[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 19:45:57 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 184 185 [186] 187 188 ... 1129
3701  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "แอฟ" ควง "นนกุล" ฉลองวันเกิดเพื่อน แคปชั่นเพื่อนแม่ไม่ผิดหวังจริงๆ เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 15:42:15
"แอฟ" ควง "นนกุล" ฉลองวันเกิดเพื่อน แคปชั่นเพื่อนแม่ไม่ผิดหวังจริงๆ
         


"แอฟ" ควง "นนกุล" ฉลองวันเกิดเพื่อน แคปชั่นเพื่อนแม่ไม่ผิดหวังจริงๆ" width="100" height="100  โดนใจชาวเน็ต "แอฟ" ควง "นนกุล" ฉลองวันเกิดเพื่อน แคปชั่นเพื่อนแม่ไม่ผิดหวังจริงๆ
         

https://www.sanook.com/news/9118182/
         
3702  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ก.ต่างประเทศ ยืนยันคนไทยกลุ่มแรกที่ฮามาสปล่อยตัว มีทั้งหมด 10 คน เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 15:34:04
ก.ต่างประเทศ ยืนยันคนไทยกลุ่มแรกที่ฮามาสปล่อยตัว มีทั้งหมด 10 คน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-25 14:33</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ก.ต่างประเทศ ยืนยันคนไทยกลุ่มแรกที่ฮามาสปล่อยตัว มีทั้งหมด 10 คน (ไม่ใช่ 12 รายตามที่เป็นข่าวแต่แรก) ในจำนวนนี้มี 4 คนที่ทางการอิสราเอลไม่เคยแจ้งมาก่อน ทั้งหมดอยู่โรงพยาบาล แพทย์อิสราเอลดูแลเต็มที่ 'เศรษฐา' ขอบคุณทุกฝ่ายช่วยประสาน ชี้การเจรจาช่วยเหลือยังเป็นไปเหมือนเดิม ยังเจรจากับทางกาตาร์-มาเลเซีย</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53354682414_3aa1995377_o_d.png" /></p>
<p>25 พ.ย. 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันชาวไทยชุดแรกว่า วานนี้ (24 พ.ย. 2566) อุปทูตและเจ้าหน้าที่ สอท. ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางไปเยี่ยมกลุ่มคนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวที่ รพ. Shamir Medical Center และยืนยันว่ามีกลุ่มคนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวทั้งสิ้นจำนวน 10 ราย (ไม่ใช่ 12 รายตามที่เป็นข่าวแต่แรก) โดยมีรายชื่อ ดังนี้</p>
<p>1) นางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน
2) นายสันติ บุญพร้อม
3) นายบุญถม พันธ์ฆ้อง
4) นายมงคล ผจวบบุญ
5) นายวิทูรย์ ภูมี
6) นายวิชัย กาละปัตย์
7) นายบัญชา กองมณี
8) นายบุดดี แสงบุญ
9) นายอุทัย ทุ่นศรี
10) นายอุทัย แสงนวล</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53354580403_43a44f28d4_o_d.png" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53354580408_30b3fbb2d7_o_d.png" /></p>
<p>โดยระหว่างการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ สอท. ได้ให้ความช่วยเหลือด้านการแปลภาษา การดูแลขั้นพื้นฐาน และทยอยแจ้งญาติที่ประเทศไทยแล้ว ในเบื้องต้นจะอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลา 48 ชม. ซึ่งแพทย์อิสราเอลจะดูแลอย่างเต็มที่ โดยจะจัดคณะทางการแพทย์ 6 ชุด ดูแลผู้ได้รับการปล่อยตัวทั้ง 10 คน และโรงพยาบาลจะจัดนักจิตวิทยาที่พูดภาษาไทยเพื่อให้ได้พูดคุย ทั้งนี้ทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ในฐานะเหยื่อของการก่อการร้าย ตามกฎหมายอิสราเอล ด้านรัฐบาลไทยจะดำเนินการในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับพี่น้องคนไทยทั้ง 10 คน กลับสู่ประเทศไทยและครอบครัวต่อไป</p>
<p>จากรายชื่อคนไทยกลุ่มแรกที่ได้รับการปล่อยตัวทั้ง 10 รายดังกล่าว มี 4 รายที่ทางการอิสราเอลไม่เคยแจ้งยืนยันมาก่อน ทำให้ขณะนี้ ยังคาดว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวชาวไทยอีก 20 ราย จากจำนวนเดิม 26 รายที่เคยได้รับการยืนยันจากฝ่ายอิสราเอลแล้ว และรัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยกลุ่มนี้ต่อไป</p>
<p>รัฐบาลไทยขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและที่ทางการไทยได้ขอความช่วยเหลือสนับสนุน อาทิ รัฐบาลกาตาร์ อิสราเอล อียิปต์ อิหร่าน มาเลเซีย และ ICRC รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาทุกฝ่ายอีกครั้ง ที่ได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการผลักดันการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยจนได้รับการปล่อยตัวชุดแรก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวประกันที่เหลือทั้งหมดจะได้รับการดูแลและปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'เศรษฐา' ขอบคุณทุกฝ่ายช่วยประสาน</span></h2>
<p>มติชนชนออนไลน์ รายงานว่าที่ จ.สระแก้ว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันชาวไทย 10 คนว่า ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคง นำโดย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ติดตามสถานการณ์อย่างละเอียด แม้บางช่วงที่หายไปยังได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ จนกระทั่งช่วงเย็นวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่มีข่าวกลับไปกลับมาว่า จะมีการปล่อยตัวประกันชาวไทยหรือไม่ จนที่สุดได้ปล่อยออกมาจำนวน 10 คน และได้รับการตรวจร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และขอแสดงความยินดีกับญาติพี่น้องของบุคคลเหล่านั้น ขอบคุณองค์กรจากต่างประเทศที่มีส่วนร่วมในการทำให้ผู้บริสุทธิ์ออกมาได้อย่างปลอดภัย และแสดงความยินดีกับไทย</p>
<p>สำหรับตัวประกันที่ได้รับปล่อยตัว นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปรับด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทราบว่าจะเดินทางไปเมื่อไหร่ ต้องรอดูรายละเอียดก่อน เนื่องจากตัวประกันบางคนยังบาดเจ็บอยู่ จึงต้องดูให้ดี</p>
<p>“ยืนยันว่า รัฐบาลทำงานไม่หยุด และไม่ลดละความพยายามที่จะต้องช่วยเหลือต่อไป เพราะยังมีตัวประกันอีกกว่า 20 คนที่ต้องช่วยออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด” นายกฯกล่าว</p>
<p>เมื่อถามกรณีที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน เดินทางมาประเทศไทย ได้รับทราบความคืบหน้าการช่วยเหลือตัวประกันคนอื่นด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องข้อมูล และความมั่นคง ยังไม่อยากพูดออกไป เพราะอาจจะเกิดผลกระทบ เนื่องจากเป็นความละเอียดอ่อนของข้อมูล ซึ่งต้องเห็นใจตัวประกันอีก 20 คน และญาติพี่น้องของเขาด้วย</p>
<p>ผู้สื่อข่าวถามว่า การเจรจาช่วยเหลือยังเป็นไปเหมือนเดิมหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังเหมือนเดิม การต่างประเทศยังเจรจากับทางกาตาร์ รวมไปถึงมาเลเซีย โดยวันที่ 27 พ.ย. นี้ ตนจะเดินทางไปพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะพูดคุยต่อเนื่อง ข้อมูลส่วนใดที่เป็นสาธารณะและเปิดเผยได้ จะเปิดเผยให้ทราบต่อไป</p>
<p>เมื่อถามว่า ในช่วงที่มีการหยุดยิง มีความคาดหวังว่า ตัวประกันจะได้รับการปล่อยออกมาได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มีความคาดหวังตลอดเวลา แต่ขอเวลาสักระยะ จะพยายามทำให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เพราะการหยุดยิงคงมีหลายช่วงเวลา เวลานี้ขอให้คนที่ยังถูกจับอยู่ได้รับความปลอดภัย ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมตามกฎกติกา</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106976
 
3703  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - วันหยุดก็ไม่พัก! นายกฯลงพื้นที่สระแก้ว ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดน เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 14:28:56
วันหยุดก็ไม่พัก! นายกฯลงพื้นที่สระแก้ว ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดน
         


วันหยุดก็ไม่พัก! นายกฯลงพื้นที่สระแก้ว ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9117858/
         
3704  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เปิดรับฟังร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 14:03:40
เปิดรับฟังร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-25 13:29</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับฟังร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพิ่มเติมบทบัญญัติ เหตุยกเว้นและการกระทำที่ไม่เข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์ให้ชัดเจน ป้องกันเกิดปัญหาการตีความ และให้มีเงินอุดหนุนสถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อจัดสวัสดิภาพสัตว์ให้เหมาะสม</p>
<p>25 พ.ย. 2566 เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่าสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับฟังร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เสนอโดยนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับคณะ ซึ่งร่างดังกล่าวเป็นร่างการเงิน โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557  เนื่องจากหลักเกณฑ์ในการดูแลสัตว์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ขาดความชัดเจนของถ้อยคำ เกิดปัญหาในการตีความ จนทำให้ผู้กระทำการทารุณกรรมสัตว์เข้าเหตุยกเว้นว่ามีเหตุอันสมควรและไม่มีความผิด ขาดกลไกการทำงาน เทคโนโลยีและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับเหตุยกเว้นหรือการกระทำใดที่ไม่เป็นการทารุณกรรมสัตว์ ให้ชัดเจน กำหนดช่องทางให้ประชาชนสามารถช่วยเหลือสัตว์โดยขอรับสัตว์ไปเลี้ยง กำหนดให้มีเงินอุดหนุนสถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อช่วยเหลือให้การจัดสวัสดิภาพสัตว์สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างเหมาะสม และกำหนดให้มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจดทะเบียนสัตว์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถติดตามสัตว์ได้ เพื่อคุ้มครองไม่ให้สัตว์ถูกทารุณกรรมและบริหารจัดการการจัดสวัสดิภาพสัตว์ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้</p>
<p>สำหรับประเด็นเปิดรับฟังความคิดเห็น อาทิ เห็นด้วยหรือไม่ กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า สัตว์ และ คำว่า ผู้ช่วย พนักงานเจ้าหน้าที่ เห็นด้วยหรือไม่ กับการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่งขึ้นใหม่ และเพิ่มจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากจำนวน 7คนเป็นจำนวน 12คน รวมถึงการเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้แก่คณะกรรมการฯ  เห็นด้วยหรือไม่ กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติว่าด้วยองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ กำหนดให้คณะบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์หรือดําเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทารุณกรรมหรือการจัดสวัสดิภาพสัตว์และไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมืองหรือแสวงหากําไร ให้จดทะเบียนเป็นองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ต่อนายทะเบียน เห็นด้วยหรือไม่ กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติว่าด้วยสถานสงเคราะห์สัตว์ โดยกำหนดให้ผู้ซึ่งจัดตั้งสถานสงเคราะห์สัตว์ที่ดำเนินกิจกรรมในลักษณะที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมืองหรือไม่แสวงหากำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกันให้จดทะเบียนเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์ต่อนายทะเบียน และอาจได้รับการสนับสนุนจากกรมปศุสัตว์หรือหน่วยงานอื่นของรัฐในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดทำระบบ หรือหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ประชาชนขอสัตว์จากสถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อนำไปเป็นสัตว์บ้าน หรือสัตว์เลี้ยง เพื่อให้เป็นเพื่อนหรือเพื่อการอื่นใดตามที่อธิบดีประกาศกำหนด เห็นด้วยหรือไม่ กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติว่าด้วยการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ โดยกำหนดห้ามมิให้กระทําการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ทุกกรณี และรวมถึงกำหนดให้การตัด หู หาง ขน เขา หรืองาเพื่อสุขอนามัยของสัตว์โดยไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์หรือการดำรงชีวิตของสัตว์ ไม่ถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ปัจจุบันการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะอื่น ๆ</p>
<p>ทั้งนี้ประชาชนผู้สนใจสามารถร่วมแสดงความเห็นต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ ผ่านเว็บไซต์ [url=http://www.parliament.go.th]www.parliament.go.th หมวดการรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106975
 
