[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
06 ธันวาคม 2567 04:47:08 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พลังจิต กับ การพบมนุษย์ต่างดาว  (อ่าน 3628 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553 20:41:11 »





พลังจิตกับการพบมนุษย์ต่างดาว

เรื่องปรากฏการณ์ทางจิตนี้ถูกเกี่ยวโยงไปกับเรื่องค้นคว้าเพื่อติดต่อการมนุษย์ต่างดาว เมื่อประมาณปลายปี 2540 ถ้าหากจำกันได้มีชายคนหนึ่งอ้างว่านั่งทางสั่งมนุษย์ต่างดาวนั่งยานอวกาศมาพบได้ และจะมาพบโดยวิธีกันที่สิงห์บุรี เป็นที่สนุกสนานครื้นเครง วันที่ไอทีวีเอาเทปมาฉายให้ดูผมนั่งลุ้นอยู่ว่ามันจะบ้ากันใหญ่แล้ว ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ปากฎว่าพอถึงเวลามีวัตถุลึกลับบินออกมาจริงทางฝากฟ้าตะวันออกไปตะวันตก คนฮือฮากันใหญ่ วัตถุที่เห็นนั้นอยู่ไกลมากจึงมองไม่ชัดว่าเป็นอะไร แต่กล้องทีวีจับภาพได้และซูมภาพเข้ามาใกล้ ปรากฏว่าหน้าตาคือไอ้นกเหล็กเราดี ๆ นี่แหละ มีปีกหน้าปีกหลัง คนเรานี่ชั่งงมงายกันจริง และอีกอันหนึ่ง อันนี้ถึงขนาดแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งทำการเชิญมนุษย์ต่างดาวมาบินผาดโผนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผมไม่บังอาจกล่าวว่าเชื่อถือได้หรือไม่ แต่มีหลายอย่างที่ขอตั้งข้อสังเกต คือ

1. ภาพที่ปรากฏบนฟ้า เป็นภาพแสงวงกลม เดี๋ยวก็เล็กเดี๋ยวก็ใหญ่และเคลื่อนไหวเหมือนลำแสงมากกว่าที่จะเคลื่อนไหวเหมือนวัตถุ วิวัฒนาการสมัยนี้มีแล้ว และหาซื้อไม่ยาก จะใช้กล้องขนาดใหญ่เหมือนไฟฉายที่ส่องลำแสงมีความเข้มสูงให้ปรากฏเป็นจุดเดียวบนท้องฟ้าได้ แม้ว่าระยะความสูงหลายกิโลเมตร

2. ถ้าหากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจานบินมนุษย์ต่างดาว นั่นแปลว่าเขาบินมาให้เราเห็นเขาต้องบินตะแคง เพราะจานบินบนท้องฟ้าเวลาบินมาจากสุดขอบฟ้า ในมุมมองของคนในพื้นโลกต้องเห็นเป็นเส้นตรงเส้นเดียวหรือมีส่วนโค้งเล็กน้อย เพราะจะเห็นที่ขอบและส่วนยอดของจานบินเท่านั้น ไม่ใช่เห็นจานบินเป็นรูปวงกลมเคลื่อนตัวเข้าหาเรา แล้วมนุษย์ต่างดาวคนไหนจะอุตริบินตะแคงอย่างนี้

