[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 08:21:46 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิกับญาน? :ภูเตศวร  (อ่าน 3149 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 20.0.1132.57 Chrome 20.0.1132.57


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2555 23:35:52 »



สมาธิกับญาน? 
 
สิ่งที่อยากจะพูดจะกล่าวในวันนี้คือคำว่า สมาธิกับฌาน  ที่เราท่านต่างได้ยินได้ฟังกันมาชินหู  โดยเฉพาะเวลาสนทนาธรรมและร่วมปฏิบัติธรรม  เช่น การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลต้องทำสมาธิภาวนา  หรือคุณได้สมาธิขั้นไหนแล้ว  จิตตั้งมั่นในสมาธิแค่ไหน  ฯลฯ
ส่วนฝ่ายหนึ่งอาจถนัดอยู่กับ  การกล่าวที่เกี่ยวข้องกับ ‘ฌาน’ เช่นพระสงฆ์องค์นี้องค์นั้นได้ฌานแล้ว คุณได้ฌานขั้นไหน ฯลฯ
ดังกล่าวข้างต้นก็ยังมีอีก  “พระองค์นี้ท่านสำเร็จสมาธิขั้นสูง” เพราะประการดังกล่าว จึงทำให้หลายคนสงสัย ‘ฌาน’ กับ ‘สมาธิ’ ต่างกันอย่างไรกันแน่ เพราะบางครั้ง ในการปฏิบัติจิตได้กล่าวถึงสมาธิ บางครั้งบางกล่าวถึงฌาน จนยากแยกแยะกลายเป็นความสับสนไป
ครั้งแรกไม่อยากเขียนถึงเรื่องนี้  เพราะหลายปีที่ผ่านมา ธรรมะ ๕ นาทีได้เดินทางมายาวไกลจนรู้สึกว่าปัญหาแห่งคำถามนี้เป็นปัญหาที่ตื้นเขิน  แต่เมื่อทบทวนไปมาหลายคราก็ได้ความรู้ว่า ‘ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น’ เหมือนหลาย ๆ ครั้งของการปฏิบัติภาวนาที่ไม่ประสบความสำเร็จ มักเกี่ยวข้องกับความวิตกลังเลสงสัยในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ เหมือนเครื่องยนต์กลไกใหญ่ที่ไม่อาจทำงานได้ เพียงแค่เม็ดทราย เล็ก ๆ เข้าไปอยู่ในเครื่อง
 
สมาธิและฌาน ในพระพุทธศาสนามีมากมายหลายประเภทและพิสดาร  แต่ที่พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้เป็นมาตรฐานในการเจริญเพื่อทิพยอำนาจนั้น  ได้แก่  ฌาน ๔ ประการ  ที่เรียกตามลำดับว่า  ปฐมฌาน  ทุติยฌาน  ตติยฌาน  และจตุตถฌาน
‘ฌาน ๔ ประการนี้ตรัสเรียกว่า สัมมาสมาธิ
สมาธิกับฌาน  มีความหมายกว้างแคบกว่ากัน  คือสมาธิมีความหมายกว้างกว่าฌาน  จากความสงบของใจตั้งแต่ขั้นต่ำ ๆ เพียงชั่วขณะหนึ่งจนถึงขั้นสงบสูงสุดไม่มีอารมณ์กำหนดสามารถเรียกว่าสมาธิได้ทั้งนั้น เช่น  ความสงบเล็กน้อยชั่วขณะ  เรียกว่า  ขณิกสมาธิ  สมาธิระดับนี้เกิดขึ้นได้น้อย  เช่นเวลาทำงานอ่านหนังสือ  ขับรถอย่างมีสติจดจ่อ  เป็นสมาธิที่มีได้แต่สามัญชนทั่วไป
อุปจารสมาธิ  ความสงบใกล้ต่อความเป็นฌาน  หรือที่เรียกว่าสมาธิขั้นเฉียดฌาน   อัปปนาสมาธิ  ความสงบแน่วแน่เป็นฌาน
สุญญตสมาธิ  สงบว่างโปร่ง  อนิมิตตสมาธิ  สงบไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง  อัปปณิหิตสมาธิ  สงบไม่มีที่ตั้งลงคือหาฐานรองรับความสงบเยี่ยงนั้นไม่มี  สมาธิเหล่านี้เป็นสมาธิชั้นสูงมีได้แก่คนบางคนเท่านั้น
ส่วน ‘ฌาน’ มีความหมายจำกัดวงแคบ ๆ คือมีองค์หรืออารมณ์เป็นเครื่องกำหนดโดยเฉพาะเป็นอย่าง ๆ ไปเช่น ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน สี่อย่างนี้เป็นรูปฌาน สูงขึ้นไปเป็นอรูปฌาน เช่นอากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญยตนะ อากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ
ข้อกำหนดแห่งฌานมีอารมณ์ขึ้นต้นไม่กำหนด  แต่มีองค์เป็นเครื่องหมาย  คือจิตเพ่งพินิจจดจ่ออยู่ในอารมณ์เดียวจนสงบลง  มีองค์แห่งฌานปรากฏขึ้นครบห้าก็เป็นปฐมฌาน  ดังคำแปลจากพระบาลีดังนี้
สงัดเงียบจากกามสงัดเงียบจากกุศลธรรมแล้วเข้าปฐมฌาน  ซึ่งมีวิตก  วิจาร มีปีติและสุขเกิดจากความวิเวกอยู่
ทุติยฌาน  ระงับวิตก  วิจาร แล้วเข้าทุติยฌาน  ซึ่งมีความผ่องใสภายใน  มีความเด่นเป็นดวงเดียวของจิตใจมีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่   ตติยฌาน  สำรอกปีติแล้วเข้าตติยฌาน  ซึ่งเป็นผู้วางเฉย  มีสติสัมปชัญญะและเสวยสุขด้วยกายที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า  ผู้วางเฉยมีสติอยู่เป็นสุขดังนี้
จตุตถฌาน  ละลุขละทุกข์ได้  ดับโสมนัสโทมนัสแล้วเข้าจตุตถฌาน  ซึ่งไม่มีสุขไม่มีทุกข์   มีแต่อุเบกขากับสติและความบริสุทธิ์ของจิตเท่านั้น
 
