[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 พฤษภาคม 2567 04:32:16 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 16
121  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 22:59:43
มารarmageddon เอ๋ย


มารก็ย่อมเป็นมารวันยังค่ำ  หน้าแตกไปแล้ว  ที่ไปกล่าวหาว่า พระอวโลกิเตศวร ว่า เป็นเรื่องแต่งนิยาย  เนรมิตพระอวโลกิเตศวร มาได้อย่างไม่สมประกอบ มาแล้ว     พอเจอหลักฐานของพระอริยะเจ้า เช่น หลวงปู่ดู่ หลวงปู่โต๊ะ และผู้ทำสมาธิถึงขั้นที่ผมนำมาลงที่ต่างเจอเจ้าแกม่กวนอิม(พระอวโลกิเตศวร)  แทนที่จะสำนึกผิด  กลับไปกล่าวหาพระองค์ท่านอีก

ผมจะบอกคุณนะ  วัดในเมืองไทย ที่สร้างรูปหล่อ รูปปั้นต่างๆ ของเจ้าแม่กวนอิม  มีนับไม่ถ้วน  ทั้งๆที่เป็นวัดเถรวาท  เพราะพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์วกวนอิมไปปรากฏตัวให้เจ้าอาวาส และผู้มีอำนาจของวัดเห็นหลายคนและหลายครั้ง  ทำให้เจ้าอาวาสและพระอาจารย์กรรมฐานต้องสร้างรูปธรรมขึ้น เพื่อให้ประชาชนสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม

เช่น วัดธรรมมงคล นำโดย พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาส ได้สร้าง “ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์วกวนอิมหยก ”ลักษณะทรงยืน สูง 2 เมตร 20 เซนติเมตร โดยใช้หยกสีเขียวบริสุทธิ์  และวัดอื่นๆก็สร้างรูปหล่อ รูปปั้นต่างๆ ของเจ้าแม่กวนอิม 

ทั้งนี้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กวนอิม เป็นผู้บำเพ็ญพระบารมี 10 ทัศ และมีคุณธรรมเด่นชัด คือ เมตตาธรรม ซึ่งปรากฏ ในตำนานอันยาวนาน พุทธศาสนิกชนเลื่อมใสศรัทธาตลอดมานับเป็นพันๆปี เพราะพระพุทธเจ้าตรัสยืนยันในพระสูตรมหายานมากมายถึงพระโพธิสัตว์องค์นี้  สามารถช่วยผู้คนที่เดือดร้อนได้ ในร่างราวต่างๆที่ประสพความทุกข์

พระไตรปิฎกของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไม่มีปรากฏเรื่องราวหรือแม้แต่พระนามของพระอวโลกิเตศวรอยู่เลย ทว่าในส่วนของนิกายมหายานแล้ว พระอวโลกิเตศวรมีบทบาทปรากฏอยู่มากในพระสูตรสำคัญ ๆ และยังมีเรื่องราวปรากฏในพระสูตรมหายานว่าพระพุทธเจ้าและพระสาวกยังได้เคยตรัสสนทนาธรรมกับพระโพธิสัตว์พระองค์นี้อยู่บ่อยครั้งทีเดียว ในพุทธศาสนามหายานยกย่องพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่าเป็นพระผู้ได้รับธรรมจักรมาโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และเป็นผู้นำในการรักษาพระพุทธศาสนาและหมุนธรรมจักรต่อไป
122  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 19:34:04
มารarmageddon หน้าแหกตามเดิม  ไปหาว่า

แต่งนิยาย  เนรมิตพระอวโลกิเตศวร มาได้อย่างไม่สมประกอบ ด้วยธรรมะทั้งหลาย ด้วยประการทั้งปวง

ผมยังมีเรื่องพระอวโลกิเตศวรอีกเป็น 10 เรื่อง  จากปากคำของพระพุทธเจ้า และพระอริยะสงฆ์ของไทยทั้งน๊าน  แต่ช่วงนี้เอามาลงแค่นี้เพื่อหักหน้ามารarmageddon แค่นี้ก่อน  เพราะไม่ค่อยว่าง
123  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 02:17:35

เจ้าแม่กวนอิม จากปากคำของพลโทสมาน วีระไวทยะ [/u]


สมัยหนึ่งได้อ่านบันทึกและคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งคุ้นเคยกันดีกับท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ ที่ต้องคุยเพราะนายพลท่านนี้เป็นอีกผู้หนึ่งที่ฝึกฝนสมาธิจิตจนสงบนิ่งควรแก่การงาน ควรแก่การพบเห็นผู้อยู่ต่างภพภูมิได้อย่างน่าทึ่ง และวาระหนึ่งท่านก็ได้พบพระโพธิสัตว์กวนอิม

ท่านนายพลเล่าว่าท่านมักทำสมาธิเมื่อมีเวลาว่างเสมอ โดยเฉพาะก่อนนอนจะนั่งเป็นชั่วโมง ๆ ทุกวัน วันหนึ่งขณะจิตสงบได้พบหญิงสาวนางหนึ่งเหาะลอยมาในอากาศ แวดล้อมด้วยหมู่เมฆสวยงามนัก สตรีท่านนั้นแต่งตัวด้วยชุดจีนพื้นขาวมีลายดอกสีแดงปักห่าง ๆ ใบหน้ายิ้มละมัยเปี่ยมด้วยเมตตา

ครั้นเอ่ยวาจาน้ำเสียงก็ไพเราะดุจระฆังเงินก้องกังวานทั่ว ท่านแนะนำองค์ว่าท่านคือ เจ้าแม่กวนอิม ที่มานี้เพราะสวรรค์เห็นในคุณความดีที่นายพลสมานได้กระทำมาตลอดชีวิต และยังเข้าพระกัมมัฏฐานภาวนาโดยสม่ำเสมอ มหาเทพผู้เป็นใหญ่ในเทวโลกจึงมีบัญชาให้องค์อวโลกิเตศวรนำคำพรมาให้ จากนั้นท่านก็ให้พรเป็นภาษาจีนแต่ไม่ยาวเท่าใด และท่านก็กล่าวลา

เมื่อออกจากสมาธิท่านนายพลก็ไม่แน่ใจว่าตนเกิดนิวรณ์ไปเองหรือเปล่า ด้วยท่านนั้นนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่สุด รู้จักแต่พระไทย ไม่เคยสนใจในเรื่องเจ้าแม่กวนอิมหรือเจ้าจีนที่ไหนเลย ครั้นคิดไม่ตกท่านก็วางเฉยต่อเหตุการณ์

ไม่นานเท่าใดนัก ขณะท่านทำสมาธิในอีกวาระหนึ่งองค์กวนอิมก็มาพบอีกครั้ง คราวนี้ทรงชุดขาวปักลายคล้ายปล้องไผ่และใบไผ่เป็นสีทอง ชายผ้าทั้งแขนเสื้อและคอเสื้อขลิบด้วยด้ายทองเป็นประกายระยิบระยับงามตา ทั้งการแต่งองค์และวงพักตร์ในครั้งนี้งดงามกว่าหนก่อนมากนัก ท่านนายพลถึงแก่ตะลึงด้วยไม่นึกว่าจะพบท่านอีกเป็นคำรบสอง

