สัจจะ
(คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
การมีสัจจะเป็นเครื่องบังคับตัวเอง เป็นความดี
เป็นความเหมาะสม เพราะถ้าไม่มีเครื่องบังคับ กิเลสตัณหา
มันพาโลเล เลื่อนลอย พบอะไรมันก็จะเอา จะหยิบจะฉวยรวบรัด
เอาเฉพาะหน้า แบบเห็นแก่ได้
สัจจะจะช่วยป้องกันความเหลวไหนได้รอบตัว
คุ้มครองให้ศีลบริสุทธิ์ ผุดผ่องขึ้น ข้อปฏิบัติอื่นๆ
ก็เจริญงอกงามตามไป ทำให้ศีล สมาธิ ปัญญา
ก็คล้อยตามกันไป เกิดเป็นมรรคเป็นผลเต็มที่
การมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว จะเป็นกำลังผลักดัน
ให้ก้าวหน้า ถ้าไม่มีอย่างนี้มันจะโลเลถอยหลัง
จะไปเป็นทาสของกิเลสตัณหา
พอจะมีสัจจะเด็ดขาดขึ้น อารมณ์โลเลพวกนี้
มันก็ดับหายไปหมด ไม่มาสอพลออีก ถ้าไปทำเล่นๆ
อารมณ์พวกนี้มันหาโอกาสมาแหย่ จะให้เลี่ยงวินัย
ข้อบังคับ ทีละน้อย
คนที่ตั้งสัจจะนับว่าเป็นคนเด็ดขาดไม่เหลวไหล
ถ้าใครยังพูดให้กำลังกิเลสอยู่ คนนั้นเป็นคนเหลาะแหละโลเล
ระวังจะเอาตัวไม่รอด
จะต้องรู้ว่า กิเลสตัณหามันก็กลัวการมีสัจจะอยู่เหมือนกัน
ผลประโยชน์มากสุด
คนมีความอดทน เมื่อกระทบกระทั่งอะไรแล้วก็นิ่งได้
สงบได้ พิจารณาปล่อยวางไปได้ ไม่เที่ยวเอะอะโวยวาย
ไปกระทบกระเทือนคนอื่นเขาง่ายๆ ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อนแล้ว
เป็นอันไม่ถูก ไม่ชอบทั้งนั้น
ควรหัดสำรวมระวัง สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ก็ให้รู้จักฝึกเลี่ยงหลีกปลีกตัวให้ได้ ศีลจึงจะบริสุทธิ์
ผุ้ปฏิบัติจะต้องมีความรุ้สึกอย่างนี้ไว้เป็นประจำ
อย่างมุ่งแต่แก่งแย่งผลประโยชน์
อย่าไปเชื่อกิเลสเชื่อมามากแล้ว ร้อนรน
ทนทุกข์มามากน้อยเท่าไรแล้ว?
ค่อยๆ ลองคิดทบทวนดู ผลประโยชน์ที่ได้มานั้น
มันเป็นผลประโยชน์ของกิเลส หรือประโยชน์ของเรา
เหนื่อยร้อนอ่อนใจขนาดนั้น เคยคิด เคยรู้สึกตัวไหม?
ผลน่าพึงพอใจคุ้มทุนดีหรือ?
ควรหมั่นตรวจสอบดู อย่าทำเฉยเมย
มัวประมาทอยุ่เลยหัดตัวเองให้รุ้จักอดทนยิ่งๆ ขึ้น
อดทนต่อแรงยั่วยุของกิเลสแล้ว
จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด คือ
จะสามารถดับทุกข์ดับกิเลสได้เป็นลำดับ มีสันติอย่างนิรันดร