[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 12:18:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นิราศนรินทร์ : เพชรเม็ดงามแห่งความเป็นเลิศทางวรรณศิลป์  (อ่าน 12081 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5436


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 05 สิงหาคม 2556 16:06:24 »

.

นิราศนรินทร์
เพชรเม็ดงามแห่งความเป็นเลิศทางวรรณศิลป์


นิราศนรินทร์ เป็นวรรณคดีในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ประเภทนิราศคำโคลง  ที่ใช้เป็นแบบแผนของโคลงสี่สุภาพ   นิราศเรื่องนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความเป็นเลิศทางวรรณศิลป์ ยากที่จะหานิราศเรื่องอื่นในบรรดาวรรณคดีไทยมาเทียบได้  ความไพเราะของกวีนิพนธ์อยู่ที่การเลือกสรรคำอย่างไพเราะ  มีการใช้สัมผัสสระอย่างแพรวพราว  และถ่ายทอดอารมณ์พรรรณนาถึงความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งกินใจ

ผู้แต่งนิราศนรินทร์ คือ นายนรินทรธิเบศร์   นามเดิมว่า อิน ในตำรารุ่นเก่า มักเขียนเป็น นายนรินทรธิเบศร์ (อิน)  รับราชการเป็นมหาดเล็กฝ่ายพระราชวังบวร  ได้รับพระราชทานยศเป็นหุ้มแพร มีบรรดาศักดิ์เป็น นายนรินทรธิเบศร  ได้แต่งนิราศเรื่องนี้เมื่อคราวตามเสด็จสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาเสนานุรักษ์ไปในสงครามกับพม่า ซึ่งยกลงมาตีเมืองถลางและชุมพร ในช่วงต้นรัชกาลที่ ๒  เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๕๒   ปรากฏในหนังสือ ไทยรบพม่า พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงกล่าวพาดพิงถึงนายนรินทรธิเบศร (อิน) ไว้ดังนี้  “...กรมพระราชวังบวรเสนานุรักษ์เสด็จยกออกกรุงเทพฯ เมื่อ ณ วันอังคาร เดือนอ้าย ขึ้น ๑๓ ค่ำ เวลานั้นมรสุมจะลงเสียแล้ว เสด็จโดยชลมารคได้เพียงเมืองเพชรบุรี..” และมีข้อความเพิ่มเติมในเชิงอรรถของหนังสือเล่มเดียวกันนี้เพิ่มเติมว่า “นายนรินทรธิเบศร (นรินทร อิน)  แต่งโคลงนิราศที่นับถือกันนักเมื่อไปตามเสด็จคราวนี้”  หนังสือเล่มนี้จึงเรียกตามนามชื่อผู้แต่งว่า นิราศนรินทร์


นิราศนรินทร์

ศรีสิทธิ์พิศาลภพ  เลอหล้าลบล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกว่ากว้าง แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า แจกแสงจ้าเจิดจันทร์ เพียงรพิพรรณผ่องด้าว ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฏร์รอนเสี้ยน ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว คอบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกอ้อมมาอ่อน ผ่อนแผ่นดินให้ผาย  ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว  เลี้ยงทแกล้วให้กล้า  พระยศไท้เทิดฟ้า  เฟื่องฟุ้งทศธรรม์  ท่านแฮ

 อยุธยายศล่มแล้ว         ลอยสวรรค์ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร      เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรร         ศาสน์รุ่ง  เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า               ฝึกฟื้นใจเมือง ฯ

เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น      พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง          ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง                เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า             แก่นหล้าหลากสวรรค์ ฯ

โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น    ไพหาร
ธรรมาสน์ศาลาลาน           พระแผ้ว
หอไตรระฆังขาน              ภายค่ำ
ไขประทีปโคมแก้ว            ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์ ฯ

เสร็จสารพระยศซ้อง       สรรเสริญ
ไป่แจ่มใจจำเริญ              ร่ำอ้าง
ตราตรอมตระโมจเหิน        หวนสวาท
อกวะหวิวหวั่นร้าง             รีบร้อนการณรงค์ ฯ

แถลงปางบำราศห้อง     โหยครวญ
เสนาะเสน่ห์กำสรวล         สั่งแก้ว
โอบองค์ผอูนอวล            ออกโอษฐ์  อรเอย
ยามหนึ่งฤาแคล้วแคล้ว      คลาดคล้ายขวบปี ฯ

รอยบุญเราร่วมพ้อง       พบกัน
บาปแบ่งสองทำทัน          เท่าสร้าง
เพรงพรากสัตว์จำผัน        พลัดคู่  เขาฤา
บุญร่วมบาปจำร้าง           นุชร้างเรียมไกล ฯ

จำใจจากแม่เปลื้อง       ปลิดอก  อรเอย
เยียวว่าแดเดียวยก           แยกได้
สองซีกแล่งทรวงตก         แตกภาค  ออกแม่
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้              แนบเนื้อนวลถนอม ฯ

โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ     แลโลม โลกเอย
แม้ว่ามีกิ่งโพยม             ยื่นหล้า
แขวนขวัญนุชชูโฉม         แมกเมฆ  ไว้แม่
กีดบ่มีกิ่งฟ้า                  ฝากน้องนางเดียว ฯ


http://2.bp.blogspot.com/-rbOOWqj3Yyg/UCEGgZpy5xI/AAAAAAAABwo/750McUNmRww/s1600/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%90.jpg
นิราศนรินทร์ : เพชรเม็ดงามแห่งความเป็นเลิศทางวรรณศิลป์


โฉมควรจักฝากฟ้า         ฤาดิน ดีฤา
เกรงเทพไท้ธรณินทร์        ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน         บนเล่า  นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ              ชอกเนื้อเรียมสงวน ฯ

ฝากอุมาสมรแม้แล้        ลักษมี  เล่านา
ทราบสยมภูวจักรี             เกลือกใกล้
เรียมคิดจบจนตรี             โลกล่วง  แล้วแม่
โฉมฝากใจแม่ได้             ยิ่งด้วยใครครอง ฯ  




บรรจถรณ์หมอนม่านมุ้ง  เตียงสมร
เตียงช่วยเตือนนุชนอน      แท่นน้อง
ฉุกโฉมแม่จักจร             จากม่าน  มาแฮ
ม่านอย่าเบิกบังห้อง         หับให้คอยหน ฯ

