[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 14:54:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 2 3 [4] 5 6 ... 45
61  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ เมื่อ: 29 ธันวาคม 2553 08:55:44
62  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ตลาดสด / 7 วิธีใช้เงินอย่างฉลาด เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:43:46
7 วิธีใช้เงินอย่างฉลาด (Momypedia)

โดย Piper

เศรษฐกิจฝืดเคืองการรู้จักใช้เงินจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ช่วงนี้ถึงน้ำมันจะราคาลดลงมาบ้าง แต่ของกินของใช้กลับขึ้นราคาสวนทางกัน การประหยัดและรู้จักใช้เงินจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

1. การวางแผนระยะยาว ในอีก 10 ปีข้างหน้า ด้วยการสำรวจการใช้เงินของตัวเอง จัดสัดส่วนการใช้เงินให้อยู่ในขอบเขตที่วางไว้ หากยังไม่ได้ ก็ให้ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง

2. จัดงบดุลค่าใช้จ่ายส่วนตัว ด้วยการนำรายรับทั้งหมดมารวมกัน และทำรายรับรายจ่ายเป็น รายวัน รายเดือน แล้วมาดูว่าการใช้จ่ายของเราเป็นบวกหรือติดลบ

3. ออมแบบลบสิบบวกสิบ เป็นวิธีการออมที่นิยมใช้กันมาก ด้วยการหักเงินรายรับ 10% มาเป็นเงินออม หรือ หากใครที่ชอบซื้อของก็นิยมใช้แบบบวกสิบ คือเพิ่มเงิน 10% ของราคาของเพื่อใช้เป็นเงินออมแทน

4. แผนการเงินเพื่อซื้อรถ ไม่ควรผ่อนเกิน 15% ของรายได้ครอบครัว ควรเลือกรถที่คุ้มค่ากับการใช้งาน และดูที่ดอกเบี้ยต่ำ โดยศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ

5. แผนการเงินเพื่อซื้อบ้าน ราคาบ้านที่ซื้อไม่ควรเกิน 30 เท่าของรายได้ต่อเดือนของครอบครัว และค่าผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 25-30% ของรายได้ต่อเดือน

6. แผนการใช้เงินเพื่อลูกน้อย รู้จักวางแผนล่วงหน้าก่อนการมีลูก ว่าค่าใช้จ่ายในการคลอดต้องใช้เงินเท่าไร และรายเดือนประมาณเท่าไร แล้วมาดูว่าคุณสามารถออมรายเดือนได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายเมื่อยามมีลูก

7. การออมเพื่อการลงทุน แต่ก่อนที่คุณจะลงทุน คุณต้องมั่นใจแล้วว่าได้กันเงินไว้ในส่วนของค่าใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน และเงินสร้างหลักประกันชีวิตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเภทของการลงทุนก็มีมากมาย เช่น กองทุนรวม หุ้น เงินฝาก ซึ่งผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียด



Momypedia | โลกของผู้หญิง | Yourself | Relationship | House & Home | Finance | Working mom | Life up-date | Single mom


63  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:34:00
“วาซาบิสด” รสชาติญี่ปุ่น สรรพคุณล้นเหลือ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    16 ธันวาคม 2553 14:50 น.



       “วาซาบิ” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการกินอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะอาหารพวกซูชิ หรือปลาดิบทั้งหลาย และที่ “108 เคล็ดกิน” จะพูดถึงในวันนี้ก็คือ “วาซาบิสด” ที่ทำมาจากโคนลำต้นของต้น Canola แล้วนำมาฝนด้วยแผ่นหนังปลาฉลาม ก็จะได้วาซาบิสดที่กินคู่กับอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด
       
       รสเผ็ดของวาซาบิจะแตกต่างกับความเผ็ดของพริก คือจะมีรสเผ็ดขึ้นจมูกอยู่เพียงชั่วครู่ วาซาบิจะระเหยได้ง่ายโดยเฉพาะหากโดนน้ำและความร้อน และแนะนำว่า หากจะกินวาซาบิคู่กับโชยุ อย่านำทั้งสองอย่างลงไปผสมกัน เพราะวาซาบิจะละลายไปกับโชยุได้ง่าย ซึ่งจะทำให้รสชาติที่แท้จริงของวาซาบิผิดเพี้ยนไป
       
       ส่วนสรรพคุณของวาซาบินั้น นอกจากจะช่วยชูรสชาติอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้นแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมาย อาทิ
       
       - ใช้ยับยั้งเชื้อโรคและเชื้อรา วาซาบิมีสรรพคุณลดการแพร่พันธุ์ของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ
       
       - ใช้ยับยั้งพยาธิ มีผลหยุดการเกิดพยาธิที่อาศัยอยู่ในสัตว์ทะเล
       
       - ใช้ยับยั้งมะเร็งกระเพาะอาหาร หยุดการเจริญเติบโตและการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหาร
       
       - ใช้ป้องกันเส้นเลือดตีบ ป้องกันเลือดแข็งตัวเป็นก้อน
       
       นอกจากนี้ ยังใช้กระตุ้นการดูดซับในระบบย่อยอาหาร ป้องกันการท้องเสีย ทำให้กระดูกแข็งแรง รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์ที่เริ่มผิดปกติ
       
       สรรพคุณยาวเป็นหางว่าวแบบนี้ เห็นที “108 เคล็ดกิน” คงต้องรีบไปเสาะหา “วาซาบิสด” มากินเสียแล้ว

.



.
64  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:33:09
สุขภาพดีไม่มีขาย…มากินตะไคร้ ต้านหวัดกันเถอะ

คมชัดลึก :ใน ช่วงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย คงจะทำให้หลายคนเกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัดกันได้ง่ายๆ เราจึงต้องดูแลสุขภาพกันให้มากๆ โดยเริ่มต้นจากอาหารที่เรากิน ซึ่งอาหารและสมุนไพรไทยมีหลายชนิดที่มีสรรพคุณต้านหวัด หรือบรรเทาอาการของโรคหวัดได้ หนึ่งในนั้นก็คือ "ตะไคร้"

สรรพคุณใน การรักษาโรค ต่างๆ ของตะไคร้มาจากน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดที่มีอยู่ในใบและลำต้น ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่คนไทยและอีกหลายประเทศใช้บรรเทาอาการหวัดมานานแล้ว โดยสามารถช่วยลดไข้ แก้ปวดหัว เพิ่มภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอบอุ่น และที่สำคัญคือช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี

 สำหรับบางคนที่อาจจะไม่ ชอบรับประทานตะไคร้สด การนำตะไคร้มาทำเป็นเครื่องดื่มก็จะทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้น วิธีการทำก็ไม่ยาก เพียงนำใบตะไคร้และต้นตะไคร้สดทุบพอละเอียดแล้วมาต้มกับน้ำให้เดือดสักครู่ พักไว้ให้พออุ่นๆ แล้วนำมาดื่มหลังอาหารหรือดื่มเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวันก็จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หายใจโล่ง ถ้าใครไม่ชอบดื่มจืดๆ ก็อาจจะเติมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมลงไปเพิ่มความหวานเล็กน้อย หรือลองนำตะไคร้มาต้มกับใบเตยสดหรือขิงสดก็จะได้รสชาติและกลิ่นหอมไปอีกแบบ แถมยังช่วยต้านหวัดได้อีกด้วย

 หากใครมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ลองนำตะไคร้มาต้มรวมกับหอมแดงและใบมะขามจนเดือดนานพอควร แล้วคอยสูดไอน้ำที่ลอยขึ้นมา ทำวันละหลายๆ ครั้ง จะช่วยลดน้ำมูกและทำให้หายใจโล่งขึ้น ไม่คัดจมูก สูตรนี้ใช้กันมาแต่โบราณทีเดียว

 ตะไคร้ยังมีสรรพคุณเป็นยาขับลม เพราะน้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์กระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว จึงช่วยลดการแน่น จุกเสียด แก้ท้องอืด ช่วยเจริญอาหาร บำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี ลดความดันโลหิตสูง ขับเหงื่อและช่วยรักษาโรคหืด นอกจากนี้น้ำมันตะไคร้ยังนำมาทาแก้ปวดเมื่อยได้ผลอย่าบอกใคร

 ด้วย กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติเฉพาะตัวของตะไคร้ คนไทยจึงนิยมนำมาช่วยชูรสและเป็นเครื่องปรุงสำคัญของอาหารหลากหลายชนิด รวมถึงการนำมายัดไส้หรือผสมในอาหารประเภทเนื้อสัตว์เพื่อช่วยดับคาวและทำให้ อาหารมีกลิ่นหอม เรียกว่าได้ทั้งความอร่อยและคุณค่าจากตะไคร้ในคราวเดียว

 สำหรับ คนที่ไม่สะดวกจะนำตะไคร้สดมาปรุงอาหารหรือทำเป็นเครื่องดื่มรับ ประทานเอง ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ตะไคร้แปรรูปหลายชนิด ให้ได้เลือกซื้อง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเครื่องดื่มตะไคร้ผงสำเร็จรูปที่มาในรูปแบบต่างๆ กันไป เช่น ชาตะไคร้ ตะไคร้ผงสำหรับชง หรือเครื่องดื่มตะไคร้ผสมสมุนไพร เป็นต้น ซึ่งเหมาะกับคนที่รักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง

 อย่างไรก็ตามการซื้อ เครื่องดื่มตะไคร้สำเร็จรูป เราต้องพิจารณาถึงส่วนประกอบของเครื่องดื่มให้ถ้วนถี่ โดยควรสังเกตและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติแท้ๆ เพื่อให้ได้คุณค่าจากตะไคร้อย่างเต็มที่  เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่แต่งสีแต่งกลิ่น ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลให้รสหวานมากเกินไป เพื่อสุขภาพอนามัยของผู้รับประทานในครอบครัว เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถรับมือกับสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวเป็นหวัดอีกต่อไป

ที่มา คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/detail/20101203/81514/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E2%80%A6%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%B0.html

.

65  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:32:44
กิน “ผักบุ้ง” บำรุงสายตา
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ธันวาคม 2553 14:28 น.
 

หลายๆ คนคงเคยได้ยินกันมาบ้างว่ากิน “ผักบุ้ง” แล้วทำให้ตาหวาน ตาสวยได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย เพราะว่าผักบุ้งมีสารที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นวิตามิน A ที่เรียกว่า เบต้า-แคโรทีนเยอะมาก แล้ววิตามิน A นี้เองเป็นสารที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงให้ตาเป็นประกาย ไม่แสบ ไม่แห้ง แล้วยังมีสรรพคุณแก้ตาฟางหรือตาบอดกลางคืนได้ ช่วยให้หายแสบตาจากอาการตาแห้ง และลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตาเยอะ ๆ และอยากจะบอกอีกว่าผักบุ้งไมได้มีแต่วิตามิน A เท่านั้น ยังมีวิตามิน C ด้วย แต่ถ้าอยากได้วิตามิน C จากผักบุ้ง ก็ต้องกินผักบุ้งดิบ ทั้งวิตามิน A และวิตามิน C รวมถึงเบต้า-แคโรทีน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วย
       
       นอกจากนี้ในผักบุ้งยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด อีกทั้งแคลเซียม และฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูก รวมถึงมีเส้นใยอาหารช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย และในผักบุ้งมีสารชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลินที่สามารถลดน้ำตาลใน กระแสเลือดสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน และผักบุ้งเป็นผักที่มีฤทธิ์เย็นจึงช่วยบรรเทาอาการร้อนในได้ และประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของผักบุ้งที่ไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือ ผักบุ้งเป็นหนึ่งในตำรายาไทย คือถือเป็นยาเย็นแก้ถอนพิษเมื่อเมาอีกด้วย

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000163231
66  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:32:19
น้ำมะเขือเทศ ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         นัก วิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษเผยสรรพคุณสุดมหัศจรรย์ของน้ำมะเขือเทศ ว่าเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุนได้

         โดยในมะเขือเทศนั้น มี ไลโคพีน และสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย

         ซึ่ง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ได้ทำการวิจัยและพบว่า ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศอังกฤษ จึงได้ทำการทดสอบกับผู้หญิงวัยทอง (50-60 ปี) จำนวน 60 คนทั่วประเทศ โดยให้พวกเธองดกินมะเขือเทศเป็นเวลา 1 เดือน และจากการวิจัยดังกล่าว ให้ผลออกมาว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้กินมะเขือเทศเลย จะมีระดับ N-telopeptide ในเลือดสูงขึ้น โดย N-telopeptide นี้จะทำให้กระดูกเปราะได้ง่าย

         จากนั้น ทีมวิจัยได้ให้ผู้หญิงกลุ่มเดิมรับประทานมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคพีน 15 มิลลิกรัม ทั้งในรูปแบบแคปซูล และรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งผลก็พบว่ามะเขือเทศสามารถลดระดับ N-telopeptide ในเลือดให้ลดลงได้

         จากการวิจัยดังกล่าว นักวิจัยจึงสรุปได้ว่า มะเขือเทศนั้นมีคุณประโยชน์ต่อกระดูกมากมาย ดังนั้น การรับประทานมะเขือเทศสกัดในรูปแคปซูล หรือจะเป็นน้ำมะเขือเทศคั้นสดวันละ 2 แก้ว ก็สามารถเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น และยังลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย

http://health.kapook.com/view19008.html

.
67  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:31:51
กระเจี๊ยบแดง-พุทราจีน ลดไขมันในเลือด




‘มุม สุขภาพ-กินดี’ ส่งท้ายวันทำงานก่อนไปหยุดพักผ่อน ด้วยเมนูเครื่องดื่มสุขภาพ ‘น้ำกระเจี๊ยบแดงและพุทราจีน’ ที่ช่วยลดไขมันในเลือด หินปูนในหลอดเลือด และบำรุงเยื่อหุ้มหัวใจ เผื่อผู้อ่านรักษ์สุขภาพจะได้นำไปลองปรุงดื่มกันดู

สำหรับ สรรพคุณของกระเจี๊ยบแดงนั้น ช่วยลดไขมันในหลอดเลือด ลดความดันเลือด ลดความข้นในกรณีที่เลือดหนืด ป้องกันเส้นเลือดเสื่อมสภาพ ช่วยให้ตับหลั่งน้ำดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ และลดน้ำหนัก ส่วนพุทราจีน มีประโยชน์ช่วยบำรุงเลือด ลดโอกาสเสี่ยงผนังเส้นเลือดแข็งตัว ป้องกันหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบตัน

ขั้น ตอนในการทำง่ายแสนง่าย เพียง เตรียมกระเจี๊ยบแดง พุทราจีน ในสัดส่วนที่เท่ากัน จากนั้นนำไปต้มกับน้ำสะอาดในปริมาณที่พอเหมาะ เติมน้ำตาลทรายแดงลงไปเล็กน้อย เมื่อน้ำตาลทรายแดงละลายก็เป็นอันเสร็จ สามารถเติมน้ำแข็งเพื่อเพิ่มความสดชื่นและดื่มได้ทันที หรือแช่ตู้เย็นเก็บไว้ดื่มได้.

takecareDD@gmail.com

http://www.dailynews.co.th/newstartp...ntentId=106394

.
68  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:31:24
มะพร้าว : พฤกษาแห่งชีวิต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 พฤศจิกายน 2553 12:01 น.



