ก็วันนั้น เมื่อตระกูลพระญาติแปดหมื่นตระกูลประชุมกันในมงคลสถานแล้ว พระญาติองค์หนึ่ง ๆ ได้อนุญาตบุตรคนหนึ่ง ๆ ว่า พระราชกุมารนี้ จะเป็นพระพุทธเจ้าหรือเป็นพระราชาก็ตาม พวกเราจักให้บุตรคนละคน ถ้าแม้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า จักเป็นผู้อันหมู่ขัตติยสมณะห้อมล้อมเที่ยวไป ถ้าแม้จักเป็นพระราชา จักเป็นผู้อันขัตติยกุมารห้อมล้อมกระทำไว้ในเบื้องหน้าเที่ยวไป. ฝ่ายพระราชาก็ทรงตั้งนางนมผู้ปราศจากสรรพโรค สมบูรณ์ด้วยรูปอันอุดมแก่พระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์เจริญด้วยบริวารใหญ่ ด้วยสิริโสภาคย์อันยิ่งใหญ่
อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาทรงมีงานพระราชพิธีชื่อว่า วัปปมงคล วันนั้น ประชาชนต่างประดับประดาพระนครทั้งสิ้น ประดุจเทพนครคนทั้งหมดมีทาสและกรรมกรเป็นต้น นุ่งห่มผ้าใหม่ ประดับด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น ประชุมกันในราชสกุล เทียมไถถึงพันคันในงานพระราชพิธี. ก็ในวันนั้น ไถ ๑๐๘ คัน หย่อนไว้คันหนึ่ง (คือ ๑๐๗ คัน) พร้อมทั้งโคผู้ผูกเชือกสายตะพาย หุ้มด้วยเงิน. ส่วนไถที่พระ-ราชาทรงถือ หุ้มด้วยทองคำสุกปลั่ง. แม้เขา เชือกสายตะพาย และปฏักของโคผู้ทั้งหลาย หุ้มด้วยทองคำทั้งนั้น.
พระราชาเสด็จออกด้วยบริวารใหญ่ ได้ทรงพาพระราชบุตรไปด้วย ในสถานที่ประกอบพระราชพิธี มีต้นหว้าต้นหนึ่ง มีใบหนาแน่น มีร่มเงาชิดสนิท. พระราชาทรงให้ปูลาดพระที่บรรทมของพระกุมาร ณ ภายใต้ต้นหว้านั้น ให้ผูกเพดานขจิตด้วยดาวทองไว้เบื้องบน ให้แวดวงด้วยปราการคือพระวิสูตร วางการอารักขาเสร็จแล้ว พระองค์ทรงประดับเครื่องราชอลังการทั้งปวง ห้อมล้อมด้วยหมู่อำมาตย์เสด็จไปยังสถานที่จรดพระนังคัล ณ ที่นั้นพระราชาทรงถือพระนังคัลทองคำ อำมาตย์ทั้งหลายถือไถเงิน ๑๐๗ คัน พวกชาวนาถือไถที่เหลือ. พวกเขาถือไถเหล่านั้นไถไปรอบ ๆ ส่วนพระราชาทรงไถจากด้านในไปสู่ด้านนอก ไถจากด้านนอกไปสู่ด้านใน. ในที่แห่งหนึ่ง มีมหาสมบัติ. พวกนางนมที่นั่งห้อมล้อมพระโพธิสัตว์ คิดว่าจักไปดูสมบัติของพระราชา จึงออกจากพระวิสูตรไปข้างนอก
พระโพธิสัตว์ทรงแลดูไปรอบ ๆ ไม่เห็นมีใครเลย จึงเสด็จลุกขึ้นโดยเร็ว ทรงนั่งขัดสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก ทำปฐมฌานให้เกิดขึ้นแล้ว. พวกนางนมเที่ยวไปในระหว่างเวลากินอาหาร จึงชักช้าไปหน่อยหนึ่ง. เงาของต้นไม้ที่เหลือคล้อยไป แต่เงาของต้นหว้านั้นคงตั้งอยู่เป็นปริมณฑล. พวกนางนมคิดได้ว่า พระลูกเจ้าประทับอยู่พระองค์เดียวจึงรีบยกพระวิสูตรขึ้นเข้าไปภายใน เห็นพระโพธิสัตว์นั่งขัดสมาธิบนพระที่บรรทม และเห็นปาฏิหาริย์นั้น จึงไปกราบทูลแด่พระราชาว่าข้าแต่สมมติเทพ พระกุมารประทับนั่งอย่างนี้ เงาของต้นไม้อื่น ๆ คล้อยไปแล้ว แต่เงาของต้นหว้าคงตั้งเป็นปริมณฑลอยู่. พระราชารีบเสด็จมาทรงเห็นปาฏิหาริย์ จึงทรงไหว้พระโอรสโดยตรัสว่า นี่แน่ะพ่อ นี้เป็นการไหว้เจ้าครั้งที่สอง
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรายังเป็นพระกุมารอยู่ ต่อไปเมื่อพระกุมารเจริญพระชมม์จนอายุ 16 พรรษา จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นต่อไปนั้น ต้องติดตามต่อไป
ขออนุโมธนาผู้มีบุญมากทุกท่าน ขออภัยท่านเจ้าของรูปหลายรูปที่นำมาเผยแพร่โดยไม่ได้บอกกล่าว ขออานิสงค์ในการเผยแผ่พระศาสนาจงเกิดแก่ท่านเจ้าของรูปภาพ ผู้ศึกษาธรรม และศึกษาพุทธประวัติด้วยเทอด
พระโพธิสัตว์ประทับนั่งสมาธิใต้ต้นหว้า ทำปฐมฌาณให้เกิดขึ้น