ท่านปรารภว่า เราคือพระโพธิสัตว์กวนอิม มาครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าท่านมิได้ฝันเพ้อหรือเกิดนิวรณ์ในจิตแต่อย่างใด หนก่อนเรานำพรจากสวรรค์มาให้ตามโองการ เมื่อท่านไม่แน่ใจเราจึงต้องมาอีกครั้ง และครั้งนี้เราจะประทานอักษรให้แก่ท่านด้วย

แล้วองค์กวนอิมก็คลี่ม้วนผ้าแดงปักดิ้นทองเป็นตัวอักษรจีนอยู่ภายในให้ดู พร้อมกับอ่านให้ฟังอย่างชัดเจน

“กวนอิมไต้ซือ ซี่สื่อ ฮกลกหงีเทียนสื่อ”

อ่านแล้วก็ทำกิริยายื่นม้วนผ้านั้นให้ ท่านนายพลรับมาอย่างซาบซึ้งในกรุณา เจ้าแม่ยังสั่งอีกว่า ท่านจะจำได้ขึ้นใจทั้งคำอ่านและอักษร จากนี้จงหาผู้รู้หนังสือจีนให้เขาเขียนลงกระดาษแดงด้วยอักษรสีทองแล้วใส่กรอบบูชาไว้ จะบังเกิดโชคลาภ ปราศจากภัยอันตรายแก่ผู้บูชาด้วยอำนาจแห่งเรา และยังสามารถสวดบริกรรมโองการสวรรค์นี้ได้อยู่เรื่อย ๆ จะได้รับพรอันประเสริฐจากเทวโลก ทั้งยังได้รับความคุ้มครองจากเราพระโพธิสัตว์กวนอิม แล้วท่านก็จากไป

เมื่อท่านนายพลออกจากสมาธิ น่าประหลาดว่าท่านสามารถจำลักษณะตัวอักษรและการออกเสียงได้หมดทั้งที่ท่านพลโทสมานไม่รู้หนังสือจีนเลย และท่านก็ไปจ้างซินแสแถวเยาวราชให้เขียนหนังสือนี้ใส่กรอบบูชาไว้เพื่อระลึกถึงคุณแห่งพระแม่กวนอิม และยังเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ทำไว้บูชาที่บ้าน ได้สวดตามเพื่อความเป็นสิริมงคลเสมอ

นี่เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ผมเชื่อถือในท่านมาก่อนหน้า เมื่อผู้ที่ผมเชื่อใจยังยอมรับถึงความมีอยู่จริงของเจ้าแม่กวนอิม ผมก็เริ่มคล้อยตาม...
124  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 02:13:05

หลวงปู่ดู่เรียกเจ้าแม่กวนอิมว่า เจ๊

เคยมีศิษย์คนหนึ่งนำรูปบูชาของเจ้าแม่กวนอิมไปถวาย พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา อธิษฐานจิต ท่านเอาดินสอพองมาขีดเขียนอักขระบนองค์เจ้าแม่อยู่นาน และแม้เป็นแค่ดินสอพองแต่กลับทะลุลงจับในเนื้อพระได้จนถึงวันนี้แม้ผ่านมานานนับสิบ ๆ ปีน่าอัศจรรย์

ต่อข้อถามถึงการมีอยู่ของพระโพธิสัตว์กวนอิม หลวงปู่ดู่ท่านได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่อธิบายอะไร หากเปรยขึ้นเพียงว่า

“อ้อ ! เจ๊น่ะเหรอ”

เจ๊ แปลว่า พี่สาว หลวงปู่ดู่ก็ปรารถนาพุทธภูมิ ผู้ปรารถนาเช่นนี้มีศัพท์เรียกว่า พระโพธิสัตว์ แปลว่าผู้ข้องอยู่ในความรู้ ผู้ประสงค์ความรู้แจ้ง คือการตรัสรู้นั่นเอง เมื่อทั้งสองท่านประสงค์ในเป้าหมายเดียวกัน การที่หลวงปู่เรียกพระแม่กวนอิมเชิงหยอกว่า เจ๊ อาจหมายได้ว่าองค์กวนอิมสร้างบารมีอยู่ก่อนท่าน เป็นผู้ปรารถนาจุดหมายเดียวกันหากลงมือบำเพ็ญก่อนหลังเท่านั้น ท่านเลยยกพระแม่กวนอิมเป็นพี่สาวในทางธรรม
125  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 02:03:10
พระเดชพระคุณพระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี  เจอ  เทพธิดาที่มารักษารูปจำลองเจ้าแม่กวนอิมองค์ เพราะได้รับบัญชาจากพระแม่กวนอิมโดยตรงเเพ่อมาข่วยมนุษย์

 



ราวปี พ.ศ.2539 แม่ชีซูง้อ แซ่เอ็ง ศิษย์ในพระเดชพระคุณพระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ได้อาราธนาหลวงพ่อให้เดินทางไปโปรดโยมบิดา-มารดาและญาติมิตร ณ ประเทศสิงคโปร์ ทัวร์นั้นมีศิษย์ติดตามไปหลายคน

ตอนหนึ่งของการเดินทางแม่ชีซูง้อได้พาหลวงพ่อจรัญไปชมรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เป็น 1 ใน 3 องค์ที่ชาวสิงคโปร์นับถือมาก ขณะเดินชมสถานที่ซึ่งจัดแต่งอย่างสวยงามนั้น จู่ ๆ หลวงพ่อจรัญได้สั่งศิษย์ผู้ชายซึ่งถือย่ามท่านอยู่ให้เอาซองปัจจัยในย่ามของท่านทั้งหมดใส่ลงตู้รับบริจาคที่ตั้งอยู่ใกล้กับองค์เจ้าแม่กวนอิม และสั่งให้ศิษย์ที่ไปด้วยทั้งหมดลงมือทำบุญทันที กำชับอีกว่าทำบุญแล้วจงอธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนาอย่างสูงสุดในชีวิตเดี๋ยวนี้

ทุกคนแม้งงกับเหตุการณ์แต่เชื่อหลวงพ่อนี่แน่นอนที่สุด จึงรีบควักปัจจัยหย่อนลงตู้บริจาคเป็นโกลาหล เมื่อทำบุญเสร็จและกลับมายังบ้านพัก ท่านเมตตาเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายว่า ขณะที่ท่านยืนพิจารณารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอยู่นั้น ได้เห็นเทพธิดาองค์หนึ่งลอยออกมาจากองค์เจ้าแม่กวนอิม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณอย่างชาวจีนซึ่งสวยงามมาก แสดงคารวะต่อท่านและยิ้มแย้มยินดี

หลวงพ่อกำหนด เห็นหนอ ก็ทราบได้ทันทีว่าเทพธิดาองค์นี้เป็นเทพเจ้าระดับสูง มีบุญญาภินิหารมากนัก บำเพ็ญบารมีมาทาง สัจจะวาจา ทำให้เป็นผู้มี วาจาสิทธิ์ เมื่อให้พรใครย่อมเป็นไปตามนั้นทุกประการ ที่มารักษารูปจำลองเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เพราะรับบัญชาจากพระแม่กวนอิมโดยตรงเพื่อโปรดมนุษย์

และขณะนั้นเทพเจ้าองค์นี้ก็ปรารถนาจะอำนวยพรแก่หลวงพ่อและชาวคณะ ท่านจึงรีบทำทานบารมีและสั่งคณะศิษย์ให้ทำตาม เพื่อสร้าง กรรมพัวพัน อันจะเปิดโอกาสให้พรที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นจริงขึ้นมา เป็นมงคลแก่คณะศิษย์ที่ติดตามไปตลอดชีวิต

สุดยอดไหมล่ะกับหลวงพ่อวัดอัมพวัน ?