3705  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - อสส.สั่งสอบด่วน “อัยการ”ถูกเสี่ยแป้งพาดพิงเรื่องคดี ปี 63 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 13:08:44
อสส.สั่งสอบด่วน “อัยการ”ถูกเสี่ยแป้งพาดพิงเรื่องคดี ปี 63
         


อสส.สั่งสอบด่วน “อัยการ”ถูกเสี่ยแป้งพาดพิงเรื่องคดี ปี 63" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9118042/
         
3706  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'WHO-ILO' เผยทำงานกลางแจ้งภายใต้แสงแดด เป็นสาเหตุสำคัญทำเสียชีวิตจากมะเร็งผิวห เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 12:31:34
'WHO-ILO' เผยทำงานกลางแจ้งภายใต้แสงแดด เป็นสาเหตุสำคัญทำเสียชีวิตจากมะเร็งผิวหนัง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-25 11:14</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผลศึกษาใหม่ของ 'WHO-ILO' พบว่าการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนทำงานกลางแจ้งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งผิวหนัง ชี้จำเป็นต้องมีการป้องกันและบรรเทาผลกระทบ</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://www.ilo.org/wcmsp5/groups/public/---dgreports/---dcomm/documents/image/wcms_861763.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: ILO</span></p>
<p>25 พ.ย. 2566 เกือบ 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตจาก 'มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา' (Nonmelanoma) [1] มีสาเหตุมาจากการทำงานภายใต้แสงแดด ตามการประมาณการร่วมกันขององค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ในงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Environment International พบว่าคนทำงานกลางแจ้งมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้น ทั้งสององค์กรยังเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันอันตรายร้ายแรงและการเสียชีวิตของคนทำงานจากสาเหตุดังกล่าว</p>
<p>จากการประมาณการร่วมกัน พบว่าคนวัยทำงาน (15 ปีขึ้นไป) จำนวน 1.6 พันล้านคน ได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ขณะทำงานกลางแจ้งในปี 2562 คิดเป็น 28% ของคนวัยทำงานทั้งหมด ในปี 2562 เพียงปีเดียว ผู้คนเกือบ 19,000 คน ใน 183 ประเทศ เสียชีวิตจากมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมานี้ เนื่องจากต้องทำงานกลางแจ้งและสัมผัสกับแสงแดด ส่วนใหญ่ 65% เป็นผู้ชาย</p>
<p>“การสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์โดยไม่มีการป้องกันขณะทำงาน เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งผิวหนัง” ดร.ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าว “แต่ก็มีวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ในการปกป้องคนทำงานจากรังสีที่เป็นอันตรายของดวงอาทิตย์ และป้องกันผลกระทบร้ายแรงต่อพวกเขา”</p>
<p>การประมาณการดังกล่าวระบุว่าการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์จากการประกอบอาชีพ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน โดยการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเป็นสาเหตุหลักอันดับ 3 ระหว่างปี 2543-2562 การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสแสงแดดจากการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า โดยเพิ่มขึ้น 88% จากผู้เสียชีวิต 10,088 รายในปี 2543 เป็น 18,960 รายในปี 2562</p>
<p>“สภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน” กิลเบิร์ต เอฟ. ฮุงโบ (Gilbert F. Houngbo) ผู้อำนวยการใหญ่ ILO กล่าว “การเสียชีวิตที่เกิดจากการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ ส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยมาตรการที่ดี จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาล นายจ้าง คนทำงาน และสหภาพแรงงานจะทำงานร่วมกันภายใต้กรอบด้านสิทธิ ความรับผิดชอบ และหน้าที่ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพจากการสัมผัสรังสียูวี สิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตคนได้หลายพันคนในทุกปี”</p>
<p>การศึกษาชิ้นนี้ยังเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องคนงานจากการทำงานกลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดที่เป็นอันตราย เนื่องจากมะเร็งผิวหนังเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสมาหลายปีหรือหลายสิบปี คนทำงานจึงต้องได้รับการปกป้องในขณะทำงาน รัฐบาลควรจัดทำ ดำเนินการ และบังคับใช้นโยบายและกฎระเบียบที่ปกป้องคนทำงานกลางแจ้ง โดยการให้ร่มเงา  เลื่อนชั่วโมงทำงานในช่วงแดดจัด ให้การศึกษาและการฝึกอบรม และจัดเตรียมครีมกันแดดและชุดป้องกันส่วนบุคคลให้กับคนทำงาน (เช่น หมวกปีกกว้าง เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว) เป็นต้น</p>
<p>WHO, ILO, องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) และโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน SunSmart Global UV ซึ่งช่วยให้คนทำงานกลางแจ้งสามารถประเมินการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ได้</p>
<p>มาตรการอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนัง ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ของคนทำงานเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการสัมผัสแสงแดดจากการทำงานกับมะเร็งผิวหนัง และการให้บริการเพื่อตรวจหาสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งผิวหนัง</p>
<p>[1] Nonmelanoma (มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา) เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดอื่น ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่ามะเร็งผิวหนังแบบเมลาโนมา โดยเซลล์มะเร็งมักเกิดขึ้นในผิวหนังชั้นนอกและโตค่อนข้างช้า อาการระยะเริ่มต้นอาจสังเกตเห็นเป็นก้อนนูนหรือรอยบนผิวหนัง ซึ่งมีสีผิดปกติ โดยก้อนนูนหรือรอยนั้นมักเกิดขึ้นนานเกิน 2-3 สัปดาห์ และมีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้รังสีอัลตราไวโอเล็ตหรือรังสียูวี ไม่ว่าจะเป็นรังสียูวีจากแสงแดดหรือเครื่องทำผิวแทน จัดเป็นปัจจัยหลักที่อาจก่อให้เกิด Nonmelanoma ซึ่งผู้ที่ต้องสัมผัสกับรังสียูวีเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง จะเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังแบบ Nonmelanoma มากกว่าคนทั่วไป</p>
<p> </p>
<p><strong>ที่มา:</strong>
Working under the sun causes 1-in-3 deaths from non-melanoma skin cancer, say WHO and ILO (ILO, 8 November 2023)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106972
 
3707  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สวรส. ตั้งทีม HSIU หน่วยจัดการข้อมูลองค์ความรู้เพื่อการตัดสินทางนโยบายแบบใหม่ เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 11:00:40
สวรส. ตั้งทีม HSIU หน่วยจัดการข้อมูลองค์ความรู้เพื่อการตัดสินทางนโยบายแบบใหม่
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-25 10:46</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สวรส. ตั้งทีม HSIU หน่วยจัดการข้อมูลองค์ความรู้เพื่อการตัดสินทางนโยบายแบบใหม่ ร่วมติดตามสถานการณ์ถ่ายโอนฯ พร้อมหนุนงานวิชาการ เคลื่อนทันการแก้ปัญหา-พร้อมพัฒนาประสิทธิภาพปฐมภูมิเกิดประโยชน์สูงสุด</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53354451404_e717f045da_o_d.jpg" /></p>
<p>25 พ.ย. 2566 จากสถานการณ์การถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สู่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ณ วันนี้นับเวลาได้กว่า 1 ปีเต็มที่การถ่ายโอนได้มีการดำเนินการ ทั้งนี้ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดยคณะทำงาน Health System Intelligent Unit (HSIU) หน่วยประมวลสถานการณ์ระบบสุขภาพ : กรณีการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ให้แก่ อบจ. ได้มีการติดตามสถานการณ์การดำเนินการถ่ายโอนภารกิจของ รพ.สต. ให้แก่ อบจ. ทั้งนี้เพื่อการวางกลยุทธ์สร้างงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตอบสนองต่อสถานการณ์ ตลอดจนการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้คณะทำงาน HSIU ได้จัดประชุมคณะทำงานฯ ครั้งที่ 3/2566 ขึ้น โดยมี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการ สวรส. เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะทำงาน HSIU อาทิ ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สวรส., นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, นพ.โกเมนทร์ ทิวทอง รองผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ, นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, นายธนา ยันตรโกวิท อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี, นพ.ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก่งคอย ฯลฯ ร่วมประชุม ณ ห้องกินรี 2 โรงแรม อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม.</p>
<p>ทั้งนี้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และประธานคณะทำงาน HSIU ได้ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดและประเด็นสำคัญในช่วงเริ่มต้นของการประชุมไว้ว่า ข้อจำกัดของงานวิจัยที่ผ่านมา คืองานวิจัยไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทันต่อสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งการทำงานแบบ unit ที่มีการจัดการหรือขับเคลื่อนงานแบบ Daily operation เพื่อให้ทันต่อปัญหาและการเคลื่อนไหวของสถานการณ์รายวันนั้น เป็นเป้าหมายหนึ่งของ HSIU นี้  ซึ่งกรณีการถ่ายโอน รพ.สต. สู่ อบจ. อยู่ในช่วงการเปลี่ยนถ่ายหรือรอยต่อของพัฒนาการที่อาจเกิดข้อขัดแย้ง ความเห็นพ้องหรือเสียงที่แตกต่างหลากหลายกันไป แต่ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน รวมถึงทัศนคติหรือความไม่เข้าใจของแต่ละฝ่ายแต่ละระดับ สามารถใช้งานวิชาการเข้าไปจัดการหรือเป็นทิศทางของการดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้ดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นหรือมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการทำงาน HSIU นี้ จะเป็นวงพูดคุยเพื่อร่วมหาทางแก้ปัญหาโดยความร่วมมือจากหลากหลายฝ่าย </p>
<p>“ตัวอย่างสถานการณ์ตอนนี้ รพ.สต. มีการเบิกเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลแม่ข่าย แต่ ณ วันที่ต้องดำเนินการเอง ซึ่งจะทำอย่างไร มีรูปแบบแบบไหนจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด มันมีศาสตร์ของมัน หรือแม้แต่เรื่องของการบริหารจัดการยาตั้งแต่การซื้อจนถึงส่งให้ถึงมือคนไข้จะทำอย่างไรให้มีคุณภาพ ทุกอย่างต้องมีการศึกษาวิจัย หรือในเรื่องของการเงินการคลัง ซึ่งมีโมเดลการจ่ายที่หลากหลาย พื้นที่ไหนมีบริบทอย่างไรก็สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับพื้นที่นั้น หรือถ้ายังไม่ใช่ก็อาจจะมีโมเดลกลางเพื่อการประยุกต์ใช้ได้ ทั้งนี้โมเดลที่ว่าต้องพึงพอใจร่วมกัน และมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งวง HSIU นี้จะมีการรวบรวมข้อมูลจัดทำเป็น Dashboard ที่เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์การถ่ายโอน โดยเน้นการเชื่อมต่อข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการกำกับติดตาม พัฒนาการดำเนินงาน หรือแก้ไขปัญหาสถานการณ์ต่างๆ ได้ต่อไป” นพ.ศุภกิจ กล่าว  </p>
<p>ทั้งนี้ในที่ประชุมมีการนำเสนอรายงานความก้าวหน้าการศึกษา ซึ่ง สวรส.สนับสนุนทุนวิจัยให้แก่โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) เป็นผู้ดำเนินงาน “กระบวนการสังเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบคำถามเชิงนโยบายสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทย และการกระจายอำนาจด้านสุขภาพสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดยมุ่งเน้นการจัดทำข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อตอบคำถามเชิงนโยบายฯ ในกรอบเวลาไม่เกิน 3 เดือน โจทย์วิจัยที่นำเสนอในวันนี้คือ กระบวนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานใน รพ.สต. ทั้งรูปแบบการติดตามและความถี่ในการติดตาม โดยทำการสำรวจร่วมกับสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหารที่มีการถ่ายโอนไปยัง อบจ. ใน 4 รพ.สต. 4 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี, ขอนแก่น, กาญจนบุรี และสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ผลการศึกษาเป็นเพียงผลเบื้องต้นที่จะมีกระบวนการพัฒนาคุณภาพข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อผู้กำหนดนโยบายต่อไป </p>
<p>ดร.นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ เลขาธิการมูลนิธิและนักวิจัยอาวุโส HITAP ได้กล่าวถึงในประเด็นหนึ่งของการประเมินติดตามผลการถ่ายโอนฯ ว่า เราจะทำวิจัยเพื่อประมวลรวบรวมดูตัวชี้วัดที่มีอยู่ รวมทั้งตัววัดที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ งานวิจัยนี้จะดำเนินการเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อจะนำมาระดมความคิดเห็น (work shop)  กับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อร่วมพิจารณาข้อมูลและถกแถลงเพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่ควรจะเป็นและนำไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ทั้งนี้การวัดผลเรื่องนี้โดยใช้กรอบคิดขององค์ประกอบระบบสุขภาพ 6 Building Blocks เป็นกรอบการวิจัยที่อาจยังขาดการดูเรื่องผลลัพธ์สำคัญ หรือการดูสิ่งที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เช่น เรื่องของพลังต่อรองของผู้ให้บริการกับผู้รับบริการ ซึ่งต่างประเทศมีการดูในส่วนนี้ด้วย</p>
<p>นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นเดียวกันนี้ว่า งานวิจัยนี้เป็นผลเบื้องต้นที่อาจมีการประเมินอีกหลายๆ แห่ง ที่จะเกิดความแม่นยำมากขึ้น ทั้งนี้ในการบริหารสาธารณสุข การติดตามกำกับ (Monitoring) เป็นเรื่องสำคัญ ที่จะเป็นกลไกช่วยบอกว่าเกิดอะไรขึ้น คุณภาพเป็นอย่างไร และเป็นสิ่งที่จะช่วยชี้ให้เกิดการพัฒนาต่อไป ซึ่งโดยหลักการ ตัวชี้วัดที่น่าจะเหมาะสมสำหรับเรื่องนี้คือ การผสมผสานระหว่างตัวชี้วัดพื้นฐานหรือตัวชี้วัดกลางที่ต้องทำเหมือนกันทุกพื้นที่ ร่วมกับการมีตัวชี้วัดเฉพาะพื้นที่ที่มีบริบทแตกต่างกันออกไปตามสภาพปัญหาและความต้องการในการบริการประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และองค์การบริหารส่วนจังหวัดถึงตัวชี้วัดที่เหมาะสมต่อไป </p>
<p>นอกจากนั้นส่วนสำคัญของเรื่องการประเมินติดตามคือ ต้องใช้กลไกต่างๆ ร่วมกัน ทั้งการกำกับติดตามในแบบรายงานตามตัวชี้วัด, การประชุมเพื่อติดตามงาน รวมทั้งการออกไปเยี่ยมดูพื้นที่จริง ที่หากไม่มีกลไกเหล่านี้จำเป็นต้องแก้ ซึ่งการแก้ไขอาจใช้กลไกคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ (กสพ.) ไปพลาง ซึ่งต้องมีการออกแบบงานที่ละเอียดขึ้น หรือใช้กระบวนการนิเทศงานของสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ที่อาจต้องปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้บังคับบัญชาโดยตรงเป็นการร่วมมือกับกลไกของ อบจ. </p>
<p>ในช่วงท้ายของการประชุม ที่ประชุมมีแนวทางที่เห็นพ้องร่วมกันในการทำวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เพื่อแก้กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคหรือข้อจำกัดในการดำเนินการในพื้นที่ บนเป้าหมายการมองเชิงระบบเพื่อการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง โดยความร่วมมือและมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น การแก้ไขระเบียบการโอนเงินบำรุง เพื่อทำให้การดำเนินงานและระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิที่เกิดดุลยภาพ, การทำให้ท้องถิ่นมีแพทย์เกิดขึ้น และดำเนินการได้ตามกฎหมาย เป็นต้น </p>
<p>นอกจากนั้นด้าน ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สวรส. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การถ่ายโอน สวรส. ได้มีการดำเนินงานวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการแก้ปัญหาและการพัฒนาเชิงระบบ ทั้งนี้ สวรส. 
มีแผนการจัดเวทีนำเสนองานวิจัยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2567 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านกระทรวงสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเวทีดังกล่าวจะเป็นการนำเสนอข้อค้นพบเชิงประจักษ์จากงานวิจัย ซึ่งคาดหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานตามภารกิจเพื่อการพัฒนาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106971
 