สงสารเป็นห่วงให้         แหนขวัญ  แม่ฮา
ขวัญแม่สมบูรณ์จันทร์       แจ่มหน้า
เกศินีนิลพรร                 โณภาส
งามเงื่อนหางยูงฟ้า          ฝากเจ้าจงดี ฯ

เรียมจากจักเนิ่นน้อง      จงเนา  นะแม่
ศรีสวัสดิ์เทอญเยาว์          อย่าอ้อน
อำนาจสัตย์สองเรา           คืนร่วม  กันแม่
การณรงค์ราชร้อน            เร่งแล้วเรียมลา ฯ

ลงเรือเรือเคลื่อนคว้าง    ขวัญลิว  แลแม่
ทรุดนั่งถอนใจปลิว           อกว้า
เหลียวหลังพี่หวาดหวิว      ใจวาก
แลสั่งสบหน้าหน้า            แม่หน้า เอ็นดู ฯ

ออกจากคลองขุดข้าม    ครรไล
เรือวิ่งอกหว่าใจ              หวาดขว้ำ
เด็ดแดดั่งเด็ดใบ             บัวแบ่ง  มาแม่
จากแต่อกใจปล้ำ            เปลี่ยนไว้ในนาง ฯ

บรรลุอาวาสแจ้ง          เจ็บกาม
แจ้งจากจงอาราม           พระรู้
เวรานุเวรตาม                ตัดสวาท  แลฤา
วานวัดแจ้งใจชู้              จากช้าสงวนโฉม ฯ

มาคลองบางกอกกลุ้ม   กลางใจ  
ฤาบ่กอกหนองใน           อกช้ำ
แสนโรคเท่าไรไร           กอกรอด  ราแม่
เจ็บรักแรมรสกล้ำ           กอกร้อยฤาคลาย ฯ

ชาวแพแผ่แง่ค้า         ขายของ
แพรพัสตราตาดทอง       เทศย้อม
ระลึกสีสไบกรอง           เครือมาศ  แม่เฮย
ซัดสอดสองสีห้อม         ห่อหุ้มบัวบัง ฯ





วัดหงส์เหมราชร้อง      รังถวาย  นามนา
เรียมนิราเรือนสาย          สวาทสร้อย
หงส์ทรงสี่พักตร์ผาย       พรหมโลก   แลฤา
จะสั่งสารนุชคล้อย         คลาศท้าวไป่ทัน ฯ

สังข์กระจายพี่จากเจ้า   จอมอนงค์
สังข์พระสี่กรทรง           จักรแก้ว
สรวมทิพยสุธาสรง         สายสวาท  พี่เอย
สังข์สระสมรจงแผ้ว        ผ่องถ้า เรียมถึง ฯ

จากมามาลิ่วล้ำ         ลำบาง
บางยี่เรือราพลาง          พี่พร้อง
เรือแผงช่วยพานาง        เมียรม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง          คล่าวน้ำตาคลอ ฯ

มาด่านด่านบ่ร้อง       เรียกพัก  พลเอย
ตาหลิ่งตาเหลวปัก         ปิดไว้
ตาเรียมหลั่งชลตัก         ตวงย่าน
ไฟด่านดับแดไหม้         มอดม้วยฤามี ฯ

นางนองชลน่านไล้     ลบบาง
ไหลเล่ห์ชลลบปราง       แม่คล้ำ
แสนโศกสั่งสารปาง       จากพี่  ปลอบแม่
นาสิกเรียมซับน้ำ          เนตรหน้านางนอง ฯ

บางขุนเทียนถิ่นบ้าน   นามมี
เทียนว่าเทียนแสงสี       สว่างเหย้า
เย็นยามพระสุริยลี         ลาโลก  ลงแม่
เทียนแม่จุดจักเข้า         สู่ห้องหาใคร ฯ

ปานนี้มาโนชญ์น้อย    นงพาล  พี่เอย
เก็บเกศฤากรองมาลย์     มาศห้อย
ปรุงจันทน์จอกทองธาร    ประทิ่น  ทาฤา
นอนนั่งถามแถลงถ้อย     ทุกข์พร้องความใคร ฯ




คิดไปใจป่วนปิ้ม       จักคืน
ใจหนึ่งเกรงราชขืน       ข่มคร้าม
ใจหนึ่งป่วยปานปืน       ปักปวด ทรวงนา
ใจเจ็บฝืนใจห้าม          ห่อนเจ้าเห็นใจ ฯ

มิตรใจเรียมจอดเจ้า    จักคิด ถึงฤา
จากแม่เจ็บเสมอจิตต์     พี่บ้าง
ฤาลืมมลายปลิด           แปลนสวาท
จำพี่โหยไห้ช้าง           ค่ำเช้าชำงายฯ

ไปศึกสุดมุ่งม้วย        หมายเป็น ตายเลย
สูญชีพไหนนุชเห็น       หากลี้
อรเอยลับหลังเอ็น        ดูนัก นะแม่
โอ้โอะไกลกันกี้          เมื่อไซร้จักสม ฯ

เรือมามาแกล่ใกล้       บางบอน
ถนัดหนึ่งบอนเสียดซอน  ซ่านไส้
จากมาพี่คายสมร          เสมอชีพ  เรียมเอย
แรมรสกามาไหม้          ต่างต้องทรวงคายฯ

บางกกกลกล่อมแก้ว   กับแด
กรตระกองนุชแปร         ปรับเนื้อ
ลานโลมวิไลแถง          ชระมุ่น  อกเอย
จำนิรารสเกื้อ              กกแก้วกับทรวง ฯ

หัวกระบือกบิลราชร้า    รณรงค์ แลฤา
ตัดกบาลกระบือดง        เด็ดหวิ้น
สืบเศียรทรพีคง           คำเล่า แลแม่
เสมอพี่เด็ดสมรดิ้น        ขาดด้วยคมเวร ฯ

โคกขามดอนโคกคล้าย สัณฐาน
ขามรุ่นริมธารสนาน       สนุกนี้
พูนเพียงโคกฟ้าลาน      แลโลด  ลิ่วแม่
ถนัดหนึ่งโคกขามชี้       ช่องให้เรียมเห็น ฯ

