[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 18:30:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

สุขใจในธรรม
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน


.:::

หลวงปู่มั่นฯ กับการบำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถ จากบันทึกของพระผู้เป็นอุปัฏฐาก

:::.
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่มั่นฯ กับการบำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถ จากบันทึกของพระผู้เป็นอุปัฏฐาก  (อ่าน 5991 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 20 มิถุนายน 2555 14:49:11 »


หลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต




พระอริยคุณาธาร (ปุสโส  เส็ง)

การบำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต
ตามบันทึกของ  พระอริยคุณาธาร (ปุสโส  เส็ง)


การใช้ “ธรรมโอสถ”  เมื่อเผชิญกับโรคาพยาธิสภาพของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะผ่านสำนวนเขียนของพระอาจารย์วิริยังค์  สิรินธโร  พระมหาบัว   ญาณสัมปันโน  พระอาจารย์ทองคำ  จารุวัณโณ   ตลอดจน พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง)  เมื่อปี ๒๔๙๓  

เริ่มจากสำนวนเขียนของ พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง)  ตอนว่าด้วย “บำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถ” ปรากฏดังนี้


เมื่อคราวท่านลงไปจำพรรษาที่วัดปทุมวัน   กรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑  ก่อนไปเชียงใหม่  ข้าพเจ้าผู้เรียงประวัตินี้เพิ่งได้อุปสมบทใหม่ ๆ กำลังสนใจศึกษาทางสมถวิปัสสนา  ได้ทราบกิตติศัพท์ของท่านว่าเป็นผู้ปฏิบัติเชี่ยวชาญทางสมถวิปัสสนา  จึงได้เข้าไปศึกษา สดับฟังธรรมเทศนาของท่าน

ได้ความเชื่อความเลื่อมใสถวายตัวเป็นศิษย์ของท่านแล้ว ท่านเล่าเรื่องวิธีระงับอาพาธด้วยธรรมโอสถให้ฟังว่า   เมื่อคราวท่านไปจำพรรษาที่ถ้ำสาลิกา  เขาใหญ่  นครนายก นั้น  เกิดอาพาธธาตุกำเริบ ไม่ทำการย่อยอาหารที่บริโภคเข้าไป  ถ่ายออกมาก็เป็นเหมือนเมื่อแรกบริโภค  ชั้นแรกได้พยายามรักษาด้วยยาธรรมดาจนสุดความสามารถ  อาพาธก็ไม่ระงับ  

จึงวันหนึ่งขณะที่ไปแสวงหายารากไม้เพื่อมาบำบัดอาการอาพาธนั้น  ได้ความเหน็ดเหนื่อยมาก เพราะยังมิได้ฉันจังหัน  ครั้นได้ยาพอและกลับมาถึงถ้ำที่พักแล้วบังเกิดความคิดขึ้นว่า  เราได้พยายามรักษาด้วยยาธรรมดามาก็นานแล้ว  อาพาธก็ไม่ระงับ  เราจะพยายามรักษาด้วยยาธรรมดาต่อไป ก็คงไร้ผลเหมือนแต่ก่อน  บัดนี้อาพาธก็กำเริบยิ่งขึ้น ควรระงับด้วยธรรมโอสถดูบ้าง หากไม่หายก็ให้มันตายด้วยการประพฤติธรรมดีกว่า

ครั้นแล้วก็เข้าที่ นั่งคู้บัลลังก์  ตั้งกายตรง ดำรงสติสัมปชัญญะ  กำหนดพิจารณากายคตาสติกัมมัฏฐาน   ไม่นานก็ได้ความสงบจิต  อาพาธหายวันหายคืน โดยลำดับ   จนร่างกายแข็งแรงดังเก่าจึงย้ายไปทำความเพียรอยู่ถ้ำไผ่ขวาง และถ้ำสิงโต  ลพบุรี  จนได้ความแกล้วกล้าอาจหาญในพระธรรมวินัย

