[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 เมษายน 2567 22:17:06 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิวัฒนาการของอาหาร  (อ่าน 7515 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2318


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 กันยายน 2557 19:04:59 »


ย้อนรอยวิวัฒนาการของอาหาร

Story

การหวนกลับไปรับประทานอาหารเหมือนบรรพบุรุษจะทำให้เราสุขภาพดีขึ้นได้หรือ

ถึงเวลามื้อเย็นในที่ลุ่มกลางป่าแอมะซอนของโบลิเวีย  อนา กัวตา ไมโต กวนกล้วยกับมันสำปะหลังให้เป็นโจ๊ก เหนือเปลวไฟที่ลุกโชนบนพื้นดินในกระท่อมหลังคามุงจาก พลางเงี่ยหูฟังเสียงสามีซึ่งกลับมาจากป่าพร้อมสุนัขล่าเนื้อตัวผ่ายผอม

เดโอนิซีโอ นาเต ผู้เป็นสามี ออกจากบ้านไปพร้อมปืนไรเฟิลและมีดพร้าตั้งแต่รุ่งสางของเช้าวันนี้ในเดือนมกราคม แต่เขากลับบ้านมือเปล่า  ชายวัย 39 ปีผู้นี้บ่นว่า การหาเนื้อสัตว์ให้พอเลี้ยงครอบครัวที่มีภรรยาสองคน (ไม่ใช่เรื่องผิดวิสัยของคนในเผ่านี้) และลูก 12 คนเป็นเรื่องยาก พวกตัดไม้ทำให้สัตว์ป่าหนีไปหมด และเขายังหาปลาในแม่น้ำไม่ได้เพราะพายุพัดเรือแคนูหายไป

เรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นกับทุกครอบครัวในอนาเชเรที่ผมไปเยือน 

อนาเชเรเป็นชุมชนของชนเผ่าพื้นเมืองโบราณชื่อ ซิมาเน มีลูกบ้านประมาณ 90 คน ช่วงนี้เป็นฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูที่ล่าสัตว์หรือหาปลาได้ยากที่สุด ชนเผ่า ซิมาเนกว่า 15,000 คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านราวหนึ่งร้อยหมู่บ้านตามริมฝั่งแม่น้ำสองสายในลุ่มน้ำแอมะซอนใกล้เมืองซานบอร์คาซึ่งเป็นเมืองการค้าหลัก ห่างจากกรุงลาปาซ 360 กิโลเมตร แต่จากซานบอร์คาไปอนาเชเรต้องเดินทางโดยเรือยนต์เป็นเวลาสองวัน ดังนั้นชาวซิเมเนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจึงยังหาอาหารส่วนใหญ่จากป่า แม่น้ำ หรือสวนครัวของตนเอง

ผมเดินทางไปกับ อาเชอร์ รอซิงเกอร์ นักศึกษาปริญญาเอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยอาหารในป่าฝน ของชนเผ่าซิมาเน โดยมีวิลเลียม เลนเนิร์ด นักโบราณคดีชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น เป็นหัวหน้าคณะวิจัยคนหนึ่ง  พวกเขามุ่งหาคำตอบว่า สุขภาพของชนพื้นเมืองในแถบนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร  เมื่อพวกเขาหันหลังให้อาหารท้องถิ่นและวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยกิจกรรม และเริ่มซื้อขายแลกเปลี่ยนของป่ากับน้ำตาล เกลือ ข้าว น้ำมัน เนื้อแห้ง และปลากระป๋อง

หากมองไปข้างหน้าถึงปี 2050 ที่เราจะต้องเลี้ยงดูประชากรเพิ่มขึ้นอีกสองพันล้านคน คำถามที่ว่า อาหารประเภทใดจะเหมาะสมที่สุดก็กลายเป็นวาระเร่งด่วนอย่างใหม่ อาหารที่เราเลือกกินในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าจะสร้างผลกระทบต่อโลกอย่างยิ่ง พูดง่ายๆคือ อาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมเป็นหลัก ซึ่งเป็นวิถีการกินที่นิยมมากขึ้นในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา จะเบียดเบียนทรัพยากรของโลกมากกว่าอาหารที่ประกอบด้วยธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว และผักผลไม้