3708  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - คนดูเป็นล้าน แม่เจ้าบ่าวชาวเกาหลี ใส่ชุดอ่าวหญ่ายเต้นรำ กลายเป็นไวรัล "แม่สาม เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 10:37:06
คนดูเป็นล้าน แม่เจ้าบ่าวชาวเกาหลี ใส่ชุดอ่าวหญ่ายเต้นรำ กลายเป็นไวรัล "แม่สามีแสนวิเศษ"
         


คนดูเป็นล้าน แม่เจ้าบ่าวชาวเกาหลี ใส่ชุดอ่าวหญ่ายเต้นรำ กลายเป็นไวรัล &quot;แม่สามีแสนวิเศษ&quot;" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;คลิปไวรัลที่ใครดูก็ยิ้มตาม คุณแม่สวยแถมอัธยาศัยดีมากๆ ชาวเน็ตยกให้เป็น "แม่สามีแสนวิเศษ"
         

https://www.sanook.com/news/9117798/
         
3709  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ทัวร์ลงฉ่ำ "จิรัฏฐ์ ก้าวไกล" เผย ขอให้แฟนลาออกมาเป็นผู้ช่วย สส. เงินเดือนหมื่น เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 08:22:22
ทัวร์ลงฉ่ำ "จิรัฏฐ์ ก้าวไกล" เผย ขอให้แฟนลาออกมาเป็นผู้ช่วย สส. เงินเดือนหมื่นห้า
         


ทัวร์ลงฉ่ำ &quot;จิรัฏฐ์ ก้าวไกล&quot; เผย ขอให้แฟนลาออกมาเป็นผู้ช่วย สส. เงินเดือนหมื่นห้า" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"จิรัฏฐ์ ก้าวไกล" เรียกทัวร์มาลง เผยขอให้แฟนลาออกมาเป็นผู้ช่วย สส. เงินเดือนแค่หมื่นห้า ลั่นอย่าวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องในครอบครัว
         

https://www.sanook.com/news/9116594/
         
3710  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - น้องสาวเขินแทบมุดดิน 3 พี่ชายรวมตัวมารับที่โรงเรียน “เราจะเป็นผู้คุ้มกันเธอตลอ เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 08:05:56
น้องสาวเขินแทบมุดดิน 3 พี่ชายรวมตัวมารับที่โรงเรียน “เราจะเป็นผู้คุ้มกันเธอตลอดไป”
         


น้องสาวเขินแทบมุดดิน 3 พี่ชายรวมตัวมารับที่โรงเรียน “เราจะเป็นผู้คุ้มกันเธอตลอดไป”" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เราจะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของน้องสาวคนเล็กตลอดไป จนกว่าเราจะแก่...
         

https://www.sanook.com/news/9117282/
         
3711  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กสม. เผยแพร่สารเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลประจำปี 2566 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 07:57:19
กสม. เผยแพร่สารเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลประจำปี 2566
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 16:29</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่สารเนื่องใน “วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล” ประจำปี 2566 ขอสนับสนุนให้ทุกคนลุกขึ้นยืนหยัดพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพของผู้หญิงและเด็กหญิง และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมที่ไม่มีใครสมควรต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงอีกต่อไป</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53352943330_d5807361b2_k_d.jpg" /></p>
<p>24 พ.ย. 2566 สารคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เนื่องใน “วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล” ประจำปี 2566 ความว่าองค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น “วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล” (International Day for the Elimination of Violence against Women) เพื่อรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาและร่วมกันขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วโลก และคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” มาตั้งแต่ปี 2542</p>
<p>สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในประเทศไทย ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง มีผู้หญิงและเด็กหญิงถูกล่วงละเมิดด้วยการทำร้ายร่างกายและจิตใจในทุก ๆ วัน และเป็นที่น่าตกใจว่าประเทศไทยติด 1 ใน 10 ของโลกที่มีสถิติผู้หญิงถูกกระทำความรุนแรงทั้งด้านจิตใจ ทางร่างกาย และทางเพศมากที่สุด นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีความรุนแรงในครอบครัวอีกหลายกรณีที่ไม่ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์ ด้วยสาเหตุความหวาดกลัวต่อการถูกข่มขู่ คุกคาม หรือความอับอายไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวให้ผู้อื่นรับรู้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงและเด็กหญิงที่มีอัตลักษณ์ทับซ้อน (Intersectionality) ยังมีความเปราะบางต่อการถูกกระทำความรุนแรงมากขึ้น เช่น เป็นเด็กหญิงกลุ่มชาติพันธุ์ที่พิการ ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริการทางเพศ (sex worker) และติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น นอกจากนี้ การแสวงหาประโยชน์และกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิงทางออนไลน์ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น</p>
<p>กสม. ขอเน้นย้ำว่าการกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาการของเด็ก การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิงเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง แจ้งเหตุ ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กหญิงในระดับชุมชน การสนับสนุนการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคประชาสังคม การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งเสริมและคุ้มครองผู้หญิงและเด็กหญิงที่ถูกกระทำความรุนแรง การพัฒนาและบูรณาการระบบข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในออกแบบมาตรการในการส่งเสริม คุ้มครอง ช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ถูกกระทำความรุนแรง ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ</p>
<p>กสม. ให้ความสำคัญกับการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิงในทุกรูปแบบ และขอให้ทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกัน ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบที่มีต่อประเทศไทย เพื่อร่วมกันให้ความคุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพ และความปลอดภัยของผู้หญิงและเด็กทุกคน จากความรุนแรงทั้งทางกาย ทางจิตใจ และทางเพศ</p>
<p>ท้ายนี้ กสม. ขอสนับสนุนให้ทุกคนลุกขึ้นยืนหยัดพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพของผู้หญิงและเด็กหญิง และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมที่ไม่มีใครสมควรต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงอีกต่อไป</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106960
 