อีกครั้งหนึ่ง เมื่อท่านอาศัยอยู่ห้วยน้ำกึงอันเป็นอรัญญสุขวิหารราวป่าชัฎ ก่อนจะไปอยู่ที่นั้นท่านได้พิจารณาธาตุขันธ์  ได้ความว่าอาพาธจะกำเริบและจะระงับได้ในสถานที่นั้น  จึงได้หลีกจากหมู่คณะไปอยู่องค์เดียวในสถานที่นั้น พอตกกลางคืนอาพาธอันเป็นโรคประจำตัวมาแต่ยังเด็กก็กำเริบ  คือปวดท้องอย่างแรง นั่งนอนไม่เป็นสุขทั้งนั้น จึงเร่งรัดพิจารณาวิปัสสนา  ประมาณ ๑ ชั่วโมง อาพาธก็สงบ  ปรากฏว่า ร่างกายนี้ละลายพึ่บลงสู่ดิน  จึงปรากฏบาทคาถาขึ้นว่า นาญญัตระ  โพชฌา  นาญญัตระ  ปฏินิสสัคคา  พิจารณาได้ความว่า ธรรมอื่นเว้นโพชฌงค์เสียแล้ว จะเป็นเครื่องแผดเผามิได้

อีกครั้งหนึ่งเมื่อท่านอาพาธเป็นไข้มาลาเรียขึ้นสมอง  เจ้าคุณพระเทพโมลี (ธัมมธโร  พิมพ์)  อาราธนามารักษาที่วัดเจดีย์หลวง  เชียงใหม่  ท่านก็ยินยอมให้รักษาดู  ท่านเจ้าคุณจึงไปเชิญหมอแผนปัจจุบันมารักษาฉีกหยูกยาต่าง ๆ  จนสุดความสามารถของหมอ  วันหนึ่งหมอกระซิบบอกท่านเจ้าคุณว่า “หมดความสามารถแล้ว”   พอหมอไปแล้วท่านอาจารย์จึงนิมนต์เจ้าคุณพระเทพโมลีไปถามว่า “หมอว่าอย่างไร”  ท่านเจ้าคุณก็เรียนให้ทราบตามตรง

ท่านพระอาจารย์จึงบอกว่า “ไม่ตายดอกอย่าตกใจ”  แล้วจึงบอกความประสงค์ให้ทราบว่า ท่านได้พิจารณาแล้วรู้ว่าอาพาธครั้งนี้จะระงับได้ด้วยธรรมโอสถ  ณ สถานที่แห่งหนึ่ง คือป่าเปอะ  อันเป็นสถานที่วิเวกใกล้นครเชียงใหม่  ท่านจะไปพักที่นั่น  เจ้าคุณพระเทพโมลีก็อำนวยตามความประสงค์  ท่านไปพักทำการเจริญกายคตาสติกัมมัฏฐานเป็นอนุโลมปฏิโลม  เพ่งแผดเผาภายในอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน  ไม่นานอาพาธก็สงบ  จึงปรากฏบาทคาถาขึ้นว่า ฌายี  ตปติ  อาทิจโจ  พิจารณาได้ความว่า ฌานแผดเผาเหมือนดวงอาทิตย์ ฉะนั้น.




ข้อมูล : วิถีแห่งการปฏิบัติ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต,  ผนวก : ธรรมโอสถ (๑),  เสถียร  จันทิมาธร, นสพ.ข่าวสด น. ๓๐ ฉบับประจำวันจันทร์ที่ ๑๘ มิ.ย. ๕๕

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กรกฎาคม 2555 15:07:22 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2555 16:20:52 »

.


พระอาจารย์ทองคำ  จารุวัณโณ

การบำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต
ตามบันทึกของ  พระอาจารย์ทองคำ  จารุวัณโณ

พระอาจารย์ทองคำ  จารุวัณโณ  ได้บันทึกไว้ว่า  ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒  พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต  กลับจากเชียงใหม่มาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  
“ผู้เล่า* โชคดีอยู่ ๒ องค์กับท่าน  มีตาปะขาวอีกคนหนึ่งชื่อแดง  ความเป็นอยู่ก็สะดวกสบายตามอัตภาพ  แม้ชาวบ้านยากจนแต่เขาก็ไม่ให้ท่านพระอาจารย์ยากจนด้วย  จึงมีเหลือฉันทุกวัน  มิหนำโยมที่ไปถวายบิณฑบาตรขาไปเต็มกระติบ  ขากลับก็ยังเหลือเต็มกระติบ  เพราะหมู่บ้านใกล้เคียงได้ข่าวก็มาใส่บาตร  บ้านนั้นบ้าง  บ้านนี้บ้าง  มีอาจารย์วิริยังค์  อาจารย์เนตร  อาจารย์มนูนำมาบ้าง”