นัก โภชนาการยังได้พบอีกว่า เนื้อมะพร้าวมีคาร์โบไฮเดรท โปรตีน ไขมัน ไยอาหาร แคลเซียม โปแตสเซียม เหล็ก วิตามิน A. B1, B2 และ C (Robert Wetzlmayr)



สำหรับคนไทยก็เชื่อว่า มะพร้าวเป็นไม้มงคล จึงนิยมปลูกทางทิศตะวันออกของบ้าน เพราะคิดว่าจะทำให้เจ้าของบ้านอยู่เย็นเป็นสุข



คน ไทยเรียกมะพร้าวหลายชื่อเช่น หมากอุ๋น หมากอูน โพล หรือถุง แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว มะพร้าวมีชื่อว่า Cocos nucifera ในวงศ์ Palmae เพราะมาจากคำ cocos ซึ่งเป็นคำในภาษาโปรตุเกส
       
       นักประวัติศาสตร์ได้พบหลักฐานที่แสดงว่า มะพร้าวมีถิ่นกำเนิดในอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และ Marianas เมื่อ Marco Polo เดินทางเยือนจีนในคริสต์ศตวรรษที่ 9 เขาได้บันทึกการเห็นมะพร้าวว่ามีลำต้นประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ครั้นเมื่อชาวสเปนได้เห็นมะพร้าวที่ชาวโปรตุเกสนำมาจากเอเชีย จึงได้นำมะพร้าวไปปลูกใน West Africa และอเมริกาใต้ จากนั้นมะพร้าวก็ได้แพร่พันธุ์ไปทั่วโลก
       
       ตามปรกติมะพร้าวชอบขึ้นในแถบร้อน โดยเฉพาะในบริเวณชายทะเลที่มีดินร่วนปนทราย และในที่ ๆ มีฝนตกน้อยกว่า 60 เซนติเมตร/ปี นักชีววิทยาบางคนไม่คิดว่ามะพร้าว คือ ต้นไม้ เพราะลำต้นไม่มีกิ่ง และไม่มีเปลือกเหมือนต้นไม้ทั่วไป แต่เป็นทรงกระบอกที่มีขนาดค่อนข้างสม่ำเสมอ และไม่มีวงปี นอกจากนี้ ลำต้นก็ไม่มีตาสำหรับให้ใบแตกแขนง คือ ใบจะแตกที่ยอด ซึ่งจะเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมะพร้าวไม่มีวงปี ดังนั้น เวลานักพฤกษศาสตร์ต้องการรู้อายุของต้นมะพร้าว เขาจะใช้วิธีนับรอยแผลที่เกิดจากการหลุดร่วงของใบ ทั้งนี้เพราะมะพร้าวจะผลัดใบราว 12-14 ใบในแต่ละปี ดังนั้นในปีหนึ่ง ๆ รอยแผลที่ลำต้นจะมีตั้งแต่ 12-14 แผล
       
       ใบมะพร้าวเป็นใบประกอบ แบบขนานโดยแตกเป็นคู่ ๆ ใบมีขนาดใหญ่และยาว ตั้งแต่ 4.5-6.0 เมตร ใบอ่อนเกิดที่ใจกลางของยอดและมีลักษณะเรียวยาวคล้ายดาบ ใบที่ยังอ่อนจะมีกาบใบหุ้ม แต่เมื่อใบมีอายุมากขึ้น ใบอ่อนจะแผ่ขยายกว้าง และเอนออกจากลำต้น ดอกมะพร้าวมีกลีบดอก 6 กลีบ ดอกมีสีครีม หรือเหลืองนวล ดอกมี 3 ประเภทคือ ดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย และดอกกะเทย ซึ่งมักอยู่แยกกัน ถึงจะอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกออกเป็นช่อ และเป็นส่วนที่ชาวสวนเรียกว่า จั่น ซึ่งเมื่อโตเต็มที่จั่นจะยาวตั้งแต่ 0.75-2.00 เมตร โดยทั่วไปดอกมะพร้าวจะเริ่มบานจากปลายมาโคนจั่น ดอกตัวเมียมีขนาดตั้งแต่ 1-3 เซนติเมตร ส่วนดอกกะเทยจะใหญ่ประมาณ 10-55% ของดอกตัวเมีย มะพร้าวต้นหนึ่งมีดอกตัวผู้ตั้งแต่ 200-300ดอก
       
       ผลมะพร้าวทุกผลมีเปลือกหุ้ม โดยชั้นนอกเป็นใยเหนียวแข็ง มีสีเขียว แดง เหลือง หรือน้ำตาล ชั้นกลางเป็นเส้นใยที่หนาพอประมาณ ส่วนชั้นในหรือที่เรียกว่า กะลานั้นแข็งมาก สำหรับเมล็ดมะพร้าวนั้นก็คือ เนื้อมะพร้าวรูปแบบหนึ่ง ขณะผลยังอ่อนอยู่ ภายในเมล็ดจะมีน้ำมะพร้าวเต็ม แต่เมื่อผลแก่ น้ำมะพร้าวส่วนหนึ่งจะแห้งไป
       
       ประเทศไทยมีสวนมะพร้าวประมาณ 2.5 ล้านไร่ ในพื้นที่ภาคกลาง และใต้ หรือตามบริเวณชายทะเล เพราะต้นมะพร้าวขึ้นได้ดีในแถบร้อน และตามที่สูงตั้งแต่ที่ระดับน้ำทะเลจนถึง 900 เมตร หรือตามชายฝั่งที่มีการระบายน้ำดี และมีน้ำใต้ดินผ่าน ส่วนบริเวณที่มีฝนตกมากกว่า 100 เซนติเมตร/ปี และมีอุณหภูมิตั้งแต่ 20-34 องศาเซลเซียสนั้นเป็นพื้นที่ ๆ เหมาะสำหรับการปลูก เพราะไม่ร้อนจัดและไม่เย็นจัด นอกจากนี้ ชาวสวนยังพบอีกว่า มะพร้าวต้องการแดดมาก ดังนั้นต้นที่ปลูกในที่ร่มจะเติบโตช้า กว่าต้นที่ถูกแดดตลอดเวลาส่วนลมที่พัดในสวนก็สมควรเป็นลมอ่อน ๆ เพราะถ้าลมพัดแรงต้นมะพร้าวอาจล้ม
       โรคที่มะพร้าวเป็นคือโรคยอดเน่า ส่วนศัตรู คือ ด้วงมะพร้าว ซึ่งชาวสวนสามารถกำจัดได้โดยใช้ยากำจัดแมลง
       
