[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 20:05:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตที่ร่ำไห้ของสัตว์  (อ่าน 2640 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 5.0.375.70 Chrome 5.0.375.70


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 22:55:49 »

[ โดย อ.มดเอ็กซ์ บอร์ดเก่า ]




ชีวิต - ฆ่าฉันเป็นอาหาร
อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ฟังเพลงธรรมนี้ เนื่องในโอกาสเทศกาลเจที่จะมาถึง หรือ แม้แต่หลังเทศกาลเจทุกภพทุกชาติ

การงดปาณาติบาตไม่ว่าทางตรง หรือ ทางอ้อมก็ดี คือ ขั้นพื้นฐานของการปฏิบัติบำเพ็ญจิตที่ง่ายที่สุด เป็นขั้นพื้นฐานตัดบ่วงกรรมใหม่ๆในชาติปัจจุบันนั่นเอง

เป็นการปลูกต้น "เมตตา" คือ การไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ให้ผู้อื่นได้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติของเขาอย่างสันติสุข คิดดู หากในโลกนี้ ไม่ต้องมีการฆ่า หรือ เบียดเบียนกันเลย มันจะเหมือนกับสวรรค์บนโลกเลยก็ว่าได้

การกิน อาจไม่ถือว่า เป็นการปฏิบัติธรรม ในมุมมองของคนทั่วไป แต่หากมองดูดีๆแล้ว การทานผัก ก็สามารถเป็น ธรรมะในชีวิตประจำวัน เป็นการดำรงชีวิตที่ปรกติของมนุษย์ในแง่หนึ่งที่ว่า เป็นเพียงแค่การกิน ถึงกระนั้น เราควรกินอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบชีวิตของคนอื่น กินอย่างไร เพื่อไม่ให้เกี่ยวกรรมกับผู้อื่น กินอย่างไรเพื่อมิให้ กิเลส ของตนทำลายชีวิตผู้อื่น

ศีลเจ มิได้จำเป็นต้องบัญญัติไว้ในคัมภีร์ หรือ พระสูตรใดๆเลยเพราะศีลเจ จะเกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกของตัวเองเท่านั้น นี้คือ คัมภีร์อันไร้รูปลักษณ์ที่เกิดจาก จิตแห่งเมตตา ของบุคคลนั้นๆ เมื่อบุคคลหนึ่งได้มีประสบการณ์ส่วนตัว เช่น อาจเกิดสงสารสัตว์เมื่อได้เห็นสัตว์ถูกฆ่าอย่างทุกข์ทรมานต่อหน้าต่อตา ฆ่าเพื่อมาเป็นอาหาร คนนั้นอาจเกิดความรักสัตว์ มีจิตเมตตาสงสารขึ้นมาทันที ทำให้กินไม่ลงอีกเลย นี้คือ คัมภีร์ภายใน คัมภีร์ที่มองไม่เห็น คือ เรียนรู้จากจิตใต้สำนึกของตนเอง เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นปัจจัตตัง จึงมิอาจเป็นเรื่องที่ต้องมาบังคับผู้อื่นให้ปฏิบัติตามเรา เพราะ จิตใครก็จิตมัน จะเที่ยวไปบอกตรงๆว่า คนทานเนื้อสัตว์ผิดบาปก็เป็นการไม่สมควร เพราะใครเล่าจะยอมรับง่ายๆว่า "ตนเองทำบาป" เพราะเขาจะต้องเกิดจิตสำนึกของเขาเอง

คนที่คิดจะทานเจ ก็มิควรถามข้อมูลกับคนที่ทานเนื้อสัตว์ หรือ พระสงฆ์ที่ฉันเนื้อสัตว์ เพราะยังไงก็เป็นการงม หากระดาษ ในกองไฟเปล่าๆ หากคิดจะทานเจ ก็ต้องศึกษาด้วยตนเอง หรือ หาข้อมูลจากแหล่งที่ส่งเสริมเรื่องนี้โดยตรง หรือ ไปหาประสบการณ์โดยตรงที่โรงฆ่าสัตว์ การกินเจจึงต้องเรียนรู้จากสัจธรรมเท่านั้น คือ ความจริงที่ประสบ หรือ ได้ลงมือปฏิบัติมาเอง

