[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 03:24:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เกิดแต่กรรม  (อ่าน 5352 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 25 ธันวาคม 2552 12:07:04 »


ไปเยี่ยมเยียน หมอน้องชายเล่าเรื่องแปลกของคนไข้รายหนึ่งให้ฟัง   

ซึ่งน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนละบาปได้ดีจึงขอเล่าสู่กันฟังต่อ  ……. 

การสนทนาตอนหนึ่งหมอน้องชายเล่าให้ฟังว่า   

ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยเห็นผู้ป่วยรายใดต้องผ่าตัดทุลักทุเลซ้ำซากอย่างนี้เลย   

สามปีต้องผ่าตัดห้าครั้งและหนักหนายิ่งขึ้นทุกครั้ง   

ผู้ป่วยรายนี้ชื่อบุญมาครั้งแรกที่เข้าโรงพยาบาลก็เพื่อมาทำแผลที่นิ้วก้อยที่ถูกตะพาบน้ำกัด   

หมอให้ทายากินยาแก้ปวดแก้อักเสบแล้วกลับบ้านดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอีก   

ครึ่งเดือนต่อมาบุญมากลับมาใหม่แผลเก่าอักเสบรุนแรงบวมใหญ่   

หมอตรวจพบว่าเชื้อโรคกินเข้ากระดูก จะต้องตัดนิ้วเพื่อไม่ให้เน่าลุกลาม   

ซึ่งนิ้วเท้านั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้   

หลังจากนั้นครึ่งปีบุญมาไปเที่ยวชายทะเลเขาถูกตะพาบน้ำกัดที่นิ้วเท้าอีก   

อะไรจะเจาะจงได้ถึงอย่างนั้นนิ้วเท้าของบุญมาที่ถูกตะพาบน้ำกัดครั้งที่สองอักเสบบวมใหญ่   

ภายในเวลาสองวัน เมื่อมาฉายเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลก็ได้พบอีกว่า   

เชื้อโรคกินเข้าไปถึงกระดูกหมดจึงต้องตัดนิ้วเท้าของเขาไปอีกหนึ่งนิ้ว   

เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปีบุญมากลับมาที่โรงพยาบาลอีก   

ครั้งนี้แผลเก่าทั้งสองแห่งเกิดอักเสบบวมใหญ่ขึ้นพร้อมกัน   

พอเอกซเรย์ก็พบว่าแย่แล้ว  !  เชื้อโรคแพร่เข้าไปกินกระดูกอย่างรุนแรง   

เชื้อโรคนั้นกำลังกลายเป็นมะเร็ง จะต้องผ่าตัดฝ่ามือฝ่าเท้าออกให้หมดก่อนที่จะลุกลามขึ้นไปอีก   

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2552 12:08:40 »


บุญมาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงยี่สิบกว่าวันด้วยสภาพของผู้ป่วยด้วน   

วันหนึ่งลูกชายของญาติอุปสมบทบุญมาไปช่วยงาน คืนนั้นผู้ร่วมงานบวช
นอนค้างที่วัดกันสี่ห้าสิบคน   

เคราะห์หามยามร้ายของบุญมายังไม่จบสิ้นหนูตัวหนึ่งเจาะจงมา กัดตรงขาด้วน
ของบุญมาคนเดียว กัดแล้วก็หนีไป   

บุญมาสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวดคนที่นอนอยู่ด้วยกันตกใจกับเสียงร้องพากันตื่นหมด   

แผลที่หนูกัดไม่กว้างไม่ลึกนักมีเลือดซึมออกมาแต่ทุกคนพากันตกใจที่อยู่ดีๆ   

ทำไมจึงมีหนูมากัดคนนอนหลับเพราะหนูจะกัดกินก็เฉพาะศพเท่านั้น   

ไม่กัดกินคนเป็น ๆ บุญมาขวัญเสียถูกเคราะห์กรรมซ้ำเติมจนคิดว่าตนคงจะต้องตายในไม่ช้า   

มันทารุณจิตใจมากไม่นานต่อมาเกิดอาการเจ็บคันบริเวณแผลเก่าที่มือที่เท้าอีก 

บุญมารีบมาหาหมอที่โรงพยาบาลโดยเร็ว   

ผลการฉายเอกซเรย์ปรากฏว่าเชื้อมะเร็งกินลึกเข้าไปมาก หมอจำเป็นต้องจัดการ
ตัดแขนขาทั้งท่อนของบุญมาทิ้งไป   
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2552 12:12:07 »


