[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 23:28:18 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานสอนใจ : การเดินทางของชายสามคน  (อ่าน 2946 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.52 Chrome 19.0.1084.52


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 07 มิถุนายน 2555 10:00:56 »





นิทานสอนใจ : การเดินทางของชายสามคน

ชายสามคนเป็นเพื่อนรักกัน อยู่มาวันหนึ่งซึ่งเป็นหน้าแล้ง ชายทั้งสามคนได้นั่งคุยกันถึงเรื่องปากท้อง ทั้งสามต่างพากันเห็นว่าหมู่บ้านที่พวกตนอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างแห้งแล้ง กันดาร หาอาหารได้ไม่ใคร่จะพอยังชีพ และดูเหมือนว่าความแห้งแล้งนี้จะเพิ่มมากขึ้นทุกที

ชายคนที่หนึ่งนั่งพ้อกับเพื่อนทั้งสองว่า
“พรุ่งนี้เราจะเอาอะไรกินกันดี เพื่อน”
ชายคนที่สองตอบอย่างซังกะตายว่า
“ข้าสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าแล้ว ขอให้พระองค์ส่งปลามาให้เราสักตัวเถิด”

ชายคนที่หนึ่งถามกลับว่า
“ถ้าพระเจ้าไม่ส่งปลามาให้ มีหวังเราคงอดตาย”
ชายคนที่สองตอบกลับทันทีว่า
“พระองค์ต้องส่งปลามาให้สิ ก็ร้องอ้อนวอนขอพระองค์ทุกคืน”

ชายคนที่สามซึ่งนั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนทั้งสองคนอยู่นาน แล้วพูดขึ้นมาบ้างว่า
“ข้าว่า…ขืนเรายังทนทู่ซี้อยู่ที่นี่ต่อไป มีหวังได้อดตายกันสักวันแน่ๆ”
“แล้วจะให้ทำไงเล่า ก็ที่นี่มันแห้งแล้งนายก็รู้” ชายคนที่หนึ่งถามพลางอ้าปากหาว

“ข้าเคยได้ข่าวมาจากพ่อค้าผ้า เรื่องเมืองที่อยู่หลังเขาด้านตะวันออกโน้น พ่อค้าผ้าบอกกันว่า เมืองนั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ข้าวปลาอาหารหาง่าย การค้าก็รุ่งเรืองมาก ข้าว่าเราย้ายไปอยู่ที่นั่นกันเถอะเพื่อน” ชายคนที่สามว่า
“แต่ทางนั้นเสือดุมากนะ ขืนไปทางนั้นคงมีหวังได้กลายเป็นอาหารของเสือร้ายดอก” ชายคนที่หนึ่งพูดอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะสวดมนต์อ้อนวอนให้พระเจ้าช่วยปกป้องเอง” ชายคนที่สองว่าพร้อมกับทำท่าสวดมนต์
“เถอะนะเพื่อน เราไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า อย่ามัวแต่นอนรอความตายอยู่ที่นี่เลย ถ้าพวกเราไปถึงหมู่บ้านหลังเขานั่นโดยปลอดภัย เราก็จะได้ปักหลักทำมาหากินอยู่ที่นั่น ไม่ต้องมานั่งอดอยากหิวโหยอยู่แบบนี้อีก” ชายคนที่สามกล่าวอย่างมีเหตุผล

เมื่อเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะไปลองตั้งรกรากอยู่ที่ใหม่ เพื่อนรักทั้งสามจึงเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น แล้วมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านอันแสนทุรกันดารทันที
การเดินทางข้ามเขาตะวันออกเพื่อไปยังหมู่บ้านแห่งนั้นต้องใช้เวลา เดินทางถึง 3 วัน 3 คืน และตลอดทางก็เป็นป่ารกทึบทั้งหมด ดังนั้น ทั้งสามคนจึงต้องคอยระแวดระวังภัยจากสัตว์ร้ายต่างๆ อยู่ตลอดเวลา

กระทั่งในวันที่สามเมื่อเวลาโพล้เพล้ สามสหายก็เดินทางมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านซึ่งยังคงเป็นป่าทึบอยู่ แต่ก็ทำให้ทั้งสาม ใจชื้นขึ้นมาได้ ด้วยรู้สึกว่ายิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านเท่าไรก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ชายคนที่หนึ่งเห็นอะไรบางอย่างไหวๆ อยู่ในพุ่มไม้ด้านหลัง เขาจึงเขม้นมอง แล้วจู่ๆ ก็ร้องดังลั่นด้วยความตกใจว่า
“เสือ ! เสือตัวใหญ่มากเลยเพื่อน เสือตัวใหญ่ขนาดนี้เราคงหนีไม่ทันมันแน่ เราทุกคนต้องถูกมันจับกินจนหมดแน่…โฮ…โฮ!” ชายคนที่หนึ่งร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
“อย่ายอมแพ้สิเพื่อน ถึงเสือจะตัวใหญ่แต่ถ้าเราหนีทัน เราก็อาจจะรอดนะ”

ชายคนที่สามร้องบอกเพื่อน แต่ชายคนที่หนึ่งนั้นดูเหมือนจะเชื่อมั่นเอาจริงๆ ว่าตนไม่มีทางรอด ดังนั้นเขาจึงเอาแต่ยืนร้องไห้อย่างหวาดผวา เสือเห็นดังนั้นจึงจับชายคนที่หนึ่งกินเป็นอาหารก่อนใคร เพราะจับได้ง่ายและไม่ต้องออกแรงแต่อย่างใด

