[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 เมษายน 2567 23:44:01 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลงนิมิต ( อ.บูรพา ผดุงไทย )  (อ่าน 10741 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5064


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 13:53:09 »




เรื่องของนิมิตนับว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญมากต่อการปฏิบัติสมาธิภาวนา เพราะนิมิตนั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม หากรู้จักวิธีการใช้ภาพนิมิตเป็นเครื่องมือในการนำจิตเข้าถึงภาวะสมาธิจิตได้ ย่อมเกิดผลดีต่อการปฏิบัติ แต่หากผู้ปฏิบัติยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องภาพนิมิตแล้วนำมาใช้ไม่เป็นก็ย่อมเป็นเหตุบั่นทอนในการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น ด้วยเพราะหากขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องภาพนิมิตแล้ว จิตอาจไปยึดถือเอาภาพนิมิตเหล่านั้นมาคิดเป็นจริงเป็นจังจนเกิดเป็นความหลงนิมิตได้

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ อาการหลงนิมิตเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติจำนวนมากกำลังประสบอยู่ เนื่องจากขาดครูบาอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงในการเพ่งภาพนิมิตคอยให้คำชี้แนะ เป็นผลให้ผู้ปฏิบัติหลายคนไปติดอยู่กับภาพนิมิต ซึ่งบางรายถึงกับเกิดอาการหลงในนิมิตเป็นอย่างมาก ยึดมั่นถือมั่นในภาพมายานิมิตเหล่านั้นว่าเป็นเรื่องจริง เกิดเป็นอวิชชาความหลงและยึดเอานิมิตเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์จิตของตน ก่อให้เกิดเป็นอัตตาขึ้นในจิต ไม่ยอมปล่อยวาง สุดท้ายจิตจึงไม่อาจก้าวหน้าในทางปฏิบัติ

โดยปกติแล้ว ในช่วงที่จิตกำลังจะตัดกระแสความคิดและเข้าถึงความสงบในระดับฌานสมาธิ มักจะมีภาพนิมิตปรากฏขึ้นภายในจิตของผู้ปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปฏิบัติเลยก็ว่าได้ เพราะหากในช่วงนี้ผู้ปฏิบัติขาดครูบาอาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำอย่างถูกต้องในการปฏิบัติแล้ว ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่ผู้ปฏิบัติอาจจะเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตีความภาพนิมิตที่ได้พบเจอจากการปฏิบัติ

ผู้ปฏิบัติบางรายมีอาการที่จิตถูกครอบงำโดยภาพนิมิต ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่จิตไม่เท่าทัน จิตไปหลงยึดในภาพนิมิตเหล่านั้นว่าเป็นเรื่องจริง และไม่ยอมปล่อยวางภาพนิมิตเหล่านั้น เป็นเหตุให้จิตหลงไปตามอุปาทานสัญญาที่ถูกปรุงแต่งสร้างขึ้นด้วยจินตนาการของจิต แล้วภาพมายาเหล่านั้นก็จะไปสร้างเป็นสวรรค์วิมานตามที่กิเลสในใจเราต้องการ สุดท้ายมายาภาพนิมิตและอวิชชาความหลงของจิตก็จะกลับมาเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติสมาธิภาวนา เพราะเมื่อจิตไม่ยอมปล่อยวาง จิตก็ย่อมไม่อาจก้าวไปสู่ภูมิแห่งจิตในขั้นที่ละเอียดสูงขึ้นไปอีกได้
ในปัจจุบันพบว่ามีหลายสำนักที่นิยมนำเอาวิชาการจูงจิตและสร้างภาพมายานิมิตในรูปแบบต่างๆ มาใช้ในการสอนปฏิบัติสมาธิภาวนา โดยผู้สอนจะอาศัยการจูงจิตและการสร้างอุปาทานสัญญาให้ผู้ปฏิบัติเชื่อว่าภาพนิมิตที่บังเกิดขึ้นในดวงจิตนั้นดูเป็นจริงเป็นจัง เมื่อจิตของผู้ปฏิบัติถูกชักจูงด้วยคำพูดในช่วงขณะที่จิตกำลังตกอยู่ในภวังคจิต คำพูดเหล่านั้นจึงกลายเป็นคำสั่งที่สั่งตรงไปยังจิตใต้สำนึก อันเป็นภาวะก่อนที่จะถึงจิตเดิมแท้

จิตใต้สำนึกเป็นจิตที่มีพลังที่อยู่เหนือการควบคุมของสติโดยปกติ หรือถ้าจะกล่าวอีกอย่างก็คือ อยู่เหนือการควบคุมของจิตสำนึกโดยทั่วไปนั่นเอง ดังนั้น การส่งคำสั่งเข้าไปยังจิตส่วนลึกหรือจิตใต้สำนึกจึงทำให้ภาพนิมิต แล้วคำสั่งที่ถูกจูงจิตนั้นก็จะฝังแน่นเข้าไปยังจิตส่วนลึก จิตเมื่อเกิดอาการหลงแล้วย่อมเป็นการยากที่จะให้จิตนั้นยอมรับความเป็นจริงได้ ผู้ที่ถูกจูงจิตจึงกระทำตามคำสั่งเหล่านั้นโดยปราศจากการพิจารณาไตร่ตรอง และนี่ก็เป็นคำอธิบายที่ว่า "ทำไมผู้ที่ถูกครอบงำจิตจึงไม่สามารถบังคับจิตของตนเองได้เลย?"