หมอน้องชายซึ่งเป็นเจ้าของคนไข้แปลกใจในชะตากรรมของบุญมานัก   

จึงสอบถามประวัติอย่างละเอียดอีกครั้งไว้และได้ความว่า 

บุญมาชายอายุยี่สิบสามปี อาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างก่อสร้าง ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ
ชอบแกล้มเหล้าด้วยปลาน้ำจืด  โดยเฉพาะชอบกินเต่ากินตะพาบ   

บุญมาเคยได้ยินมาว่าใครกินตะพาบน้ำได้สิบถึงยี่สิบตัวแล้ว   

ตลอดชีวิตจะไม่เป็นโรคไขข้ออักเสบอีกทั้งยังช่วยบำรุงไต   

บุญมาจึงเพียรหาตะพาบน้ำมาผัดเผ็ดแกล้มเหล้าขาว บุญมากินตะพาบน้ำ
มาแล้วเกือบยี่สิบปี นับไม่ได้แล้วว่ากินเข้าไปได้กี่ตัว

วันหนึ่งบุญมาซื้อตะพาบน้ำตัวใหญ่จากตลาดมา   ตะพาบน้ำตัวนี้น้ำหนักตั้งสิบกว่ากิโลกรัม
เขาดีใจมาก ตัวใหญ่ขนาดนี้ฆ่ากินทีเดียวไม่หมดจะต้องค่อยๆกิน ที่บ้านไม่มีตู้เย็นให้แช่เก็บได้
จึงต้องกินผ่อนทีละน้อย ตะพาบน้ำเป็นสัตว์อายุยืนอดทนไม่ตายง่ายๆ ไม่ว่าจะถูกกักขัง
อยู่ในสภาพใดก็อดทนมีชีวิตอยู่ได้เป็นปี   

บุญมาเห็นแก่กินไม่นึกถึงว่าตะพาบจะต้องทนทุกข์ทรมานนานเพียงไร
ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสครั้งแล้วครั้งอีก   

เขาตัดเฉือนเนื้อตะพาบส่วนต่างๆ ตามความพอใจมาปรุงอาหารทีละชิ้นๆ
บาดแผลรอบตัวตะพาบเขาทาด้วยปูนแดงที่กินกับหมากเพื่อไม่ให้เนื้อตัวตะพาบเน่า
ตะพาบตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นานกว่าครึ่งเดือน   

จากนั้นบุญมาจึงประหารเอามากินเป็นมื้อสุดท้าย บุญมาพอใจกับวิธีที่จะได้กิน
เนื้อตะพาบสดๆ ทุกวันอย่างนี้เรื่อยมา
 

ผลสรุปประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบันทึกไว้ในตอนท้ายมีอยู่ประโยคหนึ่งว่า  ….. 

เป็นประวัติที่แสดงให้เห็นกรรมตามสนองอย่างไม่น่าเชื่อที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจน
ในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน 

ปล.คุณควรตระหนักถึงการกระทำที่คุณได้ทำอยู่ในทุกวันนี้   

ถึงผลดีและผลร้ายที่คุณได้กระทำลงไป มันจะส่งผลกลับมาหาคุณเอง
ที่เรียกกันว่า  '  กรรมตามสนอง '  นั้นเอง   


ขอขอบคุณหนังสือธรรมะทุกเล่มที่ให้ความรู้แก่ผู้คนทั้งหลายเรื่องดีๆ
บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2552 16:36:54 »

น่ากลัว
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2552 20:21:04 »

"ป้าสุชาดา"

ไฟไหม้.......ไฟไหม้.........!......!...........!เสียงร้องด้วยความตระหนกดัง
ขึ้นในกลางดึกของคืนวันหนึ่ง
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายสับสนของผู้คนในซอยแคบ ๆ
ซึ่งพากันขนสิ่งของหนีไฟอย่างชุลมุน ลูก - เด็ก -
เล็กแดงร้องไห้จ้าด้วยคามตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
บางคนต้องการเพียงชีวิตรอดออกจากกองเพลิงเท่านั้น ไม่สนใจทรัพย์สิน -เงินทอง
แต่บางคนกลับห่วงทรัพย์สินยิ่งกว่าชีวิตตนเองซึ่งกำลังถูกเพลิงเผาผลาญ
บางคนก็ฉวยโอกาสแย่งชิงทรัพย์สินของผู้อื่น
โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผุ้ประสบเคราะห์กรรม

บางพวกพอรู้ข่าวไฟ
ไหม้ก็มายืนมุงดูทำให้การดับเพลิงของพนักงานดับยิ่งไม่สะดวกเข้าไปอีก
เสียงผู้คนตะโกนกันอย่างสับสน ไม่รู้ว่าอะไรเป็น - อะไร
ผู้คนต่างวิ่งหนีไฟท่ามกลางความชุลมุนที่เกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าต่อตา
หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งนอนอยู่ในเรือนไม้ทรงไทยหลังหนึ่งใกล้บ้านต้นเพลิง
ซึ่งเพลิงกำลังลาม - มาถึงบ้านของเธออย่างรวดเร็ว

