[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 15:10:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Love is: What 'Love' mean to You & Your Views?  (อ่าน 4946 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2553 15:03:36 »





Love is:
What 'Love' mean to You & Your Views?


            LOVE is _ _ _ _ ?  บางคนอาจจะนึกถึงภาพในฉากหนังรักๆ ทั้งหลาย บางคนอาจจะนึกถึงคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความผูกพัน ความเอื้ออาทร ความเป็นห่วง ความจริงใจ ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และอีกมากมายที่จะทำให้มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คนเราล้วนให้คุณค่ากับ 'ความรักแบบอุดมคติ' ว่าเป็นสิ่งที่งดงาม ที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ถ้าไม่เชื่อลองดูภาพถ่ายจาก Wedding Studio ความรักแบบหอมหวาน ดื่มด่ำ เป็นสิ่งที่ทุกคนหลงใหล ซึ่งความรักในรูปแบบนี้มี ‘ราก’ มาจากความรักในสมัยยุคกลางที่เรียกว่า ‘Courtly Love Root’

เนื่องจากคนในยุคสมัยนั้นส่วนใหญ่ ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิที่จะเลือกคู่ครองเองและจะแต่งงานได้ตามใจชอบเหมือนคนสมัยนี้ เนื่องจากการแต่งงานในสมัยนั้นเกิดขึ้นแบบมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ทางการเมือง ธุรกิจ หรือปัจจัยอื่นๆ ก็ตาม แต่มีใครเชื่อไหมว่า การถูกบังคับให้แต่งงานเช่นนี้ กลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดความรักแบบ ซึ่งประกอบไปด้วยความฝันและแรงบันดาลใจ ลองมาติดตามกัน => What is Romantic Love??   

มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีอิสรเสรีมีหรือจะยอมถูกบังคับใจ ในเมื่อไม่สามารถพึงพอใจของตนเองได้ก็ขอ ‘แอบมีรัก’ กันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ด้วยเหตุนี้ ‘Courtly Love Root’ จึงเกิดกลายเป็น ‘รักทางเลือก’ และพัฒนาความสัมพันธ์ที่เชื่อกันว่า ‘ปลอด’ จากผลประโยชน์ แบบรักใสๆ ประกอบกับถูกนำมาใส่ใน Plot การแต่งเรื่องของวรรณกรรมต่างๆ และกลายเป็นที่มาของ Romantic Love แต่อย่างไรก็ดีดิฉันมั่นใจว่าอย่างน้อย 'การแอบมีความรักแบบรักแท้' ในสมัยก่อน ย่อมซาบซึ้งและมีความหมายกว่าความสัมพันธ์ฉาบฉวยหรือว่า 'กิ๊ก' ที่พัฒนาเรียกในสมัยนี้  (ซึ่งไม่ได้รักกันแท้จริง แต่เป็นที่มาของความบั่นทอนความมั่นคงสถาบันครอบครัวค่ะ)

ถ้าจะพูดกันง่ายๆ ก็คือ ‘ราก’ ของความรักที่ Romantic นั้น ส่วนใหญ่เกิดมาจาก ‘รักต้องห้าม’ (Forbidden Love) มาก่อน และมักลึกซึ้งมากกว่าความรักที่สุขสมหวัง ตามทำนองคลองธรรม โดยที่ไม่ผ่านอุปสรรคใดๆ ประเภทที่เราเรียกว่า...แหวกม่านประเพณีทั้งหลายนั่นเอง คุณทราบหรือไม่ว่า??? ชีวิตจริงที่มีรูปแบบความรักเช่นนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับนักเขียนที่มีชื่อเสียงของโลก หลายท่านๆ เอามาแต่งเติม สร้างเสริมจนกลายเป็นนิยายแพร่กระจายตีพิมพ์ขายดิบขายดี ไปอย่างกว้างขวางมาอย่างนมนาน