มาคลองโคกเต่าตั้ง     ใจฉงาย
ตัวเต่าฤามีหมาย          โคกอ้าง
เจ็บอกพี่อวนอาย          ออกปาก ได้ฤา
คืนคิดโคกขวัญร้าง        อยู่เร้นแรมเกษม ฯ





มหาชัยชัยฤกษ์น้อง      นาฏลง โรงฤา
รับร่วมพุทธมนต์สงฆ์        เสกซ้อม
เสียดเศียรแม่ทัดมง         คลคู่ เรียมเอย
ชเยศชุมญาติห้อม           มอบให้สองสม ฯ

ท่าจีนจีนจอดถ้า         คอยถาม ใดฤา
จีนช่วยจำใจความ           ข่าวร้อน
เยี่ยวมิ่งแม่มาตาม           เตือนเร่ง ราแม่
จงนุชรีบเรียมข้อน           เคร่าถ้า จีนคอย ฯ

บ้านบ่อน้ำบกแห้ง        ไป่เห็น
บ่อเนตรคงขังเป็น            เลือดไล้
อ้าโฉมแม่แบบเบญ-        จลักษณ์  เรียมเอย
มาซับสุชลให้                พี่แล้วจักลา ฯ

นาขวางใครแขวะรุ้ง      เป็นทาง
ปองบ่อไป่ปองนาง           ป่วยไซร้
นาขวางไขว่หนามขวาง      ในอก อีกแม่
ใคร่บ่งฤาเบาได้              เท่าน้องนางถอน ฯ

สามสิบสองคดคุ้ง         เวียนวง
คิดว่าคืนหลังหลง            ทุกเลี้ยว
บังเฉนียนไฉนบง             พักตร์แม่ เห็นฤา
แลตะลึงลืมเคี้ยว             ขบค้างคำสลา ฯ

มาคลองย่านซื่อซ้ำ        พิศวง
ซื่อตลอดย่านเดียวตรง       รวดริ้ว
ใจคิดคู่คลองคง               รักแม่ นะแม่
ไป่ตลอดเลยพลิ้ว             พลัดน้องมาไกล ฯ

เห็นจากจากแจกก้าน      แกมระกำ
ถนัดระกำกรรมจำ             จากช้า
บาปใดที่โททำ                แทนเท่า ทันแม่
จากแต่คาบนี้หน้า             พี่น้องคงถนอม ฯ

เรียมจากฤาจับข้าว         เต็มคำ หนึ่งเลย
รินสุชลจานจำ                 เนื่องแค้น
หยิบกับกระยากำ              คิดแม่ คอยแม่
เหียนฤหายหอบแหน้น        อกค้างคายคืน ฯ




ปราณีนุชอยู่เหย้า          เยียบเย็น
เย็นแม่เยี่ยมจักเห็น           แต่ห้อง
ครวญหาพี่ใครเป็น            สองปลอบ แม่เลย
สไบพี่เปลี่ยนจักป้อง          ปิดหน้านางโหย ฯ

แลไถงละงาดเลี้ยว        ลับแสง
สอดซึ่งตาเรียมแสวง         ทั่วพื้น
จวบจันทร์แจ่มโลกแปลง     มาเปลี่ยน
หวนว่ามุขแม่ฟื้น              เยี่ยมฟ้าหาเรียม ฯ

ชมแขคิดใช่หน้า            นวลนาง
เดือนดำหนิวงกลาง           ต่ายแต้ม
พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปราง      จักเปรียบ ใดเลย
ขำกว่าแขไขแย้ม              ยิ่งยิ้มอัปสร ฯ

วิเวกดุเหว่าก้อง             ดงดึก แล้วแฮ
กระส่าวเสียงนกนึก            นุชพร้อง
พลิกปลอบเปล่าใจทึก        ถามแม่ ไหนแม่
ปลุกพี่ฤาเรียมร้อง             เรียกเจ้าไป่ขาน ฯ

โอ้ดวงดาเรศด้อย          เดือนดับ
ดับดังดวงอัจกลับ              พู่พร้อย
ชวาลาจะลาลับ                นุชพี่ แพงเอย
หลับฤตื่นตรอมละห้อย        อยู่ห้องหนหลัง ฯ

เรือมารุ่งบ่รู้                 คืนวัน
ตื่นแต่ตาใจฝัน                คลับคล้าย 
แปดยามย่ำแดยัน             แทนทุ่ม  โมงแม่
นอนนั่งลุกยืนย้าย             ยิ่งร้อนเรียมวี ฯ

แม่กลองบ่ได้               ยินดัง
รัวแต่กรประนัง                หนึ่งค้อน
ทรวงพี่แผ่เพียงหนัง          ขึงขอบ กลองเอย
กลองบ่อข้อนเรียมข้อน      อกแค้นคะนึงโฉมฯ

ออกจากปากน้ำน่าน        นองพราย
อรรณพพิศาลสาย            ควั่งคว้าง
จากนางยิ่งตนตาย            ทีหนึ่ง นะแม่
เทียรจักทอดตัวขว้าง         ชีพไว้กลางวน ฯ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ธันวาคม 2556 11:13:48 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5436


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2556 10:56:20 »

.



สวรเสียงพระสมุทรครื้น       ครวญคะนอง
คลื่นก็คลี่คลายฟอง              เฟื่องฟื้น
ดาลทรวงป่วนกามกอง           กลอยสมุทร แม่ฮา
ออกโอษฐ์ออกโอยสะอื้น        อ่าวอื้ออลเวง ฯ

เรียมวอนเทวะแม่แม้น         เมขลา
แบวิเชียรเชิญรา                  เร่งเจ้า
นางสมุทรเรียกมามา             เทอญแม่ มาแม่
ทันที่เรือเรียมเต้า                 คลื่นเต้นตากทรวง ฯ

บ้านแหลมเรือพี่เลี้ยว          คลองจร
ระลึกคมแหลมศร                 เนตรน้อง
เสียวทรวงพี่โอยอร               อกแตก ตายแม่
สุดสอดสายเนตรต้อง             แม่ตั้งตาคอย ฯ

เห็นตะบูนรอยบั่นต้น           ตัดรอน
ยังแต่ตอตะบูนทอน              กิ่งกลิ้ง
เจียนใจพี่ขาดจร                  จากสวาท  มาแม่
ทอนท่อนไมตรีทิ้ง                ทอดไว้วังเวง ฯ

