."วันสิ้นโลก" ปริศนาที่ยังหาจุดจบไม่ได้
สงครามนิวเคลียร์สามารถทำลายโลกได้ในเวลาอันสั้นปี 2012 ผ่านไปแล้วหลายเดือน โดยที่โลกเราก็ยังเป็นปกติดี ไม่ได้เกิดหายนะอย่างที่ร่ำลือกันว่าจะเป็นวันสิ้นโลก เมื่อเป็นแบบนี้จึงทำให้หลายคนคิดว่า คำทำนายต่างๆนั้นเชื่อถือไม่ได้ ซึ่งก็คงเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จริงๆแล้วความเชื่อในทางศาสนานั้น แทบทุกศาสนาจะกล่าวถึงวันสิ้นโลก
ศาสนาอิสลามนั้นบอกไว้อย่างชัดเจนถึงสัญญาณหลายอย่าง ที่บ่งบอกว่าวันสิ้นโลกนั้น ใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งมีทั้งสัญญาณเล็กและสัญญาณใหญ่ สัญญาณเล็กมีจำนวนถึง 47 อย่าง แต่ขอยกมาเพียงบางส่วน ได้แก่
"วันสิ้นโลก" ปริศนาที่ยังหาจุดจบไม่ได้
ควันและเถ้าจากภูเขาไฟขนาดยักษ์ อาจปกคลุมไปเกือบทั่วโลกแผ่นดินไหวจะเกิดมาก, ลมพายุจะรุนแรง, โรคร้ายจะคร่าชีวิตคนไปจำนวนมาก, คนทุจริตจะอยู่ปลอดภัย, การผิดประเวณีจะเกิดขึ้น อย่างมากมาย, คนรุ่นหลังจะประณามคนรุ่นก่อน, ผู้ใหญ่จะรับใช้เด็ก, หญิงจะประพฤติตัวเหมือนชาย ชายจะ ประพฤติตัวเหมือนหญิง, ผู้หญิงจะนุ่งน้อยห่มน้อย, ผู้ทุจริตจะได้รับการช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดกลับถูกทอดทิ้ง, ความชั่วช้าเลวทรามจะปรากฏชัด, คนชั่วจะมีหน้ามีตาในสังคม ฯลฯ
ส่วนสัญญาณใหญ่นั้น จะมีทั้งหมด 10 ประการ เช่น มีสัตว์ประหลาดออกมาจากแผ่นดิน, ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก, มีหมอกเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน, เกิดไฟประลัยกัลป์ออกมาขับไล่ผู้คน ฯลฯ
ส่วน
ศาสนาคริสต์นั้นว่าไว้ 10 ประการ เช่น ความรู้ เทคโนโลยีต่างๆที่ก้าวหน้ามาก, เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคหรือสารบางอย่าง ที่สังหารมนุษย์เป็นจำนวนมาก, การสื่อสารระยะไกล, ผู้คนเต็มไปด้วยการโกหกหลอกลวงกัน, ความอดอยากและโรคร้ายที่แพร่กระจายไปทั่ว, แผ่นดินไหวและภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างเกิดถี่ขึ้น, มนุษย์ขาดศีลธรรมกันมากขึ้น
"วันสิ้นโลก" ปริศนาที่ยังหาจุดจบไม่ได้
พายุสุริยะ อาจส่งผลกระทบรุนแรงหากสนามแม่เหล็กโลกอ่อนกำลังโดยรวมแล้วก็คล้ายกับสัญญาณเล็กในศาสนาอิสลาม
วันสิ้นโลกในทางวิทยาศาสตร์ ก็มีผู้คาดการณ์ไว้หลายทฤษฎี เช่น
สงครามโลกครั้งที่ 3 ปัจจุบันนี้ ชาติที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์นั้นไม่ได้มีเพียงชาติตะวันตก อย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และรัสเซียอีกต่อไป แต่ชาติอื่นๆที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้แก่ จีน อินเดีย ปากีสถาน เกาหลีเหนือ ฝรั่งเศส อิสราเอล (อิหร่าน และซีเรีย