[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 01:19:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคที่มาแรงกว่า ไข้หวัด2009  (อ่าน 1967 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 25 ธันวาคม 2552 12:18:56 »


โรคทรัพย์จาง  (Moneyphilia)          

โรค MONEYPHILIA โรคทรัพย์จาง มีศัพท์ทางวิชาการว่า MONEYPHILIA
เป็นคำสมาสระหว่างคำว่า MONEY และ  PHILIA มีลักษณะคล้ายกับโรค HEMOPHILIA
ซึ่งโรค HEMOPHILIA ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด  และโรคชนิดนี้มิได้ติดต่อ
ทางพันธุกรรม แต่ MONEYPHILIA เป็นโรคที่เงินไหล ออกจากกระเป๋าไม่หยุด  จนเกิดทรัพย์จางได้

การติดต่อ :
โรคนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรมเช่นกัน  แต่ติดต่อกันเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีรายได้น้อย
ถึงปานกลาง  ซึ่งไม่สามารถจัดสรรรายได้ให้ได้ ไม่ประเสริฐส่วน กับรายจ่าย ว่ากันง่าย ๆ 
ก็คือรายจ่ายมากกว่ารายได้นั่นเอง  ในทุกวันนี้โรคดังกล่าวได้เริ่มระบาดในหมู่คนไทย
ที่มีรายได้น้อย  ถึงรายได้ปานกลางมาสองสามปีแล้ว  ทำให้ส่งผลกระทบต่อขวัญและ
กำลังใจในการดำเนินชีวิต  ตลอดจนบั่นทอนความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน
บั่นทอนสุขภาพ  บั่นทอนชีวิตครอบครัวและสังคมโดยร่วม ดังนั้น  เราจึงควรศึกษา
รายละเอียดของโรคนี้ เพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแต่เนิน  ๆ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2552 12:21:33 »

ระยะฟักตัวของโรค
เชื้อจะเริ่มฟักตัวประมาณวันที่ 15 ของเดือน  แต่ก็ไม่แน่ทุกคนไป เพราะบางคนเชื้อ
อาจจะเริ่มฟักตัวได้ตั้งแต่วันที่  5 ของเดือนก็มี  และบางรายอาการรุนแรงจะเริ่มตั้งแต่
วันที่ 1 ของเดือนทีเดียว อาการจะปรากฏเร็วหรือช้า รุนแรงหรือไม่รุนแรง  ขึ้นอยู่กับ
ชนิดของเชื้อ และชนิดรายได้ของแต่ละบุคคล  ซึ่งแบ่งตามพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอย
ของผู้ป่วย  อีกทั้งขึ้นอยู่กับลักษณะของโรคแทรกซ้อนที่มือด้วย ว่าเป็นโรคมือเติบหรือไม่ 
หากเป็นโรคมือเติบด้วย จะยิ่งทำให้การรักษา หรือป้องกันเป็นไปได้ยาก  และระยะฟักตัว
ของโรคก็จะรวดเร็ว อีกทั้งอาการก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น   

อาการ
ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหม่อลอย ไม่สบตาผู้อื่นโดยเฉพาะเจ้าหนี้  เหงื่อซึมออกตลอดเวลา
หงุดหงิด สูญเสียความเชื่อมั่น ไร้สมาธิในการทำงาน  เบื่ออาหาร หิวแต่ทานไม่ลง
เพราะอาหารน้อย คุณภาพต่ำเนื่องจากด้อยกำลังซื้อ  รสชาติไม่ถูกปาก ผู้ป่วยบางราย
มีอาการรุนแรงถึงกับทำอัตวินิบาตกรรม  บางรายมีอาการผวาเมื่อถูกเรียกชื่อ 
พวกที่มีอาการรุนแรงบางจำพวกจะทำการประชดชีวิตโดยการเดินมาทำงาน  แทนการ
โดยสารรถประจำทาง หรือแท็กซี่ หรือพยายามขึ้นรถโดยสารที่มีคนแน่นมาก ๆ 
เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกระเป๋ารถเมล์  หรือเพื่อที่จะได้หลบหลีกระหว่างบันไดหน้า
กับบันไดหลังสลับไปมาได้รวดเร็ว และ  ทันท่วงที อีกทั้งเพื่อพยายามให้ได้รับอากาศ
ที่ปลอดโปร่ง  จะได้กินลมเพื่อลดอาการหน้ามืด
[/color]
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2552 12:23:31 »

การป้องกัน
ไม่ควรนำเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด  มิฉะนั้นจะได้รับ
อันตรายจากผู้ป่วยได้  ไม่ควรนำของมีค่าเข้าใกล้ในระยะสายตาและมือเอื้อมถึง   

การรักษา     
ยังไม่มียาชนิดใดที่จะบำบัดโรคนี้ได้โดยตรงในปัจจุบัน  แต่สามารถรักษาได้
ตามอาการที่ปรากฏ เช่น

ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ  (เป็นกันโดยมาก)  ก็ควรใช้ยาลดไข้ 1-2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง
ได้แก่ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ   

ถ้าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด  กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ควรใช้ยาคลายประสาท
ตามที่แพทย์แนะนำ  ห้ามใช้เกินขนาด เพราะจะเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้
(ห้ามใช้สตริกนินโดยเด็ดขาด)

ควรให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย  พักผ่อน ในที่ลับตาคน อย่าพาผู้ป่วยออกนอกบ้าน 
เพราะอาจเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ได้  การกระทำเช่นนี้นอกจากจะไม่ทำให้ผู้ป่วย
มีอาการดีขึ้นแล้ว  กลับจะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อย ๆ อาการดูน่าเป็น ห่วงอยู่ไม่น้อย 
แต่อาการของผู้ป่วยจะกระเตื้อง ตื่นเต้นได้อีกครั้งก็ถึงตอนปลายเดือนนั้น ๆ 
แต่บางรายก็ไม่ดีขึ้น กลับทรุดหนักลงไปอีก เนื่องจากการอักเสบของดอกเบี้ย   

ไม่ควรนำผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชนเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการช็อคได้ 
เมื่อเห็นใบแจ้งหนี้  ทางที่ดีควรนำไปรักษายังสถานธนานุเคราะห์,สถานธนานุบาล
โดยให้ผู้ป่วยนำของที่มีค่าติดตัวไปด้วย  ซึ่งเป็นการรักษาอย่างปัจจุบัน ทันด่วน
และตรงตามอาการของโรคมากที่สุด
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.212 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 01 กันยายน 2566 06:20:05