[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 09:22:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ที่มาของหมากฝรั่ง  (อ่าน 3492 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
วันศุกร์ นัดทานข้าว
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 79


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 16.0 Firefox 16.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555 11:37:13 »

ที่มาของหมากฝรั่ง



หมากฝรั่งเกิดจาก ยางสีขาวขุ่นของต้นไมในตระกูลละมุด (ผลละมุด) นั่นแหล่ะ บางทีเรียกว่า "ซิเคิล" (chicle) ที่ชาวมายันแห่งประเทศเม๊กซิโกนำมาเคี้ยวบริหารฟันบริหารกรามมาแต่โบราณ เป็นหลายศตวรรษย้อนหลัง ในปี ค.ศ.1845 นายชาร์ลส์ อดัมส์ (Charles Adams) เป็นนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันได้ยางชิเคิลมา เขาสนใจยางนี้มากแต่ไม่ใช่เพื่อเคี้ยว หากแต่นำมาทำยางหนังสติ๊ก หน้ากาก รองเท้าบู๊ท หากทว่าสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเอายางชิเคิลมาเคี้ยวเล่นตามแบบฉบับดั้งเดิมเขาเกิดความคิดใหม่ขึ้นมา ทันที เขาสามารถผสมรสชาติลงในยางชิเคิลได้ ไม่นานหลังการทดลองครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เขาก็เปิดโรงงานผลิตหมากฝรั่งแห่งแรกของโลก

ต่อมา ค.ศ.1869 นายวิลเลียม เอม เซมเพิล (William F. Semple) ทันตแพทย์จากรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำหมากฝรั่งอันนี้มาพัฒนาต่อ เพื่อสนับสนุนให้คนเคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อบริหารกรามรักษาสุขภาพฟัน โดยเขาใส่ส่วนผสมที่ช่วยในการขัดฟัน ประเภทยาง ชอล์ก ถ่าน และผงรากลิโคริช (licorice) แล้วจดทะเบียนสิทธิบัตรตั้งแต่นั้นมา

หมากฝรั่งดีต่อเหงือก ดีต่อฟัน แต่ไม่ดีกับสิ่งแวดล้อมฉะนั้นเมื่อเคี้ยวแล้ว จะทิ้งขอให้ทิ้งเป็นที่เป็นทาง เพื่อไม่ให้ไปติดเปื้อนผู้อื่น เพราะซักไม่ออก ดึงไม่หลุด ทำให้เกิดความเสียหาย

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
วันศุกร์ นัดทานข้าว
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 79


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 16.0 Firefox 16.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555 11:38:10 »

          เคยได้ยินกันมาว่า ห้ามกลืนหมากฝรั่งเพราะมันใช้เวลาตั้ง 7 ปีในการย่อยสลาย แล้วถ้าเด็กๆเผลอกลืนลงไปล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น



