[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
06 ธันวาคม 2567 04:34:06 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "ฟรีเมสัน" องค์กรลับของมนุษย์ต่างดาว(ฝ่ายชั่ว)  (อ่าน 4823 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553 20:29:31 »

"ฟรีเมสัน"
องค์กรลับของมนุษย์ต่างดาว(ฝ่ายชั่ว)



มนุษย์ต่างดาวฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว ได้เคยมาเยือนโลกมนุษย์เราเมื่อหลายพันปีมาแล้ว และได้ทิ้งมรดกตกทอดเอาไว้มาจนถึงมนุษย์ในยุคปัจจุบันของเรานี้ โดยมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี ได้มาเป็นต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์และอิสลามในปัจจุบันนี้(ทั้งคริสต์และอิสลามต่างก็นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน)

ส่วนมนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่ว ก็ได้ทิ้งมรดกเป็นองค์กรร้ายที่ครองงำประเทศต่างๆ อยู่ในปัจจุบันนี้ นั่นก็คือองค์กรลับฟรีเมสัน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายที่จะทำลายล้างทุกศาสนาในโลกนี้ให้หมดไป และตั้งตัวเองขึ้นเป็นจักรวรรดิปกครองโลกนี้แต่เพียงผู้เดียว (เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมคนเดียว ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ-เกษม-)

ฟรีเมสัน ในอเมริกา

เหล่าผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้ก่อตั้งอเมริกา บนไพลเมาท์ร๊อก พวกเขาไม่ได้นำไปแค่เพียงคนที่ถูกเนรเทศ แต่ยังนำองค์ประกอบของฟรีเมสันแห่งยุโรปไปด้่วย ความอยุติธรรมถูกกลุ่มผู้ก่อตั้งอเมริกานำไปจากยุโรป ซึ่งจะพบได้ในรูปแบบการกดขี่ของกองทหารอังกฤษ ในความพยายามที่จะบงการอย่างเบ็ดเสร็จบนรัฐแห่งใหม่นี้ ฟรีเมสันได้ใช้วิธีการเดียวกับที่เคยสำเร็จมาแล้วในฝรั่งเศส แม้ว่ากษัตริย์อังกฤษจะถูกผลักดันโดยเมสัน

สงครามประกาศอิสระภาพของอเมริกาถือเป็นการตอบโต้อันมีนัยสำคัญ ผู้ที่เข้าร่วมสงครามต่างมีข้อแลกเปลี่ยนกับเมสันเพื่อเติมเต็มความไฝ่ฝัน ของพวกเขา ความรู้สึกของผู้คนถูกผนึกรวมกันเป็นความโกรธแค้น แฉกเช่นที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ความโกรธแค้นนำไปสู่สงคราม ในครั้งนี้เมสันมีบทเรียนจาก นโปเลียนกับกองกำลังของเขาในยุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อต้านเช่นที่เกิดมาแล้วนั้น คือต้องมั่นใจว่าหัวหน้าก่อการต้องเป็นคนของเมสันเอง และหัวหน้าที่ถูกเลือกมาทำสงครามต่อต้านอังกฤษเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก จอร์จ วอชิงตัน

วันที่ 4 เดือนกรกฎาคม 1776 คำประกาศอิสระภาพถูกร่างขึ้น และวันที่17 ตุลาคม1781 อังกฤษก็พ่ายแพ้สงครามและยอมมอบอาณานิคมต่อชาวอเมริกา อันนำไปสู่รัฐบาลแห่งแรกของฟรีเมสันบนโลกใบนี้ ประเทศนี้นำเสนอเมซันรี่ในทุกวิถีทาง สัญลักษณ์ ของเมโซนิก ถูกพบเห็นได้ในธนบัตรดอลลาร์ ซึ่งมีรูปของจอร์จวอชิงตัน ประธานของฟรีเมสันคนแรก พร้อมกับรูปสัญลักษณ์ของเมโซนิก ที่เรียกว่า all seeing one eye




