[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 11:37:38 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 10 สิ่งประดิษฐ์ลึกลับที่หายสาบสูญ  (อ่าน 7903 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 06 มกราคม 2557 10:57:39 »

10 สิ่งประดิษฐ์ลึกลับที่หายสาบสูญ

ในอดีตกาลมี ความรู้เทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์และกรรมวิธีการผลิตของสมัยโบราณมากมายหลายอย่างได้สูญหายไปตามกาลเวลา โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นหายไปเพราะอะไร ทำไมถึงได้หาย และสิ่งที่สร้างเหล่านั้นเต็มไปด้วยความพิศวง แปลกประหลาด ลึกลับจนกลายเป็นตำนาน ที่แม้แต่ปัจจุบันยากที่จะทำความเข้าใจและลอกเลียนแบบมัน และทั้งหมดนี้คือสิ่งประดิษฐ์ลึกลับ
ดังกล่าว




10. Stradivarius Violins


เริ่มต้นที่ “ไวโอลีนสตาดิวาเรียส”  เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่หายไปในช่วงปี 1700 โดยชื่อไวโอลีนนี้มาจากผู้สร้างคือ อันโตนิโอ สตาดิวารี ช่างไวโอลีนในเมืองเครโมน่า ประเทศอิตาลี โดยเขามีชื่อเสียงจากดนตรีเครื่องสายชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วีโอล่า, เชลโล่ และกีตาร์ ด้วยความสวยงาม เสียงและคุณภาพทำให้เครื่องดนตรีของเขาทุกชิ้นล้วนมีคุณค่าระดับโลกชนิดไร้คู่แข่ง ซึ่งทุกวันนี้มีเครื่องดนตรีของเขาหลงเหลือเพียง 600 ชนิดเท่านั้น และส่วนใหญ่ล้วนมีมูลค่า
หลายแสนดอลลาร์

แต่น่าเสียดายที่เทคนิคกระบวนการผลิตไวโอลีนสตาดิวาเรียสนั้นได้หายสาบสูญไป เนื่องจากเทคนิคนี้มีเพียงแต่ครอบครัวของเขาเท่านั้นที่รู้ความลับอันนี้ โดยมีพระสังฆราช,ลูกหลานของเขา คือ ฟรานซิสโก้ (1671-1743), อโมโบโน (1679-1742) และตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาตายกระบวนการผลิตนี้ก็ยุติไปด้วย

แต่กระนั้นปัจจุบันก็ยังมีหลายฝ่ายที่พยายามจะไขความลับไวโอลีนสตาดิวาเรียส ว่าเหตุใดมันถึงได้กลายเป็นเครื่องดนตรีที่ยังคงมีคุณภาพอยู่จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่าไม้เมเปิ้ลที่ใช้สร้างเครื่องดนตรีนี้มีการปรับสภาพโดยเชื้อราทำให้เนื้อไม้มีเอกลักษณ์และทำให้เกิดเสียงสะท้อน หากแต่กระนั้นในความเป็นจริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่เห็นความแตกต่างกันของคุณภาพ เสียงของไวโอลีนสตาดิวาเรียสและไวโอลีนธรรมดาสักเท่าไหร่




Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 10:59:10 »



9. Nepenthe


สิ่งที่เราได้รู้สึกทึ่งทุกครั้งที่พูดถึงความซับซ้อมภูมิปัญญา  ของชาวกรีกโบราณและโรมันก็คือ Nepenthe คือยาตามตำนานวรรณคดีมหากาพย์โอดิสซีของโฮเมอร์ และในตำนานเทพเจ้ากรีก เล่าว่าชาวกรีกสามารถทำยาเสพติดได้โดยใช้ส่วนผสมอย่างหนึ่ง ทำให้เป็นยาที่ สามารถไล่ความเศร้าโศกหรือหลายคนเรียกว่า "ยาแห่งการความหลงลืม" และชื่อตัวยาดังกล่าวได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของหม้อข้าวหม้อแกงลิง(ตามภาษา กรีกที่ Nepenthes แปลว่า เหยือกเหล้าที่ใช้เพื่อลืมความเศร้าเสียใจ)