ก่อนที่เกษตรกรรมจะพัฒนาขึ้นเมื่อราว 10,000 ปีก่อน  มนุษย์ได้อาหารจากการล่าสัตว์ เก็บของป่า และการหาปลา ต่อเมื่อการเพาะปลูกเริ่มต้นขึ้น ชนเผ่าเร่ร่อนเก็บของป่าล่าสัตว์ล่าสัตว์ก็ค่อยๆ ถูกผลักดันออกจากที่ดินชั้นดีสำหรับทำเกษตร  ในที่สุดพวกเขาก็ถูกจำกัดให้อยู่แต่ในป่าแอมะซอน ทุ่งหญ้าแห้งแล้งในแอฟริกา หมู่เกาะห่างไกลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทุ่งทุนดราในแถบอาร์กติก  ปัจจุบัน เหลือชนเผ่าเก็บของป่าล่าสัตว์กระจัดกระจายอยู่ในโลกเพียงไม่กี่เผ่าเท่านั้น

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องพยายามเรียนรู้เรื่องอาหารการกินและวิถีชีวิตแบบโบราณ ก่อนที่ทุกอย่างจะสูญสิ้นไปตลอดกาล

ที่ผ่านมา การศึกษาเกี่ยวกับชนเผ่าเก็บของป่าล่าสัตว์ เช่น ชาวซิมาเนแห่งแอมะซอน อินูอิตแถบอาร์ติก และฮัดซาในแอฟริกา พบว่า ชนเผ่าเหล่านี้เดิมทีไม่มีภาวะความดันโลหิตสูง โรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง ตลอดจนโรคหัวใจและหลอดเลือด “หลายคนเชื่อว่า อาหารที่เรากินอยู่ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับลักษณะทางสรีรวิทยาที่บรรพบุรุษของเราวิวัฒน์ขึ้นมาเพื่อกินอาหารบางอย่าง”

ผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่า  ชนเผ่าพื้นเมืองมีสุขภาพแย่ลง เมื่อพวกเขาหันหลังให้อาหารพื้นเมืองและเปลี่ยนจากวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยกิจกรรมมาใช้ชีวิตแบบชาวตะวันตก ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้าทศวรรษ 1950 ชาวมายาในอเมริกากลางไม่เป็นเบาหวานกันเลย แต่หลังจากเปลี่ยนมากินอาหารตะวันตกซึ่งมีน้ำตาลสูง อัตราการป่วยด้วยโรคเบาหวานก็พุ่งทะยาน  ชนเผ่าเร่ร่อนเลี้ยงปศุสัตว์ในไซบีเรียที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างชาวอีเวงก์และยาคุตกินอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลัก แต่พวกเขาแทบไม่เป็นโรคหัวใจเลย  จนกระทั่งเมื่อเริ่มอยู่เป็นหลักแหล่งและกินอาหารที่หาซื้อได้จากตลาดมากขึ้น  เลนเนิร์ดเสริมว่า ปัจจุบันชาวยาคุตที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆราวครึ่งหนึ่งมีน้ำหนักเกิน และเกือบหนึ่งในสามมีภาวะความดันโลหิตสูง ส่วนชาวซิมาเนแห่งแอมะซอนซึ่งกินอาหารจากตลาดก็มีแนวโน้มจะเป็นโรคเบาหวานมากกว่าพวกที่ยังคงล่าสัตว์และเก็บของป่า

ในหมู่พวกเราที่มีบรรพบุรุษซึ่งปรับตัวให้เข้ากับอาหารที่ประกอบด้วยพืชเป็นหลัก และคนทำงานนั่งโต๊ะ การไม่กินเนื้อสัตว์มากเท่าชาวยาคุตอาจเป็นการดีที่สุด  ผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ยืนยันการค้นพบก่อนหน้านั้นว่า แม้มนุษย์จะกินเนื้อแดงมานานสองล้านปีแล้ว แต่การบริโภคมากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง และโรคมะเร็งในกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ และตัวการร้ายไม่ได้มีเพียงไขมันอิ่มตัวหรือคอเลสเตอรอลเท่านั้น แบคทีเรียในลำไส้ของเราย่อยสารอาหารในเนื้อสัตว์ที่เรียกว่า แอล-คาร์นิทีน (L-carnitine) ในการศึกษากับหนูครั้งหนึ่ง  การย่อยแอล-คาร์นิทีนกระตุ้นให้เกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือดแดง งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า  ระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์โจมตีน้ำตาลในเนื้อแดงที่เรียกว่า นิว5จีซี (Neu5Gc) ทำให้เกิดการอักเสบระดับต่ำในหนุ่มสาว  แต่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ในที่สุด “เนื้อแดงดีอยู่หรอกครับ ถ้าคุณอยากมีชีวิตอยู่ถึงแค่อายุ 45” เป็นคำแนะนำจากอาจิต วาร์คี แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตแซนดีเอโก ซึ่งเป็นผู้นำร่วมในการศึกษานิว 5 จีซี