เรื่องเหล่านี้คือความจริงที่ผมได้มีโอกาสรับรู้ นับว่าเป็นสิริแก่ตนอย่างยิ่ง แม้จะไม่มีญาณรู้เห็นด้วยตน ชั้นชั่วแต่ได้ผู้ทรงญาณยืนยัน ผมก็ถือเป็นวาสนาแล้ว ผมหายสงสัยได้ในเรื่องเจ้าแม่กวนอิม ไม่เพียงเพิ่มพูนศรัทธาในท่าน ยังเลื่อมใสไปถึงท่านผู้เมตตาแจ้งข่าวเหล่านั้นด้วย หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม และ ท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ

ขอกราบขอบพระคุณครับ.
126  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 01:36:44
อ้างจาก: armageddon
แต่งนิยาย  เนรมิตพระอวโลกิเตศวร
มาได้อย่างไม่สมประกอบ ด้วยธรรมะทั้งหลาย ด้วยประการทั้งปวง




หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม



ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงปู่นั่งเจริญกรรมฐานอยู่ในโบสถ์ พลันก็เห็นเซียน 8 องค์เข้ามาพูดกับท่านว่า

"พระแม่กวนอิมมารับท่านเป็นสาวกและให้ท่านปฏิบัติแบบมหายาน คือไม่ฉันเนื้อวัว เนื้อควาย และให้ฉันเจทุกเทศกาลกินเจ"

หลวงปู่ก็ไม่ยอม เถียงไปว่า.........

"พระแม่เป็นคนจีน หลวงปู่เป็นคนไทยและนับถือพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ไม่ตกลงด้วย"

นับแต่นั้นมาเซียน 8 องค์ก็มาเฝ้าอ้อนวอนให้หลวงปู่เปลี่ยนใจ

จนกระทั่งวันหนึ่งเซียนทั้ง 8 องค์ก็มาหาอีกและบอกว่า

"วันนี้พระแม่กวนอิมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง พักรออยู่ข้างนอก"

หลวงปู่ไม่สนใจได้แต่หลับตาเสีย เซียนองค์หนึ่งจึงไปเชิญเสด็จพระแม่กวนอิมเข้ามาในโบสถ์ และบอกให้หลวงปู่ลืมตาขึ้น หลวงปู่ลืมตาเห็นพระรัศมีสว่างไสวและพระลักษณ์สวยงามมาก พระแม่เจ้าให้หลวงปู่เข้าเป็นสาวกทางพุทธศาสนามหายาน และประทานเสื้อกางเกงชุดพระจีนให้ใส่แทน หลวงปู่เผลอรับเสื้อกางเกงมาสวมใส่ พอกางเกงสวมมาถึงเข่า ก็รู้สึกตัวได้สติ รีบดึงกางเกงออกทิ้งไป พระแม่กลับบอกว่า

"ท่านเป็นสาวกของพระแม่แล้ว ต่อไปนี้ท่านจะต้องฉันเจทุกปี

ตามเทศกาลเจของชาวจีน"

แล้วพระแม่กวนอิมและเซียนทั้ง 8 องค์ ก็หายวับไปกับตา

พอถึงเทศกาลเจครั้งแรก หลวงปู่ไม่ยอมฉันเจ หลวงปู่ก็อาพาธหนัก พอหมดเทศกาลเจก็หาย ในปีต่อ ๆ มา ก็เป็นเช่นนี้อีก หลวงปู่ทดสอบอยู่หลายปี จนต้องหันมาฉันเจในเทศกาลเจ อาการอาพาธต่าง ๆ ก็หายสิ้น ท่านจึงฉันเจตามเทศกาลแต่นั้นมา

ทุกปีของเทศกาลเจ หลวงปู่จะแต่งชุดพระจีนในเวลากลางคืน และเมื่อหลวงปู่นั่งสมาธิ พระแม่เจ้าก็ได้พาหลวงปู่ไปเที่ยวดินแดนสุขาวดีพุทธเกษตร พร้อมทั้งสอนวิชชาให้ จึงเป็นสาเหตุว่าชาวจีนทำไมจึงขึ้นกับหลวงปู่โต๊ะมากเป็นพิเศษ และหนึ่งในชาวจีนที่นับถือหลวงปู่โต๊ะมากคือ คุณพ่อของข้าพเจ้าเอง คุณพ่อและคณะศรัทธาธรรมได้ร่วมกันสร้างรูปหล่อพระแม่เจ้าร่วมกับหลวงปู่โต๊ะที่ หน้าถ้ำสิงโตทอง จังหวัดราชบุรี เป็นพระรูปกะไหล่ทองให้ศิษย์ที่นับถือพระแม่กวนอิมสักการะบูชา
127  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ความจริงเรื่องจิต ที่คุณไม่เคยรู้ หรือรู้กันมาผิดๆ เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 01:20:38
อ้างจาก: armageddon

 [color=red
ทศรสชาดก มีจากสังคายานาครั้งที่1 จนปัจจุบัน [/color]

ทสรถชาดก ว่าด้วยผู้มีปัญญาย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่เสียไปแล้ว
  ในอดีตกาล พระเจ้าทสรถมหาราช ทรงละความถึงอคติ เสวยราชสมบัติโดยธรรมในกรุงพาราณสี พระอัครมเหสีผู้เป็นใหญ่กว่าสตรี ๑๖,๐๐๐ นางของท้าวเธอ ประสูติพระโอรส ๒ พระองค์ พระธิดา ๑ พระองค์ พระโอรสองค์ใหญ่ทรงพระนามว่า รามบัณฑิต องค์น้องทรงพระนามว่า ลักขณกุมาร พระธิดาทรงพระนามว่า สีดาเทวี ครั้นจำเนียรกาลนานมา พระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ พระราชาเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์แล้ว ทรงถึงอำนาจแห่งความเศร้าโศกตลอดกาลนาน หมู่อำมาตย์ช่วยกันกราบทูลให้ทรงสร่าง ทรงกระทำกาเกี่ยวกับพระศพที่ควรกระทำแก่พระนางแล้ว ทรงตั้งสตรีอื่นไว้ในตำแหน่งอัครมเหสีพระนางเป็นที่รัก เป็นที่จำเริญพระหฤทัยของพระราชา ......