       ในการคัดเลือกพันธุ์มาปลูกตามปรกติชาวสวนจะใช้ผลที่มีหน่อแก่จัดและโคนหน่อมีขนาดใหญ่ และมี
       ลำต้นอวบ ผลมะพร้าวที่มีขนาดเล็ก และมีน้ำน้อยจะไม่ถูกเลือกมาเพาะ อนึ่งเวลาจะเพาะมะพร้าวชาวสวนจะเลือกสถานที่ใกล้น้ำ และดินเป็นดินทราย ในตอนต้นฤดูฝน ชาวสวนจะนำหน่อที่ต้องการปลูกใส่ในหลุม แล้วกลบดินให้เสมอผิว และรดน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง พร้อมกับทำความสะอาดหลุมปลูก ไม่ให้มีหญ้ารกรุงรัง สำหรับแบบแผนปลูกนั้น ชาวสวนนิยมปลูกแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยให้มีระยะห่างระหว่างต้นเท่า ๆ กัน คือห่างตั้งตา 9-12 เมตร
       
       วิถีชีวิตของมะพร้าว มีรูปแบบในทำนองเดียวกับคน คือ จะออกผลเต็มที่เมื่ออายุ 12-13 ปี และให้ผลจนอายุ 60 ปี จากนั้นก็หยุดและตายเมื่ออายุตั้งแต่ 80-90 ปี โดยต้นที่ได้ปุ๋ยดีจะให้ผลตั้งแต่ 70-120 ลูก/ปี อนึ่งเวลาเก็บผลชาวสวนมักคอยจนผลตกจากต้น
       
       ในบทบาทที่เป็นอาหารนั้น ชาวสวนพบว่าเวลาเอามีดตัดปลายจั่นมะพร้าว แล้วนำไปนวดจะมีน้ำหวานไหลออกมา ซึ่งน้ำหวานนี้สามารถนำไปทำน้ำตาล ดื่ม หรือทำเหล้าได้ น้ำมะพร้าวสามารถใช้รับประทานสดได้ส่วนเนื้อมะพร้าวสดใช้ปรุงอาหาร ทำขนม หรือน้ำมัน สำหรับกากมะพร้าวใช้เป็นอาหารสัตว์ และยอดอ่อนใช้เป็นอาหาร
       
       นักโภชนาการยังได้พบอีกว่า เนื้อมะพร้าวมีคาร์โบไฮเดรท โปรตีน ไขมัน ไยอาหาร แคลเซียม โปแตสเซียม เหล็ก วิตามิน A. B1, B2 และ C สำหรับบทบาทที่เป็นยา แพทย์ชาวบ้านก็ได้พบว่า เปลือกต้นมะพร้าวเมื่อนำมาเคี้ยว สามารถใช้เป็นยาแก้ปวดฟันได้ ส่วนเถ้าที่เกิดจากการเผาลำต้น ก็สามารถนำมาทำยาสีฟันได้ ดอกมะพร้าวใช้เคี้ยวแก้เจ็บปาก เจ็บคอ ท้องเสีย ร้อนใน กระหายน้ำ ขับเสมหะ และบำรุงโลหิต เนื้อมะพร้าวมี glycerine ที่ทำหน้าที่บำรุงกำลัง ขับปัสสาวะ เป็นอาหารคาว หวาน ใช้ทำกะทิ ทำสบู่ น้ำมะพร้าวใช้แก้ท้องเสีย ขับปัสสาวะ แก้พิษ น้ำมันมะพร้าวใช้ยาบำรุงกำลัง ทำไขมัน ทำเนยเทียม แก้ปวดกระดูก ถ่านกะลาใช้ดูดควันพิษ รากมีรสฟาก แก้ท้องเสีย ทำน้ำอมปาก แก้เจ็บคอ ใบใช้มุงหลังคา จักสาน ห่อขนม ก้านใบใช้ทำไม้กวาด หมวก กระเป๋าถือ ตะกร้า ไม้จิ้มฟัน ทำไซดักปลา ไม้กลัด ทำของเล่นเด็ก กะลาใช้ทำจาน แก้วน้ำ ซ้อน มีด ที่เขี่ยบุหรี่ ของที่ระลึก ทำกระดุมและหัวเข็มขัด ลำต้นแก่ใช้ประดิษฐ์เป็นเครื่องเรือน เป็นวัสดุก่อสร้าง ที่อาศัย เก้าอี้ เตียง ฟูก เปลือกมะพร้าวใช้สกัดเป็นใย ใชทำเชือก พรม วัสดุยัดเบาะ ในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 แพทย์ทหารใช้น้ำมัดมะพร้าว ต่างสารละลาย glucose เพื่อฉีดเข้าเส้นเลือดของทหาร
       คุณประโยชน์ที่มหาศาลเช่นนี้ ได้ทำให้ชาวฟิลิปปินส์ชื่นชมและยกว่า มะพร้าวว่าเป็นพฤกษาแห่งชีวิต
       
       สำหรับคนไทยก็เชื่อว่า มะพร้าวเป็นไม้มงคล จึงนิยมปลูกทางทิศตะวันออกของบ้าน เพราะคิดว่าจะทำให้เจ้าของบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ในพิธีเทศกาลชาวบ้านมักใช้ใบตกแต่งซุ้ม แห่ขันหมาก คนภาคใต้นิยมให้หญิงมีครรภ์ดื่มน้ำมะพร้าว เพราะเชื่อว่าสามารถทำให้ประจำเดือนหยุดก่อนวัยอันควร แต่คนภาคกลางนิยมให้สตรีมีครรภ์ดื่มเพราะเชื่อว่า จะทำให้ผิวทารกที่คลอดใหม่สดใส และคนที่เป็นแม่จะคลอดลูกได้สะดวก นอกจากนี้ คนบางคนยังเชื่ออีกว่า น้ำมะพร้าวที่สะอาด จะสามารถใช้อาบศพได้ด้วย
       
       ในบทบาทที่เกี่ยวกับความงามโดยทั่วไป ที่หาดเวลาลมพัดเบา ๆ ใบมะพร้าวจะโบกไปมา และส่งเสียงเบา ๆ ลำต้นที่ตั้งตรงทำให้ดูเสมือนต้นมะพร้าวกำลังเต้นบัลเลท์ หรือเวลาพระอาทิตย์ตกดินในบรรดาหาดทรายขาวซึ่งมีน้ำทะเลสีน้ำเงิน คงไม่มีหาดใดที่สวยงามเท่าหาดที่มีทิวมะพร้าวขึ้นเรียงรายตามชายหาดเป็นแน่
       
       ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมานี้ มะพร้าวจึงสมควรที่ได้ชื่อว่า เป็นต้นไม้แห่งชาติฟิลิปปินส์ เพราะในชาติทุกคนผูกพันกับมะพร้าวมาก และใครก็ตามที่นับดาวได้ทั่วฟ้า เขาก็จะรู้ประโยชน์ของมะพร้าวได้มากเท่านั้น
       