3. ถ้อยคำมนุษย์ต่างดาวที่นายแพทย์ท่านนั้น เปิดเทปให้ฟังในรายการฟังดูน่าสงสัยมาก เช่นมนุษย์ต่างดาวใช้คำว่า?แป๊ปนึง? หรืออะไรทำนองนี้ ผมไม่แน่ใจ นั่นแปลว่ามนุษย์ต่างดาวพวกนี้เก่งเกินเหตุ รู้ถึงขนาดศัพท์แสงที่ไม่ปรากกอย่างเป็นทางการในพจนานุกรม ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ เราคงไม่เชื่อถ้ามีคนหน้าตาฝรั่งมาบอกเราว่า เขาอยู่เมืองไทยมานับสิบปีแต่เขาเกิดเมืองฝรั่ง แล้วรู้จักความหมายและใช้คำพูดเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เช่น เส็งเคร็ง ฉลุย ซกมก งี่เง่า แรดตามซอย ชะเลีย ลามกจกเปรต ไอ้เบื๊อก แห้ว และแป๊ปนึง เพราะคำพูดเหล่านี้จะรู้จักความหมายที่ใช้ได้ถูกกาละเทศะจะต้องมีการสั่งสมประสบการณ์ ต้องเป็นคนที่นี่เกิดที่นี่ถึงจะพูดเป็นและเข้าใจความหมาย ฉะนั้นมนุษย์ต่างดาวของท่านเก่งเกินเหตุ เพราะถ้าเขาเก่งกว่ามนุษย์และมีอารยธรรมจริง เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเขาพูดอยู่แบบหนึ่ง เราควรรู้ว่าเขาควรใช้คำพูดลักษณะไหน ไม่ใช่เลือกคำที่ลืมตัวแบบกันเองว่า?แป๊บนึง? อย่างนี้

4. ทำไมเขาต้องมาพบคนไทย ถ้าเขาฉลาดจริงเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าประเทศเราไม่มีความสามารถอะไรเลยที่จะไปกำหนดความเป็นไปของประชาคมโลก นิวเคลียร์เราก็ไม่มี ประชากรน้อย อาวุธเคมีก็ไม่มี ทหารก็มีน้อย อาวุธก็ไม่ก้าวหน้า คนฉลาดและเก่ง ๆ ก็น้อย เศรษฐกิจสังคมก็ไม่ก้าวหน้า และไม่มีอะไรเลยที่คิดเองสร้างสรรค์เอง ซื้อเข้ามาทั้งนั้น เราบริโภคเป็นอย่างเดียว ฉะนั้นประเทศไทยจะเป็นประเทศส่วนปลายของความเปลี่ยนแปลง เขาจะเสียเวลามาหาเราทำไม

5. นายแพทย์ท่านนั้นกล่าวทางทีวีว่า มนุษย์ต่างดาวขอให้ท่านทานเจนุ่งขาวห่มขาว ผมยิ่งสงสัยใหญ่ ถ้าคิดในแง่ว่าเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาดมากจะไม่พูดอะไรสุ่มสี่ห้า ฉะนั้นเขาก็ต้องรู้ว่ากินเจนั้นต่างจากกินมังสวิรัติ เจของมนุษย์ต่างดาวกินไข่ได้หรือเปล่า และกินหอยนางลมได้ไหม แสดงว่าการกินเจนั้นเป็นยูนิเวอร์ซอล คือเป็นสากล ไม่ใช่เป็นที่ยอมรับกันเฉพาะบนโลกนี้ เป็นที่ยอมรับกันระหว่างดวงดาวเลยทีเดียว แปลว่าเขาก็มีคติความเชื่อแบบเดียวกับเรา เปิดร้านค้าติดธงเหลือง และมีเทศกาลกินเจเหมือนกัน และบนดาวของเขาต้องมีผักต้องห้ามห้าชนิดด้วย และก็ต้องมีหอยนางรมเช่นกัน แล้วคนที่เลือกกินมังสวิรัติล่ะ แปลว่าไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับคนต่างดาวใช่ไหม เพราะไม่ได้กินเจอย่างนี้พระพุทธเจ้าก็จะไม่ทรงมีโอกาสติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเพราะไม่ได้เสวยเจ แล้วพวกฝรั่งที่เห็นมนุษย์ต่างดาวกันโครม ๆ ก็แปลว่าเขาโกหกนะซี เพราะจะมีฝรั่งกี่คนที่กินเจ

ถ้าถามว่าเป็นไปได้ไหมที่มนุษย์ต่างดาวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ตอบว่าเป็นไปได้ เพราะใหญ่กว่าโลกมีจักรวาล ใหญ่กว่านี้มีกาแลกซี่ และใหญ่กว่ากาแลกซียังมีอีก แปลว่ายังมีดาวอยู่เป็นล้านล้านล้านดวง เรายังอยู่ที่นี่ได้เลย เขาก็อาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสพบกัน และถ้าหากเขามาพบเราได้จริง ทำไมไม่มาให้เห็นกันจะจะไปเลย จะต้องทำมาเป็นเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากทำไม หรือมนุษย์ต่างดาวมีนิสัยเหมือนนักการเมืองบางคน