คำว่า ‘อารมณ์ของฌาน’  ยังต้องทำความเข้าใจต่ออีกถ้าผู้บำเพ็ญกำหนดอารมณ์ขั้นต้น  โดยมี อสุภะเป็นอารมณ์เรียกว่าอสุภฌาน  เมตตาฌาน  กำหนดเมตตาเป็นอารมณ์  เรียกว่าเมตตาฌาน  มีสติปัฏฐานเป็นอารมณ์  อนุสสติเป็นอารมณ์  เช่นพุทธานุสติ  เทวตานุสติ  อานาปานสติ เป็นต้น
 
อุตส่าห์ว่ามาถึงตรงนี้แล้วก็ขอพูดถึงการเข้าถึงฌานแบบง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ กันดีกว่า ว่าการจะทำอะไรให้สำเร็จได้  ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจในอุปสรรคนั้นเสียก่อน  อุปสรรคแห่งฌานมี นิวรณ์ ๕ คือ ‘กามฉันทะ’  ความติดใจในกามคุณ  ‘พยาบาท’ คือความขุ่นแค้น  ‘ถีนมิทธะ’ ความท้อแท้ซึมเซา  ‘วิจิกิจฉา’ ความลังเลสงสัย  กิเลสห้าประการนี้แม้อย่างใดอย่างหนึ่งเข้ามาครองใจ  จะเสียอำนาจ เสียกำลัง  เสียปัญญาไปทันที
ในนิวรณ์ ๕   ข้อแรกคือกามคุณ  และกามคุณมีอยู่ ๕ อย่าง คือ รูป  รส  กลิ่น  เสียง  โผฏฐัพพะ  พระพุทธเจ้าตรัสเรียกกามคุณนี้ว่า ‘สัมพาธ’ คือสิ่งคับแคบ เมื่อใจไปอยู่กับสิ่งคับแคบก็เกิดความรู้สึกคับแคบขึ้นในใจ ฉะนั้น ฌานตั้งแต่ปฐมฌานไป ตรัสเรียกว่า ‘โอกาสาธิคม’ คือความว่างโปร่งหรือช่องว่าง ใจที่เข้าไปถึงความสงบว่างโปร่ง

เมื่อกามคุณทั้ง ๕ ยังมีอำนาจยั่วใจให้เกิดกำหนัด  ขุ่นแค้น  ท้อใจ  อ่อนใจ  ทำให้ใจอ่อนเปลี้ย  เป็นสองจิตสองใจขึ้น  เหมือนทางแยกที่ไม่รู้จะไปทางไหนถูก  กามคุณและกิเลสลักษณะดังกล่าวนี้ยังมีอำนาจเหนือใจ  จิตจะสงบเป็นสมาธิเป็นฌานไม่ได้อย่างแน่นอน
และถ้าเมื่อใดกามคุณ ๕ สงบลง  นิวรณ์ ๕ ดังกล่าวถูกขจัดได้  เมื่อนั้นจิตจะสงบเป็นสมาธิเป็นฌาน  ถึงสภาพโปร่งใจที่เรียกว่าโอกาสาธิคมทันที
ปฐมฌานที่กำหนดลักษณะเบื้องต้นว่า  สงัดจากกามและอกุศลธรรมก็หมายถึงสงัดจากกามคุณ ๕ นิวรณ์ ๕ นั่นเอง
ใครทำได้อย่างนี้ในเวลาปฏิบัติสมาธิภาวนานั่นแหละถึงจะเรียกว่า ‘ได้ฌาน’ ครับผม
ไม่ใช่เห็นอะไรวูบ ๆ วาบ ๆ ก็เหมาส่ง  ตัวข้าสำเร็จแล้ว  รู้แล้ว  ทั้ง ๆ ที่ความจริงข้านั่นแหละเสร็จตัวกิเลสซะแล้ว  เพราะมัวแต่ปรุงแต่ง  วิตกวิจารณ์ไปตามอารมณ์ปราศจากสมาธิสัมปชัญญะอันแน่วแน่คอยควบคุม
ท้ายสุดกลายเป็นนั่งปรุงนั่งแต่งหลงผิดเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่า ๆ !


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น: ฌาน ๔ ประการ เป็นสัมมาสมาธิ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สมาธิชั้นสูง 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.315 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 20 กุมภาพันธ์ 2567 04:13:00