การเปลี่ยนไปกินอาหารแปรรูปอันเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้เอง  มีส่วนทำให้เกิดโรคอ้วนและโรคที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ถ้าผู้คนส่วนใหญ่ในโลกกินผักผลไม้ในท้องถิ่นมากขึ้น แล้วกินเนื้อสัตว์สักเล็กน้อย ปลา และธัญพืชไม่ขัดขาว (อย่างเช่นอาหารเมดิเตอร์เรเนียน) และออกกำลังกายวันละหนึ่งชั่วโมง ก็น่าจะเป็นข่าวดีต่อสุขภาพของเราและต่อโลก.

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2318


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 กันยายน 2557 19:06:05 »


โบลิเวีย

http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1264.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : NGM Maps
คำบรรยายภาพ : ชาวซิมาเนแห่งโบลิเวียได้อาหารส่วนใหญ่จากแม่น้ำ ป่า และเรือกสวนไร่นาที่แผ้วถางจากผืนป่า



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1265.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : เศษสวะที่น้ำป่าพัดพามาขวางบริเวณน้ำตื้นของแม่น้ำมานิกีที่กัวเนย์ใช้เป็นที่อาบน้ำ
เงาผีเสื้อเหลืองกำมะถันปลายปีกส้มซึ่งพบทั่วไปในป่าแอมะซอนทาบลงบนแผ่นหลังของเขา
แม้จะอยู่ในวัยชรา ชาวซิมาเนส่วนใหญ่ยังผ่ายผอมจากการเดินป่าวันละหลายกิโลเมตรเพื่อหาอาหารมาปะทังชีวิต



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1266.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : โคเซ มาเยร์ กัวเนย์ วัย 78 ปี มองหากล้วยที่พร้อมจะตัดได้ใกล้ ชาโก หรือแปลงเกษตรขนาด 1.5 ไร่
ที่ผู้อาวุโส ชาวซิมาเนคนนี้กับเฟลิเป มาเยร์ เลโร ลูกชาย ช่วยกันแผ้วถางในป่าแอมะซอนของโบลิเวีย สมาชิกสี่รุ่นของครอบครัว
อาศัยผลไม้ ข้าวโพด และพืชผลอื่นๆที่ปลูกที่นี่เลี้ยงปากท้อง แต่อาหารที่พวกเขาถือว่ามีค่ามากที่สุดต้องออกหาเอง ได้แก่ ปลา ไก่ป่า และสัตว์ป่าอื่นๆ



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1267.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : ในชุมชนอานาเชเร เด็กสาวเหลือบมองสิ่งที่สมาชิกในครอบครัวของเธอนำกลับมาจากการออกไปหาอาหารในป่า
ฝักถั่วเหล่านี้คือผลของต้นอินกา พวกมันมีรสหวานและเป็นที่โปรดปรานของเด็กๆ ชาวซิมาเน


บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2318


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 04 กันยายน 2557 19:08:23 »


แทนซาเนีย

http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1268.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : NGM Maps
คำบรรยายภาพ : ชาวฮัดซาแห่งแทนซาเนียเป็นชนเผ่าเก็บของป่า ล่าสัตว์เต็มเวลาเผ่าสุดท้ายของโลก
พวกเขายังชีพด้วยสิ่งที่หาได้ ทั้งสัตว์ป่า น้ำผึ้ง และพืชผัก ซึ่งรวมถึงพืชหัว ลูกไม้ และผลเบาบับ



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1269.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : วานเดกับสามีชื่อโมโคอา ออกหาอาหารด้วยกัน เธอใช้ท่อนไม้ติดปลายมีดขุดหัวเผือกหัวมัน
ซึ่งเป็นอาหารหลักโดยเฉพาะในฤดูฝน ส่วนโมโคอาพกขวานเพื่อถากรังผึ้งจากต้นไม้ และใช้คันธนูกับลูกศรในการล่าสัตว์และป้องกันตัว



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1270.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : น้ำผึ้งแหล่งพลังงานสำคัญของชนเผ่าฮัดซาในแทนซาเนีย



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1271.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : ลูกไม้อย่างเช่น กองโกโลบ (Grewia bicolor) ที่เห็นอยู่นี้ เป็นอาหาร
ที่ชาวฮัดซาเก็บมาจากป่า พวกเขามักกินทันทีมากกว่าจะเก็บไว้กินในภายหลัง หลังจากอิ่มอร่อยแล้ว
ชาวฮัดซาจะคายเมล็ดและหว่านลงบนพื้นบริเวณรอบๆ เพื่อให้ต้นอ่อนมีโอกาสเติบโตขึ้นทดแทน



