[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 07:03:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่อ่านกระทู้นี้ คุณจะไม่มีวันเข้าใจเรื่องธรรมชาติเลย โดยเฉพาะเรื่องนิพพาน  (อ่าน 1549 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 13 กันยายน 2553 15:42:30 »

ความจริงที่สุดเรื่องธรรมชาติ

อ้างจาก: Bodinpat
ผมอยากรู้ว่า ธรรมชาตินั้นคือใคร ทำไมเค้าถึงได้สร้างสิ่งนู้น สิ่งนี้ ทำล้ายสิ่งนั้น สิ่งนี้  แล้วเค้าทำแบบนั้นทำไม เพื่ออะไร ครับ

ตอบ

ธรรมชาติมี 2 อย่างคือ

1. ธรรมชาติที่สร้างและควบคุมโลกและจักรวาล สิ่งนี้มันมีอยู่แล้ว ไม่เกิด ไม่ดับไป คงสภาพเป็นอมตะนิรันดร  ชาวพุทธเรียกว่า "อสังขตธาตุ" หรือนิพพานธาตุ   ศาสนาคริสต์ ฮินดู อิสลาม ซิกซ์ บาไฮ เรียกว่า "พระเจ้า"

ธรรมชาติที่เป็นนิพพานหรือพระเจ้า นี้แหละทำไห้เกิดธรรมชาติอันที่ 2 คือโลกและจักรวาล

2. ธรรมชาติในโลกและในจักรวาล  ธรรมชาติชนิดนี้มีลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว และก็ดับไปในที่สุด วนเวียนไปอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่สามารถคงสภาพเดิมไว้ได้  เรียกว่า มันเป็นอนิจจัง หรือไม่จีรัง  เมื่อกฎอนิจจังทำงานกับจิตวิญญาณต่างๆที่เข้าไปครองร่างกายเนื้อมนุษย์อยู่  ร่างกายเนื้อของมัน จึงเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา  อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณที่ครองร่างมนุษย์อยู่   มักจะไม่ยอมรับสภาพความเป็นอนิจจังของกายเนื้อมนุษย์ของเขา   ความทุกข์จึงเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เนื่องจากพวกเขาต้องการฝืนไม่ให้กฎอนิจจังทำงาน
 
ความต้องการคงสภาพร่างกายเอาไว้ ไม่ให้กฎอนิจจังทำงาน หรือให้ทำงานช้าที่สุด เป็นไปได้แค่กรณีเดียว คือ จิตของผู้นั้นต้องเข้าถึงความบริสุทธิ์ขั้นอรหันต์ กลับไปเป็นอณูหนึ่งของพระเจ้า(พระพุทธเจ้า)เท่านั้น  เขาจึงจะสามารถบังคับกฎแห่งอนิจจังไม่มีผลหรือมีผลน้อยที่สุดต่อกายเนื้อของเขา

พระศากยมุนีพุทธเจ้าตรัสว่า "อานนท์! ผู้อบรมอิทธิบาท 4 มาอย่างดีแล้ว ทำจนแคล่วคล่องแล้วอย่างเรานี้ ถ้าปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ถึง 1 กัลป์ (คือ ๔,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์, ไม่ใช่ 120 ปีแบบที่สมมุติสงฆ์มั่วตีความ) ก็สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ "

ธรรมชาติในโลกและในจักรวาล ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว และดับไป ชาวพุทธเรียกว่า "สังขตะธาตุ"

ผมขออธิบายให้ลึกซึ๊งขึ้นมาอีกหน่อย  ธรรมชาติแห่งนิพพานหรือพระเจ้า เป็นสภาวะแห่งจิตหรือวิญญาณบริสุทธิ์ หรือมหาบริสุทธิ์  จึงดำรงความเป็นอมตะนิรันดรได้  ในขณะที่ ธรรมชาติในโลกและในจักรวาล เป็นสภาวะจิตไม่บริสุทธิ์ หรือสภาวะจิตสังขารสกปรก เนื่องจากกิเลสตัณหาอวิชชาต่างๆ  ความสกปรกไม่สะอาดของจิตนี่เอง  ทำให้จิตของเขาไม่สามารถบังคับธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในตัวเอง ในโลก และในจักรวาลได้