แต่เธอยังคงนอนอยู่ที่
เดิมโดยไม่ได้ขยับตัวหนีไฟ เสียงตะโกนโหวกเหวก เสียงผู้คนขนสิ่งของ
เสียงของไฟที่ไหม้สิ่งของที่เป็นเชื้อเพลิงหาได้ทำให้ร่างกายของเธอขยับจากที่เดิมไม่...........
มีเพียงแววตาของเธอเท่านั้นที่แสดงอาการตระหนก - หวาดกลัว
ลูก - หลาน สามีเธอไปที่ไหนจึงไม่มีผู้ใดมาช่วย หญิง ผู้นี้
เธอเริ่มนึกถึงผู้คนหลาย ๆ
คนที่เธอรู้จักโดยไม่คำนึงถึงเปลวไฟอันร้อนแรงอีกแล้ว
เหตุการณ์ในอดีตของเธอค่อย ๆ ผ่านเข้ามาทีละฉาก ๆ
จนในที่สุดเธอก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนใด ๆ อีก
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2552 20:23:40 »


ป้า..........สุชาดาเป็นคนใจบุญสุนทรทานมักจะเดินทาง
ไปทำบุญอยู่เสมอ ๆ แกเป็นคนโสดอยู่คนเดียวไม่มีลูก - หลาน - ญาติ -
พี่ - น้อง เงินทองที่เธอเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่สมัยยังสาว ๆ
ซึ่งทำงานรับราชการนั้นก็มีให้จับจ่ายอย่างไม่เดือดร้อน
แกซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ปลุกบ้านไม้ทรงไทยและถือสันโดษอยู่คนเดียวมาตลอด
มีที่ดินสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ แบ่งให้เช่าเพื่อหารายได้มาเป็นการทำบุญ
ชาวบ้านแถบนั้นรู้จัก ป้าสุชาดา เพียงว่าแกเป็นคนใจบุญเท่านั้น
เรื่องราวและครอบครัวชีวิตแต่หนหลังของแกไม่มีใครรู้เรื่องราวอย่างแน่ชัด

ทุกๆ เดือนผู้คนแถวนั้นจะเห็นแกหิ้วกระเป๋าเดินทางและออกจากบ้านไป 2 - 3 วัน
จึงจะเห็นแกกลับมา สอบถามมักได้คำตอบว่าเดินทางไปทอดผ้าป่าตามวัดต่าง ๆ
ยังจังหวัดแถบอิสาน บ้าง ภาคเหนือบ้าง ภาคใต้บ้าง
จนคนแถวนั้นเห็นแกหิ้วกระเป๋าเป็นอันรู้กันว่าไปทำบุญ
ระหว่างที่แกไม่อยู่แกมักจะฝาก"น้าอ้วน"หญิงที่เช่าบ้านแกอยู่
ให้ช่วยดูแลบ้านให้ด้วยบางครั้งก็ชวนน้าอ้วนไปทำบุญด้วยกัน
โดยให้สามีและลูก ๆ ของน้าอ้วนช่วยดูแลบ้านแทน
การดำเนินชีวิตของป้าสุชาดาเป็นเช่นดังกล่าวนี้จาก 1 ปี เป็น 2 ปี เป็น 3 ปี
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2552 20:26:30 »


ความสนิทสนมระหว่างน้าอ้วนและป้าสุชาดาก็มีมากขึ้นเป็นลำดับจนกระทั่ง
ป้าสุชาดา ให้น้าอ้วนอยู่บ้านโดยไม่เสียค่าเช่าบ้านเวลาล่วงเลยมาหลายปี
วันหนึ่งป้าสุชาดารู้สึกมือชา - เท้าชาและเกิดอาการปวดหัวจึงเรียก
น้าอ้วนให้ช่วยพาแกไปหาหมอหมอได้ตรวจอาการของป้าสุชาดา
โดยละเอียดพบว่าเป็นโรคอัมพาตในระยะเริ่มแรกและได้แนะนำ
ให้รีบรักษาโดยต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด น้าอ้วนเป็นคนขันอาสา
ที่จะคอยดูแล ป้าสุชาดาในระยะแรก ๆนั้นป้าสุชาดาพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้