ดูใดไป่เท่าด้วย                 ดวงพักตร์ แม่เลย
โฉมแม่ชื่นใจจัก                   หล่อหล้ม
มาเดียวพี่ดักดัก                   ใจจอด แม่แม่
เรือแล่นผายผันก้ม                พักตร์ไห้หาศรี ฯ  

ถับถึงคุ้งคดอ้อย                โอชหวาน วายแม่
อ้อยแม่เจียนผจงจาน             จอกแก้ว
ของเคียงซ่อมสอดพาน           รองร่วม เจ้าฤา
รสยิ่งอำมฤตแล้ว                  ระลึกลิ้นหวานเอง ฯ

พิศพานจานแจ่มจ้า             เบญจรงค์ รัตน์เอย
โหยบ่เห็นอนงค์                   นั่งน้อม
นพนิตแน่งนางผจง                จักมอบ มาฤา
จากรักจางรสพร้อม                ไพร่ใช้ชายเคียง ฯ

อยู่เรือนจักเพื่อนพร้อง         ความใคร
รสรักแรมกะได                    ดอกดั้ว
เรียมหมองแม่พาใจ               คลายเทวษ
หมองสมรนุชเรียมกลั้ว            กล่อมเจ้าเอาใจ ฯ

บำราศรสหื่นห้า                 แหหาย
โหยคระหนรนกาย                ก่ำไหม้
รัวรัวราคราวพาย                  เรือเร่ง แรงแม่
ทันถี่ทุกเล่มไหล้                  หล่อเต้นตามเผยอ ฯ

ถึงเพชรบุเรศเข้า               ขุนพล
กรีทัพยกโดยสถล                มารคเต้า
ธงทองทัดลมบน                  โบกเรียก พลแม่
เรียมเรียกรสรักเร้า                เร่งน้องในทรวง ฯ      



ออกทัพเอาฤกษ์เร้า           ปืนไฟ
ปืนประกายกุมไก                 จี่จิ้ม
เพลิงราคพลุ่งกลางใจ            เจียวเจ็บ อกเอย
ทรวงพี่บรรทุกปิ้ม                 เป่าด้วยปืนกาม ฯ

ทุกตรอกเรียมตรวจหน้า        ขาดนาง เดียวแม่
จบจรหลาดแลทาง                ทั่วด้าว
จวบหญิงจ่ายของกลาง           ถนนเกลื่อน
เทียมธุลีทาสท้าว                  อรข้างเดียวเดิน ฯ

ถึงชระอำชระอุ่มห้อง            เวหา หนเอย
คิดอรแมกเมฆมา                   กลัดไว้
ฤาเขาชระอ่ำอา-                   ดูรเทวษ
เป็นชระอุ่มฟ้าไข้                   ข่าวน้องนางตรอม ฯ

• สุริยาพิโยคฟ้า                   ฝนเชย
บุปผชาติรำเพยเผย                กลิ่นใกล้
เผยอหอมเลื่อนลมระเหย          หาพี่ ฤาแม่
ถามพฤกษ์พรางเพราะไม้          ปากลิ้นไป่มี ฯ

ทัพใต้ทัพตั้งป่า                  เป็นเรือน
จากนุชมานอนเดือน               ต่างไต้
ตรอมตายแต่จักเยือน              กันยาก แลแม่
เรือนฤเห็นเห็นไม้                  ป่าไม้เป็นเรือน ฯ

ราตรีตรวจค่ายฆ้อง              ขานขาม ใจเอย
เกราะกระพือเพลิงยาม            รุ่งเร้า
กระเวนกระวนกาม                 กวนอก พี่นา
รันระดมแดเข้า                     คู่ฆ้องกระแตตี ฯ

เคยนิทรอรนุ่มเนื้อ               แนบเรียม
เดาะกระไดไดเลียม                ลอดเคล้น
นาสาสูบรสเทียม                   ปรางมาศ
สองสนุกล้วนเหล้น                 เล่ห์นั้นฤาลืม ฯ

เคยโอษฐ์แอบโอษฐ์อ้อน       เอาใจ
คำอ่อนวอนอาลัย                 ล่อเคล้า
นับเดือนเลื่อนปีไป                ไกลมิ่ง นะแม่
เยียวอยู่หนหลังเศร้า              สวาทแล้วใครโลมฯ

ออกทัพถะถั่นเข้า               ไพรเขียว
ละแม่เดียวมาเดียว                ด่วนร้าง
สายตัวต่อเต็มเกลียว              มากล่อม ไกลแม่
เวรุใดเราสร้าง                     ซัดให้ทันเห็น ฯ

ห้วยขมิ้นคิดขะมิ่นเจ้า           เคยผจง
กวดสกนธ์ศรีสรง                   โสรจน้อง
เรียมจากจักโศกทรง               เสาวภาค เผือดฤา
ขมิ้นจะวายวันต้อง                 แต่งเนื้อนางสนาน ฯ




อ้าผิวการะเกดเกลี้ยง          เกลานวล แน่งเอย
เรียมกะไดเชยชวน                ชิดเคล้า
อ้าอรกลิ่นเกศหวน                หอมหื่น กูเอย
คิดภิรมย์รสเกล้า                  กลิ่นกลั้วไกลฉม ฯ

ยกมาท่าข้าม                   แขวงปราณ
ปราณประหลาดลมฆาน          พี่ข้อง
แลว่านุชทรมาน                   หมองสิ่ง ใดแม่
ขุกโรคฤาจักร้อง                  ร่ำไห้หาเรียม ฯ

ถึงสามร้อยยอดเงื้อม          งำชเล
ชเลจะหลากลมเห                หาดขว้ำ
สามร้อยคิรีเท                     ทับอก เล่าฤา
ใจจะปล้ำสุดปล้ำ                 เสน่ห์น้องหนักทรวง ฯ

โคแดงนามท่งด้าว            โคดง ใดฤา
โคอาสน์อิศวรองค์               อยู่เกล้า
พระมาดอาจจักปลง             ปลิดเทวษ ราพ่อ
สองจากพระเป็นเจ้า             ช่วยให้คืนสม ฯ

