แผลร้อนใน ที่อาจไม่ใช่แผลร้อนใน... มาดูกันว่า แผลในช่องปากอื่น ๆ นอกจากร้อนในมีอะไรอีกบ้าง
1.แผลที่เกิดจากการเสียดสี แผลนี้อาจได้มาจากการรับประทานอาหารที่มีลักษณะกรอบ แข็ง ทำให้เวลาเคี้ยวเกิดการเสียดสีกับเนื้อเยื่อช่องปาก หรืออาจเป็นของทดกรอบ สิ่งเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดแผลเล็กกวนใจได้ นอกจากนี้การใช้อุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสกับช่องปากไม่เหมาะสมเช่น แปรงสีฟัน ก็สามารถทำให้เกิดแผลได้เช่นกัน
ช่องทางการรักษา ให้หยุดทานอาหารทอดกรอบ รวมไปถึงเปลี่ยนอุปกรณ์การใช้งานในช่องปากให้มีลักษณะอ่อนนุ่มลง จะช่วยให้ลดอาการของอักเสบของแผลลงได้ หรืออาจใช้ยาป้ายเพื่อช่วยลดการอักเสบและติดเชื้อเพิ่มเติม
2.แผลที่เกิดจากโรคติดเชื้อ ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือโรคเริม โรคซิฟิลิส มือเท้าปาก เชื้อรา เป็นต้น
ช่องทางการรักษา ให้แพทย์วินิฉัยตามโรคและรักษาตามอาการนั้น ๆ
3.แผลที่เกิดจากการทำงานของภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น โรค SLE , Reiter's , Behcet's
ช่องทางการรักษา แผลที่เกิดจากการทำงานของภูมิคุ้มกันผิดปกติ มักจะมีลักษณะอาการเฉพาะ ดังนั้นการตรวจวินิจฉัยของแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ และรักษาตามอาการ
4.แผลมะเร็ง คือ แผลมะเร็งในช่องปาก จะเกิดขึ้นที่กระพุ้งแก้ม ลิ้น เหงือก เพดานปาก พื้นปากและริมฝีปาก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบเรื้อรัง อาจเริ่มได้จากแผลในช่องปากธรรมดา ๆ หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจเปลี่ยนไปเป็นเนื้อมะเร็งได้
ช่องทางการรักษา โดยปกติแล้วแพทย์จะตัดชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การรักษาอาจทำโดยการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด หรือรักษาร่วมกันหลายวิธีก็เป็นได้
5.แผลจากการแพ้หรือระคายเคือง การแพ้สารบางตัวอาจทำให้ผิวปากเกิดดารอักเสบ รวมไปถึงการระคายเคืองอาจทำให้เนื้อเยื่อในปากอ่อนแอลง ก่อให้เกิดแผลในปากได้
ช่องทางการรักษา หากแผลในปากเกิดจากการแพ้ให้เลิกใช้สารตัวนั้นหรือแจ้งกับแพทย์ที่รักษา จะได้วินิจฉัยและรักษาได้ถูกต้อง
6.แผลจากยา ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs และยาลดความดันในกลุ่ม เบต้าบล็อกเกอร์ ทำให้เกิดแผลได้ โดยไม่เกี่ยวกับการแพ้
ช่องทางการรักษา เป็นผลข้างเคียงของยา เมื่อหยุดการใช้ยาชนิดนั้นแล้วแผลก็จะค่อย ๆ หายไป
แผลร้อนในกับแผลในช่องปากมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด แผลร้อนในบางชนิด อาจเกิดจากสาเหตุเดียวกันกับแผลในปากอื่น ๆ และสามารถลุกลามไปเป็นแผลใหญ่ที่อันตรายอย่าง แผลมะเร็ง ได้ เพราะฉะนั้นอย่าได้ละเลยกับแผลเล็ก ๆ และหมั่นใส่ใจกับสุขภาพในช่องปากด้วยนะคะ
ที่มา : never-age