[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 เมษายน 2567 16:03:38 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อานิสงส์วิหารทาน ในอดีตชาติพระอานนท์เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรู  (อ่าน 1984 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Compatable
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +3/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1210


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 25.0.1364.97 Chrome 25.0.1364.97


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2556 12:27:10 »

อานิสงส์วิหารทาน
ในอดีตชาติพระอานนท์เถระยอดพุทธอุปัฏฐาก
ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูป



การถวายวิหารเป็นสังฆาราม เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งพระบรม
ศาสดาทรง มีพุทธานุญาต ตามคำกราบทูลขอของท่าน ราชคหเศรษฐี เนื่องจาก
ทรงเล็งเห็นประโยชน์ว่า เป็นสิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้สงฆ์ได้บำเพ็ญ
สมณธรรม ขจัดขัดเกลากิเลสอาสวะในใจให้หมดสิ้นไป ดังนั้นวิหารทาน
จึงเป็นมหาทานที่มีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ส่งผลทำให้มีความสุขในทุกที่ ทุกสถาน
และสมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ กระทั่งนิพพานสมบัติ

ดังเรื่องราวในอดีตชาติของพระอานนท์เถระ ยอดพุทธอุปัฏฐาก ที่ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูปทำให้ท่านได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ ส่งผลให้ความปรารถนาของท่านเต็มเปี่ยมในภพชาติสุดท้ายจนมาเป็นบุคคลผู้ใกล้ชิดกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากที่สุด มีโอกาสได้ฟังธรรมและสอบถามธรรมะ ในสำนักของพระบรมศาสดา จนกระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก" และเป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพหูสูต"อีกด้วย ดังเรื่องราวในอดีตชาติดังต่อไปนี้

ในแสนกัปนับแต่ภัทรกัปนี้ พระบรมศาสดา ทรงพระนามว่า "ปทุมุตตระ"ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก แต่เดิมพระองค์ทรงมีพระนามว่า"อุตตรกุมาร" เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอานันทะ แห่งนครหังสวดี ด้วยบุญบารมีที่ได้ทรงสั่งสมมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้ทุกครั้งที่ทรงยกพระบาทเพื่อจะเหยียบลงบนแผ่นดินดอกบัวหลวงดอกใหญ่ก็ชำแรกแผ่นดิน ขึ้นมา กลีบดอกบัว วัดได้ ๙๐ ศอก เกสร ๓๐ ศอก ฝัก ๑๒ ศอก มีละอองเกสรประมาณ ๙ หม้อ ส่วนพระบรมศาสดา ทรงมีความสูง ๕๘ ศอก ระหว่างพระพาหาทั้งสองวัดได้ ๑๘ ศอก พระนลาต ๕ ศอก พระหัตถ์และพระบาทยาว ๑๑ ศอก เมื่อพระองค์ทรงเหยียบดอกบัว ละอองเกสรที่มีประมาณ ๙ หม้อ ก็ฟุ้งขึ้น กลิ่นหอมกระจายไปทั่วทุกสารทิศ จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระนามเช่นนั้น

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
Compatable
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +3/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1210


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 25.0.1364.97 Chrome 25.0.1364.97


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2556 12:48:55 »

สุมนกุมารปรารถนาตำแหน่งภิกษุผู้ใกล้ชิด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า


พระพุทธองค์ทรงมีพระเชฏฐภาดา คือ น้องชายร่วมบิดา ชื่อสุมนกุมารแม้จะไม่ได้เสด็จออกผนวชตามพระเจ้าพี่ แต่ก็มีความเคารพเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อว่างเว้นจากกรณียกิจก็หาโอกาสไปฟังธรรมจากพระบรมศาสดาเป็นประจำมิได้ขาด ทุกครั้งที่เสด็จไปเฝ้าพระเจ้าพี่นั้น สุมนกุมารสังเกตเห็นว่า พระเถระชื่อสุมนะ เป็นที่โปรดปราน

ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพิเศษ เวลาจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ต้องขออนุญาตจากพระเถระรูปนี้ก่อน เพราะท่านจะรู้เวลาอันควรหรือไม่ควร ทำให้พระกุมารอยากได้รับตำแหน่งของภิกษุผู้ใกล้ชิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง จึงปรารภกับพระพุทธองค์

พระบรมศาสดาทรงแนะนำให้สุมนกุมารเริ่มทำทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถศีล จึงจะเป็น ที่โปรดปรานของพระองค์ จากนั้นทรงรับสั่งให้ พระกุมารสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่ เพื่อรองรับภิกษุถึง ๑แสนรูปที่จะมาฉันภัตตาหารในพระราชวัง สุมนกุมารจึงซื้ออุทยานของกุฎุมพีโสภะ ในราคา ๑ แสนกหาปณะ อีกทั้งทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ อีก ๑ แสนกหาปณะ เพื่อสร้างมหาวิหารทันที ทรง รับสั่งให้สร้างพระคันธกุฎีสำหรับพระผู้มีพระภาคเจ้า และได้สร้างกุฎีและมณฑปเพื่อเป็นที่พักสำหรับ ภิกษุสงฆ์


เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้อาราธนาภิกษุสงฆ์ ๑ แสนรูป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานมา ฉันภัตตาหาร แล้วกล่าวคำน้อมถวายมหาวิหารว่า "ข้าแต่พระมหามุนี ขอพระองค์จงทรงรับอุทยานชื่อโสภนะ ที่ข้าพระองค์ทรงสร้างเป็นมหาวิหารสำหรับภิกษุสงฆ์
ด้วยเถิด"
พระกุมารทรงถวายมหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ ทรงถวายผ้าไตรจีวรแด่ภิกษุ ๑ แสนรูป แล้วทูลขอพรว่า

"ข้าพระองค์ได้สร้างวิหารถวายแด่ภิกษุสงฆ์ครั้งนี้ มิได้กระทำบุญเพราะหวังสมบัติ คือ ความเป็นท้าวสักกเทวราชทั้งมิได้กระทำเพราะหวังพรหมโลกเลย แต่ทำเพราะปรารถนาความเป็นพุทธอุปัฏฐาก อยากเป็นที่โปรดปรานเหมือนพระสุมนอุปัฏฐากของพระองค์
ในอนาคตกาล ด้วยเถิด"


สุมนกุมารสร้างวิหารแล้วถวายมหาทานตลอด ๗ วัน

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูว่า "ความคิดอันยิ่งใหญ่ของพระกุมารนี้ จักสำเร็จหรือเปล่าหนอ ทรงทราบว่า ในกัปที่หนึ่งแสนนับจากภัทรกัปนี้ไป พระโคดมพุทธเจ้าจักอุบัติขึ้น และพระกุมารนี้จักได้เป็นอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น จึงตรัสให้พรว่า
"ขอให้สิ่งที่ทรงประสงค์ ทรงปรารถนาแล้วทั้งหมด จงเป็นผลสัมฤทธิ์ ขอให้พระดำริทั้งปวงจงเต็มรอบ เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญฉะนั้น"พระกุมารได้ทรงสดับแล้ว ทรงพระดำริว่า"ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่มีพระวาจา เป็นสอง" นับตั้งแต่นั้นมาสุมนกุมารจึงตั้งใจทำ ความดีตลอดแสนปี เมื่อละจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่านเวียนวนอยู่แต่ในสุคติภูมิอย่างเดียวภพชาติสุดท้ายทรงถือกำเนิดเป็นพระโอรสของพระเจ้า อมิโตทนะและได้เป็นสหชาติ คือ ประสูติในเวลาเดียวกันกับพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา เมื่อท่านเสด็จออกผนวชก็ได้รับแต่งตั้งเป็นยอดเอตทัคคะในด้านพหูสูตรวมถึงเป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก ผู้เป็นที่โปรดปรานของพระบรมศาสดา นอกจากนี้ท่านได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าในบรรดาภิกษุ ผู้เป็นพุทธอุปัฏฐากในภัทรกัปนี้ ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติแล้วถึง ๓ พระองค์ พระอานนท์ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ที่สุด