3712  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' น้อมรับข้อวิจารณ์ แต่งตั้งญาติเป็นผู้ช่วย สส. พร้อมทบทวนหารือวางม เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 06:26:52
'ก้าวไกล' น้อมรับข้อวิจารณ์ แต่งตั้งญาติเป็นผู้ช่วย สส. พร้อมทบทวนหารือวางมาตรฐาน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 16:45</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ก้าวไกล' น้อมรับข้อวิจารณ์ แต่งตั้งญาติเป็นผู้ช่วย สส. พร้อมทบทวนหารือวางมาตรฐาน - ติดตามคดี 'ทนายเคน' อดีตว่าที่ผู้สมัคร สส. แพร่ โดนรถเฉี่ยวชนเสียชีวิต ชี้ ตร.งดสอบสวน หาตัวคนผิดไม่ได้ เตรียมร้องอัยการขอให้สอบเพิ่ม</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/50707698118_d7c7e7796b_o_d.jpg" /></p>
<p>วันที่ 24 พ.ย. 2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวว่าอภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแต่งตั้งคนในเครือญาติเป็นผู้ช่วย สส. ว่าพรรคก้าวไกลยืนยันว่าพรรคไม่ได้ปล่อยปละละเลยเรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วย สส. และทุกคนในพรรคเข้าใจตรงกันว่าการตัดสินใจแต่งตั้งคนในเครือญาติเข้ามาทำงานในทีม ย่อมเป็นสิ่งที่จะถูกสังคมตั้งคำถามและตรวจสอบถึงเหตุผล โดยเราได้ให้นโยบายกับ สส. อย่างชัดเจนว่าจะต้องไม่มีการแต่งตั้งญาติพี่น้องเป็นผู้ช่วย สส. โดยมารับเงินเพียงอย่างเดียว แต่หากจำเป็นต้องพิจารณาแต่งตั้งคนในครอบครัว จะทำได้ ต่อเมื่อบุคคลนั้นได้รับการคัดเลือกจากความเหมาะสมและความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เข้ามาทำงานจริงด้วยความพร้อมและความทุ่มเท เพื่อให้งานของ สส. ซึ่งต้องประสานกับประชาชนและหน่วยงานต่างๆ สำเร็จลุล่วง</p>
<p>อย่างก็ไรตาม พรรคก้าวไกลรับฟังและเข้าใจข้อวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของแนวทางดังกล่าว เราขอน้อมรับและจะนำทุกความเห็นมาพูดคุยภายในพรรคเพื่อพิจารณาทบทวนวางมาตรฐานเรื่องนี้ต่อไปโดยเร็ว</p>
<p>รอง หน.พรรคก้าวไกล ติดตามคดี “ทนายเคน” อดีตว่าที่ผู้สมัคร สส. แพร่ โดนรถเฉี่ยวชนเสียชีวิต ชี้ ตร.งดสอบสวน หาตัวคนผิดไม่ได้ เตรียมร้องอัยการขอให้สอบเพิ่ม</p>
<p>ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าหลังลงพื้นที่ จ.แพร่ ติดตามกรณีติรานนท์ เวียงธรรม หรือทนายเคน อดีตว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล จ.แพร่ เขต 1 ประสบเหตุโดนรถเฉี่ยวชนจนเสียชีวิต ก่อนวันเปิดรับสมัคร สส. ไม่กี่วัน โดยครอบครัวและทางพรรคมีข้อสงสัยว่าอาจมีการวางแผนตั้งใจชน เพื่อประโยชน์ทางการเมือง คดีผ่านมา 8 เดือน ตำรวจเพิ่งสรุปสำนวนเห็นควรงดสอบสวนส่งอัยการ แต่ยังมีข้อสงสัยหลายประการ เตรียมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.แพร่ เพื่อให้สอบเพิ่ม ให้ทุกข้อสงสัยได้รับการพิสูจน์ คืนความเป็นธรรมให้ “ทนายเคน”</p>
<p>โดยณัฐวุฒิฯ พร้อมครอบครัวทนายเคน และคณะทำงานพรรคก้าวไกล จ.แพร่ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ทนง ผาเพียว รองผู้กำกับการ (สอบสวน) และ พ.ต.ต.ชาติสยาม แจ่มรัตนโสภิณ พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน ที่ สภ.สูงเม่น ได้รับคำชี้แจงว่าคดีนี้ ตำรวจสอบปากคำพยานบุคคลไปกว่า 20 ปาก พร้อมส่งหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด หลักฐานการใช้โทรศัพท์ของบุคคลในบริเวณเกิดเหตุ สีที่ติดอยู่กับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ และผลการชันสูตรศพให้กับทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้ความเห็นกลับมา เชื่อได้ว่าเป็นเหตุที่มีคู่กรณีในการเฉี่ยวชนจริง แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่าเป็นรถคันใดและบุคคลใดเป็นคนขับ โดยได้ตั้งข้อหาความผิดฐาน “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหาย ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อตำรวจที่ใกล้เคียงทันที” แต่ในเมื่อยังหาตัวคนกระทำผิดไม่ได้และระยะเวลาผ่านมาพอสมควร ในชั้นนี้จึงได้เสนอผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับบัญชาเห็นชอบ โดยสรุปสำนวนเห็นควรงดสอบสวนไว้ก่อนตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 140 (1) วรรคสอง และได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ จ.แพร่ ไปแล้ว เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา</p>
<p>หลังจากนั้น ณัฐวุฒิ พร้อมด้วยครอบครัวทนายเคน ได้เข้าพบตัวแทนพนักงานอัยการ จ.แพร่ เพื่อสอบถามความคืบหน้าและคำแนะนำทางกฏหมาย โดยณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า จากที่ได้รับคำชี้แจงจากตำรวจ ยังมีข้อมูลหลายประการที่ยังไม่ได้สอบ ทั้งพยานบุคคลสองคนที่ขับรถตามทนายเคนมา และอยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์มากที่สุด และปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด แต่ยังไม่ทราบว่าบุคคลสองคนดังกล่าวคือใคร รถยนต์ต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นรถกระบะยี่ห้อหนึ่ง ที่ตำรวจเองก็สอบรถต้องสงสัยไปหลายคัน แต่ยังไม่เจอคันที่อาจถูกใช้ก่อเหตุ ข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ว่ามีเบอร์ของใครปรากฏในเวลาและสถานที่ขณะเกิดเหตุบ้าง กล้องวงจรปิดในถนนเส้นอื่นๆ ที่ใกล้เคียง รวมถึงมีบุคคลแปลกหน้าที่ปรากฏตัวในบริเวณร้านค้าของครอบครัวทนายเคนหลังเกิดเหตุ ซึ่งสร้างความกลัวให้กับครอบครัวหลายครั้ง ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้ปรากฏในสำนวน และคงยากที่จะได้มา อย่างเช่นภาพจากกล้องวงจรปิด เพราะเหตุการณ์ผ่านมาหลายเดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม เราเองยังมีความหวัง เพราะทางอัยการแจ้งว่าได้ส่งสำนวนกลับไปให้ทางตำรวจสอบสวนเพิ่ม</p>
<p>ทั้งนี้เพื่อให้ทุกข้อสงสัยได้รับการพิสูจน์ ทางพรรคก้าวไกล ครอบครัวทนายเคน และคณะทำงานพรรคก้าวไกล จ.แพร่ จะได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการจังหวัดแพร่และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ยังไม่มีความกระจ่างชัด หรือในประเด็นที่เห็นว่าทางตำรวจยังไม่ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนนั้น</p>
<p>“ทางพรรคมิได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่เกิดเหตุ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น และชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ได้ลงพื้นที่ไปติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเอง และกำชับให้ติดตามคดีจนถึงที่สุด โดยหากท่านใดมีข้อมูลหรือพยานหลักฐานใดๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ สามารถแจ้งกลับทีมงานของพรรคในพื้นที่ จ.แพร่ ได้ โดยทางพรรคมิได้มองว่าเรื่องนี้อาจมีเหตุจูงใจมาจากทางการเมืองอย่างเดียว และเห็นถึงความพยายามในการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ แต่เมื่อยังมีข้อสงสัย เราเองก็อยากทำความจริงให้กระจ่าง คืนความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสียให้มากที่สุด และเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นๆ ที่อาจมีข้อเท็จจริงที่ใกล้เคียงกัน” ณัฐวุฒิกล่าวในที่สุด</p>
<p>โดย “ทนายเคน” หรือ ติรานนท์ เวียงธรรม เป็นอดีตว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล จ.แพร่ เขต 1 เป็นคน อ.สูงเม่น จ.แพร่ เป็นทนายที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนจนได้รับสมญาว่า “ทนายคนจน” หลังจากได้รับการเปิดตัวเป็นผู้สมัคร สส. ได้ลงพื้นที่หาเสียงมาโดยตลอด และในคืนเกิดเหตุวันที่ 25 ก.พ. 2566 ไปร่วมงานประจำปีที่วัดพระหลวง ด้วยรถจักรยานยนต์และกำลังเดินทางกลับที่พรรค แต่มาประสบเหตุที่ถนนบริเวณหน้าสุสานต้นผึ้ง หมู่ 8 ต.สูงเม่น อ.สูงเม่น จ.แพร่ ผู้มาประสบเหตุพบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ และทนายเคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่ รพ.แพร่ โดยจนปัจจุบันยังไม่อาจพิสูจน์ได้ชัดว่าเกิดอุบัติเหตุเองหรือมีรถเฉี่ยวชน และหากเป็นกรณีเฉี่ยวชนเป็นอุบัติเหตุหรือด้วยความตั้งใจ เป็นคำถามที่ยังคาใจครอบครัวและพี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวมาจนถึงปัจจุบัน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106961
 
3713  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สิ้นแล้วเกจิดัง "หลวงปู่ไดโนเสาร์" แห่งเมืองน้ำดำ สิริอายุ 99 ปี เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 05:33:41
สิ้นแล้วเกจิดัง "หลวงปู่ไดโนเสาร์" แห่งเมืองน้ำดำ สิริอายุ 99 ปี
         


สิ้นแล้วเกจิดัง &quot;หลวงปู่ไดโนเสาร์&quot; แห่งเมืองน้ำดำ สิริอายุ 99 ปี" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;สิ้นแล้วเกจิดังหลวงปู่หา สุภโร หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์แห่งเมืองน้ำดำสิริอายุ 99 ปี อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ พระเถราจารย์ผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด สุดยอดพระอภิญญาผู้เปิดโลกไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


         