๑ เดือนผ่านไป  อากาศเริ่มหนาวจัด  พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  ปรารภจะทำซุ้มไฟ   พระอาจารย์ทองคำ  จารุวัณโณ  ได้ช่วยทำกับชาวบ้านวันสองวันก็เสร็จ  แต่สิ่งที่ตามมาคือ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  เริ่มอาพาธ

ประมาณเริ่มเดือนยี่ท่านเริ่มไม่สบาย  มีอาการคอตั้งเอียงซ้ายขวายาก  โรคนี้คล้ายเป็นโรคประจำแต่ไม่เป็นบ่อย  มาสกลนคร ๖ – ๗ ปี ก็เพิ่งจะเป็นครั้งนี้  

ท่านบอกถึง พระมหาทองสุก   ผู้เล่าเลยให้โยมไปนิมนต์ท่าน ๆ พักวัดป่าบ้านห้วยหีบ  และท่านอาจารย์สอ  สุมังคโล  ด้วย  ท่านอยู่บ้านนามน  ท่านทั้งสองก็เดินทางมาวันนั้นเลย  พอมาถึงทั้งชาวบ้านและผ้าขาวแดง  ระดมกันหายา  มีเปลือกแดง  เปลือกดู่  ใบเปล้า  ใบพลับพลึง (ใบหัวว่านชนอีสาน)  ใบการบูร  (ใบหนาดโคกอีสาน)  มาสับมาโขลก ละเอียดดีแล้ว  ตั้งหม้อห่อยาวางบนปากหม้อ  ร้อนแล้วเอาผ้ารองวางประคบบนบ่า  ไหล่บ้าง  หลังบ้าง  หน้าอกบ้าง  บนศีรษะบ้าง

๖ วันผ่านไป  ท่านก็ยังออกบิณฑบาตทุกวัน  ผู้เล่านอนพักใต้ซุ้มไฟกับท่านตั้งแต่เริ่มไม่สบาย  พอวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ ๗  ท่านตื่นเวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นปกติ  ปลุกผู้เล่าลุกขึ้นสุมไฟ เพราะไฟอ่อนแสงแล้ว  ท่านล้างหน้าครองผ้าสวดมนต์แล้วก็นั่งสมาธิต่อ  จะต้มยาถวายท่านเหมือนทุกวัน  ท่านไม่เอา  ผู้เล่าก็ไปไหว้พระนั่งภาวนา จะนอนก็อายท่าน

ตลอด ๖ วันที่ผ่านมามีเวลานอนไม่พอ  นั่งสัปหงกตลอดรุ่ง หลับ ๆ ตื่น ๆ พอสว่างจัดบริขารออกบิณฑบาต  พระพยาบาลที่มาพักค้างด้วยไม่ต้องห่วงเรื่องบิณฑบาตเพราะพระที่อยู่ในรัศมีใกล้จะพาญาติโยมมาอังคาส**  ดูแลการถวายภัตตาหารอย่างเต็มที่  ตกตอนเย็นหลังจากเดินจงกรมแล้วท่านเข้าซุ้มไฟ  ผู้เล่าเข้าไปก่อน  เตรียมปูเสื่อสำหรับหมู่คณะ  พอได้เวลาจะต้มยาท่านว่าไม่ต้อง  ค่อยยังชั่วแล้ว  