กำลังพยายามจะมีไว้ในครอบครอง) ซึ่งทั้งหมดนี้ประกอบไปด้วยหัวรบนิวเคลียร์กว่า 17,000 หัว ดังนั้น วันใดที่เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง ความเป็นไปได้ที่จะเกิดวันสิ้นโลกก็มีสูงมาก เพราะกัมมันตภาพรังสีที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลก อาจทำให้มนุษย์หาที่อยู่ไม่ได้เลยก็เป็นได้ นั่นยังไม่นับอาวุธเคมีและอาวุธเชื้อโรค ที่สามารถสังหารผู้คนได้มหาศาลเช่นกัน
การเรียงตัวของดวงดาวในกาแล็กซีทางช้างเผือก นักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งเชื่อว่า เมื่อใดที่ดาวเคราะห์เรียงตัวกันจะเกิดการเหนี่ยวนำที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ดวงอาทิตย์ นอกจากนั้น การเรียงตัวกันของดวงดาวยังเหนี่ยวนำให้เกิดแผ่นดินไหวบนดาวเคราะห์ที่อยู่ในแนวการเรียงตัวกันนั้นด้วย เหตุผลหนึ่งที่สนับสนุนความเชื่อนี้คือ จากข้อมูลทางสถิติในอดีตพบว่า แผ่นดินไหวขนาดใหญ่หลายๆครั้งเกิดขึ้นในช่วงวันที่โลกเรียงตัวกับดาวเคราะห์ดวงอื่น และดวงอาทิตย์
"วันสิ้นโลก" ปริศนาที่ยังหาจุดจบไม่ได้
โรคระบาดในอดีต เคยผลาญชีวิตคนไปครั้งละเป็นล้านการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก เกร๊ก บราเด็น คือนักภูมิศาสตร์ผู้ออกมาประกาศว่าปัจจุบันนี้สนามพลังแม่เหล็กโลกลดลงถึง 38% เมื่อเทียบกับเมื่อสองพันปีก่อน และอัตราความเร็วของการลดลงนี้เพิ่มขึ้นถึง 6% เฉพาะในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา เมื่อไหร่ที่ค่าของสนามพลังแม่เหล็กโลก ลดลงจนถึง 0 เมื่อนั้นคือขั้วแม่เหล็กโลกได้พลิกกลับอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อราว 780,000 ปีก่อน ในช่วงนั้นอาจจะเกิดขั้วแม่เหล็กโลกชั่วคราวขึ้นมา แต่สนามพลังที่ปรากฏจะอ่อน มาก ชนิดที่ว่า เข็มทิศจะชี้ไปไม่ตรงกันขึ้นอยู่ว่าเราอยู่ที่ตำแหน่งไหน ของโลก จากนั้นสนามพลังแม่เหล็กโลกก็สูญสิ้นไปเลยเป็นเวลาหลายพันปี ก่อนที่จะปรากฏขึ้นอีกครั้งในทิศที่ตรงกันข้ามกับครั้งก่อน ในช่วงที่โลกขาดสนามพลังแม่เหล็กที่ทำหน้าที่ปกป้องพลังงานอื่นๆจากนอกโลกนั้น อนุภาคของรังสีต่างๆโดยเฉพาะจากดวงอาทิตย์ (Salar Storm) จะเข้ามาโจมตีโลกเราได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง
การระเบิดของภูเขาไฟขนาดยักษ์ (Super volcano) โลกเรานี้มีภูเขาไฟระดับ “อภิมหา” ที่ว่านี้อยู่สามจุดในสหรัฐอเมริกา ทะเลสาบโทบา ในอินโดนีเซีย เทาโปที่นิวซีแลนด์ และไอร่าที่ญี่ปุ่น ภูเขาไฟขนาดนี้มีความรุนแรงของการระเบิดตั้งแต่ระดับ 8 VE ขึ้นไป ปล่อยเถ้าและ ลาวาออกมาในรัศมี 1,000 คิวบิกกิโลเมตร นักภูมิศาสตร์เชื่อว่า Yellow Stone เป็นแห่งแรกที่จะระเบิด เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวบริเวณที่บริเวณนั้นราว 1,500 ครั้งต่อปี และมีการปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง หากมันระเบิดขึ้นมา กว่าครึ่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาจะหายไปจากแผนที่โลก กรดซัลฟูลิกจะกระจายสู่ชั้นบรรยากาศราว 2,000 ล้านตัน สร้างผลเสียมหาศาลนานหลายปี