https://www.sanook.com/news/9117110/
         
3714  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ป.ป.ช. เตรียมสอบปม 'เศรษฐา' ฝากตำรวจ เผยหากผิดคาดโทษพ้นตำแหน่ง เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 04:55:19
ป.ป.ช. เตรียมสอบปม 'เศรษฐา' ฝากตำรวจ เผยหากผิดคาดโทษพ้นตำแหน่ง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 17:09</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ป.ป.ช. เตรียมสอบปม 'เศรษฐา' ฝากตำรวจ เผยหากผิดคาดโทษพ้นตำแหน่ง - 'รังสิมันต์ โรม' ยกกระดุม 5 เม็ด ปฏิรูปตำรวจ-กำจัดระบบตั๋ว หวังได้เห็นเจตจำนงของรัฐบาล แก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/52892033248_c78eccd656_h_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (แฟ้มภาพ)</span></p>
<p>24 พ.ย. 2566 Voice online รายงานว่าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ในการใช้อำนาจของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในกรณีการฝากตำแหน่งผู้กำกับ</p>
<p>ภูเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบ โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อว่า เข้าเงื่อนไขความผิดตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และทาง ป.ป.ช. มีกรอบเวลาดำเนินการอยู่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สาธารณะให้ความสนใจ ก็จะจัดลำดับขึ้นมาดำเนินการ</p>
<p>ส่วนคลิปข่าวที่นายกฯ พูดในที่ประชุม สส.เพื่อไทย สามารถนำมาประกอบการพิจารณาได้หรือไม่นั้น ภูเทพ กล่าวว่า ต้องรวบรวม ทั้งที่ปรากฎตามสื่อ ผู้หวังดีส่งให้ หรือ ข้อมูลที่ ศรีสุวรรณ ส่งมาให้วันนี้ ก็จะนำมาประกอบทั้งหมด แต่ก็อยู่ภายใต้การดำเนินการของ ป.ป.ช. และเราก็สามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้</p>
<p>สำหรับบทลงโทษสูงสุดกรณี สส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ภูเทพ กล่าวว่ามี 2 ส่วน ถ้าเป็นเรื่องฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมร้ายแรงก็จะเป็นการพ้นจากตำแหน่ง และถูกตัดสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการแทรกแซงข้าราชการฝ่ายประจำที่มีการแต่งตั้งก็ถือว่าเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการก็ต้องดูว่าเข้าเงื่อนไขใด</p>
<p>ในส่วนของพยานหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ความผิดได้ ภูเทพ กล่าวย้ำว่า เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ต้องดำเนินการ ว่าเรื่องที่ปรากฏออกมาตามสื่อมีที่มาที่ไปอย่างไร และต้องสอบสวนย้อนไป รวมถึงขอข้อมูลไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องการแต่งตั้งระดับผู้กำกับก็ได้ ต้องหาข้อเท็จจริงทั้งหมด 360 องศา ไม่ได้รับฟังแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง</p>
<p>ส่วน ป.ป.ช. จะมีความรู้สึกกดดันหรือหนักใจหรือไม่เนื่องจากต้องสอบบุคคลสำคัญซึ่งเป็นถึงนายกฯ ภูเทพ กล่าวว่า มันเป็นงานประจำของ ป.ป.ช.อยู่แล้วทำมาตั้งแต่ปี 2542 ตรวจสอบนายกฯ มาตั้งหลายคน รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ ก็เป็นงานปกติของ ป.ป.ช.</p>
<h2><span style="color:#3498db;">“โรม” ยกกระดุม 5 เม็ด ปฏิรูปตำรวจ-กำจัดระบบตั๋ว หวังได้เห็นเจตจำนงของรัฐบาล แก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง</span></h2>
<p>ด้านทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวว่า รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลง Policy Watch หัวข้อ “หยุดระบบตั๋วและปฏิรูปตำรวจไทย” ว่าปัญหาตั๋วในวงการตำรวจ เป็นเรื่องที่อยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน เป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลติดตามอย่างใกล้ชิด จนถึงวันนี้พรรคยืนยันว่าองค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่ต้องได้รับการแก้ปัญหาอย่างจริงใจจากรัฐบาล เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมตอนนี้ จะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปฎิบัติงานได้อย่างเต็มความสามารถ ตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอิทธิพล ไม่ต้องสร้างคอนเนคชั่นทางการเมืองเพื่อหวังได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ต้องหาเงินจากส่วยและธุรกิจสีเทามาเลี้ยงดูครอบครัว วันนี้ต้องมีการปฏิรูปองค์กรตำรวจ เพราะหากไม่ลงมือทำอะไร ประเทศของเราจะไม่สามารถหลุดพ้นจากปัญหาเดิมๆ ที่อยู่มานานกว่าชั่วอายุคนได้</p>
<p>สำหรับปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ที่กระทบต่อองค์กรตำรวจในหลายมิติ คือเรื่องระบบตั๋ว ที่ตนเคยอภิปรายมาแล้วหลายครั้ง เช่น ตั๋วช้าง ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการขอรับการสนับสนุนจากผู้ที่ไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายไปยัง ผบ.ตร. หรือการทุจริตในกองบินตำรวจ ที่จนถึงวันนี้ ตนยังรอคอยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าเมื่อไรจะสะสาง หรือปัญหาอย่างหลักสูตร กอส. ที่เปิดช่องให้มีการเติบโตในวงการตำรวจอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้คนที่มีความเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมอย่างเว็บพนันและคอลเซนเตอร์ สามารถใช้เส้นสายเข้ามาในหลักสูตรนี้</p>
<p>นอกจากนั้น ยังมีการสั่งโยกย้ายตำรวจน้ำดีที่ปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา ไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่ไม่รู้จัก เช่น พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ในขณะที่กำลังจัดการขบวนการค้ามนุษย์ที่พบว่ามีทหารชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง ก็ถูกสั่งย้ายไปในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ หรือกรณีตำรวจที่ขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ สว.อ. ที่สุดท้ายถูกสั่งย้ายทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือกรณีตำรวจราบ ที่มีการให้โยกย้ายไปนอกหน่วยงานในสังกัด สตช. หากใครไม่ยอมย้าย จะถูกสั่งธำรงวินัยเป็นเวลากว่า 9 เดือน ทำให้มีตำรวจจำนวนไม่น้อยต้องลาออก ยังไม่นับเรื่องการรีดไถ่ส่วยสินบน คดีเป้รักผู้การ หรือการทำร้ายซ้อมทรมานที่ทำโดยตำรวจ</p>
<p>ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เคยทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกัน ในเวลานั้นเรายืนยันสิ่งเดียวกันว่าต่อต้านระบบอุปถัมภ์ เศรษฐา ทวีสิน เคยประกาศบนเวทีหาเสียงว่าระบบเส้นสายต้องถูกจัดการออกไป แต่กลายเป็นว่าวันนี้ เราเห็นคำพูดที่พูดได้อย่างหน้าชื่นตาบาน พูดอย่างเป็นธรรมชาติเกี่ยวกับระบบอุปถัมภ์ ผ่านการฝากผู้กำกับในที่ประชุม สส. ของพรรคเพื่อไทย นี่คือเรื่องใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่าระบบอุปถัมภ์ในองค์กรตำรวจไม่ได้หมดไป</p>
<p>“ท่านต้องรับผิดชอบคำพูด แทนที่จะแก้ปัญหาระบบเส้นสายตามที่หาเสียง กลับใช้โครงสร้างรากแก้วที่มีมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เป็นประโยชน์กับเครือข่ายของอำนาจท่านเองใช่หรือไม่ หากนายกฯ ไม่สามารถชี้แจงเรื่องเหล่านี้ได้ สุดท้ายคำตอบที่ประชาชนได้ยิน ก็ไม่ต่างอะไรกับคำตอบที่ได้รับตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้เห็นว่าองค์กรตำรวจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้จริงในรัฐบาลเศรษฐา” รังสิมันต์กล่าว</p>
<p>รังสิมันต์กล่าวต่อว่า ตนคงไม่หวังกับรัฐบาลนี้แล้วในการแก้ไขปัญหาตำรวจ เพราะถ้ารัฐบาลอยากแก้ปัญหา สิ่งแรกที่ต้องมีคือเจตจำนง วันนี้ตนขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาด้วยกระดุม 5 เม็ด ผ่านการรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน เพื่ออย่างน้อยเป็นบทสรุปของสังคม พิจารณาดูว่ากระดุมเม็ดใดที่ทำได้บ้างและส่งต่อข้อเสนอนี้ไปยังองค์กรที่มีอำนาจอื่นๆ เพื่อไปสู่การปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จ</p>
<p>กระดุมเม็ดแรก ทำให้การเลือก ผบ.ตร. อิงจากความสามารถ และเป็นไปเพื่อประโยชน์ขององค์กรตำรวจ และประชาชน โดยวิธีการเลือก 3 ขั้นตอน สามารถทำได้เลย ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปัจจุบัน</p>
<p>ขั้นตอนที่ 1 ต้องเปิดให้ รอง ผบ.ตร. ที่ต้องการเป็น ผบ.ตร. สมัครเข้ามาพร้อมแฟ้มผลงาน เพื่อให้กรรมการที่กลั่นกรองใช้ดุลยพินิจและให้ความเห็นได้ว่าคนนี้มีผลงาน มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของตำรวจ</p>
<p>ขั้นตอนที่ 2 ต้องเปิดให้รอง ผบ.ตร. ที่สมัครเข้ามาเป็น ผบ.ตร. ได้แสดงวิสัยทัศน์ ว่าจะนำพาองค์กรตำรวจเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร</p>
<p>ขั้นตอนที่ 3 สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้ตำรวจเข้ามาใช้บริการเพื่อโหวตเลือก ผบ.ตร. ไม่ต้องถึงขนาดให้การโหวตเป็นตัวชี้วัด แต่อย่างน้อยเป็นเสียงที่สะท้อนต่อนายกฯ เพื่อมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ</p>
<p>กระดุมเม็ดที่สอง ต้องแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจ กระจายอำนาจให้จังหวัดและประชาชนภายในจังหวัดเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่มีตำรวจประวัติไม่ดี ถูกย้ายไปที่นั่นที่นี่ ราวกับว่าจังหวัดนั้นเป็นกระโถน พวกเขาสามารถปฏิเสธได้ คนในพื้นที่จะรู้ว่าคนที่ย้ายมามีคุณภาพหรือไม่ นอกจากนี้ ประชาชนจะมีโอกาสกำหนดทิศทางการแก้ไขปราบปรามอาชญากรรม เพราะแต่ละพื้นที่มีปัญหาอาชญากรรมต่างกัน</p>
<p>กระดุมเม็ดที่สาม นายกฯ ต้องอย่าทำให้ตำรวจหิว อย่าทำให้ตำรวจต้องไปหาเงินเองเพื่อความอิ่มท้อง และความสุขสบายของครอบครัว จากการศึกษาในต่างประเทศ ถ้าต้องการแก้ปัญหาให้ตำรวจไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน เราต้องทำให้ตำรวจระดับล่างที่มีเงินเดือนน้อย ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขั้นต่ำที่สุดคือทำให้มีอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเพียงพอ ก่อนหน้านี้ตนเคยคำนวณว่าอย่างน้อยที่สุด การทำให้ตำรวจระดับล่างพออยู่ได้ ไม่ต้องควักเงินส่วนตัวเพื่อการทำงาน ควรเติมเงินเข้าไปประมาณ 4 พันล้านบาท โดยรัฐบาลต้องตัดงบประมาณส่วนอื่นที่ไม่จำเป็นออกไป</p>
<p>กระดุมเม็ดที่สี่ รัฐบาลควรส่งเสริมให้ตำรวจชั้นประทวนมีโอกาสเติบโตมากขึ้น เช่น ส่งเสริมตำรวจชั้นประทวนที่ยังไม่จบปริญญาตรี ให้เข้าถึงการศึกษาชั้นปริญญาตรี ตำรวจที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปแล้ว ควรส่งเสริมให้มีหน้าที่การงานที่สูงขึ้นในอนาคต เพราะปัญหาที่เรากำลังเจอตอนนี้ คือการรับบุคคลภายนอกที่บอกว่าเป็นกลุ่มคุณวุฒิที่ขาดแคลน แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ท่านขาดแคลนคือนามสกุลดัง ไม่ได้มีความพิเศษอะไร หากดำเนินการตามข้อเสนอของตน องค์กรตำรวจจะได้คนที่รู้ระบบงานอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกงานใหม่ ทำแบบนี้ตำรวจระดับล่างถึงจะมีความหวังในอาชีพการงาน</p>
<p>กระดุมเม็ดที่ห้า รัฐบาลต้องเลิกให้ตำรวจทำในสิ่งที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามผู้บังคับบัญชาคราวละจำนวนมากๆ ซึ่งไม่รู้ทำไปทำไม รวมถึงโครงการที่ไม่จำเป็นทั้งหลายที่งานตำรวจต้องไปรับผิดชอบ เช่น โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ซึ่งในส่วนนี้ หลังจากมีการเรียกร้องมาอย่างยาวนาน เช่น การบังคับขาวสามด้าน ที่ไม่ได้ทำให้องค์กรตำรวจได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายสามารถยกเลิกได้</p>
<p>รังสิมันต์กล่าวว่า การดำเนินการตามกระดุมทั้งห้าเม็ดนั้น ต้องใช้เวลา อาจไม่สามารถทำให้จบภายใน 1-2 ปี แต่ถ้าเราไม่เริ่มลงมืออะไรเลย ตำรวจก็จะเป็นแบบนี้ ปัญหาขององค์กรตำรวจไม่ใช่แค่ปัญหาของตำรวจ 200,000 คนหรือปัญหาของครอบครัวตำรวจ แต่เป็นปัญหาของพวกเราทั้งหมด จึงขอเรียกร้องถึงผู้ที่มีอำนาจบทบาท สามารถนำข้อเสนอเหล่านี้ไปเป็นแนวทางใช้ต่อได้ และที่สำคัญ เราอยากเห็นเจตจำนงของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ทำให้องค์กรตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้เป็นเหมือนที่ผ่านมาอีกเลย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106962
 
