[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 21:46:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มีทุกข์ เพราะมีเกิด  (อ่าน 2777 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 30 สิงหาคม 2553 10:02:08 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>


เหตุของทุกข์..........คือการเกิด ถ้าไม่เกิดก็ไม่ต้องทุกข์ ทุกข์ที่ได้เกิดมาเห็นได้ยิน

และคิดนึกแล้วก็หมดไป ทุกภพทุกชาติ เกิดมาไม่รู้ความจริงก็เกิดแล้วตาย ตายแล้ว

เกิดไปเรื่อย ๆ มีทุกข์{เพราะมีเกิด} ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมจะหมดทุกข์ไม่ได้ถ้าเราไม่

รู้จริงก็ดับกิเลสไม่ได้เช่นกันฟังธรรมให้เข้าใจ คือ ศึกษาให้เข้าใจความจริง{รู้จริง}ใน

สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ มีความจริงให้เข้าใจได้ อบรมเจริญปัญญารู้ในลักษณะสภาพ

ธรรมตามความเป็นจริงจนกว่าปัญญาจะดับกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท ไม่ต้องเกิดขึ้น

มาเห็นอีกได้ยินอีก..........................เป็นสุขอย่างยิ่ง



..................................เวทนา.......................


เวทนา สัญญา สังขาร เป็นเจตสิก  

สังขารขันธ์ได้แก่เจตสิก ๕๐ ประเภท

อภิสังขาร หมายถึง เจตนาเจตสิก

อปุญญาภิสังขาร ได้แก่ เจตนาที่เกิดกับอกุศลจิต ๑๒  

ปุญญาภิสังขาร ได้แก่ เจตนาที่เกิดกับกามาวจรกุศล ๘ รูปาวจรกุศล ๕  

อเนญชาภิสังขาร ได้แก่ เจตนาที่เกิดกับอรูปาวจรกุศล ๔



ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมจะไม่รู้คุณของพระธรรมไม่เห็นภัยของ{อกุศล}



Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 สิงหาคม 2553 10:38:31 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2553 10:16:18 »




............................ว่าด้วยเรื่องสังขารขันธ์ุ..........................


สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่าน พระสารีบุตรเถระ


...........................ความรู้จักสังขาร.....................


คือ รู้จักสังขาร ว่ามี 3 คือ............................

1. กายสังขาร

2. วจีสังขาร

3. จิตตสังขาร

รู้จักเหตุเกิดสังขาร คือรู้จักว่า เพราะ อวิชชาเกิด

สังขารจึงเกิด

รู้จักความดับสังขาร คือรู้จักว่า เพราะ{อวิชชา}ดับ

สังขารจึงดับ

รู้จักทางปฏิบัติให้ถึงความดับสังขาร

คือ มรรคมีองค์ 8 เป็นทางปฏิบัติ

ความหมาย คือ บรรดาทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่เป็นสิ่งผสมปรุงแต่ง

เรียกว่า สังขารทั้งหมด

ทุกๆสิ่งในโลก จะเป็นสิ่งที่มีใจครอง คือ มนุษย์

สิ่งที่ไม่มีใจครอง เช่น ดิน น้ำ ไฟ ลม ภูเขา

แม้รวมกันเป็นพื้นพิภพ

ก็เป็นสังขาร คือสิ่งผสมปรุงแต่งทั้งสิ้น

สิ่งผสมปรุงแต่ง

เช่น บ้านเรือน ที่เป็นบ้านเรือน ก็เรียกว่า

เป็นสังขาร คือ สิ่งผสมปรุงแต่ง

เพราะประกอบไปด้วยทัพสัมภาระ เช่นไม้

หลาย ๆ สิ่งมาประกอบกันเข้าเป็นบ้านเป็นเรือน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 สิงหาคม 2553 10:32:30 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2553 10:22:03 »




ลักษณะของสิ่งผสมปรุงแต่ง มี 3อย่าง คือ....................


1. ความเกิดขึ้นปรากฎ

2. ความเสื่อมไป สิ้นไปปรากฎ

3. เมื่อยังตั้งอยู่ ความเป็นไปอย่างอื่น

คือ ความแปรปรวนไปอย่างอื่นปรากฎ

พิจารณาเป็นทุกขะ เป็นทุกข์โดยสังขาร

คือล้วนเป็นสิ่งผสมปรุงแต่งทั้งสิ้น

ตั้งต้นตั้งแต่ รูปกายของตนเอง

นามกายของตนเอง

รูปกายของผู้อื่น

นามกายของผู้อื่น

สัตว์ - บุคคลต่าง ๆ

ทรัพย์สินต่าง ๆ

ทุกอย่างที่สมมติบัญญัติกันว่า{เป็นนั่น - เป็นนี่}

ทั้งที่ยึดว่าเป็นของเรา

ทั้งที่ยึดว่าเป็นเรา

ล้วนเป็นสิ่งผสมปรุงแต่งทั้งนั้น

สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง

มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา

เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 สิงหาคม 2553 10:33:47 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2553 10:27:21 »




สังขารมี 3 อย่าง คือ...........................


กายสังขาร

ได้แก่การปรุงแต่งกาย ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

ได้ชื่อว่า กายสังขารปรุงแต่งกาย

กายดำรงอยู่ได้เพราะมีลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

หากหยุดหายใจ กายก็ดำรงอยู่ไม่ได้

วจีสังขาร

แปลว่า การปรุงแต่งทางวาจา

ที่แปลว่า ความตรึก ความตรอง

อาจจะกล่าวได้ว่า จิตใจพูดก่อน คือตรึกครองขึ้นมาก่อน

จึงพูดออกทางวาจา

หากไม่มีการตรึกตรอง ก็เป็นวาจาที่เพ้อคลั่ง

ฉะนั้น วิตก - วิจาร จึงเรียกว่า วจีสังขาร

เป็นเครื่องปรุงทางวาจา

จิตตสังขาร

ได้แก่ สัญญาเวทนา

สัญญา คือ ความจำได้หมายรู้ เช่น จำรูป จำเสียง

เวทนา คือ ความเป็นสุข เป็นทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์

สัญญาเวทนา นี้ เป็นเครื่องปรุงจิต

คือปรุงจิตให้คิดไปต่างๆนานา

คือจะคิดในสิ่งที่ตัวเองจำได้

เพราะฉะนั้น สัญญาเวทนา

จึงเป็น จิตตสังขาร เครื่องปรุงจิต

พิจารณาสังขารเป็นทุกข์

เพราะทุกๆสิ่งที่เป็นสังขาร

ล้วนมีความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา

เช่น ร่างกายของคนเรา

เมื่อเกิดมา เป็นเด็ก แล้วก็เปลี่ยนเป็น หนุ่ม เป็นสาว

เป็นกลางคน เป็นคนแก่ และ{แตกดับ}ไปในที่สุด



...............................THE END............................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 สิงหาคม 2553 10:35:22 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

คำค้น: พระธรรม เกิด รส กลิ่น เสียง บางครั้ง โผฏฐัพพะ ยึดติด หลง คำสอน แนวทาง dhamma 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.23 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 25 กุมภาพันธ์ 2567 23:57:27