แลระบัดลาดท่งท้อง        ทิวพฤกษ์
มลักเห็นหมู่มฤค                ครุ่นคร้าม
หวงหาคู่แนบนึก               นุชนาฏ เรียมเอย
คิดเมื่อมาสมรห้าม             พี่ห้ามหวงโฉม ฯ

นางทรายจามเรศรู้           รักขน
คือนุชสงวนงามตน             แต่น้อย
ตายองตอบตายล               ยวนเนตร นางเอย
โฉมแม่บาดตาย้อย             อยู่พู้นฉันใด ฯ

ขุนพาฬพยัคฆ์เคล้า          พยัคฆี
สารสู่สาวคชลี                   ลอบเหล้น
ปวงสัตว์เพรียกไพรศรี          สังวาส
สังเวชสมรมาเว้น                พี่เว้นวายชม ฯ

เนื้อเบื้อนาเนกล้ำ             หลายพรรณ
ล่าแหล่งลืมเกลียงวัน           แวะเว้น
ไพรพฤกษ์เงียบเซียบศัลย์     โศกแม่
แสนสัตว์ซบเซาเร้น             ช่วยร้อนเรียมตรอม ฯ

ลมลงโลมลาดไม้             กฤษณา
โบกบอกนาสาหา                กลิ่นต้อง
รอยอรร่ำพัสตรา                 ตากตรอก ลมฤา
พากลิ่นกลอยมาข้อง            ค่าไม้หอมเหมือน ฯ

หวนหอมการะเกดเกลี้ยง     เกล้าผม เจ้าฤา
อินทนิลคือแข่งคม              เนตรแต้ม
นมนางอับอายนม               นุชนาฏ พี่เอย
ปรางเปล่งเปรียบกึ่งแก้ม         อ่อนช้ำคราวชม ฯ

จำปาจำเปรียบเนื้อ            นางสวรรค์ กูเอย
ศรีสุมาลัยพรรณ                 พิศแพ้
ช้องนางคลี่ระส่ายสรร           สลายเซ่น
คือนุชสนานกายแก้              เกศแก้วกันไร ฯ

สาวหยุดหยุดย่างช้า          หวังชัก ชวนแม่
รักใช่รักแรมรัก                   สุดรู้
นางแย้มจะยลพักตร์             ฤาพบ พานเลย
ซ่อนกลิ่นกลอยซ่อนชู้           ชื่อช้ำใจถวิล ฯ
   




ขานางนงภาคแพ้              พิมพ์เพลา นุชนา
กลกล่อมสองปลีเยาว์            ยาตรเยื้อง
เล็บนางเล็บนุชเบา               บอกคึ่ง พี่ฤา
หลงปัดเล็บนางเปลื้อง           ปลาบเนื้อเรียมขนาง ฯ

พะยอมคิดเยาวแม่แย้ม        ยินดี
สีเสียดคือทรวงสี                 เสียดซ้อน
เชิงชันเฉกในที                   เชิงเกี่ยว กายแม่
หว้าดั่งวอนนางค้อน              เคียดแกล้งเป็นกล ฯ

นกแก้วจับกิ่งแก้ว               กอดคอน
กลพี่กอดแก้วนอน                แนบเนื้อ
นางกวักนกกวักจร                จับกวัก ไกวแม่
หลงว่ากรนุชเกื้อ                  กวักให้เรียมตาม ฯ

นางนวลจับแมกไม้            นางนวล
นวลนุชแนบเรียมควร            คู่แคล้ว
เบญจวรรณจับวัลย์พวน         พันโอบ ไม้แม่
แลว่าวัลย์กรแก้ว                 กอดอ้อมเอววัลย์

โนรีสีชาดย้อม                 ระยับแดง
นกขะมิ่นชมพูแสง               แสดผ้า
ปนแปลกนึกนางปลง            สไบเปลี่ยน
เย็นห่มแสดสีฟ้า                 ฝ่ายเข้าเคยชม ฯ

แขกเต้าตามคู่เต้า             แขกสมร มาฤา
ถามข่าวนกแหนงจร            จับไม้
สัตวาสุวาวอน                    วานหน่อย นกเอย
บอกสมรเรียมไห้ให้             ข่าวน้องมาแถลง ฯ

เสนาะเสียงสุโนกร้อง         ระงมวัน
สาริกามาปัน                    เหยื่อป้อน
นางนกกระสรวลสันติ์           สมเสพ
คือนุชแนบโอษฐ์อ้อน           แอบให้เรียมโลม ฯ

เรียมเมิลโมเรศเคล้า        โมรี
นางมยุรยวนยี                  ยั่วเย้า
เฉกโฉมแม่มังสี                เสาวภาคย์ กูเอย
แลนกลอบนึกเจ้า              พี่ดิ้นโดยยูง ฯ

ยกมาออกอ่าวน้ำ             นามนาง รมนา
นางบ่เห็นเห็นบาง               เปล่าเศร้า
ฉมนางชไมปราง                 สมรมิ่ง กูเอย
ดินหื่นหอมฟ้าเร้า                รื่นร้างอภิรมย์ ฯ

นางรมรมเยศร้าง              รมยา
กลพี่จากเจียนกา                เมศม้วย
ฤาหากแม่มายา                  พิโยคหยอก เรียมฤา
มาแม่สำราญด้วย                พี่น้อยนางรม ฯ    





บางสะพานสะพานพื้น       สะพานทอง
ฤาสะพานสุวรรณรอง           รับเจ้า
อ้าโฉมแม่มาฉลอง             พิมพ์มาศ นี้ฤา
รอยร่อนเหลือบ่าเบ้า            แบบเนื้อนพคุณ ฯ

บางสะพานสะพาดพื้น       ทองปาง ก่อนแฮ
รอยชะแลงชระลุราง            ร่อนกลุ้ม
ระฦกโฉมแม่แบบบาง          บัวมาศ กูเอย
ควรแผ่แผ่นทองหุ้ม            ห่อไว้หวังสงวน ฯ

เห็นขามสาวบ่าวต้น          เคียงกัน
สาวบ่าวปลูกสำคัญ             คู่สร้าง
เสมอเรียมร่วมรักขวัญ          เมืองมิ่ง แม่ฤา
สองประสิทธิ์สัตย์อ้าง          ปลูกไว้กลางใจ ฯ