       ในวารสาร Current Biology ฉบับที่ 19 หน้า R1069 ปี 2010 Julian Finn แห่ง Museum Victoria ที่ Melbourne ใน Australia ได้รายงานว่า ปลาหมึก Amphioctopus marginatus ที่มีหนวดขนาด 8 เส้น รู้จักใช้กะลามะพร้าวเป็นเกราะกำบังตัว นี่เป็นหลักฐานชิ้นแรกของโลก ที่แสดงว่า สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังก็รู้จักใช้อุปกรณ์ เพราะนักชีววิทยาคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่รู้จักใช้อุปกรณ์เป็นสัตว์ฉลาด เช่น มนุษย์ ลิง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และนก ต่างก็รู้จักใช้อุปกรณ์เช่นกัน ดังนั้นตามคำจำกัดความนี้ ปลาหมึก ที่ใช้กะลามะพร้าวปกป้อง และเป็นที่อยู่โดยการแฝงตัวในกะลาครึ่งซีกจึงเป็นสัตว์ฉลาด เพราะเวลาศัตรูเข้ามาใกล้ ปลาหมึกจะพลิกตัวเข้าไปในกะลาให้หุ้มเพื่อปกป้องตัวมันและเมื่อศัตรูเดินไป ไกลแล้ว มันก็จะทิ้งกะลาไปเพื่อจะได้ใช้ในกะลานั้นให้หุ้มปกป้องมันโอกาสต่อไป
       
       ณ วันนี้ น้ำมะพร้าวกำลังเป็นที่นิยมดื่มในอเมริกามาก หลังจากที่ดาราดังเช่น Madonna, Matthew McConaughey และ Demi Moore ได้ออกมาสนับสนุน ว่า น้ำมะพร้าวที่บรรจุในกล่องกระดาษของบริษัท Vita Coco เป็นน้ำดื่มสุขภาพที่ควรได้รับความนิยม เพราะมีแคลอรีน้อยและมีสารอาหารเช่นโปแตสเซียม มากกว่ากล้วย อีกทั้งมีน้ำตาลน้อยกว่า น้ำอัดลมทั่วไป ดังนั้น จึงสามารถใช้ดื่มสำหรับคนที่เป็นโรคอ้วนได้
       
       สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.

.


http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000156291

.

69  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:30:52
กิน"ขิง" สู้หนาว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    4 พฤศจิกายน 2553 17:14 น.



น้ำท่วมยังไม่คลาย ลมหนาวก็ย่างกรายมาเยือน ชนิดที่ทำท่าว่าปีนี้จะหนาวเอาเรื่อง เพราะน้ำเยอะ อากาศโลกเปลี่ยน
       
       เมื่อลมหนาวพัดมา หลายคนมักจะเกิดอาการคั่นเนื้อคั่นตัวเป็นหวัดเอาได้ง่ายๆ นั่นจึงทำให้คนโบราณเขาเลือกการกินอย่าง“ขิง” เป็นหนึ่งในวิธีสู้หนาว เพราะขิงเป็นสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์อุ่น รสร้อน
       
       โดยในขิงจะมีน้ำมันหอมระเหย ประกอบด้วย Gingerol และ Shogaol ที่จะช่วยขับเหงื่อและทำให้ร่างกายอบอุ่น ทั้งยังช่วยบรรเทาพิษไข้ เวลาหนาวๆ หากใครได้น้ำขิงร้อนๆมาจิบสักแก้วก็จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้มาก ทั้งยังช่วยลดอาการไอและระคายคอจากการมีเสมหะได้ด้วย
       
       นอกจากนี้ ขิงยังมีสรรพคุณช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำให้เลือดไหลเวียนดี ลดความดัน และลดคอเลสเตอรอลได้ และจากนั้นการศึกษาวิจัยยังพบว่า ขิงมีสรรพคุณในการช่วยรักษาและบำบัดโรคข้ออักเสบอีกด้วย เพราะขิงมีฤทธิ์แก้ปวดและต้านการอักเสบได้
       
       และนี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีสู้หนาวด้วยการกินสมุนไพรใกล้ตัว ซึ่งสำหรับหนาวนี้ใครจะลองนำไปปฏิบัติก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากยากเย็นแต่ อย่างใด ส่วนใครที่หนาวนี้ไม่เพียงแต่หนาวกาย หากแต่มีอาการหนาวใจตามไปด้วย งานนี้ “108 เคล็ดกิน” ขอบอกว่าคงต้องตัวใครตัวมัน เพราะช่วยกันไม่ได้จริงๆ

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000155911
70  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:30:12
"พริก" อุดมด้วยประโยชน์






คม ชัดลึก :คน ไทยกับรสแซบนะคู่กันคู่กัน โดยเฉพาะรสเผ้ดของพริกถ้าไม่จัดจ้านถึงใจไม่มีที่จะอร่อยเด็ด(ยกเว้นคนไม่ กินเผ็ด) แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากความเผ็ดแล้ว เจ้าพริกเม็ดเล็กๆ ยังอุดมด้วยประโยชน์มากมายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง!!! และในโอกาสที่เบอร์เกอร์ คิง เปิดตัวเบอร์เกอร์ คิง แองกรี้ วอปเปอร์ ที่นำพริกชี้ฟ้ามาเป็นส่วนสำคัญ พร้อมยังเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เรื่องพริก



 นาวา อากาศโทแพทย์หญิง อรวรรณ กิจเชวงกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแบบองค์รวมและความงาม เผยว่า คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนของพริกมานานแล้ว ซึ่งพริกถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารไทยให้จัดจ้าน และทำให้เจริญอาหาร นอกจากนี้ในพริกยังมีส่วนประกอบของสารแคปไซซินในปริมาณสูง สารตัวนี้มีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวด ช่วยระบบย่อยอาหารและพริกยังสามารถสร้างสารเคลือบกระเพาะทำให้กรดกัดกระเพาะ ได้น้อยกว่าคนที่ไม่กินพริก รสเผ็ดร้อนในพริกยัง ช่วยบำรุงธาตุไฟ เพิ่มการเผาผลาญ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย จะสังเกตได้ว่าเมื่อทานเข้าไปร่างกายจะอบอุ่นขึ้น และยังช่วยขับเหงื่อ บรรเทาอาการหวัด ลดน้ำมูก ช่วยให้หลอดลมขยายตัวและช่วยในระบบการไหลเวียนของเลือด

 "ปัจจุบัน พริกไม่ เพียงมีประโยชน์ทางด้านโภชนาการเท่านั้น แต่ในด้านการแพทย์ผิวหนังและด้านความสวยความงามยังสกัดสารแคปไซซินออกมาใน รูปแบบของครีม เจลเพื่อใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดที่ผิวหนัง อาทิ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก งูสวัด ฯลฯ และใช้ในการนวดสลายไขมัน ลดเซลลูไลท์ ทั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยขยายเส้นเลือดบริเวณนั้น เมื่อใช้ร่วมกับตัวยาสลายไขมันอื่นๆ ด้วย

 นอกจากนี้ในแพทย์แผนจีน ยังใช้ประโยชน์จากพริกเพื่อบำรุงพลังหยาง ในช่วงที่ผู้ป่วยเป็นหวัดหรือโดนความเย็นมากระทบ โดยให้ทานอาหารรสเผ็ดร้อน อาทิ พริก พริกไทย จะช่วยบรรเทาอาการหวัด  ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อจิตใจทำให้คึกคัก สดชื่น กระฉับกระเฉง เลือดลมสูบฉีด ร่างกายและจิตใจตื่นตัวมากขึ้น แต่สำหรับคนที่ธาตุไฟแกร่งควรทานพริกแต่น้อย เพราะอาจเกิดพลังหยางมากเกินไป ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นและเป็นแผลร้อนในปากได้” ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความรู้

