วิธีทำ สาคูแคนตาลูป หอม หวาน กรอบ อร่อยไม่รู้ลืม!

สาคูแคนตาลูป
หวานหอม ชื่นใจ ได้คุณค่าจากผลไม้

• ส่วนผสม
- สาคูเม็ดเล็ก ½ ถ้วย
- น้ำตาลทรายขาว ¾ ถ้วย
- น้ำสะอาด 2 + ½ ถ้วย
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- เกลือป่น ¼ ช้อนชา

• วิธีทำ
1. ใส่สาคูในชามก้นลึก เติมน้ำพอท่วม แล้วรีบรินน้ำทิ้งให้หมด
   พักสาคูไว้ประมาณ 10 นาที (ให้ความชื้นของน้ำซึมไปในเม็ดสาคู
   ช่วยให้กวนไม่นาน เม็ดสาคูจะใส และไม่เป็นไตสีขาว)
2. ตั้งน้ำสะอาดสองถ้วยครึ่ง พอเดือดเต็มที่ ใส่สาคูลงไปกวน
   ประมาณ 3-5 นาที เม็ดสาคูจะสุก เม็ดใสไม่เป็นไต
   จึงใส่น้ำตาลทราย พอน้ำตาลทรายละลายหมดแล้วยกลง
   ทิ้งไว้จนเย็น จึงใช้ช้อนกลมตักแคนตาลูปใส่ผสมลงไป
3. เสิร์ฟพร้อมหัวกะทิสด ตัดเกลือเล็กน้อย (ต้มพอร้อน อย่าให้เดือดกะทิจะแตกมัน)

ของหวานสูตรนี้
   - รสชาติหวานอ่อนๆ มันกะทิสด ผสมผสานรสชาติกรอบ หอม ของแคนตาลูป
   - ขนมควรมีลักษณะเหลวๆ ไม่ควรกวนสาคูจนข้น

เกลี่ยเม็ดสาคูให้กระจายเสียก่อน แล้วใส่ในหม้อที่ต้มน้ำจนเดือด
ใช้พายกวน พอเม็ดสาคูเริ่มใส (ใช้เลา 2-3 นาที) ใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน

ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น

ใช้ช้อนกลมตักเนื้อแคนตาลูปใส่ผสมในสาคู

ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ ราดด้วยหัวกะทิคั้นข้น
(วิธีทำกะทิราดสาคู : ผสมหัวกะทิ 1 ถ้วย เกลือป่น ¼ ช้อนชา และแป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา ละลายให้เข้ากัน ตั้งไฟให้เดือด)

ของหวานนี้ ผู้โพสต์เคยได้เห็นและรับประทานครั้งแรก ที่อาคารรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล
(มีโอกาสติดตามผู้บังคับบัญชาเข้าไป เมื่อหลายปีที่ผ่านมา)

พอทานแล้วติดใจมาก รสชาติหอม หวาน กรอบชื่นใจจริงๆ สาคูเขากวนไม่ข้นเหนียว ออกจะใสมาก เมื่อใส่น้ำกะทิผสมเข้าไป
ระยะหลังของหวานชนิดนี้ เห็นมีทำแพร่หลายทั่วไป

สาระน่ารู้เรื่องแคนตาลูป

แคนตาลูปเป็นผลไม้เมืองร้อน มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดีย ขึ้นได้ดีในที่อากาศร้อนชื้น ชอบดินร่วน ดินปนทราย หรือดินค่อนข้างเหนียวก็ปลูกได้ดี ลักษณะคล้ายผลแตงไทย แต่จะแตกต่างกันตรงที่เปลือกนอกของแคนตาลูปจะค่อนข้างแข็ง และมีเนื้อในขาวนวลกว่า เปลือกมีลายคล้ายร่างแหหรือตาข่ายสีขาว หรือสีฟางแห้งคลุมตลอดทั้งผล แต่บางพันธุ์ก็ไม่มี บางพันธุ์มีผิวเรียบๆ เมื่อสุกเนื้อในมีสีส้ม หรือสีจำปา มีกลิ่นหอม รสหวานกรอบ ไม่นิ่มเหมือนแตงไทย นิยมรับประทานสด ทำเป็นสลัด น้ำผลไม้ และของหวานบางชนิด

แคนตาลูปจัดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หลาย ๆ คนอาจไม่เคยทราบเลยว่า เนื้อแคนตาลูปนั้นมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซี ที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีแคลเซียม ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังมีความหวานของน้ำตาลธรรมชาติ รวมถึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมายด้วย