          หมากฝรั่งนั้น ทำมาจากส่วนผสมหลายชนิด ตั้งแต่ยางที่ใช้ทำหมากฝรั่ง สารเคมีที่ทำให้ยางเหนียวนุ่ม สารเติมแต่งๆ เช่น สารให้ความหวาน สีสังเคราะห์ กลิ่นสังเคราะห์ รวมถึง เกล็ดมินท์ สารกันเสีย เป็นต้น เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องที่ว่า หมากฝรั่งนั้นใช้เวลาตั้ง 7 ปีในการย่อยสลายหรือไม่นั้น นาย David Milov กุมารแพทย์ จาก Nemours Children's Clinic ในออลานโดกล่าวว่า จากประสบการณ์ การรักษาโดยใช้ endoscope ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีลักษณะเป็นท่อยาวใช้สอดเข้าไปในร่างกายหรือลำไส้เพื่อวินิจฉัยโรคหรือผ่าตัด นั้นไม่ค่อยพบร่องรอยของหมากฝรั่งมากนัก แต่จะพบก็นานๆครั้งเท่านั้น และส่วนใหญ่หมากฝรั่งที่พบในลำไส้ก็มีอายุไม่เกิน 1 สัปดาห์ นั่นพิสูจน์ให้ทราบกระจ่างว่า หมากฝรั่งไม่ได้ใช้เวลานานถึง 7 ปีในการย่อยสลาย
          เช่นเดียวกับความเห็นของ Rodger Liddle จาก Duke University ที่ยืนยันว่า คงไม่มีอะไรที่ติดอยู่ในกระเพาะอาหารได้นานถึง 7 ปี เว้นเสียแต่ว่ามันเป็นก้อนที่มีขนาดใหญ่มาก จึงทำให้เคลื่อนที่ออกไปจากกระเพาะอาหารไม่ได้ หรืออาจจะไปติดอยู่ในลำไส้ น้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะย่อยสารให้ความหวาน แต่สำหรับยางที่ใช้ทำหมากฝรั่งนั้น น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไม่สามารถย่อยได้ นอกจากนี้ องค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration) ยังประกาศว่า ยางหมากฝรั่งนั้นเป็นของขบเคี่ยวที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
          แต่ถึงกระนั้น การกลืนหมากฝรั่งก็ยังเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง เห็นได้จากกรณี เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แพทย์รายงานในวารสาร Pediatrics เกี่ยวกับกรณีที่เด็กกลืนหมากฝรั่งโดยเรียกกรณีนี้ว่า chronic gum swallowing คือ อาการที่หมากฝรั่งที่กลืนเข้าไปติดกับวัตถุที่ไม่ย่อยอื่นๆ เช่น เหรียญเงินซึ่งเด็กผู้หญิงอายุขวบครึ่งกลืนเข้าไป เมื่อเหรียญไปติดกับหมากฝรั่งที่เด็กกลืนเข้าไป แล้วค้างอยู่ในระบบย่อยอาหาร อาการของเด็กก็ยิ่งแย่เนื่องจากอาหารถูกขับออกไม่ได้ ในขณะที่อีก 2 กรณีที่เด็กกลืนหมากฝรั่งเข้าไปเป็นก้อน ทำให้เด็กมีอาการท้องผูก เนื่องจากหมากฝรั่งนั้นจับตัวกันเป็นก้อนกลมแข็ง แม้การกลืนหมากฝรั่งชิ้นเล็กๆ จะไม่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย แต่ก็ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกัน นอกจากนี้ ร่างกายก็จะพยายามขับออก แต่ถ้าหากขนาดก้อนที่กลืนลงไปมีขนาดใหญ่ ก็สามารถไปอุดตันระบทางเดินอาหาร และอาจเป็นอันตรายได้ ฉะนั้น จะให้รางวัลเด็กๆเป็นหมากฝรั่ง ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษค่ะ หรือจะเปลี่ยนรางวัลไปเป็นผลไม้เลยน่าจะดีที่กว่า


อ้างอิง
John Matson. "Fact or Fiction?: Chewing Gum Takes Seven Years to Digest". Scientific American. 11 October 2008. 18 November 2008.
บันทึกการเข้า
วันศุกร์ นัดทานข้าว
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 79


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 16.0 Firefox 16.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555 11:40:37 »


ประโยชน์ของหมากฟรั่ง



หมากฝรั่ง ช่วยลดอาการเสียดท้อง ถ้าเคี้ยวหมากฝรั่งหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จะช่วยลดกรดไหลย้อนกลับได้ หมากฝรั่งช่วยให้สุขภาพฟันดูสดใส แต่จะต้องเป็นแบบซูการ์ฟรีเท่านั้น

การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ จะช่วยลดอาการฟันผุได้ เพราะหมากฝรั่งช่วยลดกรดในช่องปาก และความเหนียวของหมากฝรั่ง จะช่วยทำให้ฟันสะอาดดีด้วย เพราะหมากฝรั่งจะช่วยเข้าไปทำให้อาหารหลุดออกมาได้

เคี้ยวหมากฝรั่งแล้ว ก่อนเข้านอนก็อย่าลืมแปรงฟัน ไม่อย่างนั้น อาจจะฝันผุได้
บันทึกการเข้า
วันศุกร์ นัดทานข้าว
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 79


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 16.0 Firefox 16.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555 11:41:32 »


ทำไมหมากฝรั่งถึงไม่ติดกับผิวหนัง

          เราว่าน่าจะเป็นเพราะว่า พื้นผิวของสิ่งของ กับ พื้นผิวของผิวหนังคนไม่เหมือนกัน ผิวหนังของคนเรามีความยืดหยุ่น มีน้ำมัน มีเหงื่อเคลือบผิวอยู่ตลอด หมากฝรั่งก็เลยไม่ติด เหมือนกับที่ติดสิ่งของ
 