ต่อจากนั้นท่านก็เริ่มอธิบายธรรมะ  ยกเป็นภาษาบาลีแรกว่า อัฏฐะ  เตรส   แล้วถามท่านสอ (ท่านอาจาย์สอ  สุมังคโล  ต่อมาท่านมรณภาพที่วัดป่าบ้านหนองผือ)  แปลว่าอะไร  
ท่านสอว่า “กระผมไม่รู้ภาษาบาลี”  
“หือ”  ท่านมหาทองสุกเข้าให้แล้ว  ท่านมหาก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ด้วยความเกรงว่าจะเป็นการอวดฉลาด
“แปลให้ฟังก่อนนาท่านมหา  เรียนมาแล้วกลัวทำไม”  
ท่านมหาตอบ “อัฏฐะ แปลว่า ๘  เตรสแปลว่า ๑๓  ขอรับกระผม”
ถูกต้อง ๆ สมเป็นมหาจริง“  ท่านว่า  
ท่านอธิบายว่า “อาพาธคราวนี้บำบัดด้วยมรรค ๘  และธุดงค์ ๑๓  เป็นมรรคสามัคคีกัน”

ต่อจากนั้น ธรรมเทศนาใหญ่ก็เกิดขึ้น  พระที่อยู่ในรัศมีใกล้ยังไม่กลับประมาณ ๑๕ รูป  ซุ้มไฟบรรจุเต็มที่จะนั่งได้ ๒๐ รูป  ท่านอธิบายมรรค ๘  สัมพันธ์กับธุดงค์ ๑๓  อย่างมีระบบเป็นวงจรเหมือนลูกโซ่  ซึ่งผู้เล่าและพระในนั้นก็ไม่เคยฟัง



๒ ชั่วโมงเต็ม  พอเลิกต่างก็พูดกันว่า โชคดีเพราะไม่เคยฟัง.


ข้อมูล : วิถีแห่งการปฏิบัติ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต,  ผนวก : ธรรมโอสถ (๑),  เสถียร  จันทิมาธร, นสพ.ข่าวสด น. ๓๐ ฉบับประจำวันอังคารที่ ๑๙ มิ.ย. ๕๕



หมายเหตุ  *ผู้เล่า  หมายถึง พระอาจารย์ทองคำ  จารุวัณโณ
          ** อังคาส  : พจนานุกรม ไทย-ไทย หมายถึง  ถวายอาหารพระ เลี้ยงพระ  ยิ้ม....กิมเล้ง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กรกฎาคม 2555 12:04:41 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2555 13:23:40 »

.

 
พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
ภาพจาก : dhammajak.net  

การบำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต
ตามบันทึกของ  พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)



การบำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถ ของ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  พระอาจารย์วิริยังค์  สิรินธโร ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากใกล้ชิด  ได้บันทึกไว้ดังนี้  

พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  ได้ปลีกวิเวกไปยังถ้ำสาลิกา  นครนายก  เพื่อปรารภความเพียรเอาชนะความเจ็บป่วย  เพียง ๑ วันของการไปถึง  เมื่อค่ำลง  พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  ก็เริ่มบำเพ็ญความเพียรด้วยการนั่งสมาธิตลอดคืน  ปรากฏว่าสว่างไสวไปทั่วหมด  นับว่าเป็นนิมิตอันดีเป็นอย่างมากในค่ำคืนนั้น

“รุ่งขึ้นท่านก็ออกบิณฑบาตที่บ้านไร่นั้น  นำอาหารกลับมาฉันที่ถ้ำ  เมื่อฉันเสร็จแล้ว ท่านก็พักกลางวันไปสักชั่วโมง เพราะเหน็ดเหนื่อยมาตลอดคืนที่แล้ว แต่พอลุกขึ้นท่านก็รู้สึกหนักตัวทั่วไปหมด และหนักผิดปกติจนท่านแปลกใจ   เมื่อท่านไปอุจจาระก็รู้สึกว่าเป็นท้องร่วง   เมื่อสังเกตดูอุจจาระก็พบว่าทุกอย่างไม่ย่อยเลย  ข้าวสุกก็ยังเป็นเมล็ด  แตงโมก็ยังเป็นชิ้นอยู่  ถ่ายออกมาก็ยังมีสภาพเหมือนเดิม”  

พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  ได้สรุปสถานการณ์นี้ว่า
 
เหตุนี้เอง พระเหล่านั้นมรณภาพ ตัวเราเองก็เห็นจะตายแน่เหมือนพระเหล่านั้น เราจึงเดินเที่ยวหาบริเวณที่อันจะทำให้เกิดความหวาดเสียว  ต้องเป็นที่เหมาะเพราะจะต้องทำกันให้ถึงที่สุด   เหลือบไปเห็นหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งอยู่บนปากเหวลึก  เราทดลองโยนหินลงไป  กว่าจะได้ยินเสียงก็กินเวลาอึดใจหนึ่ง  เรากะว่าที่ตรงนี้เหมาะแล้ว  ถ้าเราจะต้องตายก็ขอให้ตายตรงนี้  ให้หล่นลงไปในเหวนี้เสียเลยจะได้ไม่เป็นที่วุ่นวายแก่ใคร ๆ ซึ่งจะต้องกังวลทำศพให้

ในค่ำนั้นเราตั้งปณิธานว่า “เอาละ ถ้าเราไม่รู้แจ้งเห็นจริงก็จะไม่ลุกจากที่นั่งนี้เป็นอันขาด”  เมื่อกำหนดจิตตามที่ฝึกฝนไว้ก็เกิดความสว่างไสวดุจกลางวัน  ปรากฏเห็นแม้กระทั่งเม็ดทราย  ปรากฏเห็นเหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน  ขณะที่การพิจารณาธรรมทั้งหลายอย่างได้ผล นิมิตอย่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้น คือ เห็นเป็นลูกสุนัขกินนมแม่อยู่   เราได้ใคร่ครวญดูว่านิมิตที่เกิดขึ้นนี้จะต้องมีเหตุ  เรากำหนดจิตพิจารณาโดยกำลังของกระแสจิตที่เกิดญาณคือความรู้ขึ้นว่า “ลูกสุนัขนั้น หาใช่อื่นไกลไม่ คือตัวเราเอง”  

ได้ถึงซึ่งความสลดจิตมากที่สุด  แม้ความสว่างไสวของจิตก็ยังคงเจิดจ้าอยู่ตลอดระยะเวลานั้น เราจึงพิจารณาค้นความจริงในจิตว่า เหตุอันใดที่จะต้องทำให้เกิดความพะว้าพะวังห่วงหน้าห่วงหลังอยู่ในขณะนี้เราจึงนึกถึงธรรมะที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้  คำนึงถึงธรรมะอันเป็นหัวใจของธัมมจักกัปปวัตนสูตร

มีสิ่งหนึ่งอันเป็นประการสำคัญซึ่งเป็นมลทินของใจ นั้นคือการพะว้าพะวังของการปรารถนาพระโพธิญาณ และก็กลับไม่ปรารถนาเช่นนั้นมาเพื่อความพ้นทุกข์อันจะพึงได้บรรลุธรรมอันยิ่งใหญ่ในขณะนั้น

นี่เองที่ทำให้มีมลทินเป็นเครื่องสะกิดใจไว้

แต่เมื่อได้สละแล้ว  มิได้คำนึงถึงสิ่งอื่นอันเป็นเหตุให้ต้องประสบสิ่งอันเป็นที่หวาดกลัวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นแล้ว  ปรากฏว่าทุกอย่างในโลกนี้มีสภาพเป็นอันเดียวดุจหน้ากลองชัย  โลกนี้ราบลงหมด  คือสว่างเรียบเตียน  ขณะนั้น ไก่ขันกระชั้นแล้วแสดงว่าใกล้แจ้ง  ประมาณเวลาราว ๆ ตี ๓ หรือตี ๔  เราได้คำนึงถึงญาณในอริยมรรคคือ สัจจญาณ  กิจญาณ  และกตญาณ  

ญาณ เป็นจุดอิ่มตัวเหมือนกับการรับประทานอาหาร  มันมีจุดอิ่มตัว  พอมันพอเพียงแก่ความต้องการแล้วก็อิ่มไม่ต้องพูดอะไรมาก  มีอาหารรับประทานเข้าไปก็แล้วกัน“  

พระอาจารย์วิริยังค์  สิรินธโร  เล่าว่า ในวันนั้นพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ได้พิจารณารู้แจ้งเห็นจริงแล้วก็ลุกขึ้นเดินจงกรมในเวลาก่อนแจ้ง  รู้สึกเบาตัวไปหมด  ได้เวลาไปบิณฑบาตตอนเช้า  ท่านได้นุ่งสบงห่มจีวรซ้อนสังฆาฏิเป็นปริมณฑลกับบาตรสะพายไว้ข้าง ประดุจอุ้ม  แล้วก็เข้าไปสู่หมู่บ้านที่เคยไปแต่กาลก่อน   เป็นการลุกไปหลังจากปฏิบัติปรารภความเพียร ๓ วัน ๓ คืน.