ยกมามาอกไหม้              ทรมาน
ถึงที่นามละหาน                 อู่แห้ง
นุชเอยจักหาธาร                ทาอก พี่แม่
อู่ก็แล้งชลแล้ง                  อกแล้งลืมงาย ฯ

หมอนเจ้าเขาเทพไท้        สถิตสิง
คิดคู่เขนยอรอิง                 ร่วมร้าง
เขนยทองทอดกายพิง          พูนเทวษ ฤาแม่
นอนจะแนบเขนยข้าง           คู่เนื้อเรียมถนอม ฯ

ลองไนจักจั่นแจ้ว             ใจรัว รัวแม่
ชะนีร่ำโหยหาผัว                ผ่าวไส้
ดวงเดียวเด็ดแดตัว              ตกป่า ชัฎแม่
จากสมรพี่มาไห้                 แห่งห้องชะนีโหย ฯ

รอยกรรมมาแบ่งแก้ว       กับสกนธ์ กูเอย
ขวัญอยู่อยุธยาตน             ต่างร้าง
โอ้ดวงทิพย์สุมณ-             ฑามาศ แม่เอย
บุญที่สมสองสร้าง             จักสิ้นฤายัง ฯ

ควิวควิวควากคว้าง          ลมลอย แลแม่
ถอยแต่ใจจากถอย            ทัพช้า
ทศทิศทอดตาคอย            ขวัญเนตร พี่เอย
เอาสไบนุชต่างหน้า           แนบเนื้อแทนนาง ฯ

พระลบสุริยเลี้ยว            ไศลลา โลกเอย
ทุกทิศชระมัวเมา              มืดแล้ว
เนตรหนึ่งว่ายนภา             เพียงเมฆ
เนตรหนึ่งตรวจไตรแผ้ว       แผ่นหล้าหาสมร ฯ

โพสลับโพเทพไท้          เทพา พ่อฤา
เอาพระโฆษผยองยา          สวาทชู้
อาราธน์พระเอยอา             รักษ์เร่ง ราพ่อ
เชิญช่วยพาสมรู้                รสน้องแรมนาน ฯ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ธันวาคม 2556 11:56:29 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5436


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2556 18:13:44 »

.



ลับยักษ์ลับเยาวให้        เรียมหา แม่แฮ
ฤาอสุรพาลพา                แวะเว้น
ลับหลังพี่ลับตา               แสนโยชน์
รำฦกลับนุชเร้น               ร่วมรู้ในใจ

ยกมาเมืองแม่น้ำ           ใจหมอง
เมืองก็ศูนย์กลสอง            สวาทว้าง
ขวัญเมืองอยู่เมืองครอง       ใจเคร่า พี่ฤา
ฤาพี่จากมาค้าง                ขวบแล้วนางลืม ฯ

อู่สะเภาพาณิชใช้           ใบคลา
ทุกข์พี่พ้นเภตรา               เลื่อนโล้
จากสมรแม่เสมอมา           กลางสมุทร
แลบ่เห็นตระหลิ่งโอ้           อกคว้างกลางชล ฯ

หนองบัวบงกชช้อย         ชูชวน ชื่นเอย
บัวดั่งบัวนุชอวล               อ่อนน้ำ
กระบอกทิพย์ผกากวน        กาเมศ กูเอย
ภุมเรศแรมรสกล้ำ             กลีบฟ้ายาไฉน ฯ

ศิขรศิขเรศเงื้อม             งามเงา
แลเล่ห์ฉากเขียนเขา           คั่นห้อง
พ่างเพียงแผ่นผาเฉลา         ฉลักลวด ลายแฮ
กลหนึ่งเตียงนอนน้อง         ม่านกั้นกำบัง ฯ

ผาเผยพุพ่างน้ำ             ฝอยฝน
คือสุหร่ายโรยชล             ช่วยร้อน
สาครร่วมสรงสกนธ์           ไกลพี่ แล้วแม่
อ้าแม่เอยจักอ้อน             อาบน้ำตาแทน

เคยปรุงประทิ่นแป้ง         ปนละออง อบเอย
สรงสว่างใจสอง               ครุ่นครั้ง
จอกจันทน์จากจรุงหมอง      ราแม่
พานใส่เสาวคนธ์ตั้ง            แต่งให้ใครทา ฯ

คันฉายคันฉ่องน้อย         เสนียดนาง พี่เอย
จากจะลืมเสยสาง             สระเผ้า
โศกเสียสิ่งสำอาง             อายโอ่ ฤาแม่
พักตร์จะผัดผจงเกล้า          เยี่ยมแย้มแกลคอย ฯ

หลัดหลัดพลัดพรากแก้ว    กานดา พี่เอย
ลิ่วแต่ตัวเรียมมา               ตกไร้
ขวัญแขวนอยู่ขวัญตา          ทุกเมื่อ
เรียมร่ำไข้ฟ้าไข้               แผ่นพร้องรำพัน ฯ

ลงลุแก่งตุ่มตั้ง               โศกา
แสนตุ่มตวงชลนา              พี่พ้น
กลืนโศกสุดอกอา              ดูรเทวษ วายเลย
ซับแต่สายเนตรล้น             ลูบร้อนฤาเย็น ฯ      




คุลาตีอกไห้                  หาใคร
นามจึ่งปรากฏใน               แก่งนี้
เจ็บจากพี่เจ็บใจ                เจ็บยิ่ง เจ็บฤา
เจ็บบ่ปานกูลี้                   ลาดข้อนทรวงครวญ ฯ

สงสัยด้วยแก่งแก้ว           สงสาร
จากสิ่งใดใดราญ                ร่นร้อง
แก่งเกิดวิการดาล               ดุจอก พี่ฤา
เรียมก็โศกาก้อง                แก่งแก้วกรรแสง ฯ      

เดินทางพลางพี่ไห้            โหยหวน
ถึงแก่งนามนางครวญ            ครุ่นนั้น
อ้าแม่จักกำสรวล                เสมอแก่ง นี้ฤา
ฤาว่าโศกสมรกลั้น               เทวษถ้าเรียมถึง ฯ

ถับถึงปากร่วมน้ำ              คะนึงนาง
ถามข่าวไปปากพราง            พี่พร้อง
อรมาถ้าหลงทาง                ฉงนอยู่
ปากร่วมวานปากร้อง            เรียกเจ้ามาจร ฯ

