.ผัดชะครามน้ำพริกปลาทู ■ เครื่องปรุง- ผักชะคราม 1 ถ้วย
- พริกหนุ่ม 7-8 เม็ด
- กระเทียมไทย 2 หัว
- หอมแดง 5-7 หัว
- ปลาทู 1 ตัว
- น้ำปลาดี หรือน้ำปลาร้าต้มสุก
- มะม่วงเปรี้ยว สับหรือซอย
- น้ำมะนาว■ วิธีทำน้ำพริกปลาทู1.เผาพริก หอมแดง กระเทียม จนสุกหอม
2.ย่างปลาทูด้วยไฟอ่อนๆ จนสุกระอุ แกะเอาแต่เนื้อ
3.ลอกเปลือกพริก กระเทียม และหอมแดง โขลกรวมกับเนื้อปลาทูย่าง
ใส่มะม่วงสับ ปรุงรสด้วยน้ำปลาดีหรือน้ำปลาร้าต้มสุก และน้ำมะนาว
4.รับประทานคู่กับผักชะครามผัดน้ำมัน ฯลฯ ■ วิธีทำผักชะครามผัดน้ำมัน1.ใบชะครามมีรสเค็มอยู่ในตัว เพื่อให้ความเค็มเจือจาง ให้แช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วใส่ตะแกรงผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2.ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย รอให้น้ำมันร้อนจัด จึงใส่ใบชะครามลงไปผัดให้สุก
3.จัดเสิร์ฟคู่กับน้ำพริกปลาทู หรือน้ำพริกกะปิ ฯลฯ ปิ้ง หรือย่าง หรือทอด ปลาทู พริกชี้ฟ้า หอมแดง และกระเทียมจนสุกหอม
แล้วนำไปโขลกรวมกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี มะนาว และมะม่วงเปรี้ยวซอย
มีผู้แนะนำเรื่องการปรุงอาหารจากใบชะคราม ให้นำใบชะครามไปลวกหรือต้มแล้วบีบน้ำทิ้ง
เพื่อคลายความเค็มที่มีอยู่ในใบชะคราม แต่ครัว "สุขใจ ดอทคอม" แนะนำให้นำไปแช่ในน้ำสะอาดแทนการต้ม
เพื่อให้คงประโยชน์จากคุณค่าของสารอาหารไว้ให้ครบถ้วน ซึ่งได้ผลดีเช่นกัน
มื้อแรกเป็นขั้นทดลองกิน อยู่ในอาการกลัวๆ กล้าๆ...ไม่กล้าชิม...
จึงหยิบมาทดลองผัดน้ำมันชิมเพียงเล็กน้อย และเอาหน่อไม้ลวกมาเคียงคู่
กลัวน้ำพริกจะไม่มีผักจิ้ม หากกินผักชะครามไม่ได้
จานนี้กินคู่กับน้ำพริกปลาทู วันถัดไปผัดน้ำมันอีก 1 จาน กินคู่กับน้ำพริกปลาร้าผัด...สุดยอดจริงๆ
มีเรื่องมาเล่าเจ้าของเว็บไซต์สุขใจดอทคอม ไปเที่ยวจังหวัดเพชรบุรีเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หิ้ว “ชะคราม” มาฝาก 1 ถุง (ประมาณ 2 ขีด) บอกว่าแช่อยู่ในตู้เย็นเอาไว้ทำกับข้าว จึงทำให้ได้มีโอกาสรู้จัก “ชะคราม” เป็นครั้งแรกในชีวิต
จับถุงชะครามพลิกไปพลิกมา ใบอะไรก็ไม่รู้เป็นฝอยๆ ค่อนข้างแข็งคล้ายใบสน...ไม่รู้จะทำอะไรกิน และไม่กล้าจะทดลองกินพืชผักแปลกๆ ที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อนด้วย จะทิ้งก็สงสารไอ้เจ้าคนหิ้วมาฝาก หมกๆ ไว้กะรอให้ผักเน่าจะได้เป็นข้ออ้างนำทิ้งถังขยะ จนเกือบสองสัปดาห์ผ่านไป ถูกนายเจ้าของเว็บไซต์กระตุกต่อมเครียด ยิงคำถามว่าป้ากิมเล้งเอาใบชะครามไปทำกับข้าวหรือยัง...ยัง!