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ความรักแบบนี้ ‘มีเสน่ห์’ ต้องใจคนเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ความรักแบบนี้มักไม่ถูกต้องชอบธรรม (Unmoral)  และเกิดนอกสถาบันทางสังคม และประเพณี ความเหมาะสม กฏ กติกา มารยาท ทุกประการ (โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ รักแท้เป็นหลัก) ความสัมพันธ์รูปแบบนี้ 70% จึงเป็น 'ความสัมพันธ์ที่มาจากสิ่งที่ไม่เปิดเผย' Secret Love ไม่สามารถให้ใครล่วงรู้ได้ และอาจจะไม่มีวันที่จะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาเป็นรูปรรมอย่างจริงจัง (ฟังดูอาจติด Rate ชอบกลๆ จัง) หรือในที่สุด..บางคนที่รักกันจริงๆ จังๆ ก็ต้องกลับมาลงเอยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนได้ พิศวาส อำนาจรักมักเป็นแบบนี้

Love bears all things, believes all things, hopes all things, endures all things. Love never ends. -Corinthians 13:7-8-

เพราะอะไร? สาเหตุคือปัจจัยที่คน 2 คนมีความสัมพันธ์กันจึงมีแต่ด้านของความรัก ความสุขและความพึงพอใจแต่เพียงอย่างเดียว ปราศจาก ความเหมาะสม และความรับผิดชอบทางสังคมอื่นๆ ที่ต้องติดตามมา และปัจจัยที่ส่งผลทำให้ความรักแบบนี้ยิ่งโรแมนติกมากขึ้น ก็คือการสร้างด้านของ ความรักแบบ  Extreme ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญการดำรงชีวิตแบบ ความสุขสุดๆ หรือความทุกข์สุดๆ โดยที่ในแง่ของความเป็นจริง ไม่ต้องมีรายละเอียดของความสัมพันธ์เปรียบเทียบกับในชีวิตประจำวันของบทบาทผู้หญิงในครอบครัว (ที่ได้ฟังมา _ _" ) อย่างหน้าที่ความเป็น ‘เมีย’ หรือ ความเป็น ‘แม่’ ของผู้หญิงที่แต่ละวันๆ ต้องมีหน้าที่ดูแลเอาใจสามีและลูก เช่น กวาด-ถูบ้าน ซักผ้า ทำอาหาร ตั้งแต่เช้ายันค่ำ สุดแสนจะต้องใช้ความอดทน (ทั้งๆ ที่จริงเราต่างก็ 'รับผิดชอบตนเองได้เป็นอย่างดี'  แต่ทำไมจึงต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นนะ ฯลฯ)  จึงมักได้ยินเพื่อนๆ หลายๆ จึงบ่นกับ 'สถานภาพ Marriage คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า'



Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2553 15:16:15 »




แต่เมื่อมองย้อนกลับไปใน History ฟังแล้วดูดี แต่ในความเป็นจริงแล้วความรักแบบโรแมนติกที่แสนจะน่าพิสมัย ต่างก็มี  ‘ด้านกลับกัน’ ที่แฝงพิษภัยและความน่ากลัวอยู่ เพราะในความเป็นจริง เอาเข้าจริงมันอาจจะเป็นเพียงความฝันซึ่งอาจไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ได้ ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ได้เชื่อในความรักอย่างหัวปักหัวปำก็คงไม่น่ามีปัญหา แต่หากคุณเป็นคนที่ทุกคืนวันแสวงหา คู่แท้ Soulmate มันอาจส่งผลอย่างแน่นอนกับการแสวงหา  เพราะอะไร? คำตอบนั้นง่ายมากๆ ก็เพราะเอาเข้าจริงแล้วความรักแบบ Romantic Love ตลอดไปนั้นไม่ได้มีอยู่ในโลกความจริงของความสัมพันธ์น่ะสิคะ ?? I am my beloved's, and his desire is toward me - Song of Solomon 7:10-  => Is that in Reality??