"วันสิ้นโลก" ปริศนาที่ยังหาจุดจบไม่ได้
ผู้คนต่างต้องดิ้นรนหาทางรอดในวันที่หายนะมาถึงโรคระบาด ในราวปี ค.ศ.1300-1400 หรือยุคกลาง เกิดกาฬโรคระบาดแทบทุกหนแห่งบนโลก ประชากรลดลงอย่างฮวบฮาบในเวลาอันรวดเร็ว ช่วง ค.ศ.1501-1587 เกิดการระบาดที่รุนแรงของโรคไข้รากสาดใหญ่ (Typhus) ในทวีปยุโรป แม้จะคร่าชีวิตผู้คนไม่มากเท่าการระบาดของกาฬโรคในยุคกลางตอนต้น แต่ก็ส่งผลอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ได้มาก พอถึงช่วงปี 1918-1920 เพียงสองปีเท่านั้น แต่ไข้หวัดสเปน (Spanish Flu) เอาชีวิตคนไปประมาณ 50-100 ล้านคน เมื่อปี 2002 ไข้ SARS คือโรคระบาดที่สะเทือนขวัญของคนทั้งโลกและนับจากปี 1980 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โรคเอดส์หรือเชื้อ HIV ยังคงไม่มียารักษา ทั้งที่มันเอาชีวิตคนไปแล้วหลายสิบล้านคน ในอนาคตยังไม่มีใครสามารถทำนายได้ว่าโรคแปลกๆที่รักษาไม่ได้จะเกิดระบาดขึ้นเมื่อไหร่และรุนแรงแค่ไหน แต่มันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มนุษย์หมดไปจากโลกได้เช่นกัน
เหตุการณ์วันสิ้นโลกยังมีอีกหลายทฤษฎี ซึ่งมีการนำเสนออยู่ไม่ขาดระยะ เช่น ถูกอุกกาบาตขนาดยักษ์ หรือดาวดวงอื่นพุ่งชนโลก, ปรากฏการณ์น้ำท่วมโลก, ผลกระทบจากดวงอาทิตย์ ฯลฯ มีสื่อต่างๆและภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องที่จับเอาวันสิ้นโลกมานำเสนอ แตกต่างกันไปในแต่ละมุมมองของผู้สร้าง เร็วๆนี้จะมีภาพยนตร์เรื่อง “World War Z-มหาวิบัติสงคราม Z” ที่สร้างจากนิยายสยองขวัญชื่อดัง ที่เอาเรื่องของเชื้อโรคลึกลับมาเป็นประเด็นวันสิ้นโลก เชื้อโรคลึกลับไม่ทราบที่มาชนิดนี้แพร่กระจายได้ผ่านการโดนกัดเพียงครั้งเดียว และเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตดุร้าย ที่ไม่มีความรู้สึกรับรู้ ไม่มีความคิด จดจำอดีตไม่ได้ เมื่อเชื้อโรคนี้ระบาดไปทั่วโลก จำนวนคนตายเพิ่มจำนวนมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว จนเกือบจะหมดโลก แม้แต่กองทัพก็พ่ายแพ้ย่อยยับ หลายรัฐบาลต้องล่มสลาย วิธียุติการแพร่ระบาดมีหนทางเดียวคือต้องค้นหาที่มาของเชื้อโรคให้ได้เท่านั้น!
วันสิ้นโลกนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? มนุษยชาติจะดับสูญไปด้วยสาเหตุใด? เป็นปริศนาที่ยากจะคลี่คลาย เป็นคำถามที่ยังไร้คำตอบ เสมือนละครที่ยังไร้ฉากจบปิดท้าย ได้แต่ค้นหาและติดตามกันต่อไป...จนกว่าวันนั้นจะมาถึง.
จาก นิตยสาร ต่วย'ตูน โดย...ลุงดำ