ปาฏิหาริย์เหนือเหตุผล
ความเลื่อมใสศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง เพียงแต่เราใช้สิ่งนั้นเป็นสื่อ เป็นเครื่องล่อที่จะทำให้จิตใจจดจ่อและเกิดความสงบนิ่งตามมา และสามารถส่งหรือรับข้อมูลบางอย่างได้ เรายอมรับอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่าพลังจิตมีจริง อย่างน้อยก็เป็นพลังจิตที่ช่วยตัวเองในการต้านโรคภัยไข้เจ็บ ต่อสู้อุปสรรคชีวิตหรือความตาย หรือในทางการสะกดจิตวิทยา มีการทดลองยกคนด้วยนิ้ว หรือการสะกดคนให้แข็งให้ชา สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของจิตล้วน ๆ จิตที่สงบนิ่งจะควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ทั้งอย่างต่อเนื่องหรือแบบทันทีทันใด ทำให้ยกของหนักซึ่งในภาวะปกติจะทำไม่ได้ หรือทำให้รู้สึกชาในอวัยวะบางส่วนแล้วเอาเหล็กแทงโดยไม่เจ็บปวดก็สามารถทำได้ แต่ถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศหรือเสกของออกจากอากาศได้นั้น ในโลกปัจจุบันยังไม่มีใครทำได้

ความเชื่อ ความศรัทธา การอธิษฐานหรือเพ่งจิตกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งของกลุ่มคนจำนวนมาก ๆ ก็น่าจะทำให้เกิดอานุภาพบางอย่าง หรือทำให้สิ่งนั้น ๆ เกิดขึ้นจริง ท่านลองวิเคราะห์แนวคิดต่อไปนี้ นักบุกเบิกอเมริกากลุ่มแรก ๆ เป็นพวกที่มีความแตกแยกทางศาสนา บางกลุ่มจะสอนว่าพวกเขาเป็นผู้นักถือพระเจ้าอย่างบริสุทธิ์ พระองค์จึงเลือกพวกเขาให้มาพบดินแดนซึ่งมีแต่ความมั่งคั่งและได้เป็นชนชาติที่มีอิทธิพลในการกำหนดชะตากรรมของโลก คือสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าโลกทำนองนั้น หรือพวกที่เชื่อในอาณาจักรไรน์ของฮิตเลอร์หรือคูคลักแคลนในอเมริกา ที่มีความเชื่อว่าพระเจ้ากำหนดให้คนขาวเป็นนาย เป็นเผ่าพันธุ์ที่บริสุทธิ์ เผ่าพันธุ์อื่น ๆ เป็นทาส หรือควรจะทำลายล้างให้หมดไป คิดเล่น ๆ ดูเผิน ๆ ทุกวันนี้ความเป็นตะวันตกหรือพูดเฉพาะเจาะจงว่าความเป็นคอเคซอยซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์นั้นครอบงำทุกสิ่งทุกอย่างในโลก คนเชื้อชาติและศาสนาอื่น ๆ เป็นผู้ตามโดยตลอด อย่างดีก็เป็นลูกมือ ทำไมจึงมีความเชื่อว่าชาวเยอรมันดูจะฉลาดกว่าชนชาติผิวขาวอื่น ๆ หรือทำไมชาวยิวจึงเอาชนะภัยคุกคามและอยู่รอดฟันฝ่าวิกฤตมาได้อย่างเหลือเชื่อทุกครั้ง เหล่านี้มีคนพยายามนำความเชื่อและเรื่องราวทางศาสนามาเกี่ยวโยง และปัจจัยที่พูดถึงเสมอคือ ความเชื่อความศรัทธาในศาสนาเขา