นอกจากนี้มันยังมีฤทธิ์พอๆ กับฝิ่นและมีมากกว่าด้วยซ้ำ โดยกล่าวแต่อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันไม่รู้ว่ายาเสพย์ติดที่ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ และส่วนผสมของมันยังคงลึกลับ รู้แต่ว่าตัวยาดังกล่าวถูกใช้แพร่หลายในกรีกโบราณ โดยผ่านทางอียิปต์ สันนิษฐานว่าน่าจะมีส่วนผสมของไม้วอร์ทวูดซึ่งเป็นยารักษาทุกโรคในเวลาสั้น และจากการดูตามอาการที่ปรากฏในวรรณคดีหลังทานยานี้เข้าไปน่าจะเป็นพวกพืชจำพวกมะเขือพวงซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ความทรงจำเสื่อมและอดีตนั้น มีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าฝิ่นถูกนำมาใช้แพร่หลายทางการแพทย์และทันตกรรม

 
 
 
บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:02:11 »



8. The Antikythera Mechanism


หนึ่งในที่สุดของความลึกลับของสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณทั้งหมดที่เป็นรู้จักกันดี “เครื่องจักรแอนติไกเธอร่า" วัตถุประหลาดเครื่องทองเหลืองที่ค้นพบโดยนักดำน้ำนอกชายฝั่งของประเทศกรีกใน เกาะแอนติไกเธอร่า ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 กลไกของมันซับซ้อนจนไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของคนโบราณ ประกอบไปด้วยชุดฟันเฟืองมากกว่า 30 ชิ้น มีข้อหมุนเหวี่ยง และการหมุนที่สามารถคำนวณหาตำแหน่งทางดาราศาสตร์ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ต่างๆได้

โดยอุปกรณ์ดังกล่าวพบอยู่ในซากเรือแตกโดยวิทยาศาสตร์คำนวณแล้วพบว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้มีอายุถึง 1 หรือ 2 พันปีก่อนคริสตกาล จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันยังคงเป็นความลับและเบื้องหลังเทคนิคการสร้างและ การใช้งาน และที่น่าสนใจ
คือเครื่องจักรนี้ไม่ปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์จนถึง ศตวรรษที่ 14 แสดงให้ว่าเทคโนโลยีนี้หายสาปสูญไปถึง 1,400 ปี ทำให้ปริศนาดังกล่าวได้สร้างความงงงวยแก่นักวิทยาศาสตร์มานานหลายศตวรรษ

แต่กระนั้นข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือเครื่องจักรแอนติไกเธอร่า น่าจะเป็นกลไกของนาฬิกาโบราณที่สามารถคำนวณระยะทางจันทรคติและปีแสงอาทิตย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ “คอมพิวเตอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก”

 
 
 
บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:04:54 »



7. The Telharmonium


เป็นเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแรกของโลก  โดยเป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดใหญ่ สร้างขึ้นโดย Thaddeus Cahill ในปี ค.ศ. 1897 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเครื่องดนตรีเครื่องนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา โดยใช้สัญญาไฟฟ้าส่งมายังสาย แล้วสังเคราะห์เสียงจนเป็นเสียงดนตรีผ่านยัง ลำโพง มันถูกสร้างมาสามรุ่น หนึ่งในนั้นมีน้ำหนักกว่า 200 ตันและใช้พื้นที่มากประมาณหนึ่งห้องถึงจะเก็บมันอยู่

โดยส่วนประกอบคือแป้มพิมพ์และแป้นเหยียบซึ่งผู้ใช้สามารถกดเพื่อให้เกิด เสียง เครื่องดนตรีนี้ถูกนำแสดงในที่สาธารณะครั้งแรกแล้วพบว่ามีหลายคนชอบมันเพราะ ได้ยินชัดเจนและแปลกใหม่ในเวลานั้นเพราะเครื่องดนตรีสามารถทำเสียงได้ หลายอย่าง ใช่เครื่องดนตรีประเภทเป่าอย่าง ขลุ่ย บาสซูน คลาริเน็ต และยังมีเชลโล่ หากแต่เครื่องดนตรีนี้ก็ไม่ได้ถูกพัฒนาหรือสารต่อจนถึงการแก่อนิจกรรมในที่สุด

สาเหตุเนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้ามากและน้ำหนักมหาศาล อีกทั้งมันยังรบกวนสัญญาโทรศัพท์ ทำให้เครื่องดังกล่าวยุติลงในปี 1914 และผู้สร้างก็ตาย(ในปี 1934) เครื่องดนตรีที่เหลือถูกเก็บนานกว่าหลายทศวรรษ และปัจจุบันมันยังคงอยู่เพียง แต่ไม่สามารถนำมาเล่นได้เหมือนก่อน





บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:08:32 »



6. The Library of Alexandria


หอสมุดอเล็กซานเดรีย เป็นหอสมุดที่ขนานนามว่า  เป็นหอสมุดที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกโบราณ สร้างเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล ในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ที่มีความเจริญรุ่งเรืองภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงค์พโทเลมี และอนุญาตให้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน เจ้านาย ขุนนาง และชนชั้นที่ร่ำรวยมาใช้บริการเท่านั้น

โดยหอสมุดดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก (จนไม่สามารถคาดคะเนได้) และยังเป็นสถานที่รวบรวมศูนย์กลางสำคัญของการศึกษาในยุคนั้น เพราะภายในได้รวบรวมความรู้จากภายนอกจากที่ต่างๆ ทั่วทั้งกรีซ อียิปต์ เอเชียไมเนอร์และยุโรปมาไว้ในที่เดียวกัน

ในตำนานกล่าวว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้าอเล็กซานเดรียทุกคนจะถูกริบหนังสือ โดยหนังสือนั้นจะถูกนำไปคัดลอกด้วยมือ และต้นฉบับจะถูกเก็บไว้ที่หอสมุด หอสมุดอเล็กซานเดรียและหนังสือจำนวนมากถูกเผาทำลายหลายครั้งตั้งแต่ 47 ปีก่อนคริสตกาล โดยจากเอกสารประวัติศาสตร์ระบุว่า หอสมุดดั่งกล่าวถูกทำลายโดย จูเลียส ซีซาร์ จักรพรรดิโรมัน โดยได้เผาทำลายบางส่วนของหอสมุดเพื่อปิดกั้นเส้นทางของกองทัพเรือศัตรูเมื่อ ครั้งเข้ายึดเมืองในยุคของพระนางคลีโอพัตรา

ในขณะที่ทฤษฏีอื่นๆ ก็ระบุว่า หอสมุดและหนังสือเกือบทั้งหมดถูกทำลายโดยจักรพรรดิธีออโดเชียส ผู้ปกครองชาวคริสต์ที่สั่งให้ทำลายเอกสารทุกอย่างที่ถือว่าเป็นของพวกนอกรีต หรือไม่ก็มาร์ก แอนโทนี่ได้ขนหนังสือทั้งหมดในหอสมุดแห่งนี้ไปอียิปต์ ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดดังกล่าวได้ส่งผลทำให้ความรู้อดีตกาลที่มีค่ามากมายหาย สาบสูญพร้อมกับหอสมุดไปด้วย






บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:10:16 »



5. Damascus Steel


เหล็กดามัสคัส เป็นวัตถุที่แข็งแรงจนเป็นไปไม่ได้ว่า  มันจะทำขึ้นจากโลหะที่ถูกใช้กันอย่าง แพร่หลายในสมัยกลางทางตะวันออกกลาง ประมาณ 1100-1700 ปีก่อนคริสตกาล โดยเหล็กเหล่านี้มีลักษณะเด่นคือมันมีความคม ความเหนียว ทนทาน แต่ใบมีดกลับคมและยืดหยุ่น นอกจากนี้ตัวมีดยังมีลวดลายพิศวงมีทั้งลายน้ำไหลหรือลายตัวอักษร

นอกจากนี้มันยังเป็นเหล็กที่มีส่วนผสมของคาร์บอนสูงเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติแล้วเหล็กที่มีคาร์บอนสูงจะเปราะง่าย แต่เหล็กดามัสคัสกลับยืดหยุ่น ทำให้กระบวนการผลิตนั้นยากที่จะรู้ว่ามันได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือวัตถุดิบที่ใช้ทำเหล็กนั่นเอามาจากอินเดียและศรีลังกาในชื่อ “Wootz Steel” รวมไปถึงแม่พิมพ์และส่วนผสมต่างๆ เพื่อสร้างใบมีดมีลวดลายสวยงามมีเอกลักษณ์ แต่กระนั้นกระบวนการผลิตเหล็กดามัสกัสนั้นก็ได้หายไปประมาณ 750 ปีก่อนคริสตกาลอย่างลึกลับ