อย่างน้อยที่สุดมันไม่ได้เป็นจริงสำหรับทุกคน ทุกคู่ และองค์ประกอบของความรักนั้นไม่ได้มีแต่ด้านที่สวยงามเท่านั้น หลายๆ ครั้งมีด้านลบมากกว่าด้านบวก  หลายๆ คนจึงต้อง ‘เผชิญกับฝันร้าย’ เมื่อพบว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงมีแต่อุปสรรค ผิดไปจากภาพที่ฝัน และสัจธรรมพุทธภาษิต ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เสมอ ความไม่ปกติ คือ คนปกติ...ไม่มีใครที่ไม่มีทุกข์...

ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะ ‘วูบวาบ’ และเมื่อดำเนินไปเรื่อยๆ ‘ไฟรัก’ Buring Love Flame ก็กลับค่อยๆ ลดลงไป มีแง่มุมอื่นของชีวิตเข้ามาแทนที่เป็นเรื่องของ ‘ความจริงของความไม่สมบูรณ์แบบ’ สิ่งที่ไม่เคยเห็นอาจเริ่มปรากฏ ท้ายที่สุดก็เลิกราจากความรักนั้นโดยไม่มีเหตุอันควรและต้องค้นหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ๆ แต่แล้วในท้ายที่สุด...ก็ต้องพบกับวงจรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกลายเป็นไม่สามารถหาความสุขจากรัก.....ไม่ได้จะบอกว่ารักแท้ไม่มีจริง… มันมีจริง   แต่รักแท้ไม่ได้เป็นภาพความสุขอย่างในฝัน ละครหรือภาพยนตร์โฆษณาที่สร้างกระแส Fever ต่างๆ ออกมาเพื่อประโยชน์เชิงธุรกิจ (Commercial allure for Emotional Marketing purpose)

ความรักที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อความรักแบบโรแมนติคได้จบลงแล้วมาพร้อมกับ ‘ความปกติธรรมดา’ โลกของชีวิตจริง (Reality) แบบกิจวัตรของคน เช่น ความรู้สึกเพิกเฉยๆ การเรอ การแคะขี้มูก การตดดังๆ และเหม็น การนอนกรน ความไม่มีอนามัย การต้องอดทน การดูแลในยามเจ็บป่วย การปรับตัวกลับมาหน้าบึ้ง ปวดท้องอึ การลืมความสำคัญ การทะเลาะเบาะแว้ง การถูกด่าทุกๆ วัน  การดูแลกันในยามป่วย ความเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจตัวเอง ไปกระทั่งความเกลียดกันในบางเวลา ฯลฯ

แม้มีงานวิจัยหลายชิ้นของนักวิชาการฯ ที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงหลายๆ คนรู้สึกว่า ‘ความราบเรียบ’ (Simply Love) ของชีวิตคู่นั้นเป็นความผิดของตนเอง  และพยายามเป็นหน้าที่ๆ รับผิดชอบของตน ต้องทำให้กลับมามีรูปแบบความสัมพันธ์แบบหวานชื่น ...แม้ว่าในยุคปัจจุบันเสรีภาพในการเลือกของคนเราจะเบ่งบานอย่างที่สุดทั้งเรื่องของ Sex & Relationship ซึ่งทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีสิทธิในการเลือกเท่ากัน จะเห็นได้ว่า 'ผู้หญิงสมัยนี้พึ่งพาตัวเองทางเศรษฐกิจได้เท่าๆ กับผู้ชาย' (Self-Sustain) และแน่นอน...เราไม่จำเป็นต้องทนแต่งงานเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรืออยู่เป็นโสดอย่างไม่มีความสุขอีกต่อไปราวกับผู้หญิงสมัยก่อน แต่กลับกันในแง่ที่ 'ความอดทนน้อยลง' ก็กลับกลายเป็นที่มาของ 'ความเปราะบางในความมั่นคง' (หรือเปล่า?) ที่ส่งผลให้ ‘สถาบันครอบครัวยุคปัจจุบัน’ (Everlasting Happy Family) ลดน้อยลง อัตราหย่าร้างสูงขึ้น และเพิ่มสถิติกลุ่มคนที่เบี่ยงเบนทางเพศในบ้านเรา ซึ่งไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาอย่างทางสร้างสรรค์เลยค่ะ (PS: ในปัจจุบันประเทศ สิงค์โปร์ ฮ่องกง ฯลฯ รัฐบาลเริ่มต้องมีการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชากรแต่งงาน มีครอบครัวกันแล้ว What's Happen's in Today ???)