ในสมัยพุทธกาล การชุมนุมพร้อมกันของพระสงฆ์จำนวนมากมีบันทึกไว้ แต่เพื่อร่วมกันฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จะมีการร่วมอ้อนวอนอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ผมคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะขัดกับคติของพุทธศาสนา แต่ในยุคปัจจุบัน การร่วมกันสวดเพื่อให้โชคดีหรือปัดเป่าโชคร้ายเราก็ทำกันอยู่เนือง ๆ เช่นการร่วมกันสวดปัดเป่าโชคร้านในยุควิกฤตของชาติไทย ที่ทำกันเป็นระดับชาติ โดยเอาเกจิอาจารย์ทั่วประเทศมาสวดและนัดเวลาให้ประชาชนมาร่วมพิธีสวดพร้อมกันทั่วประเทศ อย่างนี้ดูเผิน ๆ เหมือนเลียนแบบศาสนาอิสลามทีเดียว เพียงแต่ยังไม่ได้กำหนดให้คนไทยหันหน้าไปทางทิศใดทิศหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การสวดอ้อนวอนหรืออธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลโชคดีให้นั้น ศาสนาสำคัญทุกศาสนามีการกระทำกันมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทาย ส่วนใครจะโชคดีโชคร้ายอย่างไรขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคน ศาสนาคริสต์และฮินดูเป็นศาสนาของอภินิหาร อาจจะต่างกันที่เลื่อมใสศรัทธาและการขอจะก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น อาจมองว่าอินเดียนั้นมีคนจนมากและดูสับสนวุ่นวาย ที่เป็นอย่างนั้นก็มีเหตุผลมาจากศาสนา เพราะความสมบูรณ์ทางาชนชั้นจะต้องมีวรรณะที่ต่ำต้อย มีความซับซ้อนอย่างมากในลักษณะสังคม อาจจะบอกว่าเป็นความตั้งใจของคนอินเดียก็ได้ เพราะศาสนาของเขากำหนดความซับซ้อนไว้อย่างนั้น แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในความสับสนวุ่นวาย อินเดียก็ยังเป็นประเทศที่มหัศจรรย์และแปลกประหลาดอย่างยากที่จะเอาความมีเหตุมีผลมาบรรยาย มีเทคโนโลยีที่สูงส่ง ในขณะที่คนบางกลุ่มยังทำอะไรที่เคยทำมาเมื่อหลายพันปีที่แล้ว มีคนจนมากก็มีคนรวยมาก ฯลฯ

มีคนคิดเล่น ๆว่า นักขอตัวยงคือชาวคริสต์ และพระเจ้าก็บันดาลให้เขาค้นพบความเจริญทางวัตถุมากมายนับตั้งแต่การสร้างเรือหนีน้ำท่วมโลก ไปจนถึงนานสำรวจจักรวาล ในประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์มีเรื่องราวของการเดินทางหาที่อยู่ใหม่ การต่อสู้แย่งชิง และปาฏิหาริย์ตามคำอ้อนวอนของสาวกพระเป็นเจ้าเกิดขึ้นมาแต่ต้น และดำเนินมาในลักษณะเดียวกันอย่างช้านาน และคงจะดำเนินต่อไปในอนาคต