การสั่งสมบุญนำความสุขมาให้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

จะเห็นว่า การ ที่พระอานนท์ได้ตำแหน่งอันเลิศนี้มา อีกทั้งเป็นผู้แจ่มแจ้งในคำสอนของพระ บรมศาสดา ก็เพราะอานิสงส์ที่ เคยถวายมหาวิหารเป็นสังฆทานและตั้งความปรารถนาไว้เช่นนั้น เพราะฉะนั้นอานิสงส์ในการสร้างมหาวิหาร จึงไม่ใช่เรื่องพอ
ดีพอร้าย เป็นบุญใหญ่ที่บังเกิดขึ้นได้ยาก ต้องอาศัยกำลังศรัทธาและกำลังทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้ทำบุญสร้างวิหารแด่พระสงฆ์ ก็ให้รีบขวนขวาย อย่าปล่อยให้โอกาสทองในชีวิตของเราผ่านไป อย่างน่าเสียดาย

เฉกเช่นเดียวกับ การสร้าง "มหารัตนวิหารคต"ซึ่งเป็นโอกาสทองของผู้มีบุญทุกคน ที่จะได้มีส่วนร่วมสร้างศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ เพื่อรองรับพุทธบุตร จากทั่วโลกหลายแสนรูป ที่จะมาเจริญสมาธิภาวนา และบำเพ็ญศาสนกิจต่างๆ ร่วมกันในวันสำคัญทาง พระพุทธศาสนา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยอยกพระพุทธศาสนาให้สูงเด่น และเพื่อสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนาไปอีกนานนับพันปี จึงนับเป็นบุญลาภอันประเสริฐของพวกเราทุกคนที่จะได้มีโอกาสสร้าง"มหาวิหารทาน" ดุจเดียวกับผู้มีบุญในกาลก่อน บัดนี้ มหา รัตนวิหารคดใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว คงเหลือเพียงการก่อสร้าง"หลังคา" ชั้นที่ ๒ รวม๓๐๐,๐๐๐ ตารางเมตร

ซึ่งจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับถวายการต้อนรับคณะสงฆ์ได้ถึงคราวละหลายแสนรูป ช่วยอำนวยความสะดวกในการบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อผลแห่งการฟื้นฟูพระธรรมคำสอนดั้งเดิมให้หวนกลับคืนมาอีกครั้งดั่งสมัยพุทธกาล จึงนับเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ สำหรับผู้ที่ได้มีส่วนร่วมสร้างซึ่งบุญนี้จะคอยเกื้อหนุนเราทุกคน ให้มีความสุขความสำเร็จไปทุกภพทุกชาติเพราะความปรารถนาทุกอย่างของมนุษย์จะเป็นจริงได้ ล้วนต้องอาศัยบุญเป็นหลักทั้งสิ้นเมื่อสั่งสมบุญจนเต็มเปี่ยมแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ย่อมสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ ดังนั้น พระพุทธองค์ จึงทรงสอนให้คนเราพึงข่มความตระหนี่ แล้วนำทรัพย์ออกให้ทานเพราะบุญเป็นเพียงที่พึ่งเดียวของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในอันนสูตรว่า

"บุคคลพึงนำความตระหนี่ออกไปเสีย
พึ่งข่มความตระหนี่ ซึ่งเป็นตัวมลทิน
แล้วพึงให้ทานเถิด
เพราะบุญทั้งหลาย
เป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า"



ที่มา
dharma.exteen.com/20070812/entry
บันทึกการเข้า
คำค้น: อานิสงส์ วิหาร วิหารทาน อดีตชาติ อานนท์ พระอานนท์ มหาวิหาร สังฆทาน 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.236 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 09:50:53