แต่ในระยะต่อมาอาการกลับแย่ลงเนื่องจากหกล้มในห้องน้ำ
ทำให้ร่างกายไม่สามารถเคลื่นไหวได้ อีกทั้งไม่สามารถพูดจาได้
เงินทองก็เริ่มใช้มากขึ้น เพื่อน ๆ ที่ไปทำบุญด้วยกันก็แวะมาช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
เงินทองที่แกเก็บไว้ก็นำมารักษาตัวโดยไม่คำนึงว่าจะเสียมาก - เสียน้อยเท่าใด
ขอเพียงรักษาให้หายเท่านั้น

น้าอ้วน ในตอนแรกก็อดทนพยาบาลป้าสุชาดาอย่างเต็มความสามารถ
แต่ยิ่งนานวันเข้าไม่เห็นว่าจะมีญาติของป้าสุชาดามาใส่ใจต่ออาการป่วยของแก
น้าอ้วนก็เริ่มมีมีใจละโมภอยากจะยึดทรัพย์สมบัติของป้าสุชาดามาเป็นของตน
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2552 20:30:21 »


การดูแลพยาบาลป้าสุชาดาเริ่มมีการต่อรอง อย่างที่ป้าสุชาดาไม่อาจปฏิเสธได้
มีการข่มขู่ว่าจะทิ้งให้ตายโดยไม่เหลียวแล หากไม่ยอมยกบ้านและที่ดินให้
มีการข่มขู่ด่าว่าเสียดสีอยู่ตลอดเวลา หากมีคนมาเยี่ยมก็จะเสแสร้งปรนนิบัติอย่างดี
จนผู้มาเยี่ยมตายใจและเข้าใจว่า น้าอ้วน มีคุณธรรมสูง ยอมดูแลป้าสุชาดา
โดยไม่รังเกียจทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ญาติของตน เงินทองที่ได้รับการช่วยเหลือ
จากเพื่อนของป้าสุชาดาก็ถูกยักย้ายถ่ายเทมาอยู่ที่กระเป๋าของ น้าอ้วน

ในระยะหลัง ๆน้าอ้วนก็จะบอกกล่าวให้ผุ้มาเยี่ยมให้ช่วยออกค่ารักษาพยาบาล
โดยอ้างว่าตนเองได้ออกเงินไปเป็นจำนวนเท่านั้น - เท่านี้
ในขณะที่เงินทองก็ไม่เหลือพอขอให้ช่วยมอบเงินค่ารักษาให้ด้วย
ป้าสุชาดาต้องทนกับทุกข์ทางใจที่เกิดขึ้นกับแกอย่างอึดอัด เนื่องจาก
ไม่สามารถบอกความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ใดได้ ในที่สุดบ้านและที่ดิน
ก็ถูกโอนให้น้าอ้วนโดยภาวะจำยอม

หลังจากนั้นไม่นานนัก ป้าสุชาดาก็ตายจากไปด้วยอาการสงบ
น้าอ้วนจัดงานศพให้แกเสมือนญาติผู้ใหญ่โดยมีเจตนาบางสิ่งแอบแฝงอยู่
และเพื่อไม่ให้เป็นการครหาของผู้คน งานศพของป้าสุช้าดามีคนมามากพอสมควร
แต่ไม่ถึงกับมากนักส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อน ๆ ของแกที่เคยเดินทางไปทำบุญด้วยกัน
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2552 20:33:06 »


โดยทั่วไปมักจะได้ยินว่า ”คนตายขายคนเป็น” ซึ่งหมายความว่าคนเป็นจัดงานศพ
อย่างฟุ่มเฟือยโดยหวังเพียงชื่อเสียง ทำให้คนที่ที่จัดงานศพต้องกู้หนี้ –ยืมสินมาจัดงาน
หลังงานศพแล้ว คนจัดงานมักมีภาระหาเงินมาชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ซึ่งบางครั้งก็หาไม่ได้ ก็เป็นปัญหาต้องสะสางไม่มีที่สิ้นสุด แต่สำหรับกรณี
น้าอ้วนแล้วกลับตรงกันข้าม กล่าวคือน้าอ้วนได้กำไรจากการจัดงานศพ
ให้กับป้าสุชาดามากเป็นเงินจำนวนหนึ่งโดยได้เอ่ยปากขอค่าใช้จ่าย
จากเพื่อน ๆ ของป้าสุชาดามากกว่าความเป็นจริง
หลังจากเสร็จงานศพ ป้าสุชาดาแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป
ปล่อยให้ป้าสุชาดาเป็นเพียงอดีตที่ผ่านเข้ามาในชิของแต่ละคนเท่านั้น
น้าอ้วนได้บ้านและที่ดินสมความปรารถณาของตน ฐานะก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