ในประวัติศาสตร์การควบคุมผนวกรวมแนวคิดทางการเมืองถูกฟรีเมสันใช้เป็นอาวุธ เืพื่อให้ได้มาซึ่งการควบคุมประเทศและรัฐบาล พวกเขาเคยควบคุมผู้ปกครองและนักการเมืองเพื่อออกกฏหมาย และวางโครงสร้างทางการเมือง ให้เป็นไปตามระเบียบวาระ ทว่าการบังคับทางกายยังไม่หยั่งลึกเช่นการบังคับทางใจ เพื่อขจัดปัญหานี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ เมสันได้วางแผนการอันชาญฉลาด จนสามารถควบคุมบงการมนุษย์ในทุกๆด้าน

อาวุธที่พวกเขาใช้ต่อวิถีชีวิตของคุณ คือความบันเทิงภายในบ้านหลากหลายชนิด มันใช้การได้กับทุกคนในครอบครัวโดยที่ไม่มีใครทันรู้สึกตัว ในสังคมทุกวันนี้ ผู้คนเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์กับสื่อยุคใหม่ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เกมคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต นวนิยายขายดี และดนตรียอดนิยม ทุกสิ่งล้วนเข้ามาอยู่ในวิถีชิวิตของเราๆท่านๆ ข้อมูลมากมายที่ถูกสื่อออกมาจะเข้ามาบงการจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกในจิตใจของ ท่าน ข้อมูลเรื่องระดับชั้นในสังคมในอุดมคติ เรื่องทางศีลธรรม เศรษฐกิจ ล้วนเป็นโครงสร้างที่กำเนิดขึ้นในวิถีชีวิตโดยไม่รู้ตัว



อาวุธร้ายของฟรีเมสัน

สื่อบันเทิงต่างๆถูกนำมาควบคุมบงการวิธีการคิดของทุกคน พวกเขาใช้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เพื่อปรับวิธีการคิดของประชาชนทั้งโดยเปิดเผย และวิธีการที่เรียกว่า สับลิมินอล เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวคือการกำหนดให้เชื่อ ในวิถีทางและอุดมคติของพวกเขา ทำให้คุณคิดในรูปแบบเดียวกับพวกเขาด้วยตัวของคุณเอง ตัวอย่างหนึ่งที่เด่นชัดคือ การประพันธ์ดนตรี ของวูลฟ์กัง อาดีอุส โมซาร์ด เขาได้ประพันธ์ ซิมโฟนี่ ซึ่งเป็นการนำเสนอฟรีเมสันอย่างเปิดเผย ซิมโฟนี มีประวัติมาจากตำนานของอียิปต์โบราณ อไวซัส และไซรัส ตำนานของชนเผ่าอียิปต์จากกาบาลา ซึ่งเป็นแง่มุมพื้นฐานของฟรีเมซันรี่ เช่นเดียวกันกับสัญลักษณ์ที่สืบทอดมาจากอียิปต์นั่นคือ one eye stems

อีกหลักฐานหนึ่งของการนำเสนอฟรีเมสัน สามารถพบได้จากดนตรีป๊อปของ ไมเคิล แจ๊กสัน ซึ่งถือเป็นราชาเพลงป๊อป ในอัลบัมหนึ่งของเขาบนหน้าปกอัลบัมที่ชื่อ dangerous มีสิ่งที่หน้าสนใจคือสัญลักษณ์ตาดวงเดียว และรูปภาพของทะเลสาบที่กำลังลุกเป็นไฟ ทำให้ทุกคนรู้สึกไปด้วยว่าการบันเิทิงอยู่บนน้ำนั้นก็เหมือนกับการบันเทิง อยู่บนเปลวไฟ