3715  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ขูดรีดทุกฝีเข็ม : ต้นทุนที่มองไม่เห็น ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดัง เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 03:06:47
ขูดรีดทุกฝีเข็ม : ต้นทุนที่มองไม่เห็น ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดัง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 17:42</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>วรรณา แต้มทอง : รายงาน / ภาพ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded">
<p>“คิดว่ามาทำงานในประเทศของคนอื่น จะดีกว่าประเทศตัวเอง…โดนถูกกดขี่อย่างเดียวเลย” มะมะเขิ่น อดีตแรงงานในโรงงานเย็บผ้าแห่งหนึ่ง กล่าว</p>

<h2><span style="color:#2980b9;">มีสิทธิต่อสู้ แต่ “ไม่มีสิทธิ” ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ</span></h2>
<p>มะมะเขิ่นเป็นชื่อสมมติของแรงงานข้ามชาติหญิงที่ผ่านการลุกขึ้นมาต่อสู้กับนายจ้างเจ้าของโรงงาน เพื่อเรียกร้องค่าจ้างขั้นต่ำให้ตัวเอง เธอเคยเป็นแรงงานในโรงงานเย็บผ้าแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานเย็บผ้าและโรงงานอุสาหกรรมอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมการลงทุนชายแดน ทำให้มีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านหลายคนข้ามฝั่งมาเป็นแรงงานราคาถูกให้นายจ้าง</p>
<p>โรงงานเย็บผ้าที่มะมะเขิ่นเคยทำงานเป็นโรงงานเย็บผ้าขนาดใหญ่ที่ผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ค้าปลีกชื่อดังจากต่างประเทศ ถ้าเห็นโลโก้หรือพูดชื่อของแบรนด์ออกไปคนไทยแทบทุกคนน่าจะรู้จักดี มหากาพย์การต่อสู้ของมะมะเขิ่นและเพื่อนแรงงานข้ามชาติในโรงงานเดียวกันเริ่มต้นขึ้นในช่วงโควิด-19 ระบาด มะมะเขิ่นเล่าว่า ย้อนไปหลายปีเมื่อโควิด-19 มา หลายโรงงานมียอดออร์เดอร์ลดลง ตามมาด้วยรายได้ของแรงงานที่ลดตามเมื่อไม่มีงาน ในช่วงนั้นตัวมะมะเขิ่นเคยได้ค่าแรงจากการเย็บเสื้อผ้าทั้งเดือนรวมกันเพียง 2,000 บาท เนื่องจากค่าจ้างที่ได้รับตอบแทนจากการทำงานน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อออร์เดอร์ตัดเย็บน้อยลง รายได้ในแต่ละเดือนจึงแทบไม่เหลือ เพราะค่าจ้างของมะมะเขิ่นและแรงงานข้ามชาติคนอื่นๆ ในโรงงานแห่งนี้ถูกคำนวณจากชิ้นงานที่แต่ละคนทำ</p>
<p>“นายจ้างไม่ให้ค่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานก็ย่ำแย่เกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น ไปขอนายจ้างให้ปรับค่าแรงขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง เพราะอยู่ไม่ได้ นายจ้างก็ไม่ได้สนใจ ใครไม่ทำก็ออกไป แต่ถ้าออกจากงานที่นี่จะหางานที่ไหนได้ในช่วงโควิด-19 ไปเรียกร้องก็เหมือนเอาหัวไปชนกำแพง เสียเปล่า เพราะไม่ได้อะไร” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329874840_390572cfde_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329415581_e9a6b850a9_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">มะมะเขิ่น (ชื่อสมมติ) อดีตแรงงานข้ามชาติในโรงงานเย็บผ้า</span></p>
<p>มะมะเขิ่นเล่าถึงสภาพการทำงานโดยปกติของเธอขณะที่ทำงานเย็บผ้าในโรงงานแห่งนี้ที่ค่อนข้างหนัก เธอมีเวลาเข้างาน 08.00 น. ส่วนเวลาเลิกงานไม่แน่นอน 22.00 น. หรือ 23.00 น. แต่ถ้าช่วงไหนมีออร์เดอร์เข้ามาเยอะ คนงานก็ต้องทำงานข้ามไปถึงรุ่งเช้าของอีกวัน ก่อนหน้าโควิด-19 โรงงานยังคงมีออร์เดอร์จำนวนมากแรงงานแต่ละคนต้องเย็บเสื้อผ้าเป็นพันๆ ชิ้นต่อเดือน</p>
<p>“ลักษณะงานเป็นการเหมาเย็บเสื้อผ้า จะได้ค่าแรงเท่าที่ตัวเองทำ ถ้าถามว่าได้เท่าไหร่ วันที่ไม่ได้ค่าจ้างก็มี บางวันก็ได้ 50 บาท 100 บาท 150 บาท จนถึง 300 บาท จำไม่ได้ว่าในหนึ่งวันเย็บผ้าไปกี่ชิ้น แต่รู้แค่ว่าเวลาพักก็น้อยมาก ทำงานกลับมาแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก จนกินข้าวไม่ลง ชีวิตการทำงานที่นี่ 1 ปี ช่วงปกติ (ก่อนโควิด-19) ได้เงินเดือนเยอะสุด 9,000 บาท” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329088751_bfdaa37655_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329088936_0ec883c315_b.jpg" /></p>
<p>แรงงานในโรงงานเย็บผ้าแห่งนี้จะมีวันหยุดเพียง 1 วันต่อเดือน หลังจากวันที่ได้รับเงินเดือน</p>
<p>“บางครั้งป่วยขอลาก็ไม่ได้ง่ายๆ ต้องป่วยใกล้ตายแล้ว นายจ้างถึงจะยอมปล่อยให้ไปโรงพยาบาล ตอนมาพักฟื้นตัวก็ได้ยาพารามาแค่เม็ดเดียว ชีวิตแรงงานเป็นเรื่องยาก ไม่เพียงแค่เราคนเดียว เพื่อนเราก็ประสบพบเจอปัญหานี้เช่นเดียวกัน” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>หลังจากที่มะมะเขิ่นและแรงงานข้ามชาติในโรงงานรวมนับร้อยคนรวมตัวกันเรียกร้องค่าจ้างที่เป็นธรรมสำหรับชีวิตพวกเขา สิ่งที่ได้มากลับไม่ใช่ค่าจ้างที่พวกเขาต้องการ นายจ้างปิดประตูโรงงานไม่ให้แรงงานที่รวมตัวเรียกร้องเข้าไปทำงานในโรงงาน ก่อนจะมีการเรียกให้แรงงานที่มีปากเสียงทั้งหมดไปเซ็นเอกสาร</p>
<p>“แต่เอกสารไม่มีข้อความระบุอะไรไว้ เป็นเพียงกระดาษเปล่า จึงเกิดข้อกังวลกลัวว่าเขาจะไปใส่ข้อสัญญาต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรม เลยไม่มีใครยอมเซ็นเอกสาร ต่อมาก็มีเอกสารที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาพม่าเขียนว่า ลูกจ้างยินยอมจะปฏิบัติตามระเบียบของโรงงานทั้ง 15 ข้อ แต่ก็ไม่มีรายละเอียดของกฎระเบียบทั้ง 15 ข้อระบุมา ลูกจ้างก็เลยไม่เซ็นอีก สุดท้ายวันที่ 22 ช่วงเช้าเข้าไปทำงานได้ แต่ช่วงเย็นมีการติดประกาศว่าคนที่จะทำงานต่อต้องเซ็นเอกสาร หากไม่เซ็นพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงาน พวกเราจึงไปติดต่อกังองค์กรที่เขาให้ความช่วยเหลือแรงงานในพื้นที่ ซึ่งเขาแนะนำให้ไปทำงานต่อ พอไปทำงานฝนก็ตก โรงงานก็ปิดไม่ให้เข้าทำงาน” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>มะมะเขิ่นและแรงงานข้ามชาติคนอื่นๆ ได้รับแจ้งจากโรงงานว่า ใครที่ต้องการทำงานต้องเซ็นใบสมัครงานใหม่ ซึ่งครั้งนี้แรงงานในขบวนการต่อสู้บางคนก็ยอมเซ็น เพื่อให้ได้กลับเข้าทำงานอีกครั้ง ส่วนคนที่ยืนยันไม่เซ็นเอกสารก็ต้องออกจากงานไป</p>
<p>“เราไม่ได้ขอนายจ้างเกินสิ่งที่ควรจะได้ เราควรได้รับค่าแรงตามปกติที่แรงงานควรได้ หากขอ 300 บาทไม่ได้จริงๆ เราก็ขอ 250 บาทก็ได้” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329314863_94abfd1752_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329432449_4e2e681c85_b.jpg" /></p>
<p>ความพยายามในการเรียกร้องค่าจ้างที่เป็นธรรมของมะมะเขิ่นจบลงที่เธอถูกไล่ออกจากงาน ที่สำคัญรายชื่อของเธอและแกนนำในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังถูกนายจ้างนำไปขึ้นแบล็คลิส แจ้งต่อเจ้าของโรงงานคนอื่นไม่ให้รับแรงงานกลุ่มนี้เข้าทำงาน ทำให้มะมะเขิ่นยังตกงานอยู่จนทุกวันนี้</p>
<p>“เรื่องที่ผ่านมาพยายามลืม หากจะให้ตัดเย็บเสื้อผ้าหรือกางเกงก็สามารถเย็บขึ้นมาใหม่ได้ แต่ชีวิตเราเดินทางไปข้างหน้าไม่ได้แล้ว ไปสมัครงานเขาก็ไม่รับ เรายังมีครอบครัวที่ต้องดูแล เราเป็นแม่ มีลูกต้องเลี้ยง มีพ่อแม่อายุมากต้องดูแล ในแต่ละวันเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เกิดความกดดันเข้ามาที่ตัวเรา เราต้องพยายามอย่างมาก” มะมะเขิ่น กล่าว </p>