สมมติให้ผู้บริโภคไปลงมือฆ่ากินเอง เขาจะทำไหม ก็คงไม่กล้าทำ เพราะ กลัวผิดศีล กลัวบาป กลัวกรรมเหมือนกัน ผู้บริโภคจะพูดอะไรก็พูดง่าย เพราะเขามิได้มาลงมือกระทำเอง คนที่ลงมือฆ่าก็มัวแต่หาเงินโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ชีวิตตนเองเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะตกถึงมือมัจจุราชเมื่อใดก็เมื่อนั้น

ครูบาศรีวิชัย เป็นหนึ่งพระอริยสงฆ์องค์หนึ่งที่ฉันพืชผักตลอดชีพมาแต่เยาว์วัย เนื่องจากท่านได้ให้เหตุผลส่วนตัวว่า หากสงสารสัตว์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกินเลือดเนื้อเขาอีก พืชผักในประเทศไทยก็ออกจะอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว

การรักษาศีลเจก็คือ การละเว้นกรรมปาก คือ นอกจากไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดแล้ว ยังต้องไม่สร้างวจีกรรมต่อกัน เพราะคำพูดหนึ่งคำ หากพูดไม่ระวัง ก็สามารถทำลายหรือฆ่าคนได้ ไม่เพียงแต่ทานเจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กัลยาณชนต้องสร้างสมคุณธรรมด้วย โดยเฉพาะ ความกตัญญูต่อบุพการี ครูบาอาจารย์ และ ชาติบ้านเมือง พี่น้องในครอบครัวต้องปรองดอง เพื่อนฝูงกลมเกลียว สามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี้คือ ความประสงค์แห่งธรรม

หากเอาแต่ทานเจ แต่ไม่ละกรรมปาก หรือ ทานแต่พืชผัก แล้วหยิ่งผยองทะนงตน ยกตนข่มท่าน ไม่ระวังมิจฉาวาจา ไม่ขัดเกลาจิตใจ ไม่แก้ไขความเคยชินที่ไม่ดีของตนเอง ก็ถือว่า ไม่ใช่การทานเจที่แท้จริง เป็นเพียงแค่การบำรุงกระเพาะและธาตุขันธ์เท่านั้นเอง

นอกจากจะให้ความสุขแด่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ก็จงอย่าได้ลืมที่จะให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้หายใจอยู่บนโลกใบนี้จนหมด อายุขัยของเขาเองบ้าง การรักษาศีลเจ แม้จะได้บุญหรือไม่ก็ตาม แต่เป็นการบำเพ็ญกุศลภายใน นั่นคือ คุณได้เป็นส่วนหนึ่งในจักรวาล ที่ได้เป็นผู้ให้แก่พวกเขาอย่างแท้จริง ให้อะไรรึ ก็ให้ชีวิตแด่พวกเขานั่นเอง และเป็นการให้โอกาส โอกาสให้พวกเขาได้ดำรงขันธ์ต่อไป แค่เกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ทุกข์หนักหนาสาหัสแล้ว ใยจึงต้องซ้ำเติมต่อกันให้เกิดบ่วงกรรม จงให้อภัยพวกเขาที่พวกเขาไม่สามารถเกิดมาเป็นมนุษย์ได้

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เพราะล้อเกวียนของวัฏสงสารยังไม่หยุดหมุน จะหยุดหมุนก็ที่จิตดวงนี้เอง ความคิดที่จะหยุดเข่นฆ่ากันไม่ว่าคนหรือสัตว์ ความคิดที่จะหยุดเบียดเบียนกันหรือทำร้ายกัน แต่เพราะเราคือสัตว์ประเสริฐ เราย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า อะไรคือบาป/บุญ อะไรคือดี/ไม่ดี เพราะฉะนั้นเราจะไม่ไปร่วมหมุนกงล้อของวัฏจักรนี้อีก

