4 อย่างที่เกิดขึ้นกับพวกคุณในขณะนี้ ( จาก Ascension Thailand )

มีการตรึงพลังงาน ปรับเปลี่ยนปริมาณแสงและพลังงานที่เราสามารถนำเข้ามาในความเป็นจริงได้

1) เดิมคุณเป็นคนใช้หัวสมองวิเคราะห์ จัดระบบ (สมองซีกซ้าย) 96 เปอร์เซ็นต์ อีก 4 เปอร์เซ็นต์ครีเอทีฟ (สมองซีกขวา) ตอนนี้ แทนที่จะใช้ซ้ายนำขวา กลับกลายเป็นสมองซีกขวาครีเอทีฟนำ แต่เดิมก๊อกร้อนก๊อกเย็นแยกจากกัน ขณะนี้เป็นก๊อกรวม ครีเอทีฟ (ซีกขวา) จะเริ่มเสนอทางแก้ปัญหา เริ่มรีแล็กซ์ได้บ้าง จะมีสีสัน ความลึกในสิ่งต่างๆ ในชีวิต ปีนี้ 2012 เป็นปีเหมาะสมกับการเริ่มธุรกิจ ใช้ความคิดสร้างสรรค์บ้าง ให้ความรู้สึกไหลลื่น ต้องเชื่อตัวเองเท่านั้น ไหลตามกระแส ถ้าใช้หัวคิดจะคิดไม่ออก คิดหลายตลบ ไม่กล้าทำ ไม่ต้องมีตำรามากมาย ไม่ต้องไปเข้าเรียนคอร์สที่ไหน.. มันจะโฟลว์ไปเอง คนที่มาทางเส้นทางจิตวิญญาณตามปรารถนาแห่งหัวใจ คุณมาทางนี้สักพักแล้ว ไม่ใช่พัฒนาจิตวิญญาณโดยสมอง

2) คุณพยายามรู้จักกับ emotional body เนื่องจากคุณมีครีเอทีฟจิตวิญญาณแล้ว อารมณ์ เช่น อิจฉา กลัว ฯลฯ มาจากสมอง มันเป็นตัวดูดพลังงาน ไม่โต ตัวนี้เริ่มเสื่อมสลาย... กายอารมณ์ไม่อยากจากไป เพราะมันเคยชอบใช้ร่างเราได้ตามใจมัน มันก็จะกรีดร้อง วีนใส่เรา อย่าปล่อยให้มันกลับคืนมา จะมีความคิดโผล่มา ทำไมไม่มีคนรักเรา ทำไมไม่มีใครเอาเงินมาให้เรา.... คุณจะสงสัยว่าทำไมจึงมีอารมณ์แบบนี้โผล่ขึ้นมา กายอารมณ์ร้องก่อนจากไป ปล่อยไป หายใจลึกๆ โยนน้ำใส่ บอกลากายอารมณ์ โบกมืออำลา เหมือนเพื่อนเลวๆ จากไป คุณอาจใจหายนิดๆ เพราะอยู่ด้วยกันมานาน... ทีนี้คุณจะขาดพลังงานอินพุทไปนิดๆ เพราะกายอารมณ์ดูดพลังงานมาให้จากผู้อื่น แล้วแบ่งให้คุณนิดนึง วันนี้ไม่ต้องไปเอาจากคนอื่น สูดหายใจลึกๆ ตอนนี้โลกมีพลังงานมามากมาย สูดลมรักเข้าไป ไม่ต้องไปดูดพลังงานของคนอื่นมา บอกตัวเองว่า I am that I am.