<p>อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของมะมะเขิ่นยังไม่จบลง เธอและเพื่อนแรงงานข้ามชาติที่ถูกไล่ออกได้รวมตัวกันยื่นฟ้องบริษัทเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าต่อศาลในต่างประเทศ โดยความช่วยเหลือขององค์กรด้านสิทธิในพื้นที่ “ข้อหาปล่อยปละละเลยและได้รับประโยชน์โดยไม่เป็นธรรม” จากการที่โรงงานที่ทางแบรนด์จ้างผลิตสินค้ามีการบังคับใช้แรงงานและจ่ายค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม</p>
<p>“เราเป็นแรงงาน เราไม่รู้อะไรเลย เรารู้แค่ว่าเราผลิตเสื้อผ้า ผลิตให้กับใคร ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์เสื้อผ้าในประเทศอังกฤษ เราจึงไปหาองค์กรที่ช่วยเหลือ เขาแนะนำวิธีการฟ้องร้องมา พวกเราจึงตัดสินใจร้องเรียนไปยังศาลอังกฤษ” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>สุดท้ายเมื่อถามมะมะเขิ่นว่า ความเจ็บปวดของการเป็นแรงงานในโรงงานเย็บผ้าสำหรับตัวเธอคืออะไร มะมะเขิ่นกล่าว่า “ชีวิตแรงแรงงานที่เย็บผ้าเจ็บปวดอย่างมาก ในความเป็นจริงเสื้อผ้าที่ต่างชาติใส่เป็นเสื้อผ้าผืนเดียวกับผืนที่แลกมาด้วยน้ำเหงื่อ และมีน้ำตาของแรงงานที่ต้องอดทน”</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53328020487_ee237430ba_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">“ค่าตำรวจ” - “บัญชีไส้ไก่” ปัญหาคอร์รัปชันที่ซ่อนอยู่ในโรงงานเย็บผ้า</span></h2>
<p>จากการสัมภาษณ์มะมะเขิ่นทำให้ทราบว่ายังมีปัญหาคอร์รัปชั่นอีกปัญหาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในการขูดรีดและบังคับใช้แรงงานในโรงงานเย็บผ้า มะมะเขิ่นอธิบายถึงรายละเอียดในเอกสารการจ่ายเงินเดือนที่เธอได้รับ มีช่องหนึ่งที่แรงงานแต่ละคนจะถูกหักเงินจากยอดเงินเดือน 3 เปอร์เซ็นต์ทุกเดือน โดยในเอกสารเขียนว่า “ประกันสังคม” แต่ในความเป็นจริงแรงงานข้ามชาติหลายคนในโรงงานเย็บผ้าแห่งนี้ไม่ได้ถูกนายจ้างนำชื่อเข้าระบบประกันสังคม</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329314913_8d0e3fab75_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329088836_a64604d2b4_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p>มะมะเขิ่นเล่าว่าแรงงานข้ามชาติทุกคนในโรงงานต่างทราบดีว่า ยอดเงินที่ถูกหักทุกเดือนในนามของ “ประกันสังคม” เป็น “ค่าตำรวจ” ที่นายจ้างแจ้งว่าหักไว้เพื่อจ่ายให้แก่ตำรวจ โดยแรงงานเข้าใจคำว่า “ค่าตำรวจ” ตามที่ทางโรงงานแจ้ง </p>
<p>“คนงานเคยรวมตัวกันไปถาม โดยทางผู้จัดการบอกว่าเป็นค่าตำรวจ เราเป็นคนงานอยู่ในชายแดน เอกสารมีแค่ Border Pass (ใบผ่านแดน) ก็ต้องจ่ายค่าตำรวจด้วย แต่เวลาที่ต้องไปต่อใบอนุญาตทำงานหรือตีวีซ่าขาเข้าขาออก เราเป็นคนที่เสียเงินเอง ทางโรงงานเก็บเงินไปแต่ก็ไม่ได้เป็นคนออกให้” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ หมู่พยัคฆ์ รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.แม่สอด ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอดได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับกรณี “ค่าตำรวจ” ว่า</p>
<p>“ค่าตำรวจเป็นคำพูดที่แปลมาจากแรงงานต่างด้าว ซึ่งเขาไม่เข้าใจคำว่า “ค่าคุ้มครอง” ก็คือ “ค่าตำรวจ” นั่นเอง ทุกคนที่เป็นแรงงานต่างด้าวรู้จักแต่ตำรวจ ทหารแต่งตัวอย่างไง เขาก็เรียกว่าตำรวจ ปกครองแต่งตัวอย่างไง เขาก็เรียกตำรวจ เพราะเขารู้จักแต่ตำรวจ แต่เขาไม่รู้จักทหารและปกครอง คำว่า “ค่าตำรวจ” ก็คือค่าคุ้มครอง ค่าดูแล ตามที่ผู้ต้องหา (ผู้จัดการโรงงาน) ไปกล่าวอ้าง” พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ กล่าว</p>

<p>คดีนี้เจ้าของโรงงานมีความผิดแบ่งทั้งหมดเป็น 3 คดี คดีที่ 1 กับตัวโรงงานในฐานะนิติบุคคลในความผิดฐานเป็นนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงานโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน คดีที่ 2 เป็นการดำเนินคดีกับตัวผู้จัดการโรงงานและพวกในความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น และร่วมกันลักทรัพย์ สุดท้ายคดีที่ 3 ดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงานในความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารใบอนุญาตทำงานและเอกสารประจำตัวของลูกจ้างโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ทั้ง 3 คดีพนักงานตรวจแรงงานพิจารณาเห็นควรสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการ และขณะนี้อัยการได้สั่งฟ้องทั้ง 3 คดีเป็นที่เรียบร้อย</p>
<p>รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวนอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีเรื่อง “ค่าตำรวจ” ว่า ผู้จัดการสาขาของโรงงานเย็บผ้าได้ทำการคอร์รัปชั่น และเปลี่ยนแปลงเอกสารทำ “บัญชีไส้ไก่”</p>
<p>“เขาเรียกว่า “บัญชีไส้ไก่” ทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าสมมติลูกจ้างทำงานได้วันละ 100 บาท ก็จะต้องถูกหัก โดยหักค่าคุ้มครองให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเอาไปจ่ายทหาร ปกครอง และตำรวจ เป็นการแบบอ้างไปให้ลูกจ้างฟัง เพื่อให้ลูกจ้างกลัวห้ามออกนอกพื้นที่ ทำงานต้องอยู่ในโรงงาน โอทีก็ทำไป เป็นการแอบอ้าง เมื่อเอาลูกจ้างมาสอบปากคำเคยเห็นหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียกรับเงินไหม ลูกจ้างไม่มีใครยืนยัน และไม่มีใครเห็นตามคำกล่าวอ้างของผู้จัดการ…ต่อมาเราเลยมาสืบสวนสอบสวนเชิงลึก โดยเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และปกครอง พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดเข้าไปเกี่ยวข้องเรียกรับในการหาผลประโยชน์หรือเรียกค่าคุ้มครองตามที่แรงงานพูดถึง โดยแรงงานเอาคำพูดมาจากผู้จัดการ เพื่อที่จะเอาเหตุนี้มาหักค่าแรงบัญชีไส้ไก่ โดย 100 บาท หนึ่งต้องมีการจ่ายค่าคุ้มครอง 3% หรือ 5% แล้วแต่ สองหักค่าที่พัก หักค่าทำงานไม่ตรงตามเป้า อันนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นการแอบอ้างเจ้าหน้าที่ของรัฐจริง” รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329550265_68d5bc2b00_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p>พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ระบุว่า ผู้จัดการสาขาของโรงงานเย็บผ้ามีการหักเงินจากแรงงานโดยแอบอ้างว่าเป็น “ค่าตำรวจ” และทำ “บัญชีไส้ไก่” ขึ้นมาสอดแทรกเพื่อแจ้งแก่แรงงาน โดยผู้จัดการสาขาและพวกจะทำการยึดบัตร ATM ของแรงงานแต่ละคนไว้ และกดเงินที่จะหักจากแรงงานออกมาก่อนเมื่อถึงวันเงินเดือนออก</p>
<p>“โดยมีการแจ้งในบัญชีไส้ไก่ให้กับทางลูกจ้างได้ดูก่อน สมมติทำงาน 100 บาท หักค่าตำรวจ หักค่าทำงานไม่ตรงเวลา ลาป่วย ก็จะถูกหักไป เหลือ 70 บาท ผมก็จะเอา 70 บาทมาให้คุณ แล้วผู้ต้องหาก็จะเอาส่วนเงินที่ได้จากการกดเองไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย เอาบัตร ATM ไปด้วย จึงมีความผิดใช้บัตรอิเล็คทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ แล้วก็เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นโดยมิชอบ” พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ กล่าว</p>

<p>ทั้งนี้ หลังจากที่ข่าวการบังคับใช้แรงงานในโรงงานเย็บผ้าได้ถูกสื่อต่างชาติเผยแพร่ออกไป พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ได้ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรมีการตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้น “โดยนำตำรวจฝีมือดีที่สุดของภาค ซึ่งเป็นระดับผู้กำกับการลงมาทำการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตามหลักกลไกการส่งต่อ NRM : National Referral Mechanism การคัดแยกในเบื้องต้นไม่พบว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมไปถึงแรงงานบังคับตามมาตรา 6/1 หลังจากนั้นเราก็ทำเรื่องยุติไปในเบื้องต้น แต่ต่อมาทางกลุ่ม NGO ไม่เห็นด้วย จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อท่านรองสุรเชษฐ์ใหม่ ก็เลยมีการคัดแยกใหม่ในรอบที่ 2”</p>
<p>ในการคัดแยกผู้เสียหายรอบที่ 2 มีการให้ NGO เข้าร่วมในการสัมภาษณ์แรงงานด้วย แม้จะได้ข้อมูลที่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่พบผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เช่นเดิม</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จะทำอย่างไรให้ “นักลงทุนข้ามชาติ” ไม่หลุดออกจากวงโคจร “ความรับผิด”</span></h2>
<p>“เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีคำพูดที่ว่า นักลงทุนเวลามาก็หิ้วกระเป๋ามาใบเดียว นั่นหมายถึงกระเป๋าเงิน เมื่อเข้ามาอยู่ในพื้นที่แล้ว อาจจะมีการต่อสู้โดยคนงานเรียกร้องสิทธิ มันไม่ไหวแล้ว นักลงทุนก็แค่หิ้วกระเป๋าซึ่งเต็มไปด้วยเงินเหมือนกัน กลับประเทศตัวเอง ปัจจุบันสถานการณ์แบบนี้ก็ยังมีอยู่” สุชาติ ตระกูลหูทิพย์ กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329129026_f8e42c5fe7_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สุชาติ ตระกูลหูทิพย์ จากมูลนิธิ MAP Foundation</span></p>
<p>เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าจากต่างชาติเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ในการรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิแรงงานข้ามาติที่เกิดขึ้นในโรงงานเย็บเสื้อผ้า สุชาติ ตระกูลหูทิพย์ จากมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP Foundation) ที่ทำงานให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติมาอย่างยาวนานอธิบายว่า</p>
<p>“ภาพรวมของแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในอุตสาหกรรมเย็บเสื้อผ้า ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับสิทธิเหมือนที่กฎหมายไทยกำหนด โดยเฉพาะตามพื้นที่ที่อยู่ตามชายแดนประเทศไทยยิ่งหนักสาหัส ค่าจ้างขั้นต่ำแทบไม่ต้องพูดถึงเลยว่าแรงงานข้ามชาติจะได้รับ ในขณะที่การใช้สิทธิอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่สามารถใช้สิทธิในวันหยุด เช่น ลากิจโดยได้รับค้าจ้างได้ อันนี้เป็นปัญหาที่เราเจออยู่ตลอดเวลา แรงงานข้ามชาติมีปัญหาการถูกละเมิดสิทธิ์อยู่ตลอด” สุชาติ กล่าว</p>

<p>แรงงานข้ามชาติในโรงงานงานเย็บผ้าจมอยู่กับสภาพการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมทั้งที่ทำงานให้กับแบรนด์เสื้อผ้าที่มีราคา สุชาติมองว่าปัจจัยที่ทำให้แรงงานถูกขูดรีดส่วนหนึ่งมาจากการที่แรงงานส่วนใหญ่ข้ามมาจากฝั่งพม่า ซึ่งมีสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับไทย และปัจจุบันยังมีปัญหาความไม่สงบภายในประเทศเพิ่มขึ้นมา</p>
<p>“สิ่งที่ทำให้คนงานจมอยู่กับการถูดกดขี่ ปัจจัยที่สำคัญเวลาที่เขาคิด เวลาที่เขาอดทน ไม่ใช่เป็นเรื่องของตัวเขาคนเดียว เวลาที่เขาทนคือเพื่อครอบครัวของเขา ถ้าเกิดเขาลุกขึ้นมาต่อสู้หรือเขาไม่ทน สิ่งที่เขาจะเจอคือถูกเลิกจ้าง การหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวที่อยู่ประเทศต้นทางก็รอรายได้จากเขาเหมือนกัน สิ่งที่ทำให้คนงานคิดเยอะในกระบวนการเรียกร้องสิทธิของเขาคือเรื่องครอบครัว สภาพเศรษฐกิจครอบครัว ซึ่งคนอยู่ข้างหลังไม่แค่คนสองคน บางครอบครัวมี 7-8 คน ที่รอความหวังจากเขา อันนี้เป็นส่วนที่ทำให้เขาต้องจมอยู่กับการถูกละเมิดสิทธิ นายจ้างเองก็อาศัยจังหวะตรงนี้ในการกด เขารู้อยู่แล้วว่าคนงานไม่มีทางไปไหน” สุชาติ กล่าว</p>