ชายคนที่สามเห็นเพื่อนถูกกินเป็นอาหารก็ร้องบอกเพื่อนที่เหลืออีกคนว่า
“วิ่งมาทางนี้เร็วๆ สิเพื่อน”
“วิ่งไปก็ไม่รอดหรอก ข้าจะสวดมนต์อ้อนวอนขอให้พระเจ้าช่วย พระเจ้าผู้วิเศษจะต้องเห็นใจและมาช่วยคุ้มครองเรา”
แล้วชายคนที่สองก็หลับตาแน่นิ่งพร้อมกับทำปากขมุบขมิบสวดมนต์ถึงพระเจ้า

“โธ่เพื่อนเอ๋ย! ถ้าตัวเราไม่มีความพยายามที่จะทำอะไรด้วยตนเองก่อนแล้ว ไหนเลยพระเจ้าจะทรงมีเมตตามาช่วยเรา เราต้องช่วยตนเองให้ถึงที่สุดก่อนสิเพื่อน ไม่ใช่รอคอยแต่ความช่วยเหลือจากคนอื่นแบบนี้ ขืนรอไปก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาจะหยิบยื่นมาให้เรา”
แต่ชายคนที่สองไม่รับฟังเพื่อน เขาพร่ำแต่สวดมนต์ขอให้พระเจ้าช่วย เสือจึงตรงเข้าขย้ำเขาเป็นเหยื่อรายที่สอง

เมื่อเสียเพื่อนรักทั้งสองคนไปแล้ว ชายคนที่สามก็คิดว่าเขาจะไม่ยอมให้ตนเองตกเป็นอาหารของเสือร้ายดังเพื่อน ทั้งสองคนอย่างเด็ดขาด คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบปีนต้นไม้ต้นที่สูงที่สุดอย่างรวดเร็ว เสือเห็นดังนั้นก็เกรงว่าเหยื่อรายที่สามของตนจะหนีรอดไปได้ จึงกระโจนเข้ามากระแทกต้นไม้อย่างแรง เพื่อให้ชายคนที่สามที่กำลังปีนต้นไม้อย่างแข็งขันตกลงมาเป็นอาหารของตนให้ ได้

ชายคนที่สามนั้นแท้จริงแล้วปีนต้นไม้ไม่เก่งแต่อย่างใด และแรงกระแทกของเสือก็รุนแรงเหลือเกินจนทำให้เขาเกือบจะตกลงมาอยู่หลายครั้ง แต่เพราะใจที่สู้ และคิดว่าตัวเองต้องรอดชีวิตให้ได้จึงแข็งใจกอดต้นไม้ไว้แน่น


ฝ่ายเสือเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน มันมีกำลังมากเพราะได้กินเนื้อมนุษย์ไปแล้วถึงสองคน และยังอยากได้อีกสักหนนึ่งคนเป็นอาหารตบท้าย ดังนั้นมันจึงออกแรงกระแทกต้นไม้ไม่ยอมหยุด และเมื่อเห็นว่าชายคนที่สามเริ่มสิ้นเรี่ยวแรง มันก็ออกแรงกระแทกต้นไม้หนักขึ้น จนในที่สุดชายคนที่สามก็ร่วงหล่นลงมา

แต่ก่อนที่เสือจะตรงเข้าขย้ำร่างของชายคนที่สาม ก็พลันเกิดเสียงหนึ่งดังสนั่นขึ้นมา เสือตกใจคิดว่าเป็นเสียงปืนของนายพรานที่ออกล่าสัตว์อยู่ในบริเวณนั้นเป็น ประจำ มันจึงรีบหนีเข้าไปในป่าทันที ชายคนที่สามเห็นดังนั้นจึงรีบมองหาต้นตอของเสียง พบแต่เพียงลูกมะพร้าวขนาดใหญ่ตกอยู่ใกล้ๆ ตัว เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วเสียงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเสียงที่เกิดจากลูกมะพร้าว ที่ตกลงมา เพราะแรงกระแทกของเสือนั่นเอง

ท้ายที่สุดแล้ว ชายคนที่สามก็รอดชีวิตจากเสือร้ายและเดินทางไปถึงหมู่บ้านอย่างปลอดภัย หลังจากนั้น ชายผู้นี้ก็ได้เริ่มต้นทำมาหากินในหมู่บ้านแห่งนั้นอย่างขยันขันแข็ง จนสุดท้ายเขาก็มีฐานะร่ำรวยและสร้างครอบครัวที่แสนสุขได้

บทสรุปของผู้แต่ง
คนทุกคนเมื่อมีชีวิตแล้วก็ย่อมต้องมีปัญหาในชีวิตเกิดขึ้นมาคู่กัน เพื่อเป็นบททดสอบคุณภาพชีวิตของคนๆ นั้น จงอย่ายอมแพ้กับปัญหาที่อย่างไรเธอก็ต้องเจอ แต่จงสู้และแก้ไขมันให้ได้

การแก้ปัญหานั้นขอให้ทำด้วยสติของตนเอง นึกให้ดี วิเคราะห์ให้ได้ ว่าควรแก้ปัญหาเหล่านั้นเช่นไร ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะมองหาความช่วยเหลือจากผู้ใดก็ตาม จงแก้ไขมันด้วยตัวของเราเองให้ดีที่สุดเสียก่อน หากยิ่งแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือผ่านอุปสรรคที่ขวางกั้นนั้นไม่ได้ จงถามตัวเองว่า “ฉันได้พยายามจนถึงที่สุดแล้วจริงๆ หรือ” พระเจ้าทรงมีพระเมตตา แต่พระองค์ก็ทรงเลือกผู้ที่สมควรแก่ความช่วยเหลือของพระองค์ด้วยเช่นกัน

http://www.jaowka.com/นิทานสอนใจ/การเดินทางของชายสามคน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.365 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 12 เมษายน 2567 14:06:04