[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 22:44:25 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โมไนยปฏิปทา  (อ่าน 4101 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552 15:12:12 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Decorated%20images/PC290043.jpg
โมไนยปฏิปทา



....................โมไนยปฏิปทา............................


อันนี้ผมเก็บความจากอรรถกถานาลกสูตร สุตตนิบาตในขุททกนิกาย25/388-389อันนี้เป็นข้อความเบื้องต้นโดยย่อเกี่ยวกับพระนาลกะ


ผู้ถือโมไนยปฏิปทาคราวนี้ขอพูดถึงโมไนยปฏิปทา....................คือตัวของโมไนยปฏิปทา.......................



เรื่องทางดำเนินของมุนี



เรียบเรียงจากบทสนทนาในรายการธรรมะร่วมสมัยสถานีวิทยุ อ.ส.ม.ท. โดยมี พันเอก -พิเศษ - ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์


เป็นพิธีกรสนทนากับอาจารย์ วศิน อินทสระ วิทยากร




สวัสดีครับ..............มาพบกันในรายการธรรมะร่วมสมัยนะครับ มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่งได้พูดเรื่อง ความเจริญของศาสนา ว่าการดูความเจริญของศาสนาทำไมต้องไปดูข้างนอกทำนองนั้นผมก็อยากสนับสนุนความคิดอันนี้นะครับ ความเจริญของศาสนาต้อง ดูกันที่พุทธศาสนิกชนไม่ใช่ไปดูที่โบสถ์ วิหาร - การเปรียญ หรือ ศาสนวัตถุที่หรูหรา ที่เขาพูดถึงว่าสร้างกำแพงวัดหรูหราแต่ว่ารอบ วัดมีแต่คนติดยาเสพติด ถ้าชาวพุทธเรายังเสพย์อบายมุขกันอยู่มาก ยังขโมย โบสถ์หรูหราหรือวัดราคาแพง มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะตัวศาสนาจริงๆไม่ได้อยู่ที่วัตถุแต่ว่าอยู่ที่คนดูศาสนาก็ต้องดู ที่คน แต่เวลานี้รู้สึกว่าเราจะพลาดเป้าไปมาก คือไปดูศาสนาหรือ..................................
ชักชวนคนให้บำรุงศาสนาในทางวัตถุเสียมาก ไม่ได้บำรุงคนให้ มีศาสนาหรือว่ามีบางทีก็มีผิด ๆ หรือสิ่งที่ส่งเสริมในส่วนนี้ พระท่านบางทีการกำหนดยศฐาบรรดาศักดิ์ ก็เอาเรื่องนี้เป็นเกณฑ์ด้วย เป็นข้อพิจารณาอย่างหนึ่ง ก็ทำให้ท่านใช้เป็นข้อที่จะทำเป็นหลักฐานว่า นี่ท่านสร้างถาวรวัตถุอะไรกันบ้าง แทนที่จะบอกว่าสร้างคนรอบวัดให้เลิกยาเสพติดเป็นร้อยเป็นพัน ไม่กล้าหรือไม่ทำเอาเลยอย่างนี้ ในขณะเดียวกันคนที่อยู่รอบวัดหรือข้างๆวัดอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆแต่ภายในวัดก็ยังหรูหราก็เป็นส่วนหนึ่งที่น่าพิจารณาเหมือนกัน



<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ธันวาคม 2552 16:55:01 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552 15:14:19 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Decorated%20images/PC290043.jpg
โมไนยปฏิปทา



ชาวพุทธส่วนมากก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ ก็น่าสงสารเขา เพราะว่าเขาถูกชักจูงไปทางนั้นมากกว่าที่จะชักจูงมาให้รู้จักศาสนาที่แท้จริงของตัว แต่ถูกชักจูงไปทางที่ไปสร้างนั่นสร้างนี่ให้หรูหราใหญ่โต แล้วก็ถือว่าเป็นบุญใหญ่ ทีนี้บุญที่จะต้องเอาเข้าตัว หรือพัฒนา ตนให้เป็นคนดีทำนองนี้ก็ไม่ค่อยจะมีพระพุทธเจ้าท่านต้องการอันนี้ ให้พุทธบริษัทพัฒนา ตนให้ดี ดีกว่าที่จะไปทำนั่นทำนี่ให้มันมากมาย ก็ถ้าทำอย่างนั้น ได้ละก็ทั้งสะดวก ทั้งง่าย ทั้งตรงตามวัตถุประสงค์ สำเร็จ ประโยชน์ได้มาก คือถ้าคนมีศีลธรรมดีโดยทั่วถึง ศาลาการเปรียญ ไม่ต้องหรูหราหรอกครับ อยู่อย่างง่ายๆก็มีความสงบสุข มีความ สุขได้ถ้าเราจะย้อนกลับไปดูอุดมการณ์อุดมธรรมเดิมที่พระบรม ศาสดาของเราได้วางเอาไว้ว่า


จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย


3/39 มหาวรรค วินัยปิฎกก็คือเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของมวลชน อนุเคราะห์เอ็นดูสัตว์โลก พระองค์เองจริงๆแล้ว ก่อนที่จะส่งพระภิกษุสงฆ์ของพระองค์ออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาก็เน้นในเรื่องที่ว่าทำอย่างไร ?จะไปให้ประโยชน์ต่อประชาชน ให้เขาอยู่กันอย่างมีความสุข ร่มเย็น เป็นสุข ไม่ใช่ทรงส่งออกไปเพื่อ เธอจงไปสร้างถาวรวัตถุ เธอจงไปสร้างเจดีย์ วิหาร โบสถ์ ศาลาการเปรียญก็เปล่า แต่มาระยะหลังๆ อุดมการณ์หรืออุดมธรรมตรงนี้มันชักจะเปลี่ยนแปรไปพระภิกษุมาขวนขวายในสิ่งที่ควรจะขวนขวายน้อย แล้วไปขวนขวายมาก ทีนี้สิ่งที่ควรขวนขวายมากไปขวนขวายน้อยมันกลับกันเสีย เช่น โบสถ์ วิหาร การเปรียญ เป็นสิ่งที่ควรขวนขวายน้อยไปขวนขวายมาก สิ่งที่ควรขวนขวายมากคือ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สั่งสอนพุทธศาสนิกให้เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อประโยชน์สุขให้เขาก็กลับเป็นขวนขวายน้อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ธันวาคม 2552 16:30:34 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552 15:16:17 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Decorated%20images/PC290043.jpg
โมไนยปฏิปทา



อีกเรื่องหนึ่งคือ เคยได้ยินทางวิทยุไหมครับที่พระสงฆ์ ออกมารักษาโรคทางอากาศ จะให้การบำบัดรักษา ซักประวัติ อาการโรคของญาติโยมทางอากาศ ให้การรักษากันทางอากาศ เลย ใครเป็นโรคอะไรก็บอกยาบอกอะไรให้ หรือมิเช่นนั้นก็ลองไปที่วัดนี้ ผมก็ฟังหลายรายการ ก็มีหลายรูปนะครับ


.......................อาจารย์พีระพลเล่าว่า.............................


ตอนนี้ที่น่ากลัวที่สุดท่านอาจารย์ วศินครับ ผมได้รับข้อมูลลับจริง ๆ ก็ยังไม่อยากจะเปิดเผยออกมาอยู่ที่สระบุรี ครับ เป็นอันตรายต่อญาติโยมที่เป็นสุภาพสตรีอย่างร้ายแรงเลยนะครับ ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ ถ้าเป็นนางสาวนี่บุกยันบ้านเลย โทรฯ ไปดึกดื่น ยังไงผมขอปิดข้อมูลตรงนี้ก่อนแล้วกัน แต่ถ้า อาจารย์ถามว่า ได้ฟังบ้างไหม ผมได้อัดเทปไว้ประมาณม้วนสองม้วน ก็รู้สึกว่า ถ้ามองในแง่ของหลักศาสนาแล้ว แล้วก็สถานการณ์ของศาสนาของเราผมคิดว่าไม่เหมาะเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ธันวาคม 2552 16:37:04 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552 15:17:47 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Decorated%20images/PC290043.jpg
โมไนยปฏิปทา