แต่มีหลายทฤษฏี และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เส้นทางการค้าถูกตัดขาดทำให้แร่พิเศษที่ใช้ผลิตเหล็กดังกล่าวนั้นมีน้อย อีกทั้งการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ในการทำเหล็กนั้นค่อนข้างยากทำให้ช่วงหลังๆ ลวดลายใบมีดเริ่มลดลง ปัจจุบันมีหลายเจ้าที่อ้างว่ามีดของตนคือเหล็กดามัสกัสซึ่งความจริงแล้วสิ่ง เหล่านั้นเป็นเพียงการประมาณวิธีการทำเหล็กดามัสกัสส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนของแท้ของจริงนั้นยังไม่มีใครทำได้แต่อย่างใด





บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:11:13 »



4. Apollo/Gemini Space Program Technology


ไม่เพียงแค่เทคโนโลยีจากสมัยโบราณเท่านี้ที่หายไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เช่นกัน โครงการอพอลโล่และการส่งคนไปดวงจันทร์เองก็กำลังถูกยกเลิกเพราะการเข้ามาแทนที่ของหุ่นยนต์ โดยโครงการอพอลโล่เป็นโครงการต่อเนื่องเมอร์คิวรี่ และ เจมิไน มีเป้าหมายสำคัญคือ จะนำมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์ ใช้มนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 3 คน ตัวยานอวกาศประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ ยานบังคับการ ยานบริการ ยานลงดวงจันทร์

โดยโครงการอพอลโล่ เริ่มส่งมนุษย์ขึ้นโคจรในอพอลโล่ โดยขึ้นไปโคจรรอบโลก 163 รอบ ในปี 1968 โดยมนุษย์อวกาศชุดแรกลงไปเหยียบดวงจันทร์คือนักบินของยานอพอลโล่ 11 จำนวน 3 คน คือ นีล อาร์มสตรอง, เอ็ดวิน อี-แอลดริน และไมเคิล คอลลินส์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาซ่าทำให้มนุษย์เหยียบดวง จันทร์ครั้งแรกของโลก แม้โครงการเหล่านี้จะทำให้โลกเปลี่ยนไป แต่กระนั้นโครงการนั้นก็ถูกยกเลิกหลังจากส่งยานอพอลโล่ 17 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1972 ส่วนสาเหตุที่ถูกยกเลิกก็คือโครงการนี้ใช้เงินเกินงบประมาณและล่าช้า ทำให้โครงการเจมิไนเข้ามาแทนที่ โดยวัตถุประสงค์โครงการคือการส่งมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนการดำรงชีวิตขึ้นไปโคจรในอวกาศให้นานที่สุด

แต่โครงการเจมิไนก็กำลังถูกยกเลิกโดยเหตุผลเดียวกัน และปัจจุบันพวกเขาได้เปลี่ยนเป็นใช้หุ่นยนตร์ขึ้นไปสำรวจแทน

 
 


บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:13:23 »



3. Silphium


Silphium เป็นพืชในสกุลเฟอรูล่า ยี่หร่า เป็นพืชที่ เคยได้รับความนิยมในสมัยกรีก นำเข้าจากเมืองการค้าซาร์มอัลชีค ประเทศลิเบีย โดยต้นดังกล่าวผลเป็นรูปหัวใจ โดยชาวโรมันนิยมใช้มันปรุงอาหาร แก้อาการเจ็บคอ ไข้ อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง และนอกจากนี้มันยังมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิดได้ด้วย โดยผู้หญิงจะดื่มน้ำผลไม้ของพืชชนิดนี้ทุกครั้งเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็สามารถ ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งถือได้ว่าการใช้พืช Silphium ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่เก่าแก่ที่สุดในการทำแท้ง ก่อนที่มันจะสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล

เนื่องจากมันเป็นที่นิยมมาก แต่พืชชนิดนี้ขึ้นแต่เพียงเมดิเตอร์เรเนียนในแอฟริกาเท่านั้น การขาดแคลนดังกล่าวทำให้มันสูญพันธุ์ ปัจจุบันเราจึงเห็นต้นดังกล่าวได้จากในเหรียญโบราณของชาวโรมันที่เคยแกะสลักบันทึกไว้เท่านั้น





บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:15:29 »