ข้อมูล : วิถีแห่งการปฏิบัติ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต,  ผนวก : ธรรมโอสถ (๓),  เสถียร  จันทิมาธร, นสพ.ข่าวสด น. ๓๐ ฉบับประจำวันพุธที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กรกฎาคม 2555 12:03:23 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2555 13:16:42 »

.

(ต่อ)

การบำบัดอาพาธด้วยธรรมโอสถของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต
ตามบันทึกของ  พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

ในปี ๒๔๙๒ เป็นต้นมา นับแต่วันเข้าพรรษาผ่านไป  พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ก็เริ่มไม่สบายอาการก็รู้สึกจะหนักขึ้นทุกวัน ๆ  เมื่อถึงเดือนที่ ๑ ผ่านไป อาการของท่านไม่มีเบาขึ้นเลย ถึงกับพระอาจารย์ผู้เป็นศิษย์อยู่แถวใกล้ได้มาพยาบาลท่านกันเป็นจำนวนมาก  อาการของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ก็มีแต่ทรงกับทรุดเท่านั้น    ต่อมา อาพาธของท่านก็พอจะค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย  ท่านไม่ฉันยาแม้ว่าลูกศิษย์จะถวายเท่าไร ๆ  ท่านก็ไม่ฉัน  

ท่านบอกแก่ทุกคนว่า ต้นไม้ที่มันตายยืนต้นอยู่แล้ว จะเอาน้ำไปรดเท่าไรจะให้มันเกิดใบอีกไม่ได้หรอก  อายุของเรามันก็ถึงแล้ว*   ครั้นเมื่อใกล้จะออกพรรษาเหลืออีกประมาณ ๑๐ วัน ท่านได้บอกพระที่อยู่ใกล้ชิดว่า “ชีวิตของเราใกล้จะสิ้นแล้วให้รีบส่งข่าวไปบอกแก่คณาจารย์ที่เป็นศิษย์เรา ทั้งใกล้และไกลให้รีบมาประชุมกันที่บ้านหนองผือนี้  เพื่อจะได้มาฟังธรรมะเป็นครั้งสุดท้าย”

บรรดาพระที่อยู่ใกล้ชิดก็ได้จดหมายบ้าง  โทรเลขบ้างตามคำสั่ง  บรรดาศิษย์ทั้งหลายเมื่อรับทราบต่างก็ได้บอกข่าวแก่กันต่อ ๆ จนทั่ว   เมื่อการปวารณาออกพรรษาแล้วต่างองค์ก็รีบเดินทางมุ่งหน้ามาหา พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ยังบ้านหนองผือ เป็นเป้าหมายเดียวกัน  ด้วยความห่วงใยต่อ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต

ครั้นถึงวันขึ้น ๑ ค่ำ  เดือน ๑๒ ของปี พ.ศ. ๒๔๙๒  อันเป็นวันที่พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ลุกขึ้นเดินไปไหนไม่ได้เป็นวันแรก  บรรดาศิษยานุศิษย์ได้เข้าไปประชุมพร้อมกัน  พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ได้ลุกนั่งแสดงธรรมะให้แก่ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายฟังอยู่ประมาณ ๑ ชั่วโมง  เนื้อความโดยสรุปคือ

“การปฏิบัติจิตถือเป็นเรื่องสำคัญ  การทำจิตให้สงบถือเป็นกำลัง การพิจารณาอริยสัจ ถือเป็นการถูกต้อง  การปฏิบัติข้อวัตรมีการฉันหนเดียว เป็นต้น เป็นทางพระอริยะ  ผู้เดินผิดทางย่อมไม่ถึงที่หมายคือ พระนิพพาน”