สัตว์เดรัจฉานที่เกิดมาคือ คนที่ไปเวียนเกิดเป็นสัตว์ เป็นวัฏสงสารที่ทับถมกันไม่รู้จบ ผลัดกันเกิดเป็นสัตว์บ้าง คนบ้าง เทพพรหมเทวดาบ้าง เปรต ผีนรกบ้าง กรรมซ้อนกรรมยากที่จะหยุด หากจะหยุดก็ควร หยุดที่ใจสำนึกของเรานี้เอง ชาตินี้ก็จักผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ด้วยการไม่สร้างกรรมใดๆเพิ่ม ไม่ขอเกี่ยวกรรมกับใครๆ

องคุลีมาร ได้เคยฆ่าสัตว์ (มนุษย์) มากมายเหลือเกินซึ่งถือว่า กรรมหนักถึงอเวจีได้เลยทีเดียว แต่ด้วยจิตสำนึกผิดบาปอันฉับพลัน แจ้งปัญญาในชาติเดียวตอนที่พระพุทธเจ้าทรงมาโปรด องคุลีมารด้วยตัวพระองค์เอง ก็สามารถพร้อมที่จะกลับตัวกลับใจได้ทัน สำนึกด้วยใจจริง พร้อมที่จะแก้ไขตนเอง จนกระทั่งองคุลีมารสามารถบรรลุธรรมภายในชาติเดียว ดังนั้น การสำนึกขอขมาความผิดบาปต่อตนเองนั้น คือ การปลุกใจให้ตื่นจากความหลงมานานนับภพชาติ ตื่นที่ว่า สัตว์นั้นก็ไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารให้เรา สัตว์นั้น คือ เพื่อนร่วมโลกในวัฏสงสารที่ใกล้ชิดเรามากที่สุด สัตว์นั้นก็ต้องการความรักและความเมตตาเหมือนเราเช่นกัน ส่วนมนุษย์นั้นคือ ผู้ประเสริฐ ผู้ช่วยเหลือ ผู้พิทักษ์ สร้างสรร ค้ำชูโลก และมีคุณธรรม

ในนรกทุกขุม หากเคยอ่านเรื่องนรกมาบ้างแล้ว ก็รู้ได้เลยว่า การฆ่าสัตว์อย่างต่อเนื่องไม่รู้จักสำนึกตน ก็ทำให้ไปชดใช้กรรมในนรกได้เกือบทุกขุม ส่วนมาก ผู้ที่ชดใช้กรรมในนรก จะเป็นผู้ลงมือฆ่าและสั่งฆ่าโดยตรง ส่วนคนที่บริโภคที่มีจิตใจเป็นคนดีอยู่แล้ว ก็โทษเบาลงหน่อย คือ ป่วยเป็นโรคร้าย หรือ เกิดอุบัติเหตุ เท่านั้น กรรมของการทานเนื้อสัตว์อาจดึงไปไม่ถึงนรก แต่ก็ทำให้เกิดวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นอาฆาตตามมาเบียดเบียนตนได้ ทุกภพทุกชาติ ชาตินี้ไม่ได้ป่วยตาย เสพสุขไปวันๆ แต่ชาติหน้าล่ะ ก็ยังมีโอกาสได้ชะรำกรรมเก่าๆได้เมื่อกรรมเก่าๆตามเราทัน