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1272.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : พรานหนุ่มชาวฮัดซาสำรวจหุบเขายาเอดา (ขวา) ครอบครัวของพวกขาจะกินสัตว์ชนิดใดก็ตาม
ที่พรานเหล่านี้นำกลับบ้าน กว่า 50 ปีที่ผ่านมา ที่ดินส่วนใหญ่ซึ่งเคยเป็นของเผ่าถูกคนเลี้ยงปศุสัตว์ครอบครอง
และทำให้สัตว์ป่าหนีหาย อีกทั้งยังตกเป็นของชาวนาที่ตัดฟันต้นไม้ซึ่งผึ้งอาศัยทำรังมาทำรั้ว


บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2318


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 04 กันยายน 2557 19:10:04 »


กรีนแลนด์ (เดนมาร์ก)

http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1273.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : NGM Maps
คำบรรยายภาพ : ชาวอินูอิตในกรีนแลนด์แทบไม่กินอย่างอื่นนอกจากเนื้อสัตว์ตลอดหลายชั่วอายุคน
เนื่องจากภูมิประเทศแร้นแค้นเกินกว่าพืชส่วนใหญ่จะงอกเงยได้ ปัจจุบัน แม้พวกเขาจะหาซื้อข้าวของ
จากตลาดได้หลากหลาย แต่ความชื่นชอบเนื้อสัตว์ยังคงอยู่



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1274.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : ลูกบ้าน 64 ชีวิตในหมู่บ้านไอซอร์ทอกอันห่างไกลทางตะวันออกของกรีนแลนด์
ยังคงล่าสัตว์และจับปลา แต่ผสมผสานอาหารพื้นเมืองของชาวอินูอิตกับของที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต
(อาคารใหญ่สีแดงด้านหน้า) อาหารจานโปรดคือ เนื้อแมวน้ำจิ้มซอสมะเขือเทศและมายองเนส



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1275.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : เด็กหญิงชาวอินูอิตป้อนตับชิ้นเล็กๆ จากแมวน้ำที่พ่อล่าได้ให้น้องชาย (ซ้าย)
ส่วนที่ไม่ได้กินทันทีจะถูกปล่อยให้แช่แช็งอยู่ในเพิงนอกบ้าน “ตู้แช่แข็ง” ของครอบครัวหนึ่ง (บน) มีเนื้อ ซี่โครง
และขากรรไกรของวาฬเพชฌฆาต และครีบหน้าของแมวน้ำเบียร์ด



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1276.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : สุนัขลากเลื่อนเลียครีบของวาฬเพชฌฆาต หลังจากชาวอินูอิตชำแหละเนื้อที่ได้มาจากการล่า
พวกเขาจะบริโภคบางส่วนทันที โดยเก็บส่วนที่เหลือไว้ในเพิงพัก เศษเนื้อและอื่นๆ เป็นอาหารให้สุนัขลากเลื่อน

บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2318


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 04 กันยายน 2557 19:11:16 »


มาเลเซีย

http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1277.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : NGM Maps
คำบรรยายภาพ : อาหารเกือบทั้งหมดที่ชาวบาจาวในมาเลเซียกินนั้นได้จากการจับปลาและดำน้ำหามา
หลายคนอาศัยอยู่ในบ้านบนชายหาดหรือบนบ้านเสา ขณะที่อีกหลายคนอาศัยอยู่ในเรือ



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1278.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : อัลไพดาทาหน้าด้วยแป้ง เบดักเซอจุก หรือแป้งเย็นที่ทำจากข้าวและใบเตย
เธอพายเรือไปเยี่ยมเพื่อนที่อาศัยอยู่ในบ้านบนเสาค้ำ สาวน้อยและครอบครัวของเธอเป็นชนเผ่าที่รู้จักกัน
ในนาม บาจาวทะเล (Sea Bajau) เพราะอาศัยอยู่ใน เลปาเลปา หรือเรือบ้านตลอดทั้งปี



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1279.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : ชาวประมงชาวบาจาวกำหมึกยักษ์ที่แทงได้ นอกจากอาหารจานหนึ่ง
ที่ปรุงจากมันสำปะหลังแล้ว อาหารของชาว บาจาวทั้งหมดล้วนมาจากทะเล ทารกชาวบาจาว (ซ้าย)
หลับปุ๋ยข้างหอยเป๋าฮื้อในกระทะซึ่งจะเป็นอาหารมื้อเย็นของครอบครัว



