyo.com/pimpa/index.html

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 สิงหาคม 2554 18:36:42 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: ภาพที่หายไปค่ะ » บันทึกการเข้า
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.112 Chrome 13.0.782.112


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 16:01:54 »



ขอบคุณ ป้า แป๋ม ค่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 สิงหาคม 2554 16:04:28 โดย 時々Sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.112 Chrome 13.0.782.112


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2554 20:28:33 »

ขอบคุณคร๊าบบบบบ...

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น



ขอบคุณ ป้า แป๋ม ค่า



ตกลงเลยไม่รู้เลยว่าจารย์เป็นผู้ชายรึผู้หญิง รึอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองแน่

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: ธรรมมะ ความรู้ ฟัง ขณะ บางครั้ง dhamma เข้าใจ บท หน้าที่ พิมพา อามะภันเต 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.419 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 09 เมษายน 2567 17:54:41