[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 11:56:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้อัญเชิญพระไตรปิฏกจากอินเดีย  (อ่าน 5197 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 19 มิถุนายน 2553 21:06:15 »



Buddhist Chant



...........นับว่าท่านเป็นปูชนียบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง พระถังซำจั๋ง ผู้เพียรแสวงธรรมจากแดนไกล.........



ทุกคนคงจะชื่นชมเรื่อง ไซอิ๋ว เทพแห่งนิยายชาวบ้านอันลือลั่นของชาวจีนที่กล่าวถึงการผจญภัยของภิกษุจีนรูปหนึ่งพร้อมด้วยศิษย์อีก ๓ คน ผู้ร่วมเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากชมพูทวีป ผ่านดินแดนอันตรายเต็มไปด้วยภูตผีปิศาจ แต่ละด่านผ่านไปด้วยความสามารถของเห้งเจียเทพวานรผู้รู้มากไปด้วยอิทธิฤทธิ์ ร่วมด้วยช่วยกันคือตือโป้ยก่ายปิศาจหน้าสุกรที่กลับใจ และซัวเจ๋ง อสูรอัปลักษณ์ ที่คอยคุ้มครองปกป้องพระอาจารย์เพียงคนเดียวคือ พระถังซำจั๋ง พระถังซำจังรูปนี้ไม่ได้เป็นเพียงแต่ ตัวละครในนิทานเท่านั้น หากเเต่มีตัวตนจริงอยู่ในโลกนี้ด้วย พระถังซำจั๋งมีฉายาทางพระว่า เฮียนจางเป็นพระภิกษุจีนรูปหนึ่งในสมัยราชวงศ์ของฮ้องเต้ถังไท่จง คำว่า ซำจั๋ง แปลว่าพระไตรปิฏก ถ้าเรียกให้ถูกต้องควรเป็น
ถังซำจั๋งฮวบซือ ซึ่งฮวบซือนี้แปลว่าธรรมาจารย์ รวมแปลได้ว่า พระธรรมาจารย์ผู้แปลพระไตรปิฏกในราชวงศ์ถัง
เดิม พระถังซำจั๋งชื่ออี๋ กำเนิดในสกุลตั้น แต่เยาว์ท่านมีความเฉลียวฉลาด และคุณสมบัติที่ประเสริฐผิดกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน คือ เมื่ออายุได้ ๘ ปี
โยมบิดาได้นั่งสอน คัมภีร์กตัญญูถึงตอนที่ลูกศิษย์ลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อแสดงความเคารพต่ออาจารย์ท่านก็ลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพทันทียังความสงสัยให้ห้กับโยมบิดายิ่งนักถึงถามว่าเหตุใดจึงต้องทำเช่นนั้น ท่านก็ตอบว่าเมื่อศิษย์ต้องลุกขึ้นเคารพครูผู้เป็นบุตรก็ต้องยืนเคารพ บิดามีมารดาปลาบปลื้มเป็นอย่างมากพออายุได้ ๑๐ ขวบ พี่ชายคนที่ ๒ ของท่านที่บวชเป็นพระที่วัดจิ้งสือเห็นว่าท่านมีบุคลิกใฝ่ธรรมะและปัญญาดี พอที่จะบวชเป็นพระได้จึงชวน
พาไปพักอยู่ในวัดด้วยกัน เด็กน้อยได้รับฟังธรรมเทศนาอันศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอจนซึมซาบเข้าไปในดวงใจ อันบริสุทธิ์อย่างแนบแน่น เจ้าหนูอี๋ชอบศึกษาพุทธธรรมยินดีรับฟังธรรมะจากพระชั้นผู้ใหญ่เรื่อยมา ท่านไม่นิยมคบค้ากับเด็กรุ่นเดียวกัน เนื่องจากเห็นว่าพวกเด็กเหล่านั้น ชอบวิ่งเล่นเที่ยวตามย่านตลาด ซึ่งท่านให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระเป็นมารยาทที่นักปราชญ์โบราณไม่ทำกัน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มิถุนายน 2553 21:48:38 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2553 21:10:38 »