เวชกรรมนี่ธรรมดาท่านก็ห้ามอยู่แล้วเวลานี้แพทย์แผนปัจจุบันเราก็เจริญมากถ้าเป็นแผนโบราณก็ต้องมีใบอนุญาต(ใบประกอบโรคศิลป์)ทีนี้ท่านไปมีความรู้มาจากไหน อันนี้ที่ผมสงสัยว่า ทำไมถึงกล้าทำ ผู้บริหารทางคณะสงฆ์ทราบบ้างหรือเปล่าว่าเวลานี้พระของท่านมาออกรักษาโรคทางอากาศอย่างนี้สมควรทำไหม ในแง่ของพระธรรมวินัยก็ไม่ถูก มองในแง่ของกฎหมายบ้านเมือง เขาก็มีคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคตัวยา การบำบัดรักษา ก็ต้องมีใบอนุญาต ใบประกอบโรคศิลป์ ตัวสินค้า ผลิตภัณฑ์ ก็ต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สิ่งเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบหรือยัง แล้วการบำบัดรักษา ถ้าเกิดการผิดพลาด ประชาชนที่ได้รับความเสียหายเขาจะไปร้องเรียนกับใคร คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปอยู่ตรงไหน โรคแต่ละโรคนะครับ หมอเรียนกันมาตั้งนาน นานปีกว่าจะชำนาญ กว่าจะรักษา
ได้ พระคุณเจ้าท่านไปมีความรู้มาจากไหน ภาษาแพทย์ เขาเรียกว่าซัก history ทางอากาศ แล้วก็ diagnosis กัน วิเคราะห์โรคแล้วก็สั่งจ่ายยากัน บางรายก็บอกว่า ถ้าอย่างนี้ต้องไปที่วัด รู้สึกฟังแล้วมันสังเวชนะครับ ผมก็ปรารภขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องได้ดำเนินการ แล้วผู้ปกครอง พระก็ควรจะทราบบ้าง เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ไม่ทราบเสียเลย เพราะว่าชาวบ้านเขาทราบกันทั่วไป ผู้ปกครองไม่ทราบเลยไม่น่าจะเป็นไปได้ เมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ขอให้ท่านผู้ฟังที่ฟังรายการอยู่ในคืนนี้ คงต้องสังวรกันไว้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คือผมปรารภในฐานะที่เป็นชาวพุทธนะครับ นี่ก็ทำให้คนบางทีเขากลัวพระนะครับ เหมือนคนกลัวตำรวจ ลองนึกดูอะไรจะเกิดขึ้น เห็นตำรวจแล้วกลัวอย่างนี้ แมวน้ำธรรมดามันอยู่ในน้ำเกิดในน้ำ เกิดวันร้ายคืนร้าย แมวน้ำมันเกิดกลัวน้ำขึ้นมา มันต้องมีอะไรผิดปกติในน้ำ จึงทำให้แมวน้ำกลัวน้ำ นี่ข่าวไอทีวีนะครับ เวลา 12.00 น. แมวน้ำมันเกิดกลัวน้ำขึ้นมา ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น ถ้าชาวบ้านเกิดกลัวพระขึ้นมา จะมาท่าไหนกันแน่ ไม่ไว้ใจขึ้นมาเหมือนในวินัยที่เล่าว่า พระขอกันจนหวาดกลัว ชาวบ้านวิ่งหนีไปกันหมดเห็นวัวแดงเดินมาก็วิ่งหนีคิดว่าเป็นเพระ................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ธันวาคม 2552 16:37:48 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552 15:19:55 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Decorated%20images/PC290043.jpg
โมไนยปฏิปทา