.
http://www.komchadluek.net/detail/20101001/74888/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C.html

.
71  นั่งเล่นหลังสวน / เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว / Re: 108 เคล็ดกิน เมื่อ: 28 ธันวาคม 2553 21:29:28
ค้นพบ กะเพราศักดิ์สิทธิ์ พืชชนิดใหม่ของโลก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

คณะสำรวจพรรณไม้ค้นพบ พรรณพืชชนิดใหม่ 4 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ กะเพราศักดิ์สิทธิ์

          วันนี้ (30 สิงหาคม) มีการแถลงข่าวการค้นพบพรรณพืชชนิดใหม่ของโลก 4 ชนิด โดนนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะสำรวจพันธุ์พืช ของกรมอุทยานฯ ที่นำโดย ดร.สมราน สุดดี ผู้เชี่ยวชาญพรรณไม้วงศ์กะเพราของไทย ได้ค้นพบ พรรณไม้สกุลโมก 3 ชนิด คือ โมกการะเกตุ , โมกพะวอ , โมกนเรศวร และ กะเพรา 1 ชนิด ที่บริเวณเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว จ.หนองคาย

          โดย กะเพรา ที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ เป็นกะเพรา ชนิด Labiatae ซึ่งจะขึ้นอยู่ตามดินตื้น  ๆ บนภูเขาหินทรายตามป่าเต็งรัง ลักษณะเป็นดังนี้

           มีลำต้นเป็น สี่เหลี่ยม

           สูงประมาณ 50-60 เซ็นติเมตร

           กิ่งมีขนสั้น ๆ นุ่ม ๆ

           ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวมีขนสาก ๆ ด้านบน เรียงตรงสลับตั้งฉาก ยาว 0.4 – 1 เซ็นติเมตร

           กลิ่นไม่ฉุนเหมือนใบกะเพราทั่วไป

           ออกดอกผล ตอนช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม

           ยังไม่ทราบว่ารับประทานได้หรือไม่

          ซึ่งในขณะกำลังตีพิมพ์ประกาศเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ในวารสาร Thai Forest Bulletin ( Botany )เล่มที่ 38 ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ผ่านการตรวจค้นข้อมูลแล้ว ไม่พบว่ากะเพราชนิดใหม่ที่พบเจอนี้ ไปซ้ำหรือใกล้กับกะเพราของชาติอื่น จึงสามารถเรียกได้ว่า เป็นกะเพราะชนิดใหม่ของโลก ที่จัดเป็นพืชหายากและใกล้สูญพันธุ์

          ส่วนชื่อเรียกสำหรับกะเพราชนิดใหม่นี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ตั้งให้ว่า กะเพราศักดิ์สิทธิ์ (Platostoma tridechii Suddee ) เพื่อเป็นการระลึกถึง ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช อธิบดีกรมอุทยาน ที่เพิ่งเสียชีวิตไปจากการประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ จ.น่าน ที่ทำหน้าที่ในการปกป้องดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเต็มความ สามารถ จนกระทั่งจบชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่

          อย่างไรก็ตาม นายจตุพร อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ที่ตั้งชื่อว่า กะเพราศักดิ์สิทธิ์ นั้นเป็นเพราะคุณศักดิ์สิทธิ์ ท่านชอบกินกะเพรามาก อีกทั้งสถานที่ที่ค้นพบกะเพราชนิดนี้ก็คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เป็นบ้านเกิดของท่านศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก คมชัดลึก

http://hilight.kapook.com/view/51651

72  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ เมื่อ: 26 ธันวาคม 2553 14:22:42




วันนี้ตอนเช้า ผมได้ไปร่วมทำบุญกับทางทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธฯมา

ไปพบกับคุณnongnooo ,คุณPinkcivil และคุณMEA

หลังจากที่ทำบุญกับทางทุนนิธิฯแล้ว ผมกับคุณPinkcivil ได้ไปซื้อรังนก(ไม่มีน้ำตาล) ไปถวายหลวงปู่พระเทพกวีฯ

หลวงปู่พระเทพกวีฯ ท่านอาพาธอยู่ ผมเห็นท่าน แล้วก็นึกไปถึงเรื่องของสังขาร สังขารไม่เที่ยง มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย เป็นธรรมดา และ เมื่อสมัยก่อนตอนที่ท่านสุขภาพยังดี อยู่ที่วัดระฆัง ก็มีแต่คนไปหา ตอนท่านอาพาธ ผมไปกราบท่านครั้งไหน ไม่เคยเห็นมีใครมาเยี่ยมท่านเลย ชื่อเสียงเกียรติยศ มีได้ ก็ เสื่อมได้ เป็นธรรมดาจริงๆ



มาโมทนาบุญร่วมกัน



ต่อจากนั้น ผมเดินทางไปที่วัดเบญจมบพิตร ไปกราบพระพุทธชินราช , รัชกาลที่ 5 เดินภายในวัด รู้สึกว่าเป็นสุขใจดีจัง

.
73  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ เมื่อ: 24 ธันวาคม 2553 08:35:44
เรียน ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า และผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้าทุกๆท่าน

ผมได้ส่งรายละเอียดในการเลือกประธานชมรมฯ , รองประธานชมรมฯ ,เลขานุการชมรมฯ , 2 ผู้ช่วยเลขานุการชมรมฯ ให้ทุกท่านได้ทราบทาง Email เรียบร้อยแล้ว

ผมมาแจ้งบนบอร์ดอีกครั้ง

มีผู้ที่สมัครสมาชิกชมรมรวมทั้งหมด 19 ท่าน เป็นอดีตสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า 14 ท่าน เป็นผู้ที่สมัครใหม่ 5 ท่าน

ผู้ที่ได้รับเลือกจากสมาชิกเป็นประธานชมรมพระวังหน้า คือ พี่เปี๊ยก

รองประธานชมรมพระวังหน้า คือ คุณnongnooo

เลขานุการชมรมพระวังหน้า คือคุณsithiphong

ผู้ช่วยเลขานุการชมรมพระวังหน้า คือคุณpsombat

ผู้ช่วยเลขานุการชมรมพระวังหน้า คือคุณPinkcivil

สำหรับอดีตสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า หรือท่านใดที่ผมเคยส่ง Email ไปหาท่าน หากเปลี่ยนใจต้องการที่จะสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า หรือมีความต้องการที่จะสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า ให้ท่านแจ้งความประสงค์ของท่านผ่านทาง Email มาหาประธานชมรมฯ หรือ รองประธานชมรมฯ หรือเลขานุการชมรมฯ

ทางประธานชมรมฯ หรือ รองประธานชมรมฯ หรือเลขานุการชมรมฯ จะเปิดประชุมในการรับสมัครสมาชิกใหม่ และการลงมติในการรับสมาชิกใหม่ ต้องใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการ(ประธานชมรมฯ หรือ รองประธานชมรมฯ หรือเลขานุการชมรมฯ)

จึงเรียนมาให้ทุกๆท่านได้ทราบกันอีกครั้งครับ

ขอบคุณครับ
sithiphong
24/12/2553

http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-2164.html
74  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ เมื่อ: 23 ธันวาคม 2553 11:45:19
การถวายพระบูชาไปที่จังหวัดเลย และ จังหวัดสตูล