สามีและลูก ๆน้าอ้วนเริ่มเหินห่างเนื่องจากเธอย้ายไปอยู่บ้านป้าสุชาดา
แต่สามีกับลูก ๆไม่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยโดยอ้างว่ากลัวผีป้า สุชาดาจะมาหลอกหลอน
แต่น้าอ้วนไม่ใส่ใจและทำตัวให้เป็นที่รังเกียจของคนในระแวกใกล้เคียง
เนื่องจากฐานะของตนผิดกับเมื่อก่อนมาก ทำให้น้าอ้วนลืมตัว
ชาวบ้านใกล้เคียงไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย ระยะหลัง ๆ
มักมีเรื่องทะเลาะกันในครอบครัวอยู่เป็นประจำ
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2552 20:37:24 »


สาเหตุเนื่องจากการใช้เงินของลูกชาย และน้าอ้วนก็เริ่มถูกทุบตี
จากสามีเป็นประจำหากไม่ยอมให้เงิน ลูกชายก็มักจะหาเรื่องเดือดร้อนให้
ส่วนลุกสาวก็เริ่มกลับบ้านไม่เป็นเวลา ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้น้าอ้วนทุกข์ใจ
และไม่มีปัญญาที่จะแก้ปัญหานี้ ความกดดันทางจิตใจเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ
จนบางครั้งเธอเกิดอาการจิตหลอนเห็น ป้าสุชาดายังคงอยู่ในบ้านหลังนั้น
น้าอ้วนเริ่มหาหมอผีมาทำพิธี รดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ ฯลฯ
ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น.............

การคิดมากของน้าอ้วน ทำให้คืนหนึ่งต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลเนื่องจาก
เส้นโลหิตในสมองแตกร่างกายเป็นอัมพาตสามีและลูก ๆ ก็ไม่ค่อยสนใจ
ภายหลังจึงนำน้าอ้วนมาพักรักษาอยู่ที่บ้านไม้ทรงไทย ให้ลูกชายและลูกสาว
ผลัดกันดูแลพยาบาล ส่วนสามีหลังจากน้าอ้วนป่วยก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน
นานๆจะกลับสักครั้ง และมอบเงินทองให้ใช้สอยบ้าง ลูกชายและลูกสาว
ที่คอยเฝ้าพยาบาลก็ได้แต่เกี่ยงกัน โดยไม่คำนึงถึงว่า น้าอ้วนคือแม่บังเกิดเกล้าของตน
น้าอ้วนได้แต่นอนน้ำตาไหลเมื่อเห็นลูก 2 คนทะเลาะกันโดยที่
น้าอ้วนไม่ยอมเอ่ยปากต่อว่าลูก ๆ เลย เนื่องจากกลัวว่าลูก ๆ จะทอดทิ้ง
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2552 20:42:31 »


น้าอ้วน ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ 2 ปี จนกระทั่ง.......................................
คืนวันนั้น น้าอ้วนได้ยินเสียอึกทึกนอกบ้าน ลูกสาวที่ดูแลน้าอ้วน
ขอไปพบเพื่อนชายที่ปากซอยเป็นเวลานานแล้วไม่เห็นกลับสักที
น้าอ้วนตกใจกับเสียงตะโกน ไฟไหม้ ......! ไฟไหม้......!
แต่ก็จนใจไม่สามารถขยับตัวได้

ไฟได้ลุกลามใกล้เข้ามาทุกขณะความร้อนแผ่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
น้าอ้วนเห็นว่าไม่มีทางรอดชีวิตแล้ว ใจเริ่มนึกถึงป้าสุชาดา จิตใของ
ป้าสุชาดาคงร้อนรุ่มยิ่งกว่าเปลวไฟที่น้าอ้วนกำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า
ในอดีตน้าอ้วนข่มขู่ให้ป้าสุชาดามอบที่ดินแปลงนี้ให้ด้วยความจำยอม
น้าอ้วนเริ่มสำนึกถึงบาปที่ได้ก่อไว้กับป้าสุชาดา กรรมที่ตนก่อไว้นั้น
ยังหนักกว่าวิบากกรรมที่ตนต้องรับขณะนี้มากมายยิ่งนัก
ความร้อนของเปลวไฟร้อนขึ้นทุกที ๆ จนในที่สุด
น้าอ้วนก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนใด ๆ อีก


ที่มา :  buddhayan.com
กวนอวี้โหลว  วันเวลา: 07/12/2552 12:04:45
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เกิดแต่กรรม
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
sometime 0 1603 กระทู้ล่าสุด 09 เมษายน 2553 10:24:14
โดย sometime
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.25 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 13 มีนาคม 2567 12:03:48