เด็กน้อยได้รับฟังธรรมเทศนาอัน ศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอจนซึมซาบเข้าไปในดวงใจอันบริสุทธิ์อย่างแนบแน่น เจ้าหนูอี๋ชอบศึกษาพุทธธรรมยินดีรับฟังธรรมะจากพระชั้นผู้ใหญ่เรื่อยมา ท่านไม่นิยมคบค้ากับเด็กรุ่นเดียวกัน เนื่องจากเห็นว่าพวกเด็กเหล่านั้น ชอบวิ่งเล่นเที่ยวตามย่านตลาด ซึ่งท่านให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระเป็นมารยาทที่นักปราชญ์โบราณไม่ทำกัน
ในขณะที่ท่านมีอายุเพียง ๑๓ ปีนั้นพอดีมีเจ้าพนักงานของราชวงศ์ถังมาคัดเลือกภิกษุสามเณร ๒๗ รูป เพื่อทำการสอบยุคราชวงศ์ถัง การบวชเป็นพระภิกษุจะต้องมีพระราชโองการอนุญาตให้บวชและผู้บวชจะต้องสอบได้จึงจะได้บวช แต่ท่านมีอายุน้อยอยู่สมัครสอบไม่ได้ ได้แต่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูไม่ยอมจากไปครั้นหัวหน้าคุมสอบเห็นเข้าจึงเดินเข้าไปสอบถาม ก็ได้ความว่าท่านตั้งใจจะบวช แต่อายุยังไม่ครบสมัครสอบไม่ได้ เมื่อถามว่าจะบวชไปทำไมเด็กน้อยตอบไปด้วยความมั่นใจคงว่าบวชเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนาเผยแพร่พระธรรมให้เจริญรุ่งเรือง หัวหน้าคุมการสอบจึงอนุญาตให้ท่านบวชเป็นกรณีพิเศษเมื่ออายุได้ครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ก็ได้อุปสมบทที่เมืองเสฉวน และมีฉายาว่า เฮียนจาง
ป็นเวลาเกือบสิบปี ที่พระเฮียนจางได้ศึกษาและสนทนาธรรมกับอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงต่าง ๆ หลายคน ก็พบว่าพระเหล่านั้นต่างก็ยึดมั่นความถูกต้องในลัทธิของตน หลัวงจากตรวจสอบกับคัมภีร์แล้วก็ปรากฏว่ามีความแตกต่างกันอีก จนไม่อาจทราบว่าฝ่ายใดถูกกันแน่ ท่านจึงตัดสินใจเดินทางไปศึกษายังถิ่นกำเนิดพุทธศาสนาในอินเดีย พร้อมทั้งอัญเชิญคัมภีร์สัปตทศภูมิศาสตร์มาเป็นหลักฐาน
พระเฮียนจางจึงได้ชักชวนพระภิกษุทำเรื่องขอพระบรมราชานุญาตจากฮ้องเต้ถัง ไท่จงเพื่อเดินทางไปอินเดีย แต่มีรับสั่งไม่อนุญาต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มิถุนายน 2553 21:39:10 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2553 21:12:54 »