ผลงานของฟรีเมสันซึ่งได้เข้าไปควบคุมอุตสาหกรรมดนตรี โดยผ่านสับลิมินอลของซาตานิกแมสเสจ พวกเขาใช้วิธีการอัดเสียงย้อนกลับด้าน(back tracking) ซึ่งหากเปิดไปตามปกติก็จะไม่รู้สึกตัว ทว่าขีดความสามารถในการรับสารของมนุษย์นั้นซับซ้อนพวกเขาเข้าใจขีดความ สามารถนี้ดี แมสเสจนี้จะถูกส่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกโดยตรง ในขณะที่จิตสำนึกระดับปกติยังไม่รู้สึกตัว ตัวอย่างแรกของการ แบคแทรกกิ้ง คือเพลงของนักร้องสาว มาดอนน่า จากเพลง "like a prayer" หากได้รับฟังก็จะเข้าใจว่าไม่ได้สวดต่อพระเจ้า แต่กล่าวตรงถึงการสวดต่อซาตาน หากเล่นย้อนกลับก็จะได้ิยินคำว่า "oh hear us satan" อย่างชัดเจน ในมิวสิควีดีโอหนึ่ง มีภาพดวงตาเดียวปรากฏขึ้นในชั่วเสี้ยววินาทีและอีกมิวสิควีดีโอหนึ่ง เธอยืนอยู่บนลายเขียนหนึ่งซึ่งเมื่อตรวจสอบดูแล้วก็พบว่านั่นคือ ลายเขียนภาษาอาหรับในกุรอาน

อีกตัวอย่างหนึ่งของการ แบ๊กแทรก ยกมาจากกลุ่มศิลปิน "the eagles" ในเพลง "hotel california" จะมีคำหนึ่งที่ดังขึ้นเมื่องเล่นกลับด้านว่า "yeah satan" แคลิฟอร์เนียในเพลงมิใช่โรงแรมแต่เป็นถนนเส้นหนึ่งในอเมริกาที่ชื่อแคลิ ฟอร์เนีย เป็นถนนที่มีโบสถ์หลังใหญ่ตั้งอยู่ แต่เราน่าจะเรียกมันว่า โบสถ์ของซาตานมากกว่า ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย แอนโทนี่ ซาน เดลิวี่ ผู้ประพันธ์ ซาตานิกไบเบิล คำสอนของโบสถ์แห่งนี้ถูกนำไปนำเสนอในอุตสาหกรรมดนตรีร๊อก ศิลปินบางคนในกลุ่มนี้กล้่านำเสนอให้ผู้คนศรัทธาต่อคำสอนของโบสถ์แห่งนี้ สมาชิกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง ในวงโรลลิ่ง สโตน ไมค์แจกเกอร์ ผู้แต่งเพลง "sympathy for the devil" ซึ่งผสมผสานระหว่างแนวคิดของคริสเตรียนเข้ากับลัทธิบูชาซาตาน

อีกหลักฐานจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากฮอลลีวูด แมท โกรวนิ่ง ผู้สร้างการ์ตูนซีรี่ย์ทางทีวี "the simpsons" เขาเป็นพวกอนาธิปไตยที่พร้อมเสนอแนวคิดของตัวเองเข้าไปในการ์ตูนอย่างเปิด เผย การตูนซิมสันสอนเราและลูกหลานของเราอย่างไร พวกเขาสอนให้ฝ่าฝืนในทุกสิ่งแม้แต่คำสอนของบุพการี การแสดงอย่างอย่างหยาบคาย ทำให้การฝ่าฝืนกฏระเบียบคือสิ่งที่ผู้คนชื่นชม การสื่อทางโทรทัศน์ทำให้ผู้คนรับสารได้มากกว่าในโรงภาพยนตร์ และสิ่งที่ได้นำเสนอผ่านสื่อนี้อยู่ตลอดเวลาคือ แนวคิดเรื่องของผู้นำโลกทั้งหมดมีเพียงหนึ่งเดียว

ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งนำเสนอแนวคิด ผู้นำโลก และรัฐบาลโลก ที่พวกเขาจัดเตรียมไว้คือเมื่อปี 1996 ภาพยนตร์เรื่อง "independence day" ติดอันดับสถิติบอกซ์ออฟฟิส เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยม อันดับ7ตลอดกาล ได้นำผู้ชมทั้งโลกเข้าสู่นวนิยายมนุษย์ต่างดาวบุกโลก ลึกๆแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แทรก สับลิมินอลแมสเสจเอาไว้ เกี่ยวกับฐานทัพลับที่ชื่อ "area51" เป็นฐานที่ตั้งของอาวุธต่อสู้ซึ่งมนุษย์ทั้งโลกได้ฝากฝังอนาคตเอาไว้ ทางเข้าสู่ตัวฐานทัพนี้เป็นรูปทรงปิรามิดซึ่งติดตั้งสัญลักษณ์ดวงตาเดียว

ภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกามีอำนาจจูโจมเหนือทุกประชาชาติ และถูกสั่งการจากบุรุษเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นหัวหน้าของผู้นำทั้งหลาย หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้พวกเขาก็โหมกระแส เรื่องมนุษย์ต่างดาว ยูเอฟโอ และอำนาจอันน่าสะพรึงเหนือมนุษย์ทั้งหลาย ไปสู่ซีรี่ย์ต่างๆในโทรทัศน์ พวกเขาสร้างความหวั่นกลัวให้ซึมเข้าสู่หัวใจของมนุษย์ทั้งหลาย ทำให้พวกเขาต้องการผู้ปกป้อง นั่นคือต้องการความปลอดภัยของตัวเอง เป็นแนวคิดใ้ห้มนุษย์ทั้งโลกสลายความรู้สึกแตกต่างกันเมื่อต้องเผชิญกับการ คุกคามของเอเลี่ยนจากภายนอก




ต่อมาในปี 1999 ภาพยนตร์เรื่อง "the matrix" เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วย subliminal massage เช่นรหัสตัวเลขทางไสยศาสตร์ที่ซ่อนไว้ในรหัสตัวอักษรสีเขียวที่เคลื่อนลง พร้อมกันบนพื้นสีดำ มีการใช้สัญญาณมือในพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เพื่อสื่อสารกับชัยตอน คอมโพสิชั่นองค์ประกอบของภาพเป็นรูปสามเหลี่ยมของปิรามิด แม้กระทั่งองค์ประกอบเล็กๆน้อยบนภาพ ทุกฉากทุกตอนเต็มไปด้วยการแสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ในพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของ ลัทธิเมโซนิก(บูชาซาตาน)ทั้งสิ้น

แม้กระทั่งเนื้อหาที่นำเสนอซึ่งเป็นรูปแบบของการอุปมาอุปไมยตัวละครเข้ากับ ประวัติศาสตร์ ความเชื่อทางศาสนา จึงไม่แปลกเลยที่ผู้ชมจึงหลงไหลในเสน์หของตัวละคร ที่แสดงบทบาทเป็น เดอะวัน โดยไม่รู้ตัว การนำเสนอความจริงซึ่งซ้อนทับกันอยู่หลายขั้นหลายตอนเพื่อให้มนุษย์กล้า ปฏิเสธ กฏเกณฑ์ต่างๆที่ถูกกำหนดขึ้นเหนือเขา การนำเสนอความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า สถานิกแห่งสากลจักรวาลยังมีข้อจำกัดทางตรรกในการสร้างสรรค์

เทพยากรณ์ผู้ศรัทธาในตัวบุคคลและธรรมชาติซึ่งกำหนดสภาวะการณ์ของสิ่งต่างๆ และเดอะวันที่ตาบอดสนิทแล้วแต่ยังมองเห็นความจริงของทุกสิ่ง ทั้งหมดนั้นเพื่อชี้นำให้ผู้ชมคล้อยตามและไม่อาจบรรลุถึงคุณลักษณะที่แท้ จริงของพระเจ้าได้ ในการ์ตูนภาพยนตร์แทบทุกเรื่องล้วนแทรก สับลิมินอลแมสเสจเหล่านี้เข้าไปทั้งสิ้น นับเป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชนที่รับชมซึ่งจะถูกปรับวิูธีคิดวิธีการมองโลก ให้คล้อยตามไปโดยไม่รู้สึกตัว


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.398 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 19 พฤศจิกายน 2567 22:17:08