[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 19:16:20 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กะปิของชาวนาไทย  (อ่าน 6598 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 11:21:08 »

กะปิจากกุ้งฝอย....โดย กิมเล้ง
 ภาพจาก : oknation.net




กะปิของชาวนาไทย
 
เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว   ชาวนาจะต้องปล่อยน้ำออกจากผืนนาเพื่อสะดวกแก่การเก็บเกี่ยวผลผลิต   ทำให้บรรดาสัตว์น้ำต่าง ๆ ถอยร่นลงสู่ที่ลุ่มที่เป็นที่รองรับน้ำในที่ต่ำ  และมารวมตกคลั่กกันในที่นั้น   จึงนับว่าเป็นฤดูกาลที่สมบูรณ์ของชาวชนบทอย่างหนึ่ง  ที่จะต้องรีบจับสัตว์น้ำเหล่านั้นรวบรวมไว้เพื่อบริโภคและถนอมอาหารไว้บริโภคนานถึงฤดูแล้งที่จะมาถึงต่อไป

ชาวไทยนับแต่โบราณ  มีวิธีถนอมอาหารจากสัตว์น้ำที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เรียกว่าทั้งกิน ทั้งแจก  ทั้งฝาก ก็ยังไม่หมด  จึงต้องนำสัตว์น้ำที่จับรวบรวมมาได้  ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา  นำมาตากแห้ง  รมควัน  หมักเป็นปลาส้ม  ปลาร้า  ปลาเจ่า  กะปิ  น้ำปลา  ปูดอง  หอยดอง ฯลฯ    ก็ของมันมีเหลือเฟือมากมายก่ายกองเช่นนี้ จะทิ้งก็เน่าเสียเปล่า จะฝังเป็นปุ๋ยหมักหรือก็เสียดายของ ....แม้แต่ปลาจะเน่ามิเน่าแหล่ ก็ยังอุตส่าห์เอามาหมักทำเป็นปลาร้า – น้ำปลา  สืบทอดภูมิปัญญาให้เราได้ลิ้มรสอย่างเอร็ดอร่อยตราบจนทุกวันนี้

สำหรับปลาที่จับได้ตอนน้ำลดในท้องทุ่งนาเหล่านี้ เป็นปลาเบญจพรรณ คือ ปลาต่าง ๆ ที่มีหลายชนิดหลายขนาด เช่น ปลาช่อน ปลากระสง ปลาหมอ ปลาดุก ปลากระดี่ ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาหลด ปลาไหล ปลาตะเพียน  และอีกสารพัดปลา  ปลาเหล่านี้จะถูกนำมาคัดประเภท และขนาด  ที่เหลือจากการนำไปประกอบอาหารสด จะนำมาย่างหรือตากแห้ง ส่วนที่มีขนาดเล็กจะถูกนำมาทำปลาร้า ปลาเจ่า และน้ำปลา  ส่วนปูนาก็นำมาดอง  และสัตว์น้ำอีกชนิดหนึ่งที่มีจำนวนมากและนำมาประกอบอาหารก็ได้รสที่อร่อย ได้แก่กุ้งฝอย  

กุ้งฝอย นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด  ทั้งกุ้งเต้น (เคยเห็นแต่ไม่เคยกิน)  กุ้งหวาน  แกงส้มกุ้งฝอยกับมะละกอ  ห่อหมกกุ้งฝอยก็ยังมี     กุ้งฝอยจะมีมากมายในช่วงปลายฤดูฝน ต้นฤดูหนาว  ในช่วงระยะกาลดังกล่าว ชาวนาจะใช้เครื่องมือช้อนปลาชนิดหนึ่ง เรียกว่าสวิง หรือยอ  ถักด้วยตาข่ายถี่ ๆ  มีด้ามจับ  ใช้รำข้าวโปรยบนผิวน้ำ  เป็นเหยื่อล่อกุ้ง  วิธีการนี้จะได้กุ้งฝอยแต่ละครั้งจำนวนมากมาย   นำมาทำอาหารดังที่ได้กล่าวแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดได้ง่าย ๆ ก็ต้องหันมาทำกะปิ

สาธยายน้ำท่วมทุ่งมาซะนาน  เข้าเรื่องแล้วค่ะ  กะปิจากกุ้งฝอย

กุ้งฝอยที่ได้มาจากการช้อนด้วยสวิง หรือเครื่องมืออื่น ๆ นั้น จะมีกลิ่นโคลนตมติดตัวกุ้งอยู่ด้วย  ทั้งนี้ กุ้งก่อนที่จะถูกจับมานั้น  อาศัยอยู่ในน้ำที่มีปริมาณเหลือน้อย และขุ่น  น้ำกำลังงวดและแห้งลง  ประกอบกับคนลงไปจับสัตว์น้ำกันมาก  ดังนั้น กุ้งฝอยที่รวบรวมมาได้   จะถูกเกลี่ยกระจายอยู่ในกระด้ง หรือกระจาด  เพื่อทำการเก็บ ลูกปลา ลูกหอย ตัวเล็ก ๆ  เศษหญ้า เศษกิ่งไม้  ใบไม้แห้ง ที่ติดมากับสวิงออกให้หมด  จึงนำกุ้งล้างน้ำสะอาด  แต่กระนั้น กลิ่นโคลนก็ยังไม่หมดจากตัวกุ้งไปง่าย ๆ   จึงต้องกำจัดกลิ่นไม่พึงปรารถนานี้ให้หมดสิ้นไป  โดยการนำมาล้างด้วยน้ำแกว่งสารส้มอีกครั้งหนึ่ง  เท่านั้นเอง กลิ่นโคลนและเศษโคลนเล็ก ๆ ก็จะตกตะกอนนอนก้น   จึงช้อนเอากุ้งนั้นมาล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง

จากนั้น นำกุ้งมาคลุกกับเกลือให้ทั่วถึงกัน โดยใช้อัตราส่วน ๑ : ๓  หมายถึงใช้เกลือ ๑ กิโลกรัม ต่อกุ้ง ๓ กิโลกรัม อันเป็นสัดส่วนที่มาตรฐาน  จากนั้นนำกุ้งใส่ในกระจาดและเกลี่ยกุ้งให้กระจาย นำไปผึ่งไว้ในที่ร่ม ๑ คืน  กุ้งฝอยเหล่านี้จะเป็นสีชมพูสวยงาม   จึงนำมาใส่ครกตำข้าวขนาดใหญ่ (ครกและสากทำด้วยต้นไม้   มีใช้ตามชนบทสมัยก่อน)  จนละเอียด ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดี  จากนั้นจึงนำใส่ภาชนะมี่ฝาปิดมิดชิด นำไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ ๑ เดือน ก็ใช้ได้



กะปิจากเคย
ภาพจาก : velamall.com

ส่วนกะปิเคย....เป็นผลิตผลจากการแปรรูปแพลงตอนน้ำชนิดหนึ่ง แพลงตอนที่นิยมนำมาทำกะปิมากที่สุด หากว่าด้วยการจัดกลุ่มทางวิทยาศาสตร์จะเป็นสัตว์น้ำที่อยู่ในกลุ่มแฟมิลี   ในประเทศไทยพบอยู่ ๕ สกุล    แพลงตอน หรือ เคย สกุล Acetes  นิยมนำมาทำกะปิมากที่สุด เนื่องจากเป็นเคยขนาดใหญ่ มีตั้งแต่ขนาดยาว ๗ ม.ม. ถึง ๓.๒ ม.ม.   มีเนื้อเยอะ  เคยสกุลนี้มิได้นิยมนำไปแปรรูปเป็นกะปิอย่างเดียว แต่มีการนำไปทำกุ้งแห้งด้วย  “เคย”  ชนิดนี้ พบมากตามแนวชายฝั่งทะเลแถวจังหวัดระยอง  ชลบุรี ฉะเชิงเทรา  สมุทรสาคร  สมุทรปราการ  เรื่อยตลอดไปจนถึงชุมพร  นครศรีธรรมราช  สงขลา ปัตตานี

กรรมวิธีการทำกะปิจาก “เคย”  เริ่มจากการนำเคยที่หามาได้ล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาเคล้ากับเกลือในอัตราส่วน ๑๒ : ๑ คือเคย ๑๒ ส่วน ต่อเกลือ ๑ ส่วน  คลุกเคล้าให้เข้ากันทั่วดีแล้ว นำไปหมัก  ๑ คืน หลังจากนั้นนำไปตากแดด ให้น้ำจากตัวเคยระเหยออกไป  แล้วจึงนำเคยนั้นไปบดให้ละเอียด แล้วนำไปตากแดดอีก ๑ วัน  จึงบรรจุลงภาชนะ ตั้งทิ้งไว้อีก ๑ สัปดาห์ เพื่อให้กะปิระอุหรือสุก ก็จะได้กะปิอย่างดี

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 มิถุนายน 2555 11:23:03 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.52 Chrome 19.0.1084.52


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 12:11:44 »

"เคย" หรือ "เคอย" คนมักเรียกติดปากกันอีกอย่างว่า "กุ้งเคย"
ว่ากันว่ากะปิที่อร่อยที่สุดคือกะปิที่ทำมาจากเคย หรือกะปิเคย นั่นเอง


จัดอยู่ในไฟลั่มอาร์โทรโปดา คลาสครัสเตเชียน ใครที่เรียนชีวะวิทยา ม.ปลาย ต้องโดนท่องทุกคน
กุ้งเคยมีขนาดเล็กรูปร่างคล้ายกุ้ง แต่ดำรงชีวิตอยู่ใกล้ผิวทะเลโดยไม่จมลง คลานตามพื้นอย่างกุ้งทั่วไป
ขนาดยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร เปลือกบาง และนิ่ม อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงตามชายทะเล
และลำคลองบริเวณป่าชายเลน





ภาพการจับกุ้งเคย

จาก prachatai.com/journal/2009/07/25237

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: กะปิ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.268 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 28 มีนาคม 2567 06:56:47