ขณะนั้นเป็นต้นราชวงศ์ถัง ชนเผ่าทูเจี๋ยรุกรานชายแดนอยู่เสมอราชสำนักจึงห้ามประชาชนออกนอกประเทศเป็นการส่วนตัว แต่ในปี
พ. ศ. ๑๑๗๐ เดือนที่ ๘ ท่านตัดสินใจเด็ดขาดที่จะออกเดินทางไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตและตั้งจิตอธิษฐานขอนิมิตในการเดินทางในคืนนั้นก็ฝันว่า
มีเขาพระสุเมรุที่งดงามอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่ปั่นป่วน ใจคิดที่จะไปให้ถึงยอดเขาก้าวเท้าเดิน
ทันใดนั้นก็มีดอกบัวหินโผล่ขึ้นมารองรับทุกย่างเท้า เมื่อถึงเชิงเขาก็มีลมพัดมาหอบเอาตัวลอยขึ้นไปถึงยอดเขา แล้วก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น ท่านจึงแน่ใจว่าในการไปครั้งนี้ต้องสำเร็จแน่นอน จึงเริ่มออกเดินทางเมื่ออายุ ๒๖ ปี
หลี่ไต่เหลี่ยงเจ้าเมืองเหลี่ยงโจวพอทราบว่าหลวงจีนเฮียนจางจะเดินทางไปอิน ดีย ก็ส่งคนขัดขวางและบังคับให้กลับเมืองฉางอาน พระฮุ่ยอุยที่อยู่ในเมืองนั้นทราบเรื่องว่าท่านจะไปอินเดียเพื่ออาราธนาธรรม
จึงลอบจัดให่ศิษย์ของตนลอบพาพระเฮียนจางไปส่งถึงเมืองกายจิวในเวลากลางคืน เจ้าเมืองกายจิวนับถือพุทธศาสนา รู้สึกเลื่อใสในปณิธานอันแรงกล้าของท่านจึงช่วยเหลือทันที พร้อมทั้งทำลายหมายจับตัวท่านอีกด้วย และบอกให้พระหนุ่มผู้นี้รีบออกเดินทางทันที
ในระหว่างทาง พระเฮียนจางได้พบกับชาวฮู้ ชื่อว่าผานถัว มีความศรัทธาในตัวท่านมาก รับอาสาจะพาไปส่งที่อินเดีย แต่อนิจจา ! ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาทั้ง ๒ คนประสบกับความทุรกันดาร สือผานถัวทนความลำบากไม่ไหว อีกทั้งกลัวทางการจะจับได้ จึงได้เปลี่ยนใจกลับบ้านกะทันหัน พร้อมทั้งกำซับว่าถ้าท่านอาจารย์ถูกจับได้อย่าบอกว่าเขาเป็นผู้นำทางมา ซึ่งท่านก็รับปาก
และแล้วพระเฮียนจางก็เดินทางไปชมพูทวีปเพียงคนเดียว รอนแรมผ่านทะเลทรายไปตามลำพัง ไม่มีหญ้าน้ำ ไม่มีทางเดิน อาศัยกองกระดูกและมูลม้าเป็นแนวซึ่งแสดงว่าเป็นทางเดินที่เคยมีคนสัญจร ท่านอยู่มนทะเลทรายตลอด ๔ คืน ๕ วันโดยไม่มีน้ำฉันสักหยดเดียว จนเป็นลมสลบไปหลายครั้ง
ในที่สุดก็เดินทางถึงแคว้นอีอู๊


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มิถุนายน 2553 21:39:38 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2553 21:17:19 »




 เจ้าเมืองซีเหวินไท่แคว้นเกาเชียงที่อยู่ใกล้กับแคว้นอีอู๊ทราบข่าวจึงส่ง ทูตมารับพระเฮียนจางไปพำนักยังแคว้นตนพร้อมนิมนต์ให้อยู่ที่นั้นตลอดไปแต่ท่านไม่ยอม เจ้าแคว้นเกาเชียงจึงรับสั่งว่าจะอยู่ที่เกาเชียงหรือจะถูกส่งตัวกลับไปยัง ประเทศจีน ท่านประท่วงด้วยการอดอาหารอยู่ถึง ๔ วันเพื่อแสดงถึงความตั้งใจเดิม จนเจ้าซีเหวินไปกราบขอโทษและยอมให้ท่านเดินทางต่อ
พระเฮียนจางเดินทางผจญภัยฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการเช่น ข้ามยอดเขาสูงนับไม่ถ้วน ข้ามภูเขาหิมาลัยที่มีหิมะปกคลุมทั้งปี ล่องข้ามทะเลสาบต่าง ๆ ฝ่านแคว้นต่าง ๆ สิบกว่าแคว้นรวมทั้งภัยจากการปล้นสะดมของกลุ่มโจรกลางทาง และลัทธิความเชื่อของคนพื้นเมืองเดิมที่ไม่นับถือศาสนาพุทธที่คอยต่อต้านท่านแต่เนื่องด้วยบุคลิกภาพอันน่าศรัทธาเลื่อมใสของท่านทำให้พวกนั้นยอมทิ้ง จารีตเก่าแก่หันมานับถือศาสนาพุทธกันเป็นส่วนใหญ่





.....................เรื่องราวระหว่างเดินทางไปอินเดียนี่เอง เป็นที่มาของเรื่องไซอิ๋วในสมัยหลัง....................