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2553 15:39:40 »




แต่อย่างไรก็ดีในทางกลับกัน Romantic Love กลับยังคงเป็นอารยธรรมร่วมสมัยผ่านทางภาพยนตร์และซีรีย์ต่างๆ ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยมีองค์ประกอบความเชื่อหลักๆ  5 ประการด้วยกัน ที่ยังไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คือ

1. เชื่อในรักครั้งแรก หรือ รักแรกพบ

2. เชื่อและหวังว่าจะเจอรักแท้

3. เชื่อว่าความรักเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้

4. เชื่อว่าคนรักถูกสร้างมาเพื่อเราในทุกๆ ด้าน

5. เราควรแต่งงานด้วยความรักเท่านั้น


ทั้งหมดนี้ต่างเป็นองค์ประกอบของความรักในทุกสิ่งทุกอย่าง หนังรัก ละคร TV เพลงรัก นิยาย นิตยสารแม่แต่กระทั่ง นักจัดระเบียบทางสังคม

Above all, love each other deeply, because Love covers over a multitude of Sins (Christian Bible: Peter 4:8-9)

Inside Love is a Difference Colour อะไรคือ 'นิยามรักของคุณ' เป็นคำถามที่ตอบยากพอๆ กับ ตายแล้วไปไหน อิอิ? 



ความรักเป็นอะไรไม่รู้ อยู่ที่ใดสักแห่ง แต่เราสามารถเรียนรู้เรื่องรักผ่านทางภาษาแต่ละชาติที่เราต้องเกิดมาอยู่กับมัน เกิดและโตมากับมันในชีวิตประจำวัน ความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข (Unconditional Love) ความรักแบบหนุ่มสาวเป็นเสน่ห์หา (Love, Passion, Lust, etc.) คือ การให้ ความอดทน ความเสียสละ ไม่มีพรมแดน ไม่มีชนชั้น นิยามต่างๆ นาๆ เหล่านี้อยู่ในจิตสำนึกและประสบการณ์ของแต่ละคนในระดับที่แตกต่างกันออกไป สำหรับในความคิดของดิฉัน ถ้าคิดว่าการมี ‘รัก’ มีปัญหาและ ทุกข์ มากกว่า > สุข อาจถือเป็นความยึดมั่น ถือมั่น ทำให้เป็นทุกข์โดยใช่เหตุหรือเปล่า??

ความรักก็เหมือนกับสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ คือ ไม่เที่ยง มีเกิด มีดับ เกิดได้ก็ตายได้ มีได้ก็หมดได้ รักแล้วก็รักใหม่ได้ คนรักเก่าเลิกราหรือจากกันไปก็หาคนรักใหม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากทุกคนเชื่อในรักแท้อย่างเป็นทุกข์ (คงเหมือนหนังเรื่องแม่นาคพระโขนงที่ไม่ยอมไปผุดเกิดเสียที) ส่วนการที่ทุกคน มี Soul Mate อย่างแท้จริงนั้น มีไม่มีไม่รู้ (งงไหมละคะ) เพราะเมื่อคุณเติบโตและ Mature ผ่านวัยรุ่นและเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คุณจะรู้ว่าความ Romantic เป็นแค่เพียง ‘เครื่อง’ Tools ในการสร้างความตื่นเต้นให้กับความสัมพันธ์ สังคมของคนเราในปัจจุบันได้ทำลายความรักด้วยความปรารถนาของตนเอง ตลอดศตวรรษที่ผ่านมามนุษย์ได้นำคำว่า "ความรัก" ไปใช้ในทางแตกต่างจากรุ่นพ่อ-แม่ยุคก่อนๆ มีรูปแบบของความรักมาฝากกันค่ะ "SUPPORTING EACH OTHER IN OLD AGE"


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2553 16:22:11 »