ถึงแม้พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จะพำนักอยู่บ้านหนองผือเป็นเวลา ๕ ปี แต่เจตนากลับเป็น

“เราจะไม่มรณภาพที่นี่ เพราะถ้าเราตายที่นี่แล้ว คนทั้งหลายก็จะพากันมามาก จะพากันฆ่าเป็ดฆ่าไก่ฆ่าสัตว์ทั้งหลาย  เนื่องด้วยศพของเราจะทำให้ชาวบ้านเป็นบาป  สมควรที่จะจัดให้เราไปมรณภาพในจังหวัดสกลนครเถิด”




* พระอาจารย์วิริยัง  สิรินธโร กล่าวว่า “ปี พ.ศ. ๒๔๙๒  ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของชีวิต  ท่านได้พยากรณ์ชีวิตของท่านให้แก่ศิษย์ฟังแทบทุกองค์อยู่แล้ว  ท่านพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าล่วงเลยมาเป็นเวลานานถึง ๑๐ ปี”

เรื่อง ”พยากรณ์” นี้  ปรากฏในหนังสือ “อัตตโนประวัติ” พระอาจารย์เทสก์  เทสรังสี  ซึ่งท่านได้เขียนอัตตโนประวัติเมื่อปี ๒๕๑๗   ดังนี้

"เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙  จำพรรษาที่บ้านทุ่งมะข้าว  ตำบลแม่ปั๋ง  ร่วมกับ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต   พรรษานี้ เราต่างก็ตั้งใจปรารภความเพียรจนเต็มความสามารถของตน ๆ แม้เหตุการณ์บางอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภายนอกหรือเนื่องด้วยอุบายในทางธรรม ใครมีอะไรเกิดขึ้นเกือบจะเรียกได้ว่ารู้ด้วยกันทั้งนั้น  พรรษานี้ท่านอาจารย์ได้พยากรณ์อายุของท่านอย่างถูกต้อง..."  



ข้อมูล : วิถีแห่งการปฏิบัติ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต,  ผนวก : ธรรมโอสถ (๔),  เสถียร  จันทิมาธร, นสพ.ข่าวสด น. ๓๐ ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กรกฎาคม 2555 13:19:11 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2555 15:27:43 »

.


ละสังขาร

ขบวนหาม พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  จากบ้านหนองผือ  ไปยังวัดป่าสุทธาวาส  จังหวัดสกลนคร  ตามคำขอร้องของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  เป็นขบวนอันยาวเหยียดมากด้วยตำนาน   เมื่อขบวนหามมาถึงวัดป่ากลางโนนภู่   พอรุ่งเช้ากินข้าวกินปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว   คณะที่ตามมาส่งจากบ้านหนองผือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชราต่างขอกราบลาเพื่อกลับบ้าน
 
พระอาจารย์วันเพ็ญ  จึงพนมมือน้อมตัวไปทาง พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  กล่าวคำขอโอกาสรายงาน  
 
“พวกโยมบ้านหนองผือ มากราบลากลับบ้านกระผม”

เมื่อได้ยินเสียง พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  จึงลืมตาขึ้นช้า ๆ เห็นเป็นโยมชาวบ้านหนองผือ  จึงกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย  (ขอถ่ายทอดด้วยสำเนียงภาษาไทยอีสาน)  ดังนี้

“เมื่อเสียเด้อ  หมดทอนี้ละเน้อ  เอาน้ำไปรดไม้แก่นล่อนให้มันป่งเป็นใบ  บ่มีดอกเด้อ ให้พากันเฮ็ดพากันทำตามที่อาตมาเคยพาเฮ็ดพาทำนั้นเด้อ  อย่าลืมเด้อ  ให้พากันรักษาศีลห้า  ถ้าผู้ใดรักษาศีลห้าได้ตลอดชีวิตผู้นั้นเลิศที่สุด  หมดทอนี้ล่ะ”  หลับตาแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ

ขบวนจากวัดป่าหนองผือพักแรมอยู่ที่วัดป่ากลางโนนภู่  จากนั้นก็ได้รถจากกรมทางวิ่งไปบนถนน  เป้าหมายคือมุ่งสู่วัดป่าสุทธาวาส  อำเภอเมือง  จังหวัดสกลนคร    พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  นอนหลับตลอดทาง  จนในที่สุดรถได้นำท่านเข้าสู่วัดป่าสุทธาวาส  เวลาประมาณ ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น.  ของเย็นวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๒   จากนั้นก็หามขึ้นไปพักบนกุฏิ  

อาการ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  อ่อนเพลียมาก  ไม่พูดจาอะไรเลย  เพียงแต่นอนหลับตามีลมหายใจเชื่องช้าแผ่วเบา  เคลื่อนไหวกายเล็กน้อย

ประมาณ ๐๑.๐๐ น.  ของวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒  ลงหายใจก็แผ่วเบามาก   เบาลงเป็นลำดับ  นอนในท่าครึ่งหงายตะแคงขวา   ประมาณ ๐๒.๐๐ น.  ของวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน  ๒๔๙๒  ลงหายใจก็สิ้นสุด  ถึงแก่มรณภาพ  ละสังขารไว้ให้แก่โลกโดยสงบ  ณ วัดป่าสุทธาวาส  อำเภอเมือง  จังหวัดสกลนคร.    




 
พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม)

เหตุที่ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  ผูกพันกับบ้านหนองผือ ตำบลนาใน  อำเภอพรรณนานิคม  จังหวัดสกลนครอย่างเป็นพิเศษ นั้น    พระอาจารย์วัน  อุตตโม  ให้คำตอบโดยอิงถ้อยปรารภ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  ว่า  “มันปฏิบัติสะดวก  ภูไทบอกง่าย”    ท่านบอกว่า “อย่ามารบกวนเรานะ”  เขาไม่มาจริง ๆ  ผู้หญิงยิงเรือไม่มาเลย  นอกจากผู้ชายเฒ่า ๆ มา ๓-๔ คน  มาส่งกับข้าวแล้วก็กลับไป  คือเขาไม่มาใกล้ท่าน   และเหตุที่เลือกจำพรรษาอยู่บ้านหนองผือยาวนานถึง ๕ ปี  พระอาจารย์วัน  อุตตโม ให้เหตุผลว่า
๑  ปุคคลสัปปายะ   บุคคลเป็นที่สบาย
๑  อาหารสัปปายะ  อาหารเป็นที่สบาย  เลี้ยงชีพไปได้ไม่ขาดตกบกพร่อง  ไม่ขาดแคลน พอไปได้ก็ควร  ที่จะอยู่บำเพ็ญกุศล
๑  เสนาสนะสัปปายะ   เสนาสนะเป็นที่สบายเป็นที่อาศัยพอได้พักร้อน พักหนาว  พอได้กันฟ้ากันฝนได้แล้วก็ควรจะอยู่





ข้อมูล : วิถีแห่งการปฏิบัติ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต,  ผนวก : ธรรมโอสถ (๕),  เสถียร  จันทิมาธร, นสพ.ข่าวสด น. ๓๐ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กรกฎาคม 2555 15:52:53 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2555 16:12:59 »

.

ครั้นเวลาอาพาธหนักถึงที่สุด  สังขารร่างกายไม่ยอมให้โอกาสท่านพูดจาได้เลยเพราะเสมหะเฟื่องติดลำคอ  ยากแก่การพูด  คงเห็นแต่อาการอันแกล้วกล้า
ในมรณาสันนกาลเท่านั้นเป็นขวัญตา

ศิษยานุศิษย์ต่างก็เต็มตื้นไปด้วยปีติปราโมทย์ในอาการนั้น  ซึ่งหาได้ไม่ง่ายนัก  ต่างก็ปลงในธรรมสังเวชในสังขารอันเป็นไปตามธรรมดาของมัน....


บันทึกของ พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง)
ผู้เขียนชีวประวัติ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กรกฎาคม 2555 16:18:31 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
-NWO-
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +1/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United States United States

กระทู้: 518


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 13.0.1 Firefox 13.0.1


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2555 02:44:16 »

สาธุ
บันทึกการเข้า

- New World Order -
คำค้น: ธรรมโอสถ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.392 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 07 มีนาคม 2567 07:25:47