ในที่สุดท่านก็ถึงอินเดียเมื่อฤดูร้อนปี พ. ศ. ๑๑๗๓ ท่านได้ไปเยี่ยมชมสถารที่สำคัญที่เดี่ยวข้องกับพุทธองค์ทั้ง ๖ แห่ง รวมทั้งได้ไปนมัสการสถูปเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชพระเฮียนจางได้ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์ศีลภัทรเถระแห่งมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลัน ทา ซึ่งขณะนั้นมีภิกษุสามเณรมาร่วมศึกษาถึงนับพับรูปเลยทีเดียว
ทันทีที่พระอาจารย์ศีลภัทรพบท่านครั้งแรก ถามว่ามาจากไหน ท่านตอบว่ามาจากประเทศจีนเพื่อขอเรียนโยคาจารภูมิศาสตร์ พระอาจารย์ศีลภัทรสั่งนิมนต์ให้พระพุทธภัทรที่มีอายุกว่า ๗๐ พรรษาทั้งเล่าเรื่องความฝันเมื่อหลายปีก่อนให้ฟังว่า ได้ฝันเห็นเทพเจ้า ๓ องค์ คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระเมตไตรยโพธิสัตว์ พระมัญชูศรีโพธิสัตว์ ได้เข้ามาปลอบโยนถึงโรคลมที่พระพุทธภัทรเป็นอยู่เพราะผลกรรมแต่ก่อนเก่า ให้อดทนต่อความทุกข์ด้วยขันติ และจงหมั่นเผยแพร่พระธรรมบทนี้ นับจากนี้ไปอีก ๓ ปี ถ้าหากมีภิกษุจากเมืองจีนมาศักษากับท่านโปรดช่วยสั่งสอนให้ด้วย ทุกคนที่ฟังอยู่ในที่นั้นต่างก็รู้สึกอัศจารรย์ใจยิ่งนักซึ่งเวลา ๓ ปีที่ผ่านมานั้น ก็ตรงกับช่วงที่พระเฮียนจางกำลังเดินทางมาอินเดียพอดี
พระถังซำจั๋งศึกษาอยู่ที่นาลันทาเป็นเวลา ๕ ปี นอกจากจะเข้าใจในข้อธรรมะอย่างลึกซึ้งแล้ว ท่านยังเข้าใจภาษาสันสกฏตดีอีกด้วย ในปี พ.ศ. ๑๑๘๕ พระเจ้าศีลาทิตย์ศรีหรรษวรรธนะแห่งแคว้นกันยากุพชะได้จัดงานชุมนุมพุทธศาสนา มีผู้ร่วมงานประกอบด้วยเจ้าเมืองจากแคว้นต่าง ๆ ถึง ๑๘ แคว้นภิกษุสามเณรประมาณสามพันรูป พราหมณ์ เดียรถีร์ และนิครนถ์ประมาณสองพัน ทางสำนักสงฆ์นาลันทาได้ส่งภิกษุไปร่วมงานพันกว่ารูปรวมผู้คนทั้งหมด
กว่าห้าหมื่น
ในครั้งนั้นพระเฮียนจางได้เป็นตัวแทนฝ่ายเถรวาท จากนั้น ท่านก็ได้แสดงธรรมตามมหายานสมปริตรศาสตร์เป็นภาษาสันสกฤตยาว ๑ ,๖๐๐ โศลกประกาศเชิญชวนให้คนมาโต้แย้งแต่ ๑๘ วันล่วงไปก็ไม่มีใครกล้ามาคัดค้าน ชื่อเสียงของท่านจึงขจรขจายไปทั้วทั้งชมพูทวีป
ในระหว่างที่พำนักอยู่ในอารามนาลันทากลายเป็นที่รกร้าง มีแต่กระบือผูกไว้ และภายนอกอารามเกิดเพลิงลุกไหม้ แล้วเห็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งกล่าวกับท่านว่า ท่านจงรีบกลับเมืองจีนเถิด อีก ๑๐ ปี พระเจ้าศีลาทิตย์จะสิ้นพระชนม์ ในอินเดียจะเกิดจลาจลซึ่งเรื่องนี้ต่อมาก็เป็นความจริงหลังจาก
พระถังซำจั๋งกลับเมืองจีนชาวมุสลิมก็บุกเข้าทำลายวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาชาวเมืองก็เกิดยุคเข็ญตามคำพญากรณ์
พ.ศ. ๑๑๘๖ หลวงจีนเฮียนจางตัดสินใจกลับจีน พระเจ้าศีลาทิตย์ศรีหรรษวรรธนะพยายามทัดทาน แต่ไม่เป็นผล พระองค์รับปากว่าจะสร้างวัดถวายให้ท่านร้อยแห่ง แต่ท่านอาจารย์ยังยืนยันที่จะนำพระธรรมกลับไปเผยแพร่ในจีนตามความตั้งใจเดิม พระเจ้าศีลาทิตย์จึงได้จัดผู้คนพร้อมทั้งช้างม้าลาล่อขนคัมภีร์และพระพุทธ รูปของมีค่ามากมายส่งพระเฮียนจางกลับดินแดนมังกร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มิถุนายน 2553 21:40:06 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2553 21:21:27 »