.......พระรามบัณฑิตจึงเสด็จออกจากป่าบรรลุถึงพระนครพาราณสี เสด็จเข้าสู่พระราช อุทยาน พระกุมารทั้งหลายทรงทราบความที่พระองค์เสด็จมา มีหมู่อำมาตย์แวดล้อมเสด็จไปพระอุทยาน ทรงกระทำนางสีดาเป็นอัครมเหสีแล้วอภิเษกทั้งคู่


พระรามบัณฑิต  ได้น้องสาว ชื่อสีดาเป็นมเหสี
ซึงเป็นคนละเรื่องกับรามายนะ ที่สีดา เป็นลูกยักษ์
และเป็นคนละพ่อคนละแม่ กัน

พระพุทธเจ้า และพระอานนท์ ไม่กล่าวผิดพลาดแน่นอน ครับ

 คุณหนู Phonsak ก็แถไปผิดๆๆ  เช่นเคย


ตั้งแต่ผมเกิดมา  เจอคนโง่ๆมามาก  แต่ยังไม่เคยเจอคนที่โง่แบบคุณเลย  ผมขอคารวะในความโง่ของคุณ

รามายณะ เป็นวรรณคดีประเภทมหากาพย์ของอินเดีย เป็นนิทานที่เล่าสืบต่อกันมายาวนานในหลากหลายพื้นที่ของชมพูทวีป  เล่าจากปากหนึ่งไปสู่ปากหนึ่ง  เป็นร้อยเป็นพันปาก  การเสริมเรื่องขึ้นเพื่อให้เกิดความมันส์  จึงต้องมีเป็นธรรมดา  สีดาที่เคยเป็นน้องสาว เล่าไปเล่ามาก็กลายเป็นเมียไป

ทศรถชาดก เป็นเรื่องที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า  ซึ่งตรัสแต่เฉพาะเรื่องจริง  ไม่มีโกหก  เรื่องราวแท้จริงของรามายณะ จึงเป็นเรื่องราวในทศรถชาดก

ผมคงไม่ตอบคำถามของคุณอีก  เพราะขนาดเรื่องจริงกับเรื่องเล่าเป็นพันๆปาก  คุณก็ยังไม่เข้าใจ  เสียเวลาของผมเปล่าๆ  ที่ผมเขียนนี้เขียนเพื่อผู้อ่านท่านอื่น จะได้ความรู้มากขึ้นเท่านั้น
128  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ความจริงเรื่องจิต ที่คุณไม่เคยรู้ หรือรู้กันมาผิดๆ เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 01:58:24
[quote author=armageddon

1  พระอานนท์ ก็จำไม่ได้ ไม่ได้บันทึก ไว้
พระสาวกของพระสมณโคดม ก็ไม่มีชื่อ กวนอิม ไม่มีชื่คเนศ
โอ้โห อิทธิฤทธิ์ ผุ้งกระจายขนาดนั้น
พระโมคคัลานะ ก็คงไม่ถูก ยก เป็น เอตทัคคะ ทางฤทธิ์
และก็เป็นไปไม่ได้ ที่พระพุทธเจ้า และพระอานนท์ จะไม่กล่าวถึงในพระไตรปิฎก
ไปเอาพระไตรปิฎก มายืนยันด้วย

2  ในพระไตรปิฎก สงครามระหว่างอสูร และเทวดา
อันเป็นกายละเอียด ก็ไม่มีพระคเนศ
มีแต่อสูรินราหู

เด่นดังขนาดนั้น พระอานนท์ ก็จดจำไม่ได้ ไม่มีในระบบ พระอรหันต์ทั้งหมด ทุกพระองค์
ก็ไม่มีใครกล่าวถึง พระคเนศที่ว่า
พระพุทธเจ้า ก็ยังไม่กล่าวถึง
ไปเอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงดีกว่าครับ

หาพระไตรปิฎก มายืนยันด้วยครับ


[/quote]

1.  ตั้งแต่การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา เถรวาทตัดเรื่องที่พระอานนท์เล่าเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับพระอวโลกิเตศวรไปเกือบหมด เหลือเพียงบางเรื่อง เช่น ในพระไตรปิฎกปรากฏที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ไว้สั้นๆใน จักกวัตติสูตร คุณต้องไปหาอ่านดูเอง

แต่มีเรื่องราวอยู่แต่ในปิฎกของมหายานเต็มไปหมด  ลองไปค้นคว้าดูซิครับ  แล้วคุณจะตกใจเรืองพระอวโลกิเตศวรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ โดยมีพระอานนท์รับรองเต็มไปหมด  เช่น มหากรุณาหฤทัยธารณีสูตร   ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร สัทธรรมปุณฑริกสูตร ฯลฯ

2.  พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสปฏิเสทเรื่องราวในรามายนะเลย และไม่เคยปฏิเสทเรื่องพระคเนศ   แต่พระพุทธองค์ทรงบอกว่าในรามายนะนั้น   พระรามมาเกิดเป็นท่าน  ลองอ่านดูในทศรถชาดก ตอนท้ายของอรรถกถานี้มีดังนี้:

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะในเวลาจบสัจจะ กุฎุมพีดำรงในโสดาปัตติผล ทรงประชุมชาดกว่า

พระทสรถมหาราชครั้งนั้น  ได้มาเป็นสุทโธทนมหาราช
พระมารดาได้มาเป็นพระมหามายา 
สีดาได้มาเป็นมารดาของราหุล
เจ้าภรตะได้มาเป็นอานนท์
เจ้าลักขณ์ ได้มาเป็นสารีบุตร
บริษัทได้มาเป็นพุทธบริษัท

ส่วนรามบัณฑิตได้มาเป็นเราตถาคตแล.
129  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปคำสอนโหลยโท่ยของคณะสงฆ์ฝ่ายปริยัติหรือยัง? เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 21:39:34
คุณsweet คิดมากไปได้ ผมโดนเอาชื่อจริง และชื่อใช้ในเว็บไปสร้างความเลวระยำทุกรูปแบบ  ผมยังไม่สนเลย

ครั้งสุดท้าย เอาชื่อจริงของผมไปตั้งเว็บศาสนา ชื่อ เว็บพลศักดิ์ วังวิวัฒน์  ผมยังไม่สน

http://phonsak.fx.gs/index.php
130  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: พระอรหันต์สาวก และเหล่ามหาเทพต่างๆ รู้ได้แต่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงได้เท่านั้น เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 21:25:29
ล๊อกเลข มันทำคนเดียวไม่สำเร็จ  มันต้องใช้ทีมงานหลายฝ่าย  ฝ่ายกองสลาก  ฝ่ายเจ้ามือหวยที่ต้องการล๊อคเลข  และฝ่ายผู้มีอำนาจของรัฐในมือ

เจ้ามือหวย ล๊อกเลข 3 ขั้นตอน  ขั้นตอน  2 ก่อนเที่ยงของวันออกหวย ก็พอจะรู้แล้วว่า 90% ของคนส่วนใหญ่แทงเลยอะไร    ขั้นตอน 3 เป็นขั้นตอนสุดท้ายว่าจะเปลี่ยนเลขที่ล๊อคหรือไม่  ถ้าจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนก่อนบ่าย 3 โมง

งวดก่อนที่ออก 43 เป็นการเปลี่ยนในขั้นตอนที่ 3  ในขั้นตอนที่ 1 และ 2 เขาจะให้ออกเลข 78

ครั้งนี้ผมก็คิดว่า  คนล๊อคเลขน่าจะทำการล๊อคเลขเรียงอีกครั้งหนึ่ง  อาจจะเป็น 78 89 01 10 21 12 23 32 ฯลฯ  ก่อนหน้านั้นล๊อคเลขเหมือนกัน คือ 66 22 11
131  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / พระอรหันต์สาวก และเหล่ามหาเทพต่างๆ รู้ได้แต่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงได้เท่านั้น เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 15:56:46
พระอรหันต์สาวก และเหล่ามหาเทพต่างๆ รู้ได้แต่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงได้เท่านั้น มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ล่วงรู้อนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง  




เมื่อเข้าสู่กระแสพระนิพพาน  ตัวรู้ จะปรากฏชัด  มันรู้ทุกเรื่องแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรืออนาคต ฯลฯ

