.................................ระงับความโศก..............................
พระศาสดาทรงปลอบพระกุมารนั้นแล้วตรัสว่า กุมารก็ประมาณแห่งน้ำตาทั้ง
หลายที่เธอร้องไห้อยู่ในกาลแห่งหญิงนี้ตายแล้วอย่างนี้นี่แลให้เป็นไปแล้ว
ย่อมไม่มีในสงสารซึ่งมีที่สุดอันใคร ๆ รู้ไม่ได้ทรงทราบความที่ความโศกเป็นภาพ
เบาบางเพราะเทศนานั้นแล้วจึงตรัสว่า.......กุมารเธออย่าโศกเลย
ข้อนั้นเป็นฐานะเป็นที่จมลงของชนพาลทั้งหลายดังนี้แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า................................
ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้อันตระการดุจ -
ราชรถที่พวกคนเขลาหมกอยู่(แต่)พวกผู้รู้หาข้องอยู่ไม่ (:LOVE:)แก้อรรถ บรรดาบทเหล่านั้นสองบทว่า เอถ ปสฺสถ พระศาสดาตรัสหมายเอาพระราช
กุมารนั่นเอง สองบทว่า อิมํ โลกํ ได้แก่ อัตภาพ กล่าวคือ ขันธโลกเป็นต้นนี้ บทว่า
จิตฺตํ ความว่า อันวิจิตรด้วยเครื่องประดับมีเครื่องประดับคือผ้าเป็นต้นดุจราชรถอัน
วิจิตรด้วยเครื่องประดับมีเเก้ว ๗ ประการ เป็นต้น สองบทว่า ยตฺถ พาลา ความ
ว่า พวกคนเขลาเท่านั้นหมกอยู่ในอัตภาพใด บทว่า วิชานตํ ความว่า แต่สำหรับ
พวกผู้รู้คือบัณฑิตทั้งหลายหามีความข้องในกิเลสเครื่องข้อง คือราคะเป็นต้นแม้อย่าง
หนึ่งในอัตภาพนั้นไม่
ในเวลาจบเทศนาพระราชกุมารตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้วพระธรรมเทศนา
ได้มีประโยชน์แม้เเก่ผู้ประชุมกันดังนี้แล................................จบเรื่องอภัยราชกุมาร.............................