ท่านได้ใช้เวลาเดินทางกลับกว่าจะถึง เมืองจีนก็กินเวลาเดินทางประมาณ ๑ ปี ต้องข้ามแม่น้ำสินธุ พอมาถึงกลางแม่น้ำเกิดคลื่นลมปั่นป่วนเรื่อจวนล่มหลายครั้ง คัมภีร์รวมเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ของอินเดียตกลงในน้ำไปเป็นจำนวนมาก ต้องปีนป่ายข้ามเทือกเขาหิมาลัยทำให้ผู้ร่วมเดินทางต้องเสียชีวิตไปหลายคน มีอยู่คราวหนึ่งคณะของท่านต้องข้ามหุบเขาที่สูงชันมาก วันที่ออกเดินทางเกิดพายุหิมะอย่างหนัก แต่ก็เอาตัวรอดมาได้
เมื่อพระถังซำจั๋งเดินทางเข้าถึงแคว้นเกาเซียง ได้ส่งสาส์นเข้าไปถวายจักรพรรดิถังไท่จง ท่านบรรยายถึงความหลังที่ได้ไปอาราธนาพระธรรมวินัยอินเดียเป็นเวลา ๑๘ ปี และได้กลับมาถึงแล้ว ทางราชสำนักต้อนรับท่านอย่างสมเกียรติ ข่าวการกลับมาของท่านชาวบ้านได้ตั้งแท่นบูชาอาจารย์เต็ม ๒ ฟากถนน จำนวนผู้คนที่แห่แหนมาชมบารมีของท่านไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จำเป็นต้องพักนอกเมืองหลวงอีกคืน ฮ้องเต้ไท่จงทรงนิมนต์ให้ท่านลาสิกขาออกมารับราชการถึง ๒ ครั้ง แต่พระถังซำจั๋งปฏิเสธทุกครั้งไป ทำให้พระองค์ศรัทธามาก จึงนิมนต์ให้ท่านจำพรรษา ณ พระอารามหลวง พระเจ้าถังไท่จงได้ทรงขอให้อาจารย์เขียนเรื่องราวของแคว้นต่าง ๆ ภาคตะวันตกของจีน ซึ่งอาจารย์ได้เดินทางไปบันทึกนี้มีชื่อว่า ซีอิ๋วอจี้ เป็นหนังสือเพียงเล่มเดียวที่บรรยายถึงเรื่องราวประเทศเดียวที่บรรยายถึง เรื่องราวประเทศอินเดียในยุคนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ท่านอาจารย์ได้เป็นหัวหน้าในการแปลพระไตรปิฏกจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีน ใช้เวลากว่า ๑๙ ปีงานจึงเสร็จสิ้น กษัตริย์ถังไท่จงเมตตาทรงพระราชนิพนธ์บทนำประทานให้พิมพ์ในพระคัมภีร์ที่ ท่านอาจารย์แปลทุกเรื่องไป
สำหรับพระพุทธรูปและพระคัมภีร์ที่อัญเชิญมาจากอินเดีย พระถังซำจั๋งได้ขอพระราชานุญาตสร้างสถูปไว้ในวัดไต่ซื่อเองยี่ เพื่อเป็นที่เก็บรักษาให้ปรอดภัย ในการก่อสร้างเล่ากันว่า ท่านอาจารย์ได้หาบขนอิญด้วยตัวเองด้วย สถูปนี้สร้างขึ้นตามแบบของดินเดีย
