สิทธิของผู้เสียหายที่จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล /อ้วน อารีวรรณ
Celeb Online
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2553 16:04 น.
jatung_32@yahoo.comกรณีคุณหรือคนที่คุณรู้จักได้กลายเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา อยากให้รู้ว่า ประเทศไทยของเราได้มีกฎหมายพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ที่จะช่วยเหลือคุณและทุกๆ คนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดอาญาแล้ว และนี้คือสิ่งที่เราทุกคนควรทราบเป็นอย่างยิ่ง
ผู้เสียหายในคดีอาญานี้คือ ผู้ที่ถูกกระทำให้ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต หรือร่างกาย หรือจิตใจ ตามที่กฎหมายกำหนด และต้องเป็นผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น ไม่ใช่คู่กรณี หรือไม่ใช่ผู้ที่ก่อให้เกิดการกระทำความผิด หรือว่าไม่ได้เป็นผู้สมัครใจเข้าร่วมในการกระทำความผิดนั้นด้วย
ว่าง่ายๆ คือ คุณเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นเหยื่อ หรือเป็นผู้ถูกกระทำ ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภริยาตน หรือเป็นเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ที่ถูกกระทำชำเรา หรือเป็นผู้ถูกกระทำอนาจาร หรือเป็นผู้ที่ถูกล่อลวงพาไปเพื่อกระทำอนาจารของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ถึงมาตรา 287 เป็นต้น
หรือเป็นผู้ถูกกระทำจนเสียชีวิต จากฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หรือฐานความผิดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือฐานความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือเป็นผู้ที่ถูกทารุณจากบุคคลที่ต้องพึ่งพาในการดำรงชีพ หรือเป็นเด็กอายุไม่เกิน 16 ปี ที่ถูกช่วยหรือยุยงส่งเสริมให้ฆ่าตนเอง หรือเป็นผู้ที่ถึงแก่ความตายเนื่องจากเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ถึงมาตรา 294 เป็นต้น
หรือว่าคุณเป็นเหยื่อได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจจากการถูกทำร้ายโดยผู้กระทำผิดกฎหมายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือว่าคุณได้รับอันตรายสาหัสเนื่องจากเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ หรือว่าได้รับอันตรายสาหัสจากการกระทำโดยประมาทจากผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ถึงมาตรา 300 เป็นต้น
หรือแม้ว่า คุณเป็นผู้ถูกกระทำให้แท้งลูก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 ถึงมาตรา 305 หรือว่าเป็นเด็ก เป็นคนป่วยเจ็บ หรือคนชรา ถูกทอดทิ้ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 306 ถึงมาตรา 308 เป็นต้น ก็สามารถได้รับค่าตอบแทนได้ โดยค่าตอบแทนที่จะได้รับมีดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล จะมีการจ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท และค่าใช้จ่ายในส่วนค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะมีการจ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 2 หมื่นบาท
2. ค่าตอบแทนในกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย จะมีการจ่ายดังนี้
-ค่าตอบแทน จะจ่ายเป็นเงินตั้งแต่ 3หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท
-ค่าจัดการศพ จะจ่ายเป็นเงินจำนวน 2 หมื่นบาท
-ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู จะจ่ายเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 3 หมื่นบาท
-ค่าเสียหายอื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา จะจ่ายเป็นเงินตามจำนวนที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท
ในส่วนค่าตอบแทนข้อ1 และข้อ2 นี้ ให้รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้องและค่าอาหารในการรักษาพยาบาล ในอัตราวันละไม่เกิน 6 ร้อยบาทด้วย
3. ส่วนค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ จะมีการจ่ายในอัตราวันละไม่เกิน 200 บาท เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ
4. ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ซึ่งคำนึงถึงพฤติการณ์ และความร้ายแรงของการกระทำความผิด และสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย รวมถึงโอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่นด้วย แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท
ซึ่งผู้เสียหายหรือทายาทของผู้เสียหายที่มีสิทธิขอรับค่าตอบแทน หรือค่าใช้จ่ายตามพระราชบัญญัตินี้ สามารถยื่นคำขอต่อคณะกรรมการ ณ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รู้ถึงการกระทำความผิด
และในกรณีผู้เสียหาย หรือทายาทของผู้เสียหายเป็นผู้ไร้ความสามารถหรือไม่สามารถยื่นคำขอด้วยตนเองได้ ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล ผู้เป็นบุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยาหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือจากผู้เสียหาย หรือทายาท ซึ่งได้รับความเสียหายแล้วแต่กรณี อาจยื่นคำขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรือค่าใช้จ่ายแทนได้
ซึ่งได้มีการกำหนดระยะเวลาในการขอรับค่าตอบแทนตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่๑ การรับคำขอตรวจสอบหลักฐาน/บันทึกถ้อยคำของผู้ยื่นคำขอและออกใบรับคำขอ ซึ่งใช้ระยะเวลา 1 วัน
ขั้นตอนที่๒ การแสวงหาข้อเท็จจริง/พยานหลักฐาน และเสนอความเห็นกำหนด ซึ่งใช้ระยะเวลา ๑๒ วัน
ขั้นตอนที่๓ การประชุมคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทน ซึ่งใช้ระยะเวลา ๖๐ วัน
ขั้นตอนที่๔ จัดทำคำวินิจฉัยของคณะกรรมการและแจ้งคำวินิจฉัย ซึ่งใช้ระยะเวลา ๓๕ วัน
โดยผู้เสียหายหรือทายาทที่เป็นผู้มีสิทธิขอรับค่าตอบแทนตามพระราชบัญญัตินี้ สามารถยื่นคำขอต่อคณะกรรมการ ณ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายฯ ภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รู้ถึงการกระทำความผิด พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบดังนี้
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ของผู้เสียหายและผู้มีสิทธิยื่น)
2. สำเนาทะเบียนบ้าน (ของผู้เสียหายและผู้มีสิทธิยื่น)
3. สำเนาทะเบียนสมรส
4. สำเนาสูติบัตร
5. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ/สกุล
6. หนังสือมอบอำนาจ
7. ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลและอื่นๆ ถ้ามี
8. สำเนาใบรับรองแพทย์
9. สำเนาบันทึกรายงานการสอบสวนของสถานีตำรวจ และสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี
10. สำเนาใบมรณะบัตร ในกรณีเสียชีวิต
11. สำเนาใบชันสูตรแพทย์
12. หลักฐานการได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากหน่วยงานอื่น
13. ใบแต่งทนาย (ถ้ามี)
14. สัญญาจ้างว่าความพร้อมสำเนาบัตรของทนายความ ในกรณีให้ทนายมาดำเนินการแทน
15. หนังสือรับรองรายได้
16. สำเนาบัตรประจำตัวของผู้รับรองรายได้ (ผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือ)
17.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับรองรายได้
โดยสถานที่ที่ต้องไปยื่นคำขอ คือ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
ในส่วน สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา 99 หมู่ที่ 4 อาคารกระทรวงยุติธรรม ชั้น15 ถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 02-5028226-9 โทรสาร 02-5028226
หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ
และสุดท้ายหากปรากฏในภายหลังว่า การกระทำความผิดอาญาที่ผู้เสียหายอ้างเป็นเหตุในการขอรับค่าตอบแทนนั้น ไม่เป็นความผิดอาญา หรือว่าเป็นกรณีหลอกลวง ไม่มีการกระทำเช่นว่านั้น แต่เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ บุคคลผู้อ้างต้องคืนค่าตอบแทนที่ได้รับไปแก่กระทรวงยุติธรรม และต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000085914.