เมืองเพชรเขาเพชรแพร้ว      พรายฉาย
เฉกนุชนาดกรกราย              นพเก้า
แสงเพชรพิศอับอาย             แหวนนุช พี่เอย
ยอดและยอดรุ่งเร้า              กอบก้อยกรสมร ฯ

ถึงตะนาวตระหน่ำซ้ำ          สงสาร อรเอย
จรศึกโศกมานาน                เนิ่นช้า
เดินดงท่งทางละหาน            หิมเวศ
สารสั่งทุกหย่อมหญ้า            ย่านน้ำลานาง ฯ

แสนศึกแสนศาสตร์ซ้อง       แสนพัน มาแม่
สุดแต่เวทยากัน                  ชีพไว้
ศึกทรวงพี่สุดผจัญ               ใจซู่ โสกแม่
จักยุธยาใจได้                    ชีพด้วยนางเดียว ฯ

รอยโฉมนุชเปลี่ยนปั้น          เป็นทรวง พี่ฤา
ฤาแม่เป็นมณีดวง                 เนตรด้วย
จับจิตพี่จึงตวง                    เติมเทวษ รักแม่
ดับชีพเกิดใหม่ม้วย               แผ่นหล้าฤาลืม ฯ

บวงเทพทุกเถื่อนถ้ำ            มณฑล ทวีปเอย
ยกแต่สองหัตถ์ตน                ต่างเบี้ย
ขอคืนร่วมวิมล                    มาโนช เรียมนา
แสดงสดับโสตเหงี้ย              เงียบสิ้นสุดสวรรค์ ฯ

พันเนตรภูวนาถตั้ง              ตาระวัง ใดฮา
พักตร์สี่แปดโสตฟัง               อื่นอื้อ
กฤษณนิทรเลอหลัง               นาคหลับ ฤาพ่อ
สองพิโยคร่ำรื้อ                   เทพท้าวทำเมิน ฯ    




นิทานนิเทศท้าว                องค์ใด ก็ดี
ทุเรศแรมสมรไท                 ท่านร้าง
แสนเทวษเท่าไรไป               ปานอก พี่เอย
ปวงประสบคู่ค้าง                  แต่ข้านานคืน ฯ

กำสรวลศรีปราชญ์พร้อง        เพรงกาล
จากจุฬาลักษณ์ลาญ              สวาทแล้ว
ทวาทศมาสสาร                   สามเทวษ ถวิลแฮ
ยกทัดกลางเกศแก้ว              กึ่งร้อนทรวงเรียม ฯ

ชายาเยาวยอดชู้                โฉมสวรรค์ พี่เอย
รอยว่าอินทร์พรหมสรร            เสกแสร้ง
เลือกลักษณ์ละอันปัน             เป็นรูป นุชฤา
มอบมิ่งสมรมาแกล้ง              พี่กลั้นใจตาย ฯ

คิดคลึงสาโรชสร้อย            เสาวมาลย์ แม่นา
ภุชเคนทรสำราญ                 แหล่งเหล้น
สระสวรรค์นิราสนาน              ไฉนนาฏ เรียมเอย
สรงเกษมสระสมรเฟ้น            ฝั่งฟ้าฝันถึง ฯ

เปรมปรางปรุงธูปฟ้า            อรอวล ใจเอย
จูบฤจางหอมหวน                 ละห้อย
โฉมทิพย์สุคนธ์ควร               จากพี่ เจียวแม่
ถนอมนิเบามือน้อย               จิตเจ้าจากไฉน ฯ

งอนถันทิพย์ยอดย้อน          ยันทรวง พี่แม่
กอดนักเยียวอบพวง              พุ่มลื้น
ถนอมแอบอุ่นคือดวง             ตราติด พี่ฤา
จากอกออกราชื้น                 ชุ่มช้ำเป็นหนอง ฯ

แว่วแว่วเสาวนิตน้อง            นางทรง เสียงฤา
สรวลกระซิกโสตพะวง            ว่าเจ้า
คล้ายคล้ายดำเนินหงส์            หาพี่ ฤาแม่
อ้าใช่อรเรียมเศร้า                 ซบหน้ากรรแสง ฯ

พวงจาวเจิดแจ่มแก้ว           จักรพรรดิ์ พี่เอย
สมเสมอสมรรัตน์                 แท่งแท้
จำเริญจำเราสวัสดิ์                สังวาส
เล็งเลียบดินฟ้าแพ้                ภพนี้ฤาหา ฯ

สาวสวรรค์เสพสวัสดิ์ถ้วน       เทวินทร์
พรหมภักษ์ทิพย์ปัถพิน           งอกง้วน
จักรพรรดิ์ร่วมนารินทร์            รัตนนาฏ
สามเสพทิพย์ลาญล้วน           เล่ห์น้องเรียมเกษม ฯ

จากเจ็บยิ่งโรคเร้า              รึงสกนธ์
แสบเสียดขุมขนจน               อกด้าน
ยาทาประทับทน                  ทานเทวษ ได้ฤา
แรงรักเหลือแรงต้าน              พี่แพ้แรงโรย ฯ    
 




ฤดูระด่าวร้อน                   แดนไตร
ลามผ่าวพฤกษ์พรากใบ           หล่นแล้ง
ทรวงพี่ผ่าเผาไฉน                 นะนาฏ เรียมเอย
ยังยิ่งทินกรแจ้ง                   จวบสิ้นสูญกัลป์ ฯ

นทีสี่สมุทรม้วย                 หมดสาย
ติมิงคล์มังกรนาคผาย             ผาดส้อน
หยาดเหมพิรุณหาย               เหือดโลก แล้งแม่
แรมราคแสนร้อยร้อน             ฤเถ้า เรียมทน ฯ

ฤดูเดือนเมฆย้อย               หยาดเผลียง
โซมสาดธรณิศเพียง              เพียบน้ำ
ชระมัวทั่วทิศเอียง                 อากาศ
อกแผ่นดินฟ้าคล้ำ                 คู่คลุ้มทรวงศัลย์ ฯ

อุโฆษรามสุรขว้าง              ขวานฉวาง
พรายมณีเมขล์นาง                ล่อไหล้
อัมพรอุทรคราง                   เรียมคร่ำ ครวญแม่
เสียงสุดเสียงฟ้าไข้               ครุ่นแค้นครางตาย ฯ