เป็นเหตุให้ต้องค้นหาข้อมูลเจ้าผักใบเป็นฝอยเหมือนใบสน จึงทำให้ทราบว่าใบของชะคราม ทำอาหารได้หลายเมนู เช่น ยำใบชะคราม แกงเผ็ดใบชะครามกับปูหรือกุ้ง แกงส้มใบชะคราม ใบชะครามลวกราดกะทิ หรือชุบแป้งทอด หรือทอดกับไข่กินคู่กับน้ำพริก ฯลฯ...ลองๆ ชั่งน้ำหนักความเสี่ยงแล้ว มาได้ข้อสรุปให้ตนเองด้วยการเลือกปรุง “ใบชะครามผัดน้ำมัน + หน่อไม้ลวก กินคู่กับน้ำพริกปลาทู” คือถ้าถึงขั้นต้องเททิ้งเพราะกินไม่ได้แล้ว ยังจะนับได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีต้นทุนต่ำที่สุด คือเสียเพียงค่าน้ำมันพืชไม่กี่สตางค์เท่านั้นเอง ส่วนน้ำพริกปลาทูยังไงเสียก็ยังมี “หน่อไม้ลวก” ไว้สำรองให้กินแกล้ม
ณ บัด Now เพียงคำแรกที่ได้ลิ้มลองรสชาติอันแปลกใหม่ของใบชะครามผัดน้ำมัน ก็ทำให้รู้สึกหลงรักในรสชาติของใบชะครามเข้าให้ซะแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าเอร็ดอร่อยแค่ไหน เจอหน้านายเจ้าของเว็บไซต์ คำแรกที่เอ่ยปากคือ คราวหน้าถ้าแกไปเที่ยวทะเล อย่าลืมซื้อชะครามมาฝากป้ากิมเล้งสักสองเข่ง!...เกิดมาไม่เคยกินผักอะไรที่เอร็ดอร่อยเท่าใบชะคราม รสชาติมันๆ หวานนิด เค็มหน่อย ที่สำคัญไม่มีกลิ่น จึงเหมาะสำหรับนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูชะครามภาพจาก : วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี
ชะครามการจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์อาณาจักร:
Plantae ไม่ถูกจัดอันดับ:
Angiosperms ไม่ถูกจัดอันดับ:
Eudicots ไม่ถูกจัดอันดับ:
Core eudicots อันดับ:
Caryophyllales วงศ์:
Amaranthaceae วงศ์ย่อย:
Suaedoideae สกุล:
Suaeda สปีชีส์:
S.maritimaชะครามเป็นพืชล้มลุก ประเภทพืชสมุนไพร มีขึ้นอยู่ทั่วไปของพื้นที่ป่าชายเลนตามชายฝั่งทะเลที่น้ำเค็มขึ้นถึง ในไทยพบมากที่ป่าโกงกาง ที่รกร้างรอบๆ นาเกลือ บริเวณจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ เป็นพืชทนเค็ม ขยายพันธุ์ได้ง่าย กิ่งก้านอวบน้ำ ใบแคบยาว พองกลม ปลายแหลมมีนวลจับขาวจำนวนมาก สีเขียวอมฟ้า ใบมีรสเค็ม ออกดอกตามซอกใบ
ลักษณะทางพฤกศาสตร์ชะคราม Suaeda maritima (L.) Dumort. Chenopodiaceae
ชื่อพ้อง Chenopodium maritimum L. (basionym)
ชื่ออื่น ส่าคราม (สมุทรสาคร) ชักคราม
ชื่อวงศ์ CHENOPODIACEAE
ลำต้น ไม้ล้มลุกที่มีอายุหลายปีเมื่ออายุมากขึ้นจะพัฒนาจนลำต้นมีเนื้อไม้เป็นพุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1 เมตร แตกกิ่งก้านตั้งแต่โคนต้น ลำต้นแก่มีผิวหยาบจากรอยแผลที่เกิดจากใบที่ร่วงหล่นไปแล้ว
ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปทรงกระบอกแคบๆ โค้งเล็กน้อย ยาว 2-5 มม. ปลายเรียวแหลม ไร้ก้าน เรียงสลับ เบียดกันแน่น ไม่มีก้านใบ ใบรูปแถบยาว 1-6 เซนติเมตร. ใบอวบน้ำมีนวลสีเขียวสดหรือสีเขียวอมม่วงในฤดูแล้งจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงอ่อนๆ
ดอก ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามปลายกิ่ง ยาวประมาณ 15 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามปลายกิ่ง ยาวประมาณ 15 ซม. แต่ละแขนงดอกออกเป็นกระจุก 3-5 ดอกเรียงยาวตามช่อแขนง มีใบประดับคล้ายใบ ลดรูปตามช่อกระจุกช่วงปลายช่อ ประดับย่อยขนาดเล็ก มี 2-3 อัน ติดใต้กลีบรวม ยาว 0.5-1 มม. ติดทน ลักษณะคล้ายใบ และมีขนาดเล็กลงไปทางปลายช่อ ใบประดับย่อยที่ฐาน วงกลีบรวม มี 2-3ใบรูปขอบขนานมนโปร่งใสและติดคงทนวงกลีบรวม สีเขียว หรือสีเขียวอมม่วง
ผล มีลักษณะกลม ขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-2.5เซนติเมตร. อยู่ภายในวงกลีบรวม แต่ละผลมีเมล็ดจำนวนมาก
สรรพคุณตามตำรับยาไทย
จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แห่งประเทศอินเดีย พบว่า ชะครามมีคุณสมบัติพิเศษคือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถนำมาสกัดสารเพื่อใช้เป็นยาสมุนไพรยับยั้งหรือฆ่าเซลล์มะเร็ง อันเป็นความหวังของผู้วิจัยและผู้ป่วยมะเร็งอีกทางหนึ่ง
และเนื่องจากเป็นพืชที่ชอบขึ้นในที่เค็ม จึงดูดซับเกลือไว้ในลำต้น ทำให้มีธาตุไอโอดีนสะสมอยู่จำนวนมาก จึงสามารถป้องกันโรคคอพอกได้ นอกจากนี้ทั้งต้นยังรักษารากผม แก้ผมร่วงได้อีกด้วย ราก ใช้รากรับประทานเป็นยาบำรุงกระดูก แก้พิษฝีภายใน ดับพิษในกระดูก น้ำเหลืองเสีย ผื่นคัน โรคผิวหนัง และเส้นเอ็นพิการ
ใบของชะครามทำอาหารได้อร่อยหลายเมนู โดยที่ใบของชะครามจะดูดเอาความเกลือจากดินมาเก็บไว้จึงทำให้ใบมีรสเค็ม ดังนั้นในการปรุงอาหารจึงใช้ใบอ่อนนำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วต้มคั้นน้ำทิ้งไป 2-3 ครั้ง เพื่อให้ลดความเค็มลง