<p>ไม่เพียงเจ้าของโรงงานที่ได้ประโยชน์จากการขูดรีดแรงงาน เจ้าของแบรนด์ที่สั่งผลิตสินค้าจากทางโรงงานที่มีการขูดรีดแรงงานเองก็ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการสั่งสินค้า ดังนั้น เพื่อไม่ให้เจ้าของแบรนด์ซึ่งเป็นนักลงทุนจากต่างประเทศหลุดออกจากวงโคจรของความรับผิด สุชาติมีข้อเสนอว่า เจ้าของแบรนด์ต้องเข้ามาร่วมรับรู้สถานการณ์ปัญหาจากการผลิตสินค้าที่มีการละเมิดสิทธิอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่เมื่อรู้ว่าโรงงานละเมิดสิทธิ ก็ตัดออร์เดอร์ ไปสั่งสินค้าที่อื่น”</p>
<p>“เป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลจะตั้งกองทุนขึ้นมา เป็นกองทุนที่เรียกเก็บจากนักลงทุนต่างชาติเลย ใครจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยก็เรียกเก็บเงินไว้ก่อน เงินจะเข้ากองทุนนี้ แล้วถ้าเกิดนักลงทุนคนนี้มีการละเมิดสิทธิและหลบหนีไป รัฐก็จะใช้เงินจากกองทุนนี้ไปจ่ายให้กับคนงานเป็นการชดเชยตามสิทธิที่เขาควรจะได้รับ เราเคยเสนอไว้นานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่าจะเอาอย่างไรกับนักลงทุนเหล่านี้” สุชาติ กล่าว</p>

<p>สุชาติระบุว่า ในต่างประเทศทางองค์กรรณรงค์ด้านสิทธิแรงงานระหว่างประเทศ Clean Clothes Campaign มีการทำแคมเปญ “Pay Your Workers” ที่ตัวแบรนด์ต้องจ่ายเงินเข้ามา ถ้าแบรนด์นี้มีการละเมิดสิทธิก็จะเอาเงินจากกองทุนที่แบรนด์จ่ายเข้ามาไปจ่ายให้แก่คนงาน สุชาติมองว่าเป็นแนวทางที่สามารถทำควบคู่ไปได้กับกองทุนเรียกเก็บเงินจากนักลงทุนที่ทางเครือข่ายคนทำงานด้านสิทธิแรงงานข้ามชาติพยายามเสนอให้มีการจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329387346_5bc097d893_b.jpg" style="width: 1024px; height: 577px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ภาพจาก เฟซบุ๊ก Clean Clothes Campaign</span></p>
<p>การคุ้มครองสิทธิแรงงานยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ภาครัฐและภาคธุรกิจจะต้องคำนึงถึง เพื่อทำให้แนวคิดธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Business and Human Rights) ขยับไปสู่การปฏิบัติได้จริง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในลงทุนในประเทศไทยใช้วิธีการเช่า และไม่มีทรัพย์สินในไทยให้ตามยึดทรัพย์หากเกิดการละเมิดสิทธิแรงงานขึ้น เท่ากับว่านักลงทุนข้ามชาติเหล่านี้อาจจะหลุดพ้นจากความรับผิดต่อชีวิตแรงงานข้ามชาติที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องในการขูดรีดแรงงาน</p>
<p>“นักลงทุนส่วนใหญ่เช่า มีน้อยมากที่จะซื้อเป็นของตัว หรือถ้าซื้อเป็นของตัวเองก็จะจ้างคนอื่นมาบริหาร ซึ่งทรัพย์สินจะไม่เป็นของนายจ้างโดยตรงที่จะสามารถไปยืดได้ หากมีการฟ้องร้องกัน ที่เราเจอก็คือการเตรียมความพร้อมมาหมดแล้ว ก่อนที่จะหนีไป มีการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ไปที่อื่น คนงานก็ตามยืดทรัพย์หรือเรียกร้องอะไรได้จากนักลงทุนไม่ได้ ผมมองว่าตัวรัฐบาลไทยต้องเข้มงวดกับตัวนโยบายที่จะจัดการกับนักลงทุนต่างชาติเหล่านี้” สุชาติ กล่าว</p>

<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ค่าตำรhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106964
 
3716  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - น้องสาวเขินแทบมุดดิน 3 พี่ชายรวมตัวกันมารับที่โรงเรียน “เราจะเป็นผู้คุ้มกันเธอ เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 02:59:23
น้องสาวเขินแทบมุดดิน 3 พี่ชายรวมตัวกันมารับที่โรงเรียน “เราจะเป็นผู้คุ้มกันเธอตลอดไป”
         


น้องสาวเขินแทบมุดดิน 3 พี่ชายรวมตัวกันมารับที่โรงเรียน “เราจะเป็นผู้คุ้มกันเธอตลอดไป”" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เราจะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของน้องสาวคนเล็กตลอดไป จนกว่าเราจะแก่...
         

https://www.sanook.com/news/9117282/
         
3717  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [เศรษฐกิจ] - กลุ่มทรู โตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี 63 EBITDA เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 02:20:41
กลุ่มทรู โตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี 63 EBITDA เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า
         


กลุ่มทรู โตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี 63 EBITDA เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;กลุ่มทรู รายงานผลการดำเนินงาน พยุงรายได้จากการให้บริการที่ 26.5 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
         

https://www.sanook.com/news/8296534/
         
3718  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - สส.กาย ลั่น ชี้แจงไปหมดแล้ว ให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน เมินเพจดังโจมตีก้าวไกล เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 02:20:41
สส.กาย ลั่น ชี้แจงไปหมดแล้ว ให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน เมินเพจดังโจมตีก้าวไกล
         


สส.กาย ลั่น ชี้แจงไปหมดแล้ว ให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน เมินเพจดังโจมตีก้าวไกล" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;“ณัฐชา” ชี้แจงไปหมดแล้ว “เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร “ขุดคุ้ยเรื่องให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน

         

https://www.sanook.com/news/9116518/
         
3719  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - คนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมและเครือข่าย เรียกร้องรัฐดูแลสวัสดิการสตรีและเด็ก เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 01:33:52
คนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมและเครือข่าย เรียกร้องรัฐดูแลสวัสดิการสตรีและเด็ก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 18:24</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สื่อ Lanner รายงานกลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมและเครือข่าย จัดเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเรื่องสวัสดิภาพและสวัสดิการของแรงงานหญิงและเด็กร่วมกับสมาชิก พร้อมเดินทางยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเนื่องในโอกาสสัปดาห์วันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กปี 2566 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53352604686_cd5aa43958_o_d.png" /></p>
<p>Lanner รายงานว่าเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม และเครือข่าย จัดเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเรื่องสวัสดิภาพและสวัสดิการของแรงงานหญิงและเด็กร่วมกับสมาชิก ณ ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมฮอลิเดย์การ์เดน โฮเทลแอนด์รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเดินทางยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเนื่องในโอกาสสัปดาห์วันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กปี 2566 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ </p>
<p>กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม (กญธ.) (Women Workers For Justice Group) โดยมีสมาชิกแรงงานหญิงจากทุกสาขาอาชีพ ทุกชาติพันธุ์ จัดเวทีพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับสมาชิกและเครือข่าย เรื่องข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเพื่อรับทราบและจัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มแรงงานหญิงและเด็ก เนื่องในโอกาสสัปดาห์วันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ปี 2566 โดยในช่วงเช้า มีการพูดคุยโดยตัวแทนจากกลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม, อาจารย์จากมหาวิทยาลัย, ตัวแทนจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเครือข่าย</p>
<p>วิทยากรตัวแทนจากกลุ่มการเมืองหลังบ้าน ได้เปิดประเด็นในเวทีพูดคุยถึงประสบการณ์ความลำบากของการเป็นแรงงานหญิงด้วยข้อจำกัดทางเพศสภาพที่ต้องเผชิญกับอาการปวดประจำเดือนแต่ไม่สามารถลางานได้ ซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน สวัสดิภาพการดำเนินชีวิตระหว่างการทำงาน ทั้งยังต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผ้าอนามัยกว่า 2,500 บาทต่อปี แม้ตัวเลขอาจจะดูไม่มากแต่ผู้หญิงจำต้องรับภาระนี้ไปตลอดชีวิต ทั้งนี้ยังได้ยกตัวอย่างประเทศที่ผ่านกฎหมายผ้าอนามัยฟรีอย่าง สกอตแลนด์ ประเทศที่ยกเลิกภาษีผ้าอนามัย เช่น เคนยา มาเลเซีย อังกฤษ โดยมีความหวังว่าการเรียกร้องต่อภาครัฐในครั้งนี้จะเป็นการผลักดันที่เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มแรงงานหญิงทุกคน เพื่อสวัสดิการชีวิตที่ดีขึ้น</p>
<p>ด้านศุกาญจน์ตา สุขไผ่ตา ตัวแทนมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ได้กล่าวต่อในประเด็นสวัสดิการพื้นฐานของเด็กที่ควรได้รับอย่างถ้วนหน้าโดยไม่เลือกปฏิบัติ เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางที่ควรได้รับการดูแลสนับสนุนจากทุกสถาบันในสังคมในฐานะที่จะเป็นกำลังและอนาคตของชาติ นอกจากนี้ยังระบุถึงประเด็นด้านสวัสดิภาพในชีวิตของผู้หญิง เด็ก และผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ ทั้งในระดับครอบครัวและสังคม โดยต้องการเรียกร้องให้รัฐจัดพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พักพิงในสถานการณ์ฉุกเฉิน</p>
<p>โดยในช่วงบ่าย กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมมและองค์กรเครือข่าย ได้ร่วมกันเดินขบวนเพื่อนำหนังสือข้อเรียกร้องยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้</p>
<p>1.ขอให้มีการกำหนดวันหยุดโดยได้รับค่าจ้างให้กับคนทำงานทุกคนในวันที่เป็นประจำเดือน</p>
<p>2.ขอให้รัฐจัดให้มีผ้าอนามัยแจกฟรีทั่วประเทศ</p>
<p>3.ขอให้รัฐจัดสวัสดิการให้กับเด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศโดยไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติและสถานะ</p>
<p>4.ขอให้รัฐจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทุกกรณีในสถานการณ์ฉุกเฉิน</p>
<p>โดยมีองค์กรเครือข่ายเข้าร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้อง 19 องค์กร
1.กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม
2.สหพันธ์แรงงานข้ามชาติ
3.มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา
4.มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์
5.มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์
6.สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
7.มูลนิธิเพื่อนหญิง
8.มูลนิธิภูมิปัญญาชาติพันธุ์
9.กลุ่มรุ้งอรุณ
10.เครือข่ายสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม
11.สมาพันธ์ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งประเทศไทย
12.กลุ่มเฟมินิสต์ปลาแดก
13.กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง
14.มูลนิธิศักยภาพชุมชน
15.กลุ่มฟื้นสุข
16.กลุ่มหิ่งห้องน้อย
17.กลุ่มการเมืองหลังบ้าน
18.Rainbow Dream Group Thailand
19.Sapphic Pride</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106965
 
3720  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - 12 ปีที่รอคอย! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมจนตาย เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 00:21:34
12 ปีที่รอคอย! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมจนตาย
         


12 ปีที่รอคอย! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมจนตาย" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;สู้คดี 12 ปี! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมทรมานในค่ายจนตาย จำเลยถูกจำคุก 2-4 ปี
         

https://www.sanook.com/news/9117254/
         
หน้า:  1 ... 184 185 [186] 187 188 ... 1129
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.929 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 10:49:37