2. Roman Cement


สูตรปูนซีเมนต์สมัยใหม่ได้รับการพัฒนาในปี 1700  โดยส่วนผสมของมันอย่างง่ายคือน้ำ ทราย และหิน ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้นิยมแพร่หลายไปทั่วโลกในศตวรรษที่ 8 แต่ในความจริงแล้วสูตรปูนซีเมนต์นั้นแพร่หลายมาช้านานในสมัยโบราณโดยเปอร์เซีย อัสซีเรีย อียิปต์และชาวโรมัน ชาวโรมมีสูตรปูนซีเมนต์ที่คงทนโดยผสมกับปูนขาวกับหินบดและน้ำ และด้วยสูตรนี้เองทำให้พวกเขาสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างมากมายที่มีชื่อเสียง และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน

อย่าง วิหารพาร์เธนอน โคลอสเซียม ผันน้ำระบบท่อโรมัน โรมันบาส ซึ่งเห็นได้ชัดว่าปูนซีเมนต์สมัยโบราณดีกว่าปูนสมัยปัจจุบันที่มันสามารถทน ต่อสภาพอากาศเป็นพันๆ ปี แต่แล้วสูตรปูนซีเมนต์ก็ได้หายสาบสูญในยุคมืดอย่างลึกลับ ทฤษฏีที่นิยมมากที่สุดคือความลับทางการค้าระหว่างช่างก่อตึกหินด้วยกัน และวิธีการทำซีเมนต์และคอนกรีตก็หายไปพร้อมกับคนที่รู้วิธีทำไปด้วย

แต่กระนั้นก็มีข้อสันนิษฐานว่าปูนซีเมนต์ของพวกเขาได้ใส่ส่วนผสมพิเศษลงไป ด้วย โดยสารนี้จะทำให้สร้างฟองอากาศคอนกรีต ช่วยให้วัสดุในการขยายทำให้ทนความร้อน และความเย็น ซึ่งสารเคมีนี้ยังคงความลับอยู่

 
 




บันทึกการเข้า

▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 794


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 31.0.1650.63 Chrome 31.0.1650.63


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 06 มกราคม 2557 11:16:22 »



1. Greek Fire



และนี่คือเทคโนโลยีที่หายสาบสูญที่มีชื่อเสียงมากที่สุด "ไฟกรีก" เป็นชื่อของอาวุธที่พัฒนาโดยกองทัพเรือไบแซนไทน์ในสมัยยุคกลาง ประมาณศตวรรษที่ 11 โดยปกติแล้วจะใช้มันต่อสู้กับกองทัพเรือ โดยเปลี่ยนสูตรน้ำมันเผาไหม้และหลักกาลักน้ำมาใช้ พุ่งผ่านท่อทองเหลืองขนาดใหญ่ที่ติดตั้งบนเรือรบ ไปตกบนเรือของข้าศึก โดยมีการเก็บของเหลวไว้ในถังร้อนอัดที่ถูกอัด และพ้นผ่านท่อดังกล่าวโดยมีอุปกรณ์บางอย่างช่วยสูบ ส่วนผู้ควบคุมเครื่องนั้นจะซ่อนหลังโล่โลหะขนาดใหญ่ โดยไฟดังกล่าวนั้นไม่สามารถดับได้โดยน้ำธรรมดา

มีการบันทึกไว้ว่าอาวุธนี้ถูกใช้ในการจับไล่ผู้รุกรานอาหรับ โดยไฟกรีกสามารถนำมาใช้ในหลายรูปแบบ เช่น ใช้มันถูกเทลงในขวดและโยนระเบิดใส่ศัตรู หรือกาน้ำแบบพกพา แต่แล้วเทคโนโลยีนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากการล่มสลายของไบแซนไทน์ และแม้ว่ามีบันทึกหลายฉบับเขียนกล่าวว่ามันมีการใช้จริง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้การทำงานของมัน ในขณะที่องค์ประกอบทางเคมีของไฟกรีกยังคงมีการศึกษาและได้รับความสนใจจากนักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์

โดยทฤษฏีแรกคือการผสมของดินประสิวคล้ายกับการทำดินปืน แต่ความคิดนี้ปฏิเสธเพราะว่าดินประสิวไม่ไหม้ในน้ำและทฤษฏีใหม่เชื่อว่าจะเป็นไฟกรีกคือส่วนผสมต่างๆ ของสารเคมีปิโตรเลียม รวมถึงปูนขาว กำมะถัน






ภาพ :  อินเตอร์เน็ต
ที่มา :  Toptenthailand
บันทึกการเข้า

คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.26 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 28 กุมภาพันธ์ 2567 13:48:28