แม้ว่าในการใช้ภาพกสิณนิมิตจะบังเกิดผลดีต่อการปฏิบัติในแง่ที่ว่าจิตของผู้ปฏิบัติจะบังเกิดเครื่องรู้ที่ช่วยนำพาจิตให้เข้าสู่ภาวะสมาธิได้แต่โดยง่ายก็ตาม แต่หากบังเอิญผู้ปฏิบัติแจ็กพอตไปพบเจอเข้ากับผู้สอนที่ใช้การจูงจิต ป้อนคำสั่งเข้าไปยังจิตใต้สำนึก จนผู้ปฏิบัติเกิดอาการหลงนิมิต มีอัตตาตัวตนเป็นเขาเป็นเรา และยอมทำตามคำสั่งของผู้สอนอย่างที่ไม่มีการพิจารณาไตร่ตรองใดๆ ผลที่จะตามก็คือ บางรายไปติดหลงในนิมิตถึงขั้นที่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาบริจาคทำบุญ จนกระทั่งหมดเนื้อหมดตัว ขาดสติปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรอง เป็นปัญหาที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ของคนในสังคมปัจจุบัน

เมื่อผู้ปฏิบัติได้ตระหนักถึงโทษภัยจากการเล่นกับภาพนิมิต และการเพ่งกสิณนิมิตที่เสี่ยงต่อการนำไปสู่การหลงยึดมั่นถือมั่นในภาพนิมิต รวมถึงกระบวนการเข้าครอบงำจิตได้อย่างง่ายๆ เช่นนี้แล้วจะได้ไม่ประมาทและรู้จักเลือกใช้ในส่วนดีของภาพนิมิตกสิณให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติ

หากผู้ปฏิบัติมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใช้อุบายกรรมฐานกองนี้ในการเข้าถึงสมาธิจิตดีในระดับขั้นใช้งานได้ หรือมีโอกาสได้พบเจอครูบาอาจารย์ที่คอยแนะนำสั่งสอนเรื่องการเพ่งภาพนิมิตกสิณในทางที่ถูกต้องแล้ว ภาพนิมิตกสิณต่างๆ นั้นย่อมจะเป็นอุบายในการนำพาจิตให้เข้าถึงความว่างและช่องว่างแห่งจิตได้

แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เมื่อภาพนิมิตที่เราได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องรู้แก่จิตในการนำพาเราเข้าสู่ภาวะสมาธิจิตได้ บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของมันแล้ว ผู้ปฏิบัติจะต้องปล่อยวางภาพนิมิตเหล่านั้นทิ้งไปให้ได้ เพราะเมื่อจิตได้สัมผัสถึงความว่างและช่องว่างแห่งจิตแล้ว จิตจะต้องวางอุบายกรรมฐานทุกชนิดลง ด้วยเหตุผลที่ว่า "หากจิตยังมัวไปยึดกรรมฐานอันใดเอาไว้ จิตจะไม่สามารถเข้าสู่ภาวะความว่างแห่งจิตได้"

จิตที่ไม่ยอมปล่อยวางภาพนิมิตกสิณ ยังคงมีความยึดมั่นถือมั่นคิดเป็นจริงเป็นจัง จิตจะเริ่มมีอาการปรุงแต่งภาพนิมิตเหล่านั้นไปตามอุปาทานความเชื่อภายในจิตใจของตน จนเกิดเป็นความเห็นผิดที่ยากจะแก้ไขได้.


อ.บูรพา ผดุงไทย


http://www.thaipost.net/tabloid/210210/18235

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 14:05:10 »

รัก 5 5 5 ท่าน มดเอ็กซ์ รัก
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 14:29:59 »



เมื่อจิตได้สัมผัสถึงความว่างและช่องว่างแห่งจิตแล้ว
 จิตจะต้องวางอุบายกรรมฐานทุกชนิดลง

ด้วยเหตุผลที่ว่า "หากจิตยังมัวไปยึดกรรมฐานอันใดเอาไว้
จิตจะไม่สามารถเข้าสู่ภาวะความว่างแห่งจิตได้"


  รัก  ตลก  รัก




อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ คุณมดเอ๊ก
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.344 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 18 มีนาคม 2567 07:00:42