แต่เจ้ามือล็อคเลขอะไรกลับไม่รู้ 555+

ตัวรู้ ของคุณ phonsak ช่างด้อยคุณภาพ ไม่สมราคาคุยเอาซะเลย


ผมบอกไปแล้วว่า  มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ล่วงรู้อนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง  คนอื่นไม่รู้  จะรู้ได้เฉพาะอนาคตที่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ในครั้งพุทธกาล  พระสารีบุตรก็หน้าแตก หมอไม่รับเย็บ   เพราะไปพยากรณ์ว่า วิบากกรรมของเณรบวชใหม่คนหนึ่ง คือ ต้องตาย ถึงฆาตแน่ พระสารีบุตรได้เล็งเห็นว่า เณรผู้นี้จะมรณะในอีก 7 วัน

ท่านจึงอนุญาตให้เณรกลับไปเยี่ยมบ้าน เพื่อโปรดบิดามารดา และญาติโยมทางบ้านเป็นครั้งสุดท้าย

***นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมของเณรบวชใหม่***

ผู้มีญาณทิพย์ หรืออภิญญาใดๆ หรือใช้วิธีดูอนาคตอย่างไร วิธีใด  ก็สามารถรู้ได้แค่นี้เท่านั้น  

แค่นี้ = รู้แค่กฎแห่งกรรมในอดีตที่มีผลกระทบต่อเขาในชาตินี้ คือรู้พรหมลิขิต  แต่มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกปฏิบัติกรรมดีกรรมชั่วใหม่ได้ เพื่อเปลี่ยนอนาคตและกฎแห่งกรรมของเขาได้

นี่แหละที่ทำให้พระสารีบุตรต้องหน้าแตก หมอไม่รับเย็บ  เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเจ็ดวัน เณรได้กลับมายังอารามเหมือนเดิม พระสารีบุตรเอง ถึงกลับแปลกใจว่า เพราะเหตุใดเณรคนนั้นไม่ตาย ท่านจึงได้สอบถามเณรว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทางไปและกลับ

เณรจึงได้แถลงไขว่า ระหว่างทางที่ไปนั้น ได้พบปลาจำนวนหนึ่งตกคลักในหนองน้ำที่ใกล้แห้ง จึงได้เอาจีวรช้อนขึ้นมาไปปล่อยในแหล่งน้ำที่ใกล้ๆ

ด้วยญาณแห่งพระสารีบุตร ท่านก็ทราบได้ว่า ปลาเหล่านั้น คืออดีตเจ้ากรรมนายเวรของเณรผู้นั้นเอง และเมื่อเณรได้นำปลาไปปล่อยในแหล่งน้ำ เท่ากับว่าได้ทำบุญต่ออายุให้กับตัวเอง และเจ้ากรรมนายเวรนั้น ได้ให้อภัยและอโหสิกรรมให้เณร  เณรจึงไม่ตาย


ในสมัยปัจจุบีน  หลวงพ่อจรัญก็หน้าแตก  หมอไม่รับเย็บเช่นกัน เพราะหลวงพ่อจรัญทำนายว่า.....อาตมาจะมรณภาพวันที่ 14 ตุลาคม 2521 เวลาเที่ยง 12.45 น.ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำคอหักตาย

***นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิต(กฎแห่งกรรม)ชุดเดิมของท่าน***

เมื่อถึงเวลานั้น หลวงพ่อจรัญท่านก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ คอหักจริงๆ แต่ท่านไม่ตาย ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อจรัญได้(ทำการก้าวล่วงบาปกรรม) คือ สำนึกบาปและตั้งเจตจำนงจะไม่ทำบาป ที่ฆ่าหักคอไก่จำนวนมากอย่างนั้นอีก นอกจากนี้ท่านก็ยังแผ่เมตตาให้วิญญาณไก่เหล่านั้นด้วย ไก่เหล่านั้นเลยให้อภัยและอโหสิกรรมให้ท่าน ท่านจึงแค่คอหัก แต่ไม่ยักกะตาย

***นี่คือ  หลวงพ่อจรัญมองเห็นแผนที่ชีวิตชุดเก่าของท่าน  หรือเห็นแค่กรรมเก่าชุดเก่าที่จะให้ผล(ตามพรหมลิขิต/กฎแห่งกรรม) ส่วนแผนที่ชีวิตชุดใหม่ (พรหมลิขิตชุดใหม่/กฎแห่งกรรมชุดใหม่) ท่านมองไมเห็น***


ทำไมพระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ นอกจากพระพุทธเจ้า ไม่รู้เลขหวยที่มีการล็อคเลข?


ผลการออกสลากกินแบ่ง เป็นเรื่องของกรรมเดิม (พรหมลิขิตชุดเดิม/กฎแห่งกรรมชุดเดิม)  ส่วนการที่เจ้ามือล็อคเลข  เป็นการกระทำกรรมใหม่ของเขา  เทพระดับไหนก็ไม่รู้นอกจากพระพุทธเจ้า  พวกเทพจะรู้ก็ต่อเมื่อผ่านบ่าย 3 โมงไปแล้ว เมื่อเจ้ามือล็อคเลขตกลงขั้นสุดท้ายกับผู้มีอำนาจในกองสลากว่าจะเอาเลขนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก

ส่วนการที่พระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ ให้เบอร์คนถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว  หรือแม้แต่ถูกรางวัลที่ 1 ได้  เพราะพระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ ได้ทำการล๊อคเลขเอาเอง  โดยการสะกดจิตเจ้ามือล็อคเลขหรือกองสลากไม่ให้ทำการล็อคเลขในงวดนั้น  ปล่อยให้พรหมลิขิตชุดเก่า/กฎแห่งกรรมชุดเก่า ทำงาน  แล้วตัวพวกท่านก็ใช้ญาณทิพย์ดูว่าจะออกเลขอะไร  แล้วไปสะกดจิตคนขายหวยให้เก็บเบอร์หวยนั้นไว้ให้คนๆนี้ ที่ท่านจะให้ถูกรางวัล

555555  สบายใจจิรงๆ!!! วันนี้ได้เปิดเผยความลับของฟ้าเรื่องการล็อคเลขหวยของเหล่ามหาเทพสักที
132  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เหตุผลหลักที่ศาสนาพุทธแตกแยกเป็นเถรวาท และ มหายาน เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 15:52:45
ขออนุญาตเอาเรื่องนี้ไปตั้งกระทู้ใหม่นะครับ
133  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เหตุผลหลักที่ศาสนาพุทธแตกแยกเป็นเถรวาท และ มหายาน เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 15:50:54
อ้างถึง

เมื่อเข้าสู่กระแสพระนิพพาน  ตัวรู้ จะปรากฏชัด  มันรู้ทุกเรื่องแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรืออนาคต ฯลฯ

แต่เจ้ามือล็อคเลขอะไรกลับไม่รู้ 555+

ตัวรู้ ของคุณ phonsak ช่างด้อยคุณภาพ ไม่สมราคาคุยเอาซะเลย


ผมบอกไปแล้วว่า  มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ล่วงรู้อนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง  คนอื่นไม่รู้  จะรู้ได้เฉพาะอนาคตที่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ในครั้งพุทธกาล  พระสารีบุตรก็หน้าแตก หมอไม่รับเย็บ  เพราะไปพยากรณ์ว่า วิบากกรรมของเณรบวชใหม่คนหนึ่ง คือ ต้องตาย ถึงฆาตแน่ พระสารีบุตรได้เล็งเห็นว่า เณรผู้นี้จะมรณะในอีก 7 วัน