รายนามผู้ถวายพระบูชา

ถวายพระบูชา (สุโขทัย) หน้าตัก 9" 1 องค์ , พระทวาราวดี 2 องค์ (ให้พี่เปี๊ยกวันที่ 19 ธันวาคม 2553)

ถวายพระบูชา 3 สมัย (สุโขทัย , อู่ทอง , เชียงแสน) สร้างขึ้นทางนครศรีธรรมราช มีจารทั้งองค์ ทุกองค์ (ถวายพระอาจารย์ของคุณปฐม)

ผู้ถวาย
1.sithiphong2.ครอบครัว sithiphong
3.พี่เปี๊ยก
4.คุณtawatd
5.คุณปฐม
6.พี่ประทีป
7.คุณเทพารักษ์
8.คุณpinkcivil

มาร่วมโมทนาบุญร่วมกันครับ
http://board.palungjit.com/f179/พம.2445-2163.html
75  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / ชาวกาฬสินธุ์เจอ แบงก์ปลอม ระวังระบาดปีใหม่ เมื่อ: 19 ธันวาคม 2553 19:01:34
ชาวกาฬสินธุ์เจอ แบงก์ปลอม ระวังระบาดปีใหม่


ชาวกาฬสินธุ์เจอ แบงก์ปลอม ระวังระบาดปีใหม่(ไอเอ็นเอ็น)
 
          แม่ ค้าร้านชำเมืองกาฬสินธุ์ เจอดีแก๊งแบงก์ปลอม ฉวยโอกาสตอนเช้ามืด ใช้แบงก์ 20 ปลอม หลอกซื้อของ ด้านผู้การเมืองน้ำดำ เตือน ระมัดระวังการรับเงินช่วงเทศกาลปีใหม่

          นางสายใจ ถิตย์กุล อายุ 50 ปี เจ้าของร้านขายชำ บ้านสุขสวัสดิ์ ม.14 ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่กำลังขายสินค้าอย่างขมักเขม้น พร้อมกับการตรวจสอบธนบัตร หลังมีผู้นำธนบัตรปลอมมาใช้ซื้อของภายในร้าน โดยก็ไม่รู้ว่าเป็นธนบัตรปลอม นางสายใจ กล่าวว่า ได้นำเงินที่ขายของได้ภายในร้าน ไปซื้อของที่ตลาดสดเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จนกระทั่งแม่ค้าในตลาดสดสังเกตเห็นว่า เป็นธนบัตรปลอม พร้อมนำธนบัตรคืนให้ ตนจึงได้กลับมาตรวจสอบพบว่า มีธนบัตรปลอมฉบับละ 20 บาท อยู่ถึง 4 ฉบับ สำหรับ ธนบัตรปลอมที่ได้ น่าจะมีชาวชุมชนบ้านกุดอ้อมาซื้อของ โดยตนก็ไม่รู้ โดยสังเกตให้ดีที่ธนบัตรจะไม่มีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ และเนื้อของกระดาษ เมื่อถูกน้ำสีของธนบัตรจะลบเลือน

          ด้านพล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขอ เตือนประชาชนในจังหวัด ให้ตรวจสอบให้ดีก่อนรับเงิน อาจมีแบงก์ปลอมปะปนมากับเงินที่ใช้จ่ายในพื้นที่ก็ได้ และขณะนี้ทราบว่าตามชนบทมีผู้นำเงินไปใช้แล้ว และเวลารับธนบัตรมา ต้องดูให้ดี เนื่องจากขณะนี้แบงก์ปลอมกำลังระบาด อีกทั้งการทำปลอมเลียนแบบก็ทำได้ค่อนข้างเหมือน แต่หากใช้เครื่องตรวจเงินดู จะพบว่าเป็นแบงก์ปลอม เพราะฉะนั้นพ่อค้าแม่ค้าจะต้องระวังเป็นพิเศษ และอีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ช่วงนี้จะต้องระมัดระวังเช่นกัน เพราะแก๊งมิจฉาชีพจะนำเงินออกมาใช้จ่ายในช่วงนี้ โดยจะใช้แบงก์ปลอมซื้อสินค้า แล้วเอาเงินทอน ซึ่งเป็นเงินจริงไป

ที่มา ไอ.เอ็น.เอ็น.

http://hilight.kapook.com/view/54539
.


.
76  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / ภัยสังคม! จับคนมอมยา - รูดทรัพย์ผู้โดยสารรถทัวร์ เมื่อ: 18 ธันวาคม 2553 10:22:34
ภัยสังคม! จับคนมอมยา - รูดทรัพย์ผู้โดยสารรถทัวร์




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง3

          ในสังคมปัจจุบัน มีภัยร้ายใกล้ตัวมากมาย โดยมิจฉาชีพนั้นจะแฝงตัวมาหลอกลวงในหลายรูปแบบ โดยใช้วิธีการแตกต่างกันไป และวิธีหนึ่งที่หลายคนตกเป็นเหยื่อได้ง่าย และพบบ่อย ๆ  นั้นก็คือการมอมยา

          ล่าสุดเกิดเหตุมิจฉาชีพได้แฝงตัวในคราบเพื่อนร่วมทาง มอมยาผู้โดยสารรถทัวร์ ซึ่ง นายจิรวัฒน์ จีระวัฒนพิสิทธิ์ ผู้เสียหายรายล่าสุด เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากกรุงเทพฯ กำลังมุ่งหน้าไปยังจังหวัดอุดรธานี ใน ระหว่างทางนั้นชายข้าง ๆ ที่นั่งด้วยกัน พยายามตีสนิท จนตนตายใจ และเมื่อถึงสถานีจังหวัดนครราชสีมา ชายผู้นั้นได้ลงไปซื้อน้ำส้มแล้วผสมยานอนหลับและนำมาให้กิน หลังจากนั้นตนก็หลับ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ด้วยอาการมึนงง และพบว่าทรัพย์สินที่ติดตัวได้หายไป คือ สร้อยคอทองคำ 2 บาท พระเลี่ยมทอง 3 องค์ โทรศัพท์มือถือ เงินสดหนึ่งหมื่นบาท และบัตรเอทีเอ็มสองใบ โดยได้ตรวจสอบกับธนาคาร พบว่าเงินในธนาคารหายไป 150,000 บาท จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อจับกุมคนร้าย



          ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบไปยังธนาคารที่คนร้ายกดเงินออกไป พร้อมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายขโมย ไป จนสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้ ทราบชื่อ คือ นายเอกภูมิ จันทนะโพธิ อายุ 57 ปี โดยตำรวจได้บุกจับผู้ต้องหา ในบ้านเช่าแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดร้อยเอ็ด จากการตรวจค้นภายในห้องนอนของคนร้ายได้พบ ปืนพกสั้น ซึ่งเป็นปืนปลอม 3 กระบอก โทรศัพท์มือถือรวมถึงของผู้เสียหายด้วย 20 เครื่อง พระเครื่องประมาณ 100 องค์ สมุดบัญชี 2 เล่ม และกระเป๋ามีบัตรเอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย 2 ใบ ทองรูปพรรณน้ำหนักเส้นละ 2 บาท จำนวน 3 เส้น และยานอนหลับสีชมพูจำนวน 10 เม็ด