อย่างเหตุการณ์ชายแดนภาคใต้ที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นรุนแรง ก็เนื่องจากเหตุต้นผลกรรมในอดีตชาติที่ซับซ้อนมาก นั่นคือ ปาณาติบาต ซึ่งสมัยก่อน ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว บริเวณนั้นมีการปาณาติบาตอย่างต่อเนื่อง คือ เกมส์การล่าสัตว์ นั้นเอง โจรใต้ที่มีจิตใจเยี่ยงเดรัจฉาน ไม่เมตตาปราณี เพราะว่า พวกเขาก็คือ สัตวป่าที่เคยถูกล่าในอดีตชาติมานั่นเอง ส่วนชาวบ้านที่โดนฆ่า ก็คงเคยเกิดเป็นนายพรานมาหลายท่านก็มี

ประเทศใด มีสงคราม มีภัยพิบัติเกิดขึ้นตลอดเวลา ก่อการร้าย โรคระบาด พายุ คลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว ดินโคลนถล่ม อุบัติเหตุตายหมู่ เครื่องบินตก นั่นคือ ต้นเหตุผลกรรมของปาณาติบาตทั้งสิ้น อย่าง อินโดนีเซีย และ หมู่เกาะมากมาย ก็จะมีภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง คล่าชีวิตผู้คนไปมากมาย เพราะ วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นสัตว์ทะเลจำนวนนับไม่ถ้วน อาฆาตแค้นมานับภพชาติแล้ว แหล่งการประมง มักจะเป็นที่มีพลังอิน มากสุด ส่วนประเทศแถบอาหรับ หรือ Middle East นั้นที่เกิดสงครามมากมาย ก่อการร้าย เพราะ ในอดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงล้มฆ่าสัตว์ใหญ่ผู้มีพระคุณ เช่น วัว ลา อูฐ แกะ แพะ และอีกมากมาย กรรมปาณาติบาต จึงหนักเป็นพิเศษ

ทำไมทานผักผลไม้พืช ต่างๆจึงไม่ผิด คำตอบง่ายๆคือ ในพระไตรปิฏก พืชผักไม่ได้รวมอยู่ในวัฏสงสาร (6 ภพภูมิของการเวียนว่าย)ไม่มีภพภูมิพืชเลย และไม่มีเวไนยสัตว์ไปเกิดเป็นพืชเลย แม้ว่าพืชจะมีพลังธรรมชาติอยู่ก็ตาม แต่ก็เป็นพลังแห่งการเจริญเติบโต แพร่พันธุ์เท่านั้น และธาตุขันธ์ ก็ไม่ครบเหมือนเวไนยสัตว์ อย่างเช่น เวทนา สัญญา ก็ไม่พบในพืช หากท่านลองเอามีดไปตัดกิ่ง ตกแต่งประดับประดา ก็คงจะผลิดอกออกผลมากขึ้น ใช่ไหม ผู้ที่ทำให้พืชพันธุ์เจริญงอกงาม มีชีวิต คือ พลังแห่งธรณี ซึ่งทางพุทธศาสนา เรียกว่า พระแม่ธรณี ที่ให้กำเนิด ดิน ภูเขา ป่าไม้ และ พืชพันธุ์มากมายกับพวกเรา

หากไม่เชื่อในเรื่องการทานเจ ก็ลองย้อนมองตนดู ใจเขาใจเรา สมมติเราเกิดไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง ความรู้สึกนั่นเป็นเช่นไร คงเสียใจไม่น้อยใช่หรือไม่

นโม หมีเล่อฝอ
ขอเมตตาธรรมจงอุดหนุนค้ำชูท่านทั้งหลายเทอญ

(หากตัดขาดมิได้ตลอดชีวิต ก็สามารถทานเจละเว้นเลือดเนื้อผู้อื่น ในทุกวันพระหรือทุกวันเกิด วันสำคัญทางพุทธศาสนาต่างๆภายในชาตินี้ ดีกว่าไม่เคยเลย)


http://www.palungjit.com

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2553 22:58:31 »




  ปิ๊ง ๆ ปิ๊ง ๆ ปิ๊ง ๆ


ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก


บันทึกการเข้า
คำค้น: ชีวิต ร่ำไห้ ของสัตว์ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.511 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 22:30:56