นักวิจัยพัฒนาหมากฝรั่งรุ่นใหม่ ย่อยสลายง่ายไม่เหนียวติดหนึบ
 
          นักวิจัยเมืองผู้ดีเปิดตัวหมากฝรั่งรุ่นแรกของโลกที่ไร้ปัญหาความเหนียวหนืด เชื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะได้มาก เพราะแค่สายฝนตกโปรยปรายก็ทำให้หมากฝรั่งย่อยสลายหายไปจากพื้น
 
          พอกันทีปัญหาหมากฝรั่งติดรองเท้า เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งผม นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริสตอล อังกฤษ เผยว่า เรฟ 7 กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบด้านความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป และคาดว่าจะออกจำหน่ายได้ต้นปีหน้าในราคาห่อละ 40 เพนนี (ราว 27 บาท) ปิดฉากความพยายามคิดค้นพัฒนาหมากฝรั่งที่ไร้ปัญหาความเหนียวหนืดที่ดำเนินมาถึง 25 ปี
 
          หมากฝรั่งที่จำหน่ายอยู่ทั่วไปมีส่วนผสมจากยางสังเคราะห์ ชอล์ก ขี้ผึ้ง น้ำตาล และสารปรุงรส โดยความเหนียวของหมากฝรั่งมาจากสารโพลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติชอบน้ำมัน (hydrophobic) แบบเดียวกับที่ใช้ในยางรถยนต์
 
          สำหรับเรฟ 7 นั้น นักวิจัยสร้างวัสดุใหม่เพิ่มลงไปทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดจากพื้นผิว วัสดุดังกล่าวทำจากโพลีเมอร์ที่มีคุณสมบัติทั้งชอบน้ำมันและชอบน้ำ (hydrophilic) คุณสมบัติแรกเพื่อให้สารชนิดนี้ผสมกับส่วนผสมอื่นได้ และคุณสมบัติที่สองเพื่อทำให้หมากฝรั่งไม่เหนียวหนึบ ย่อยสลายได้ด้วยกระบวนการธรรมชาติ
 
          ทั้งนี้ จากการทดลองพบว่า น้ำฝนสามารถชะล้างคราบหมากฝรั่งรุ่นใหม่ออกจากพื้นถนนได้อย่างง่ายดาย ดึงออกได้ทันทีจากพื้นรองเท้าบางประเภท ขณะที่พื้นรองเท้าบางประเภทอาจต้องใช้น้ำล้างออก ส่วนรองเท้าหนังต้องใช้ผงซักฟอกช่วย หรือถ้าติดบนศีรษะ ก็สามารถใช้เพียงแชมพูสระผมธรรมดาเท่านั้น
 
          ศาสตราจารย์เทอเรนซ์ คอสโกรฟ นักเคมีฟิสิกส์ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเรฟ 7 เสริมว่า จากการทดสอบด้านรสชาติโดยอาสาสมัคร 20 คน ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านหมากฝรั่ง พบว่ารสชาติของเรฟ 7 ไม่แตกต่างจากมาตรฐานในอุตสาหกรรม
 
          ขณะนี้บริษัทเรฟโวลีเมอร์ ที่คอสโกรฟก่อตั้งขึ้นและเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเรฟ 7 กำลังพัฒนาหมากฝรั่ง 2 รสคือ มินต์และมะนาว แต่เตรียมขยายไลน์ อาทิ หมากฝรั่งสำหรับผู้ติดกาแฟและบุหรี่ต่อไปในอนาคต
 
          นอกจากจะเป็นการเปิดตัวเข้าสู่ตลาดที่มีมูลค่าปีละ 400 ล้านปอนด์ (27,600 ล้านบาท) แล้ว ยังเป็นที่คาดหมายว่าเรฟ 7 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาความสะอาดได้อย่างมาก โดยจากข้อมูลระบุว่า แต่ละปีอังกฤษต้องใช้เงินในการกำจัดคราบหมากฝรั่งจากสถานที่สาธารณะถึง 150 ล้านปอนด์ (10,350 ล้านบาท)
 
          นอกจากนั้น เศษหมากฝรั่งยังเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าเช่น ติดขน หรือทำให้สัตว์หายใจไม่ออกหากกลืนหมากฝรั่งเข้าคอ



แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
บันทึกการเข้า
คำค้น: หมากฟรั่ง หมาก ขนม ขบเคี้ยว 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.195 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 14 เมษายน 2567 19:46:55