           ขณะที่ นายเอกภูมิ กล่าวยอมรับว่า ที่ต้องก่อเหตุเช่นนี้เพราะติดการพนันฟุตบอล ถูกทวงหนี้ ตนจึงก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งได้ทำลักษณะเช่นนี้มา 15 ครั้ง โดยเลือกเหยื่อที่เป็นชายสูงอายุ และชาวต่างชาติ และเลือกเหยื่อที่โดยสารในเวลากลางคืน วิธีการคือตนจะเข้าไปตีสนิทเหยื่อ หลังจากนั้นก็จะซื้อน้ำ เครื่องดื่มแล้วผสมยานอนหลับให้เหยื่อกิน โดยเรื่องยานอนหลับตนมีความรู้เป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นบุรุษพยาบาลมาก่อน ส่วนรหัสบัตรเอทีเอ็มของเหยื่อนั้น ตนใช้วิธีการสุ่มเอา โดยใช้วัน เดือน ปี ของเหยื่อลองกด และก็กดได้จริง ๆ

 




          จากเหตุการณ์ครั้งนี้...เตือนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน หรือ ต้องพบปะพูดคุยกับใคร อยากให้ทุกคนต้องระวังตัวกันให้มากขึ้น อย่าเชื่อและไว้ใจใครง่าย ๆ และที่สำคัญพยายามอย่าตั้งรหัสบัตรเอทีเอ็มตาม วัน เดือน ปี เกิด เพราะไม่งั้นคุณอาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

http://hilight.kapook.com/view/54495

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU1qUTRNVFUwTUE9PQ==




ที่มา กระปุก และ ข่าวสด
.
77  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ เมื่อ: 13 ธันวาคม 2553 11:06:06
สำหรับเรื่องของชมรมพระวังหน้า ผมได้แจ้งรายการบัญชีให้ทุกๆท่านได้ทราบทาง Email แล้วครับ

ปัจจุบันนี้ มีผู้ที่เขียนใบสมัครและจ่ายเงินค่าแรกเข้าชมรมแล้ว 4 ท่าน(รวมทั้งผม)

ส่วนอีก 3 ท่าน ได้โอนเงินเข้ามายังบัญชีของชมรมแล้ว แต่ผมยังไม่ได้รับใบสมัคร น่าจะได้รับในเร็วๆนี้ (มีอยู่ 1 ท่านที่โอนเข้ามา แต่ผมยังไม่ทราบว่าเป็นท่านใด กรุณาแจ้งผมให้ทราบด้วยครับ)

ขอบคุณครับ
sithiphong
13/12/2553

http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-2155.html
.
78  จากใจถึงใจ / สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน) / Re: สุขใจ ดอท คอม ก้าวสู่ปีที่สอง เมื่อ: 12 ธันวาคม 2553 21:56:05
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ


 รัก รัก รัก รัก รัก


.
79  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ เมื่อ: 11 ธันวาคม 2553 20:23:42
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มูริญโญ่ อ่านข้อความ
โมทนาด้วยครับ
ช่วงนี้งานเยอะครับวันนี้ประชุมทั้งวัน
ถ้าไม่ติดอะไรคุณสมบัติพร้อมสามารถสมัครได้ผมก็ขอเป็นคนที่ 12
หรือ 1 โหลก็แล้วกันครับ

http://board.palungjit.com/f179/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2154.html#post4137219
-------------------------------------

ไม่มีเลขที่ครับ

แบบสบายๆักันดีกว่าครับ


.
80  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ เมื่อ: 11 ธันวาคม 2553 18:47:16
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong อ่านข้อความ
ผมขอแ้จ้งให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทราบว่า ผมได้เปิดชมรม พระวังหน้า ให้กับทุกๆท่าน ทราบทาง Email เรียบร้อยแล้ว

"ข้าพเจ้าขอเปิดชมรมพระวังหน้าอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พุทธศักราช 2553
เพื่อประโยชน์ต่อ ประเทศไทย ศาสนาพุทธ สถาบันพระมหากษัตริย์ และเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระวังหน้า และงานบุญต่างๆ"

.
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sittiporn.s อ่านข้อความ
โมทนาสาธุ
โมทนาสาธุ
โมทนาสาธุ ครับ
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ psombat อ่านข้อความ
ยินดีต้อนรับชมรม...พระวังหน้า
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Pinkcivil อ่านข้อความ
Congratulation from Chiang Mai krub...

ขอสมัครสมาชิกเบอร์1 เรยครับ :-p
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ psombat อ่านข้อความ
งั้นต้องยกตำแหน่งท่านประธานให้แล้วหล่ะครับ หุหุ
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปฐม อ่านข้อความ
ขอแสดงความยินดีกับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่านที่เสียสละแรงกายและแรงใจ ทำให้เกิดชมรมใหม่ในวันนี้ครับ
littlelucky ยินดีด้วยครับ จะติดตามข่าวเรื่อย ๆ นะครับ




---------------------------

สำหรับชมรมพระวังหน้า ไม่มีเลขที่สมาชิกครับ

วันนี้ หลังจากที่ผมแจ้งการเปิดชมรมพระวังหน้า ผ่านทาง Email ให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านทราบแล้ว ผมได้เดินทางไปหาพี่ใหญ่ที่บ้าน ได้คุยในเรื่องพระวังหน้านิดหน่อย แต่ยังไม่ได้แจ้งเรื่องการเปิดชมรมพระวังหน้าให้พี่ใหญ่ทราบ

พี่ใหญ่ได้แนะนำในหลายๆเรื่อง ไว้ผมจะขอเรียบเรียงคำพูดใหม่และจะแจ้งให้ทุกๆท่านทราบทาง Email ครับ

หลังจากนั้นผมได้เิดินทางไปที่บ้านท่านอาจารย์ประถม มี 2 ท่านที่ได้มารอผมเพื่อสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า และทั้งสองท่านก็ได้ลงนามในใบสมัครเรียบร้อยแล้ว

หลังจากกำหนดการปิดรับสมัครที่ผมได้แจ้งไปทาง Email ผมจะแจ้งให้ทุกๆท่านได้ทราบถึงจำนวนสมาชิก ,การคัดเลือกประธาน , รองประธาน , เลขานุการ และ 2 ผู้ช่วยเลขานุการ ครับ

ขอบคุณครับ


เกือบลืม ผมและคุณPinkcivil เคยได้มอบเงินให้กับพี่ใหญ่ เพื่อฝากไปร่วมทำบุญ พี่ใหญ่ได้นำเงินไปร่วมสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ประเทศลาว และ หยอดเงินทำบุญตามตู้รับบริจาคต่างๆที่ประเทศลาว

มาร่วมโมทนาบุญกับคุณPinkcivil และผมกันครับ

อีกเรื่องก็คือ พระอาจารย์รูปหนึ่ง ได้โทร.มาหาผม แจ้งว่า ได้นำพระพิมพ์ต่างๆที่ทาง(อดีต)กองทุนหาพระถวายวัด ได้ถวายท่านไว้ ท่านนำไปแจกในงานผ้าป่า "สวนทิพย์โลกอุดร" และ ได้แจกให้กับผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา

มาร่วมโมทนาบุญกับ(อดีต)กองทุนหาพระถวายวัดกันครับ

http://board.palungjit.com/f179/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2154.html#post4136968

.
หน้า:  1 2 3 [4] 5 6 ... 45
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.256 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 30 มกราคม 2567 08:26:38