ท่านจึงอนุญาตให้เณรกลับไปเยี่ยมบ้าน เพื่อโปรดบิดามารดา และญาติโยมทางบ้านเป็นครั้งสุดท้าย

***นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมของเณรบวชใหม่***

ผู้มีญาณทิพย์ หรืออภิญญาใดๆ หรือใช้วิธีดูอนาคตอย่างไร วิธีใด  ก็สามารถรู้ได้แค่นี้เท่านั้น 

แค่นี้ = รู้แค่กฎแห่งกรรมในอดีตที่มีผลกระทบต่อเขาในชาตินี้ คือรู้พรหมลิขิต  แต่มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกปฏิบัติกรรมดีกรรมชั่วใหม่ได้ เพื่อเปลี่ยนอนาคตและกฎแห่งกรรมของเขาได้

นี่แหละที่ทำให้พระสารีบุตรต้องหน้าแตก หมอไม่รับเย็บ  เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเจ็ดวัน เณรได้กลับมายังอารามเหมือนเดิม พระสารีบุตรเอง ถึงกลับแปลกใจว่า เพราะเหตุใดเณรคนนั้นไม่ตาย ท่านจึงได้สอบถามเณรว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทางไปและกลับ

เณรจึงได้แถลงไขว่า ระหว่างทางที่ไปนั้น ได้พบปลาจำนวนหนึ่งตกคลักในหนองน้ำที่ใกล้แห้ง จึงได้เอาจีวรช้อนขึ้นมาไปปล่อยในแหล่งน้ำที่ใกล้ๆ

ด้วยญาณแห่งพระสารีบุตร ท่านก็ทราบได้ว่า ปลาเหล่านั้น คืออดีตเจ้ากรรมนายเวรของเณรผู้นั้นเอง และเมื่อเณรได้นำปลาไปปล่อยในแหล่งน้ำ เท่ากับว่าได้ทำบุญต่ออายุให้กับตัวเอง และเจ้ากรรมนายเวรนั้น ได้ให้อภัยและอโหสิกรรมให้เณร  เณรจึงไม่ตาย


ในสมัยปัจจุบีน  หลวงพ่อจรัญก็หน้าแตก  หมอไม่รับเย็บเช่นกัน เพราะหลวงพ่อจรัญทำนายว่า.....อาตมาจะมรณภาพวันที่ 14 ตุลาคม 2521 เวลาเที่ยง 12.45 น.ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำคอหักตาย

***นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิต(กฎแห่งกรรม)ชุดเดิมของท่าน***

เมื่อถึงเวลานั้น หลวงพ่อจรัญท่านก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ คอหักจริงๆ แต่ท่านไม่ตาย ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อจรัญได้(ทำการก้าวล่วงบาปกรรม) คือ สำนึกบาปและตั้งเจตจำนงจะไม่ทำบาป ที่ฆ่าหักคอไก่จำนวนมากอย่างนั้นอีก นอกจากนี้ท่านก็ยังแผ่เมตตาให้วิญญาณไก่เหล่านั้นด้วย ไก่เหล่านั้นเลยให้อภัยและอโหสิกรรมให้ท่าน ท่านจึงแค่คอหัก แต่ไม่ยักกะตาย

***นี่คือ  หลวงพ่อจรัญมองเห็นแผนที่ชีวิตชุดเก่าของท่าน  หรือเห็นแค่กรรมเก่าชุดเก่าที่จะให้ผล(ตามพรหมลิขิต/กฎแห่งกรรม) ส่วนแผนที่ชีวิตชุดใหม่ (พรหมลิขิตชุดใหม่/กฎแห่งกรรมชุดใหม่) ท่านมองไมเห็น***


ทำไมพระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ นอกจากพระพุทธเจ้า ไม่รู้เลขหวยที่มีการล็อคเลข?


ผลการออกสลากกินแบ่ง เป็นเรื่องของกรรมเดิม (พรหมลิขิตชุดเดิม/กฎแห่งกรรมชุดเดิม)  ส่วนการที่เจ้ามือล็อคเลข  เป็นการกระทำกรรมใหม่ของเขา  เทพระดับไหนก็ไม่รู้นอกจากพระพุทธเจ้า  พวกเทพจะรู้ก็ต่อเมื่อผ่านบ่าย 3 โมงไปแล้ว เมื่อเจ้ามือล็อคเลขตกลงขั้นสุดท้ายกับผู้มีอำนาจในกองสลากว่าจะเอาเลขนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก

ส่วนการที่พระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ ให้เบอร์คนถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว  หรือแม้แต่ถูกรางวัลที่ 1 ได้  เพราะพระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ ได้ทำการล๊อคเลขเอาเอง  โดยการสะกดจิตเจ้ามือล็อคเลขหรือกองสลากไม่ให้ทำการล็อคเลขในงวดนั้น  ปล่อยให้พรหมลิขิตชุดเก่า/กฎแห่งกรรมชุดเก่า ทำงาน  แล้วตัวพวกท่านก็ใช้ญาณทิพย์ดูว่าจะออกเลขอะไร  แล้วไปสะกดจิตคนขายหวยให้เก็บเบอร์หวยนั้นไว้ให้คนๆนี้ ที่ท่านจะให้ถูกรางวัล

555555  สบายใจจิรงๆ!!! วันนี้ได้เปิดเผยความลับของฟ้าเรื่องการล็อคเลขหวยของเหล่ามหาเทพสักที






134  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ความจริงเรื่องจิต ที่คุณไม่เคยรู้ หรือรู้กันมาผิดๆ เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2553 23:30:07
อ้างจาก: armageddon


[color=red
1.[/color] เจ้าชายสิทธัตถะ ไม่เห็นบูชาพระคเนศ ไม่เห้นบูชาเจ้าแม่กวนอิมเลย
เห็นเกิดแก่เจ็บตาย เลยออกบวช

2. อีกอย่าง
เรื่องคนตัวเป็นคนแต่หน้าเป็นสัตว์นี่ ไม่เห็นมีกล่าวถึง
ในพระไตรปิฎกเลย

1.  พระพุทธเจ้าเป็นจิตหนึ่งของพระธรรมสูงสุด เป็นผู้นิรมิตทุกอย่างในโลกและจักรวาลขึ้นมา  พระคเนศ และเจ้าแม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้า ที่เป็นจิตบริสุทธิ์เป็นพระธรรมสูงสุด

พูดให้ชัดๆเลย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน ท่านมีคณ 3 อย่างคือ 

๑. พระปัญญาธิคุณ
๒. พระบริสุทธิคุณ
๓. พระมหากรุณาธิคุณ

พระคเนศ และเจ้าแม่กวนอิม เป็นการสำแดงออกของพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า ที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่เลือกชาติ หรือชั้นวรรณะแต่ประการใด


พระคเนศ และเจ้าแม่กวนอิม ตราบจนไม่มีผู้ต้องการความเมตตากรุณาจากพระเจ้า(พระพุทธเจ้า)แล้ว   นั่นเป็นหน้าที่ของพระมหาโพธิสัว์ทั้ง 2 ที่พระพุทธเจ้ามอบหน้าที่ให้พวกท่านทำ

2. พระคเนศอยู่ในยุคที่มีสงครามยักษ์ และเทพ  ท่านเป็นกายทิพย์  ไม่ใช่กายเนื้อของมนุษย์ 