1. ความรักแบบเสน่หา ( Eros) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต มีความดึงดูดใจซึ่งกันและกันแสดงออกมาทั้งคำพูดและความใกล้ชิด อยากเจอกันทุกวันถ้าเป็นไปได้ วาดฝันและไม่ได้คาดการณ์ถึงอุปสรรคใด ๆ

2. ความรักแบบไม่ผูกมัด ( Ludus) เป็นเหมือนเกมส์ชนิดหนึ่ง  ไม่ต้องการผูกมัด พยายามที่จะไม่สร้างความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้ง เพื่อรักษาความเป็นอิสระของตน เปลี่ยนไปตามสภาพ จะไม่หึงหวงหรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ 
 
3. ความรักแบบมิตรภาพ ( Storge) พัฒนามาจากมิตรภาพ เป็นความรู้สึกรักใคร่อันเนื่องมาจากการคบหากันมาเป็นเวลานาน ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น เร่าร้อน แต่เน้นการที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีกิจกรรมร่วมกัน มั่นคง

4. ความรักแบบลุ่มหลง ( Mania) เชื่อว่าเป็นความเจ็บปวด มีปรารถนาความใกล้ชิด และต้องการความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสูง อาจจะทำร้ายตนเองเพื่อเอาชนะ หรือเชื่อว่าเมื่อปราศจากความรัก ชีวิตก็ไม่มีคุณค่า

5. ความรักแบบมีเหตุผล ( Pragma) ตั้งอยู่บนรากฐานของความเป็นจริง แสวงหาคนรักที่เหมาะสมกับตน สามารถตอบสนองความต้องการของกันและกัน ได้แสวงหาคนที่มีลักษณะคล้ายตนหรือต่างจากตน แต่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด 


 
6. ความรักแบบเสียสละ ( Agape) เป็นความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ต้องการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับมีความห่วงใย และคำนึงถึงความสุขผู้อื่นโดยไม่ใส่ใจกับความต้องการของตนเอง เช่น ความรักทางศาสนาของพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน ความรักของพ่อและแม่



รูปแบบของความรักอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและมีหลายๆ แบบปนๆ กับลักษณะของบุคคลที่เรามีความสัมพันธ์หรือคุณคิดอย่างไร? ภาพความจริงของความรักหรือสุขใจในระยะแรกๆ Men & Women ปัจจุบันมองความรักและมีบทบาทเปลี่ยนไปหรือเปล่า ??? หากเรามองความรักแบบ Serious โดยเอา Feminist Theory มาจับ จะพบว่า พลังของความรักที่ดี มีผลทางบวกต่อชีวิตผู้คนมากมายแน่นอน ทุกๆ การตัดสินใจในชีวิตเปรียบเมือนการเปรียบเทียบ อย่างไรก็ดีการให้สิ่งที่มีคุณค่ามากักขัง และอย่าสร้างภาพฝันที่อาจไม่สามารถเป็นจริงได้ => ลองมีความสุขแบบง่ายๆ พอดีๆ กับทางสายกลางในทุกๆ วัน ที่ผ่านไป แม้ในการดำรงชีวิตที่แท้จริงทุกๆ วัน การมีรักหรือไม่มีก็แทบไม่ต่าง  ไม่หวือหวาหรือเต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องปรับเข้าหากัน อย่างน้อยถ้ามีสติ 'กำลังตกหลุมรักใคร' (Love Fallen) ก็ไม่ควรที่จะ 'ทุกข์ หรือ หลง' ไปกับกลไก Illusion สิ่งสมมติของอารมณ์รักจากจินตนาการ จนสมบูรณ์แบบเตลิดกันไปแทบทุกอย่าง...ซึ่ง 'ความสมบูรณ์แบบ' ไม่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงค่ะ


(บทความตีพิมพ์ใน นิตยสาร ดิฉัน รายปักษ์
ฉบับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552)  -With Love & Truly-
[/size]


Credit by : http://sivarnee.spaces.live.com/blog/cns!A1908597D7518FCB!640.entry
Pics by : google

ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ


บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.425 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 02 เมษายน 2567 23:40:18