3) เวลาเป็นสิ่งมายา เวลาเป็นเรื่องของสมอง เนื่องจากสมองความคิดกับครีเอทีฟหลอมรวมกัน คุณจะเห็นว่า เวลาเป็นคุกของคุณ คุณเดินไปข้างหน้าและย้อนกลับได้ เวลาไม่ได้เป็นเส้นตรงที่ไปได้เพียงทิศทางเดียวอีกต่อไป เวลาแห่งประสบการณ์ คุณย้อนไปย้อนกลับได้ เวลาแห่งประสบการณ์มีค่า ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ได้ ดึงประสบการณ์และการเรียนรู้ออกมาจากประสบการณ์ในอดีตได้ เมื่อจิตวิญญาณขยายขอบเขต จะเกิดการกลั่นกรอง ทำให้ง่ายขึ้น เมื่อกลับไปในประสบการณ์ คุณจะคิดว่ามันเป็นครั้งแรก เปลี่ยนมุมมอง กลับไปดูด้วยแง่มุมที่ต่าง การกระทำเช่นนี้มันจะมีผลต่อเวลาเส้นตรงด้วย คุณเคยคิดตลอดเวลาว่าจะทำอะไรตอนไหนของวัน เมื่อคุณกลับไปในประสบการณ์ได้ ร่างพยายามปรับสู่สภาวะเวลาเส้นตรง เวลาไม่เป็นเส้นตรงบ่อยๆ คุณอาจไม่ทำอะไรตามเวลานาฬิกา หายใจลึกๆ เลิกถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันบ้าไหม ถ้าถามคำถามนี้จะมีคำตอบในใจจากแอสเปคทั้งหลาย (ทั้งที่ดีและไม่เข้าท่า) อย่าถาม ฉันคือฉันเอง จะแปลกก็ช่างโว้ย....

4) การออกจากการใช้สมอง ให้หักเห เมื่อหักเหจะได้พลังงานใหม่ทันที หลุดจากปม เปลี่ยนจุดสนใจ... คุณจะเริ่มสัมผัสมิติต่างๆ ได้ ไม่ได้มีมิติเดียว สมองซซ้ายรู้จักแต่มิติสามอย่างเดียว สมองขวาจะเริ่มรับหลากมิติได้ มักจะเกิดเดินโคลงๆ เพราะหลายมิติเริ่มปรากฏในเวลาเดียวกัน บางคนอาจกลัว บางคนรู้สึกเหมือนจะหลุดออกจากร่าง คุณอาจกลัว ลองค่อยๆ ปล่อย สมองขวาเข้าใจและรู้ดี สมองซ้ายไม่กล้าปล่อย ให้หลับตาสักนิดและรู้สึก... ตามีความจำกัด คุณรู้สึกได้ผ่านตาที่สาม พลังงานผ่านตาที่สาม สมองขวาครีเอทีฟจะจัดการกับข้อมูลพลังงานได้ดีกว่าสมองซ้ายมากมาย ร่างกายเรากำลังผ่านช่วงเปลี่ยนแปลงมากมายในเวลาอันสั้น

สุดท้ายวันนี้....คุณไม่ต้องทำตามกูรูของคุณ ไม่ต้องทำตัวเกร็งเหมือนพระเยซู หรือพระพุทธเจ้า หรือสตีฟ จ็อบ ภาพที่สังคมประวัติศาสตร์เสนอไม่ตรงกับความเป็นจริงทั้งหมด คุณเป็นคุณ ไม่ต้องสร้างภาพลักษณ์ตามใคร เขาเป็นแอสเซ็นต์มาสเตอร์ เป็นกูรูได้ เพราะเขาปล่อยวางจากการค้นหาตัวเองที่เหนื่อยล้า ที่แสวงหามานาน เลิกแล้ว รอเวลาที่ยอมรับได้สัจธรรมก็มาเอง เมื่อท่านเหล่านั้นยอมรับตัวเอง ความอ้วน เงินน้อย ความไม่รู้เรื่องจิตวิญญาณ ยอมรับตัวเองที่เป็นตัวเอง ความไม่สมบูรณ์ของกายเรา ปล่อยเถอะ ไม่พยายามทำตัวให้เพอร์เฟ็ค พลังงานครีเอทีฟวิ่งเข้ามา สมองซ้ายช้าลง เมื่อนั้นคุณเป็นกูรูของตัวเองแล้ว แล้วสมองก็จะกระโดดใส่ ว่าคุณจะเป็นมาสเตอร์ได้ไง...ช่างสมอง คอยตัดสินเราเรื่อย.. ให้ยอมรับและรักตัวเองนะคะ หายใจเข้าสูดลมรักเข้าไปลึกๆ...

อดามัส เซนต์เจอเมน ๗ เมย. ๑๒

https://www.facebook.com/groups/AscensionThailand/doc/432191630129646/