สาเหตุที่ธรรมชาตินิพพานหรือพระเจ้าสร้างสิ่งนู้น สิ่งนี้ ทำลายสิ่งนั้น สิ่งนี้  เพราะพระองค์สร้างกฎแห่งกรรมขึ้นมาเป็นกลไกสำหรับควบคุมจิตไม่บริสุทธิ์ หรือควบคุมจิตสังขารที่สกปรก   เมื่อจิตไม่บริสุทธิ์ หรือจิตสังขารสกปรก   ทำเลวหรือชั่วมากเกินไปโดยไม่สำนึก  พระเจ้าหรือนิพพานจึงต้องให้จิตไม่บริสุทธิ์ หรือจิตสังขาร ต้องรับผลกรรมที่พวกเขาก่อเอาไว้  ในศาสนาคริสต์ระบุว่า "โทษของบาปคือความตาย" โทษของบาปสำหรับมนุษย์จำนวนมากที่ทำบาปเอาไว้ จึงต้องเป็นความตายใหญ่ๆ เช่น ตายจากภัยพิบัติ สงคราม ฯลฯ

ในศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าตรัสว่า

1.  บาปที่เกิดจากคนหมู่มากมีโทสะคือความโกรธเป็นใหญ่ สถานที่นั้นย่อมพินาศด้วยภัยอย่างเบาก็คือสงคราม อย่างหนักก็คือการถูกทำลายด้วยไฟ ซึ่งอาจหมายถึงภูเขาไฟระเบิด หรือการปะทุจากเปลวสุริยะ ก็สุดแล้วแต่ว่า กำลังของสหกรรมที่เป็นโทสะนั้นมีมากน้อยเพียงใด

2.  บาปที่เกิดจากคนหมู่มากมีโลภะคือความโลภเป็นใหญ่ สถานที่นั้นย่อมพินาศด้วยภัย อย่างเบาคือความอดอยากขาดแคลนอาหาร อย่างหนักก็ต้องพินาศด้วยน้ำ เช่น น้ำท่วม หรือการทำลายด้วยคลื่นยักษ์ซึนามิ

3.  บาปที่เกิดจากคนหมู่มากมีโมหะหรือความหลงงมงายเป็นใหญ่ สถานที่นั้นย่อมพินาศด้วยภัยอย่างเบาก็เป็นโรคระบาด อย่างหนักก็ต้องพินาศด้วยลม อาทิเช่นพายุสารพัดรูปแบบ ซึ่งในแง่ของการทำลายจักรวาล จะถือว่าการทำลายด้วยลมนั้นมีกำลังแรงสูงสุด และมีอำนาจทำลายล้างมากที่สุด เพราะเกิดจากโมหะหรือความหลงที่เป็นอวิชชา มูลฐานของความวุ่นวายทั้งหลายในโลกียะ

สรุป

ธรรมชาติมี 2 อย่างคือ

1. ธรรมชาติของ นิพพานหรือพระเจ้า หรือ อสังขตธาตุ  ซึ่งเป็นผู้สร้าง/ควบคุมโลกและจักรวาล ที่มีจิตมนุษย์ดูแล  การควบคุมนั้นควบคุมด้วยกฎแห่งกรรม

2. ธรรมชาติของ โลกและจักรวาล หรือ สัวขตธาตุ  ซึ่งอยู่ภายใต้กฎแห่งอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว และในที่สุดก็ดับไป แล้วก็วนเวียนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว และในที่สุดก็ดับไปใหม่ไม่สิ้นสุด

พระเจ้าหรือนิพพานเป็นผู้ทำให้โลกและจักรวาล เกิดขึ้น  ให้พวกมันตั้งอยู่ชั่วคราว และให้พวกมันดับไป  ศาสนาฮินดูเรียกพระเจ้าผู้ทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นว่า "พระพรหม"   เรียกพระเจ้าผู้ธำรงรักษาให้ตั้งอยู่ชั่วคราวว่า "พระนารายณ์"  และเรียกพระเจ้าผู้ทำลายว่า "พระศิวะ" แต่พระเจ้าทั้ง 3 องค์ จริงๆก็คือองค์เดียวกัน เรียกว่า "ตรีมูรติ"  แต่แบ่งภาคออกไป  เพื่อทำหน้าที่ที่ต่างกันเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้กฎแห่งกรรรมที่พระองค์สร้างขึ้นทำงาน

เมื่อกฎแห่งกรรมทำงานแล้ว และส่งผลร้ายทำให้เกิดภัยพินาศขนาดใหญ่  ทางแก้ของมนุษย์มีอยู่ทางเดียวคือ สวดวิงวอนต่อพระเจ้า หรือนิพพาน หรือรัตนตรัย หรือตรีมูรติ(พรหม/นารายณ์/ศิวะ) และสิ่งสูงสุดอื่นๆที่ท่านนับถือเท่านั้น  เพราะท่านเป็นจิตบริสุทธิ์ ผู้สร้างและควบคุมกฎแห่งกรรม

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.323 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 14 มีนาคม 2567 19:53:04