ฤดูลมชระล่องเนื้อ              หนาวใด เปรียบเลย
อกพี่เยือกเย็นไกล                กอดเกี้ยว
พันผืนพัสตราไป                  ปานกึ่ง กรแม่
อุ่นอัคคีเสื้อเสี้ยว                  ซีกนิ้วนางผงม ฯ

ลมพัดคือพิษต้อง              ตากทรวง
หนาวนอกรุมในดวง               จิตซ้ำ
โฉมแม่พิมลพวง                  มาเลศ กูเอย
มือแม่วีเดียวล้ำ                   ยิ่งล้ำลมพาน ฯ

เอียงอกเทออกอ้าง            ออกองค์ อรเอย
เมรุชุบสมุทรดินลง               เลขแต้ม
อากาศจักจารผจง                จารึก พอฤา
โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม             อยู่ร้อนฤาเห็น ฯ  

ตราบขุนคิริข้น                 ขาดสลาย แลแม่
รักบ่หายตราบหาย                หกฟ้า
สุริยจันทรขจาย                  จากโลก ไปฤา
ไฟแล่นล้างสี่หล้า                ห่อนล้าง อาลัย ฯ

ร่ำรักร่ำเรื่องร้าง                แรมนวล นาฏฤา
เสนาะสนั่นดินครวญ              ครั่นฟ้า
สารสั่งพี่กำสรวล                 แสนเสน่ห์ นุชเอย
ควรแม่ไว้ต่างหน้า                พี่พู้นภายหลัง ฯ

โคลงเรื่องนิราศนี้               นรินทร์อิน
รองบาทบวรวังถวิล               ว่าไว้
บทใดปราชญ์ปวงฉิน              เชิญเปลี่ยน แปลงพ่อ
ปรุงเปรียบเสาวคนธ์ไล้            เลือกลิ้นดมดู ฯ




ในสมุดไทยหมายเลข ๔๕ จ. ๔๕ ญ. เรื่องนิราศนรินทร์ มีโคลงต่อจากนี้อีก ๒ โคลง
ซึ่งเข้าใจว่าเป็นของอาลักษณ์แต่งเติม ดังนี้


นรินทร์นเรศไท้                 บริบาล
นิพนธ์พจน์พิสดารญาณ            ยศไว้
กระวีวรโวหาร                      นายหนุ่ม
ควรแก่ปราชญ์ใดได้               อ่านแล้วเยียรยอ ฯ

ใดใดโอษฐ์โอ่อ้าง                ตนดี
เอาปากเป็นกวี                      ขล่อยคล้อย
หากหาญแต่วาที                    เฉลยกล่าว ไฉนนา
ดุจหนึ่งแสงหิ่งห้อย                 ส่องก้นตนเอง ฯ



อธิบายศัพท์
ล่มสวรรค์        หมายถึง ทำให้สวรรค์จม คือ ชนะสวรรค์ เหนือสวรรค์
เมืองเมรุ         หมายถึง เมืองสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ
อบาย            คือ ความทุกข์ยาก (ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อครั้งเสียกรุง)
ใจเมือง          ขวัญของพลเมือง
ตระโมจ          ว้าเหว่, เปลี่ยวใจ, โดดเดี่ยว
ผอูน              น้องหญิง
แด                ใจ
เทพไท้ธรณินทร์  หมายถึงสมมุติเทพ คือพระเจ้าแผ่นดิน
ลักษมี            ชายาพระนารายณ์
สยมภูว           พระอิศวร
คลองขุด          คลองผดุงกรุงเกษมหรือที่เรียกว่าคลองใหม่
กอก              เป็นวิธีช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของแพทย์โบราณ
                   ใช้ถ้วยปากแคบจุดไฟใส่ข้างในเพื่อไล่อากาศออก
                   รีบเอาไฟออกและกดถ้วยลงบนอวัยวะตรงที่ปวด
                   จะช่วยบรรเทาความปวด
แผ่แง่             ฉลาดด้วยชั้นเชิง
ซัดสอดสองสี     ผู้หญิงโบราณใช้ผ้าแถบคาดอกผืนหนึ่ง และใช้อีกผืนหนึ่งซึ่งสีตัดกันห่มข้างนอกหรือคล้องคอ
เรือแผง          เรือมีม่านบัง สำหรับกุลสตรีในสมัยก่อนนั่ง
ด่าน              ด่านเก็บภาษาสินค้า มักตั้งตามปากคลองและมีตาเหลวปักไว้เพื่อบอกให้รู้
ไห้ช้าง           ร้องไห้น้ำตาตกในแบบช้างเวลาที่มันเศร้า
แถง              พระจันทร์
เฉนียน           ตลิ่ง
สลา              หมาก
โท               ทั้งสอง หมายถึงเขาและนางที่รัก
ไถง              พระอาทิตย์
เบญจรงค์        ชามเบญจรงค์
นพนิต           เนยข้น
กะได            เคย
ดอกดั้ว          นมผู้หญิง, ผู้หญิง
จรหลาด         ตลาด
ลมฆาน          ลมหายใจเข้าออก ใช้เป็นเคล็ดในการทำนายอย่างหนึ่ง
                  ในเวลาเดินทาง ถ้าลมหายใจคล่องก็หมายความว่า
                  ปลอดโปร่ง ถ้าลมหายใจขัด หมายความว่าอาจจะมีเหตุร้าย
ยอง              สัตว์จำพวกเนื้อทราย
เกลียงวัน        ป่าหญ้า
สุวา              นกแขกเต้า
ชไม             ทั้งสอง ทั้งคู่
พระโฆษ         คือ พระสมุทรโฆษ ในชาดกเล่าว่าพระโพธิ์เทพารักษ์อุ้มเอา
                  พระสมุทรโฆษไปสมกับนางพินทุมดี
กำสรวลศรีปราชญ์  ชื่อบทประพันธ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา กล่าวกันว่าศรีปราชญ์เป็นผู้แต่ง
ทวาทศมาส      ชื่อบทประพันธ์ในสมัยเดียวกับกำสรวลศรีปราชญ์
พวงจาว          นมนาง


จบบริบูรณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ธันวาคม 2556 18:18:16 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.751 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้