พระไตรปิฎกส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวคำสอนต่อมนุษย์  แต่บางครั้งเมื่อมีผู้ถามพระพุทธเจ้าถึงเรื่องราวในมหาภารตะ และรามายนะ  พระพุทธเจ้าก็ยืนยันว่าเรื่องราวนั้นมีจริง  แต่ผิดแผกแตกต่างไป เพราะมนุษย์ไปแต้มเรื่องให้เกินเลย  ไว้วันหลังผมจะนำเรื่องเหล่านี้ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามาลง
135  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า? เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2553 13:27:31
ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค


เขียนย้ำให้ดูแล้ว  ยังไม่ดูอีก  คราวนี้ขีดเส้นใต้ และแยกให้เห็นชัดๆด้วย  ดูซิว่าคุณจะฉลาดขึ้นไหม

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

หลวงตามหาบัว บอกว่า (นิพพาน)เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด (ก็คือถูกนั่นเอง)

หลวงตามหาบัว บอกว่า แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” เพราะอัตตาที่ตรงข้ามกับอนัตตา คืออัตตานุทิฏฐิ



เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา

ไปอ่านบทความของหลวงตาแล้วมาถามผมดีกว่า  นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง = จิตบริสุทธิ์ที่เรียกว่าใจ  สิ่งนี้ไม่เคยตาย ไม่เคยเกิด  มันดำรงอยู่ชั่วนิรันดร จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อัตตา

ส่วนจิตที่ไม่บริสุทธิ์นั้น มันตาย แล้วไปรับผลบุญบาปในปรโลก เสร็จแล้วก็ตาย(จุติ)จากปรโลก แล้วก็กลับมาเกิดตายในโลกซ้ำไปซำมาอีก จิตไม่บริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อนัตตา

อนัตตลักขณะสูตร กล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า
แล้วคุณหนูphonsak เอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา
ขันธ์นี้จะมั่ว กล่าวอะไรก็ได้

ถูกต้องที่สุด อนัตตลักขณะสูตรกล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า

แต่ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร และตอนสุดท้ายของเรื่อง พระพุทธองค์กล่าวถึงอัตตา และให้ผู้เข้าถึงธรรม สามารถตีความได้ว่า นิพพานเป็นอัตตา

ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร

ดูกรภิกษุทั้งหลาย

        รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูปว่า รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะรูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ฉะนั้น รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ตอนท้ายเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร พระพุทธองค์ถามปัญจวัคคีว่า

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

ผู้รู้แจ้งแล้ว จะสามารถตีความออกว่า "ก็สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

ผู้รู้แจ้งแล้วย่อมตอบว่า: ข้อนั้นสมควรเลยพระพุทธเจ้าข้า  = อัตตา  ในความหมายว่า เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ซึ่งก็คือ จิตพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์

จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น(อายตนะนิพพาน) = อัตตา


แล้วคุณหนูphonsak เอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา   คุณหนูphonsak คนนี้จะไม่ตอบคุณว่าเอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา  แต่จะให้พระอวโลกิเตศวร และพระพุทธเจ้า มาตอบคุณเองว่า ขันธ์อะไรที่เป็นอัตตา

พระอวโลกิเตศวร : ธรรมกาย คือ อายตนะนิพพาน พระพุทธเจ้า : ธรรมกาย เป็น อัตตา  http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/adicaaoaeca-aaaoa-xi-ioa1d1oo1-adoaeo-aaaoa-ac1-ino/


ฉะนั้น เอาขันธ์อมพระไว้ในปาก มาพูด ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก

คุณเป็นบัวที่อยู่ไม่พ้นน้ำ เพราะทิฏฐิมานะของคุณเอง ที่ต้องการเอาชนะคะคานผมให้ได้  เมื่อคุณไม่ถอนทิฏฐิมานะตัวนี้  หันมาฟังธรรมจากผม  ต่อให้พระพุทธเจ้าลงมาสอนตรงหน้าคุณ คุณก็ไม่เชื่อ  เช่นเดียวกับกามนิต ที่พระชราสอนให้ทุกอย่าง  เขาเห็นธรรมแล้ว  แต่ยังต้องการพบพระพุทธเจ้าอีก

พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว  แต่พระองค์ท่านลงมาสอนคุณได้ โดยอาจจะผ่านขันธ์ 5 ของผมก็ได้นะครับ  ผมที่กำลังอยู่ตรงหน้าคุณนี่แหละ
136  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า? เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2553 23:14:11
หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่าอะไร?


คุณหนอนเขียนว่า : อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน(พระอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว-เทศน์)

ตอบ

กระได มี 2 ระดับ
 
1. กระไดของคนธรรมดา = อัตตา(นุทิฏฐิ) เห็นและหลงผิดว่า "กายหรือขันธ์ 5 โลกและจักรวาลเป็นอัตตา" กระไดแบบนี้ลื่น ทำให้ออกจากสังสารวัฏฏ์ไม่ได้

2. กระไดของพระโสดาบัน-อรหันต์ = พวกท่านเห็นและรู้ว่า กายหรือขันธ์ 5 โลกและจักรวาลเป็นอัตตานุทิฏฐิ  ความจริงแล้วมันเป็นเพียง อนัตตา ไม่ใชตัวตน 

เมื่อรู้ชัดแจ่มแจ้งว่า  กายหรือขันธ์ 5 โลกและจักรวาลเป็นอนัตตา ก็ต้องทิ้งกระได เข้าบ้าน=  คือ นิพพาน

จึงหมดปัญหาสำหรับผู้รู้แจ้งแล้วว่า นิพพานไม่ใช่กระได ที่เป็นอัตตานุทิฏฐิและอนัตตาอย่างแน่นอน แต่นิพพานเป็นบ้าน  ส่วนผู้ไม่รู้แจ้ง คือ คนในโลกทั่วไป ก็ยังหลงผิดต่อไปว่า  ขันธ์ 5 โลกและจักรวาล ที่เป็นอนัตตาเป็นอัตตาต่อไป พระพุทธเจ้าจึงตรัสเรียก อัตตาที่เกิดจากความเข้าใจผิดของมนุษย์ในโลกว่า "อัตตานุทิฏฐิ"  และให้ความหมายของอัตตาและอนัตตาไว้ในอนัตตลักขณะสูตรว่า:

พระบรมศาสดา ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา
 ปัญจวัคคีย์ ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า  = ขันธ์ 5 ที่เป็นกายเป็นอนัตตา

ผู้รู้แจ้งแล้ว จะสามารถตีความออกว่า "ก็สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

ผู้รู้แจ้งแล้วย่อมตอบว่า: ข้อนั้นสมควรเลยพระพุทธเจ้าข้า  = อัตตา  ในความหมายว่า เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ซึ่งก็คือ จิตพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์


ลองฟังคำตอบจากหลวงตาพระมหาบัวบ้าง


ทีนี้จะมาตอบปัญหาละที่นี่นะ เรื่องพุทธศาสนาขณะนี้ สื่อมวลชนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องพระนิพพาน จึงขอนมัสการเรียนถามว่า พระนิพพานเป็นอัตตาหรือเป็นอนัตตา นี่ถามว่าอย่างนี้นะ