พระถังซำจั๋งมรณภาพเมื่ออายุได้ ๖๕ พรรษาในปี พ.ศ.๑๒๐๗ มีจักรพรรดิถังเกาจงราชโอรสที่ขึ้นครองราชย์ต่อจากฮ้องเต้ถังไท่จงเสด็จไปร่วมงานศพด้วยองค์เอง พระองค์ทรงทราบข่าวนี้ด้วยความเศร้าสลดพระหทัยเป็นอันมาก ทรงงดเสด็จออกขุนนางเป็นเวลาหลายวันและโปรด ฯให้จัดการศพโดยใช้จ่ายของหลวงทั้งสิ้น เล่ากันว่ามีผู้มาช่วยบรรจุศพท่านในครั้งนั้นกว่าล้านคน
แต่ศพของท่านหุ้มห่อด้วยเสื่อไม้ไผ่ธรรมดาตามที่ท่านได้สั่งเสียไว้ อัฐิของท่านได้ถูกเคลื่อนย้ายไปฝังตามสถสานต่าง ๆ หลายครั้ง เมื่อจีนเปลี่ยนราชวงศ์ จนไม่สามารถค้นพบได้ จนกระทั้งใน พ.ศ. ๒๔๘๕ ทัพญี่ปุ่นเข้ายึดนครนานกิง และขณะที่ขุดดินเพื่อตั้งฐานปืนใหญ่ ได้พบกล่องหินมีจาลึกอักษรอยู่ และปรากฏว่าเป็นอัฐิของพระอาจารย์รวม ๑๗ ชิ้น กองทัพญี่ปุ่นจึงได้นำไปประดิษฐานที่วัดขื่อเองซึ่งห่างจากกรุงโตเกียวไป ๕๐ ไมล์ อีก ๑๓ ปีต่อมาทางประเทศญี่ปุ่นได้ส่งคืนอัฐิทั้งหมดให้แก่จีนโดยทำพิธีมองอย่างเป็นทางการในปี ๒๕๐๙ ทางรัฐบาลจีนได้สร้างวัดเฮียนจางตามศีลปะราชวงศ์
ถังสูง ๗ ชั้น เพื่อเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุของท่าน ให้เหมาะสมกับคุณูปการที่ท่านอุตสาห์ด้นดั้นไปอัญเชิญคัมภีร์พระไตรปิฎกจากอินเดียที่ใช้เวลาเดินทาง
ยาวนาน ๑๘ ปี



อ้างอิงบทความจาก.........................http://larnbuddhism.com/godgram/pratang/


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มิถุนายน 2553 21:43:43 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2553 23:04:51 »




 ยิ้ม  ยิ้ม  ยิ้ม
บันทึกการเข้า
คำค้น: ผู้อัญเชิญ พระไตรปิฏก ธรรมมะ พุทธกาล อินเดีย  บางครั้ง ไซอิ๋ว วรรณกรรม อิง 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.324 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้