วันนี้ประเด็นธรรมะผมค่อนข้างยาว หงุดหงิดทางดำเนินของมุนี โมไนยปฏิปทา (:UU:)ผมขอเล่าเรื่องก่อนที่จะมาถึงหัวข้อธรรมสักหน่อย คือ เรื่องโมไนยปฏิปทา แปลว่า ปฏิปทาของท่านผู้เป็นมุนี พระพุทธ เจ้าทรงประทานแก่พระนาลกะ ผู้เป็นหลานของอสิตฤาษี หรืออสิต ดาบส อสิตฤาษีเคยเป็นปุโรหิตของพระเจ้าสีหนุ พระชนกของพระเจ้าสุทโธทนะ แล้วก็เป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา ตั้งแต่ยังไม่ได้รับอภิเษกเป็นพระราชา ตอนหลัง อสิตปุโรหิต ได้ทูลลาออกจากตำแหน่งไปถือบวชเป็นฤาษี หรือ ดาบส จึงเรียกว่าอสิตดาบส อยู่ในพระราชอุทยาน ได้ญาน 8 อภิญญา 5 ด้วย เมื่อพระสิทธัตถะประสูติ ก็ได้เข้าเฝ้าถวาย พระพร ได้เห็นพระลักษณะของพระราชกุมารแล้ว ทราบว่าท่านผู้นี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต สำรวจดูอายุของตนแล้วเห็นว่าไม่ทันแน่ จึงไปสั่งหลานคือนาลกะไว้ คือนาลกะเป็นลูกของน้องสาว ว่าเมื่อพระสิทธัตถะออกบวชได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เจ้าจงไปเฝ้าแล้วก็บวชประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของพระองค์ ตอนนี้ให้บวชเป็นดาบส อบรมอินทรีย์ไปก่อน นาลกะจึงบวชเป็น ดาบสรอคอยอยู่ ต่อมาได้ทราบการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จึงไป เฝ้าทูลถามโมไนยปฏิปทา ซึ่งตนได้เคยอบรมมาบ้างแล้วในสมัย พระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตร พระพุทธเจ้าทรงแสดง โมไนยปฏิปทาหลายข้อ ท่านได้ฟังแล้วก็เริ่มดำเนินชีวิตแบบโมไนย - ปฏิบัติ คือ มีความมักน้อยอย่างยิ่งด้วยความมัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ธันวาคม 2552 16:38:38 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552 15:25:07 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Decorated%20images/PC290043.jpg
โมไนยปฏิปทา



1.ในการเห็นพระศาสดา
2.ในการฟัง
3.ในการถาม
เมื่อฟังเทศนาจบแล้ว พระนาลกะเถระ มีจิตเลื่อมใสอย่างยิ่งในพระศาสดาถวายบังคมแล้วเข้าไปอยู่ป่ามิได้คิดอีกเลยว่า
1.ไฉนหนอเราจะพึงได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าอีก
2.ไฉนหนอเราจะพึงได้ฟังธรรมของผู้มีพระภาคเจ้าอีก
3.ไฉนหนอเราจะพึงได้ถามโมไนยปฏิปทาอีก
คือ.................................................
ขอหนเดียวท่านทำเพียงหนเดียว เข้าเฝ้าหนเดียว ฟังหนเดียว ถามหนเดียว ท่านก็เข้าไปสู่เชิงเขา ไม่ยอมอยู่ที่เดียว ตลอด 2 วัน คืออยู่แห่งละวันเท่านั้น ไม่เข้าไปบิณฑบาตที่บ้านเดียวเป็นครั้งที่ 2 ท่านจึงเที่ยวจาริกจากป่านี้สู่ป่าโน้นจากต้นไม้นี้สู่ต้นไม้โน้นจากบ้านนี้สู่บ้านโน้นมิได้ซ้ำกัน
ภิกษุผู้บำเพ็ญโมไนยปฏิปทาอย่างเข้มงวดนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 7 เดือน เพราะอาหารที่รับประทานก็ลำบาก ที่อยู่ก็ไม่สะดวกสบายต้องย้ายไปเรื่อย เกิดการบีบคั้นทางสังขาร ผู้บำเพ็ญอย่างกลางจะมีชีวิตอยู่ได้ 7 ปี ผู้บำเพ็ญอย่างอ่อนจะมีชีวิตอยู่ได้ 16 ปี พระนาลกะเถระนี้บำเพ็ญอย่างเข้มงวด จึงมีชีวิตอยู่ได้เพียง 7 เดือน ท่านรู้ว่าอายุจะสิ้นแล้วจึงอาบน้ำนุ่งผ้า คาดผ้าพันกาย คือประคดเอว ห่มผ้าสังฆาฏิ 2 ชั้น หันหน้าไปทางพระศาสดา ถวายบังคมแล้วก็ประคองอัญชลียืนพิงภูเขาหิงคุลิกะ ปรินิพพาน พระศาสดาทรงทราบว่า พระนาลกะปรินิพพานแล้วจึง เสด็จไปยังภูเขานั้นให้ทำฌาปนกิจ แล้วให้เก็บอัฐิธาตุไปบรรจุยังเจดีย์เพื่อเป็นที่ระลึกถึงของพุทธศาสนิกชนต่อไปแล้วเสด็จกลับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ธันวาคม 2552 16:39:41 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.257 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 09 มกราคม 2567 21:03:46