คติทางพุทธศาสนาบอกว่า ?สรรพสัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม ทำอย่างใดก็ได้อย่างนั้น? จะมีคำพูดหรือมีการตีความต่อจากคำพูดนี้หรือไม่ผมไม่แน่ใจ แต่มีคนพยายามที่จะบอกว่า ฉะนั้นการขอการอ้อนวอนก็ไม่สำเร็จผล เพราะเราต้องทำของเราเอง ผมกลับมาคิดใหม่อย่างง่าย ๆ ในเมื่อทำอย่างใดก็ได้อย่างนั้นแล้ว ก็ถ้าเราขอ เราขออะไรเราก็ต้องได้อย่างนั้นด้วยเช่นกัน เมื่อทุกคนที่เลื่อมใสที่ศรัทธาและมีพลังจิตแรงกล้าร่วมกันขอ ก็ต้องได้อย่างนั้น ศาสนาที่มีหลักการอยู่กับการขอเป็นหลักผู้คนเขาเคยชินกับการขอ ฉะนั้นเมื่อใดที่เขาขอเขาจะมีแต่ความเชื่อความศรัทธา ไม่มีความระแวงสงสัย และตัดเอาความมีเหตุมีผลออกไป พระเจ้าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเขาไม่เคยเห็น แต่ในเมื่อเขาเชื่อว่ามีและชื่อในอานุภาพของพระเจ้า คนหลายพันล้านคนในโลกที่เชื่อในพระเจ้าต่างก็ขอและส่งพลังจิตมาไว้ด้วยกันก็น่าจะเกิดอานุภาพอันยิ่งใหญ่ได้ ฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างมากที่เขาจะต้องเผยแพร่ศาสนาออกไปให้มาก เพื่อเพิ่มพลเมืองในการอธิษฐานและส่งพลังจิตมาไว้ยังสิ่งที่สมมุติอันหนึ่งของทุก ๆคนที่เชื่อถือในสิ่งเดียวกัน คือพระเจ้านั่นเอง พระเจ้าจึงเกิดพลังและสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้จริง ๆ

ในทางกลับกัน ชาวพุทธนั้นไม่ชินกับการขอ และการขอก็ไม่ใช่หลักการในศาสนา เพราะถ้าขอเราก็จะสงสัยว่าจะได้เร้อ ใครกันจะมาให้ก็ในเมื่อเราทำบุญเท่านี้ๆ ทำกรรมเท่านี้ ๆ การขอของชาวพุทธจึงไม่ค่อยสัมฤทธิผล อานุภาพและปาฏิหาริย์จึงมักเป็นปาฏิหาริย์ส่วนตัว เพราะเราเชื่อในบุญกรรมอย่างเป็นปัจเจก มีเกจิอาจารย์มากมาย ปาฏิหาริย์จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับอำนาจจิตของตนเองกับกำลังความศรัทธาของสาวกลูกศิษย์ลูกหา ความเคารพและเลื่อมใสอันแรงกล้าของคนจำนวน

มาก ๆ ต่อพระรูปใดรูปหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ย่อมก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาไปที่ใคร คนนั้นก็เกิดอำนาจบารมีขึ้นมาได้ คนสองสามพันล้านคนที่พุ่งกระแสจิตไปสู่สิ่งสมมุติที่เขากำหนดขึ้นมาร่วมกัน ก็ย่อมสร้างปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน ตามทฤษฏีสะกดจิตเรียกสิ่งนี้ว่า การสร้างเจตคติทางบวกไงละครับ


(ชมรมนักสะกดจิตแห่งประเทศไทย สะกดจิต สะกดจิตบำบัด พลังจิต พลังจิตบำบัด จิตสำนึก จิตใต้สำนึก พลังจิตใต้สำนึก สั่งจิต สั่งจิตใต้สำนึก แพทย์ทางเลือก จิตเหนือสำนึก จิตไร้สำนึก จิต เทคนิคจิตใต้สำนึก จิตวิทยา สุขภาพจิต จินตนาการ จินตภาพบำบัด จิตเป็นายกายเป็นบ่าว กล่อมเกลาจิตใต้สำนึก คลื่นสมอง ดนตรีบำบัด หลับยาก เครียดง่าย โมโหร้าย ใจร้อน กดดันตัวเอง คาดหวัง ตื่นเต้น วิตก ท้อแท้ หดหู่ มะเร็ง ภูมิแพ้ สะเก็ดเงิน พาร์กินสัน หวาดกลัว พฤติกรรม นิสัย ทัศนคติ ความเชื่อ พีระมิด เพนดูลั่ม หินบำบัด รักษา the society of thai hypnotists www.thaihypno.com hypnotism hypnosis hypnotizing hypnotize hypnotherapy imagination alternative medicine mind over matter Holistic healing intregeted curation brain wave music therapy science of vibration crystal bowl )


http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=391222&chapter=37

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.391 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 10 ตุลาคม 2567 10:41:17