พระนิพพานนั้นคือพระนิพพาน นี่ตอบแล้วนะนี่นะ ท่านแสดงไว้ในธรรมว่า มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มรรค ๔ นั้นได้แก่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค อรหัตผล นี่เรียกว่า มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ คือพ้นจาก ๘ ภูมินี้ไปแล้วเป็นนิพพาน ๑ นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา นิพพานคือนิพพาน อัตตา อนัตตา นั้นเป็นทางเดินเพื่อพระนิพพานล้วน ๆ เป็นพระนิพพานไปไม่ได้

ผู้ที่จะพิจารณาให้ถึงพระนิพพาน ต้องเดินเหยียบย่างไปในไตรลักษณ์ คือพิจารณาไปกับเรื่อง ทุกขัง เรื่อง อนิจจัง อนัตตา และอัตตา ซึ่งเป็นกองแห่งกิเลสสุมเต็มอยู่ในนั้น
ให้ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความเห็นว่าเป็นตนเป็นตัวเหล่านี้ออกเสียได้ จิตจึงจะหลุดพ้นเป็นพระนิพพาน เพราะฉะนั้นพระนิพพานจึงเป็นพระนิพพานเท่านั้น เป็นอัตตาเป็นอนัตตาไม่ได้ เพราะอัตตากับอนัตตานั้นเป็นทางเดินเพื่อพระนิพพาน

อนัตตา/อัตตา  อัตตา ที่หลวงตาพระมหาบัวพูดถึงคือ อัตตานุทิฏฐิ คือความเห็นว่าเป็นตนเป็นตัว

จะเห็นได้จากหลักฐานที่หลวงตามหาบัวพูดไว้ วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ เหลืออยู่ในgoogleแค่นี้

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

ย้ำ! พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

สรุป

“อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” คือ อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน คู่กับ “อนัตตา” ซึ่งเป็นเรื่องการมองเห็นขันธ์ 5 ของคนธรรมดากับของพระอริยะ  ปถุชนคนธรรมดาจะเห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นอัตตา ซึ่งเป็นความเห็นที่ผิด พระพุทธเจ้าเรียกอัตตาจากความเห็นผิดนี้ว่า อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน  ส่วนพระอริยะเจ้าจะเห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นอนัตตา เมื่อปฏิบัติจนเข้าถึงอรหันต์แล้ว เขาจะเข้าใจความหมายของอัตตาที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าหมายถึงอะไร?

“อัตตา” ในความหมายของพระพุทธเจ้าที่ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร คือ อัตตา ที่เป็นสิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
137  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: วิธีหนีนรกไปสวรรค์แบบโคตรง่ายของชาวพุทธเถรวาท เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2553 01:49:03

พระพุทธเจ้า.ขา ... พระพุทธเจ้า.ครับ

พุทโธ.. พุทโธ..พุทโธ   ผมพลศักดิ์ วังวิวัฒน์มาอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วหรือนี่

นี่คือตัวอย่างที่คุณพลศักดิ์แสดงให้ดูด้วยตนเอง สำหรับผู้ที่พยายามหนีนรกแบบเส้นตื้น แล้วก็ไปได้แค่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์และยังมีสิทธิ์ตกนรกอยู่อย่างแ่น่นอน

ใช้ความคิดซิครับ  ถ้าเป็นบุญที่มนุษย์ทำมันอยู่ได้ไม่นาน  ก็มีสิทธิ์ตกนรก  ถ้าไม่บรรลุโสดาบันบนสวรรค์

แต่บุญที่พึ่งพระบารมีของพระพุทธเจ้า = เข้าไปอยู่ในเรือของพระพุทธเจ้าที่สร้างสวรรค์ที่ไม่ใช่ชั้นกามภูมิให้อยู่  ถ้าไม่ทำบาปในสวรรค์ที่พระพุทธเจ้าสร้างให้  อาจจะไม่มีสิทธิ์ตกนรกก็ได้

มีแต่บรรลุธรรมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  อย่างดินแดนสุขาวดีของพระพุทธเจ้า  ไม่มีใครมีสิทธิตกนรก  เพราะจะผิดปณิธานที่พระพุทธเจ้าองค์นี้ให้ไว้ 
138  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ความจริงเรื่องจิต ที่คุณไม่เคยรู้ หรือรู้กันมาผิดๆ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2553 00:44:56
ทำเป็นเล่น

ไม่ได้กลัวบาปกลัวกรรมเล๊ย

เห้อ...

เราพ้นจากบาปทุกชนิดนานแล้ว  เธอซิควรกลัวบาปกรรม  จำไว้! ถ้าเธอเกิดตกนรก  จงบอกพระยายมราชว่ารู้จักเรา "พลศักดิ์ วังวิวัฒน์"  แล้วเธอจะปลอดภัย เพราะเราเส้นใหญ่กว่าก๊วยจั๊บ

139  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ความจริงเรื่องจิต ที่คุณไม่เคยรู้ หรือรู้กันมาผิดๆ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2553 00:37:18
อ้างจาก: WangJai

อ้างอิงคำพูด phonsak

[color=darkred
องค์พระผู้เป็นเจ้= คุณ phonsak กำลังโยนความผิดบาปของตัวเองไปให้องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่นะ สัมมาทิฎฐิในใจจริงๆ น่ะมีบ้างมั๊ยหรือว่ามีไว้คุยโอ่ แค่นั้น มันไม่ได้ช่วยให้คุณหนีนรกได้หรอกนะ

องค์พระผู้เป็นเจ้า หรือพระพุทธเจ้า เป็นผู้สร้างจิตสังขารที่ปรุงแต่งให้อยู่ในโลกและจักรวาล  แต่พระองค์ก็ใส่ตัวเองลงไปในจิตสังขารทุกจิตด้วย  จิตบริสุทธิ์ชั้นในที่สุดของคุณคือพระพุทธเจ้า(พระผู้เป็นเจ้า)

คุณมีอิสระเสรีทีจะทำบุญหรือทำบาปก็ได้  เมื่อคุณทำบาปก็ต้องได้รับผลกรรม  แต่พระเมตตาของพระพุทธเจ้า(พระเจ้า) ได้ส่งพระโพธิสัตว์ต่างๆมาเพื่อช่วยผ่อนวิบากกรรมหนักให้เบาขึ้น  มนุษย์จึงต้องนับถือ โพธิสัตว์กวนอิม โพธิสัตว์พิฆเนศ ฯลฯ

แต่ผู้ใดที่ทำสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน = เขากำลังพึ่งพระเจ้าของตัวเองเพื่อลดวิบากกรรม

140  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ความจริงเรื่องจิต ที่คุณไม่เคยรู้ หรือรู้กันมาผิดๆ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2553 00:25:12
ผมอ่านหลายกระทู้ของ phonsak แล้วผมกลัวจริง ๆ

กลัวตอนแกตาย ภพชาติต่อไปนี่ไม่รู้จะอเวจี หรือโลกันตนรก เลย

ไม่รู้ทำไมแกชอบเล่นอะไรแผลง ๆ คิดแผลง ๆ เฉียดนรกแบบนี้

ผมเคยบอกคุณแล้วว่า  พระยายมราชเป็นเพื่อนผม  เจ้าแม่กวนอิม และพระศรีอริยะเมตตรัย ต่างก็บอกว่า  ผมเป็นพระโพธิสัตว์อยู่สวรรค์ชั้นดุสิต
หน้า:  1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 16
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.555 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 31 สิงหาคม 2566 17:40:46