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1280.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : ชาวบาจาวอาจสวมใส่เครื่องแต่งกายตะวันตกอย่างกางเกงยีนรัดรูปแต่พวกเขา
ยังคงจับปลาอย่างที่เคยทำมาตลอดหลายศตวรรษ พวกเขาจะออกเรือไปตามแนวปะการัง มองลงไปในน้ำจนกว่าจะเห็นปลา
จากนั้นจึงดำลงไปพร้อมฉมวก ในภาพนี้หนุ่มชาวบาจาวชื่อ ดิโด จับปลาหูช้างวัยเยาว์ได้

บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2318


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 04 กันยายน 2557 19:13:01 »

อัฟกานิสถาน

http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1281.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : NGM Maps
คำบรรยายภาพ : ชาวคีร์กีซแห่งชุมเขาปามีร์ทางเหนือของอัฟกานิสถาน อาศัยอยู่ในพื้นที่สูง
ซึ่งปลูกพืชผลไม่ขึ้น การดำรงชีพต้องพึ่งพาสัตว์ที่พวกเขารีดนม ฆ่าเพื่อเอาเนื้อ และแลกเปลี่ยนกัน



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1282.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : เค้กคูรุตตากแห้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมจามรีเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ
เป็นเวลาหลายชั่วโมง แล้วขึ้นรูปตามภาชนะที่ใส่หรือปั้นเป็นเค้กด้วยมือ ก่อนนำไปวางบนเสื่อหรือหลังคา
เพื่อตากให้แห้ง เค้กที่แห้งและแข็งตัวดีสามารถเก็บไว้เป็นอาหารในฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่จามรีให้นมน้อย
พวกเขาจะแช่มันในน้ำร้อนเพื่อให้อ่อนนุ่มอีกครั้ง



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1283.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : หญิงชาวคีร์กีซใช้มือแยกขนจามรีและเศษผงอื่นๆ ออกจากน้ำนม
คนเลี้ยงจามรีในชิมชาลปามีร์ ซึ่งอยู่ในบริเวณที่ห่างไกลทางเหนือของปากีสถานและมีเขตแดนติดกับจีน
ดูแลฝูงจามรีของตน (ขวา) ในฤดูร้อน พวกเขาจะขุนจามรี แพะ และแกะให้อ้วนพีในทุ่งเลี้ยงสัตว์
เป็นเวลาหลายเดือนเพื่อให้พวกมันมีชีวิตรอดและเลี้ยงผู้คนได้ตลอดช่วงฤดูหนาว



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1284.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : อายีม ข่าน สวมรองเท้าบู๊ตที่ยืมจากพ่อและคลุมผ้าคลุมศีรษะสีแดง
ตามประเพณีของเด็กหญิงชาวคีร์กีซที่ยังไม่ได้แต่งงาน เธอรีดนมจามรีของครอบครัววันละสองครั้ง
ลิ่มน้ำนมบางส่วนจะนำไปตากแห้งไว้กินในฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่จามรีให้นมน้อยลง

บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2318


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 04 กันยายน 2557 19:13:55 »


กรีซ

http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1285.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : NGM Maps
คำบรรยายภาพ : ประชากรบนเกาะครีตซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของกรีซ กินอาหารหลากหลาย
ที่ได้มาจากสวน ฟาร์ม และทะเล พวกเขารู้จักและบริโภค “อาหารเมดิเตอร์เรเนียน” นี้มาช้านาน
ก่อนที่มันจะกลายเป็นอาหารยอดนิยมในปัจจุบัน



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1286.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : ที่หมู่บ้านมัวเรส บนเกาะครีต เกษตรกรฟานัวริส โรมานาคิส ตัดแต่งกิ่งต้นมะกอกของเขา
ในฤดูใบไม้ผลิเพื่อที่พวกมันจะได้ ออกผลมากขึ้น ครอบครัวโรมานากิสทำน้ำมันมะกอกซึ่งเป็นแหล่งที่มา
ของรายได้และเป็นอาหารหลักของพวกเขา พวกเขายังใช้พื้นที่ส่วนที่เหลือในสวนเพื่อปลูกมันฝรั่ง ถั่วฟาวา และพืชผักอื่น ๆ



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1287.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : อาหารกลางวันทั่วไปในชนบทของเกาะครีตอาจมีปลาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
หอยและผักจากไร่ รวมถึงไวน์ที่ทำจากองุ่น ในท้องถิ่น ที่หมู่บ้านไพรกอสซึ่งเห็นอยู่ทางด้านหลัง อะดอนิส กลิกอริส
(ซ้าย ด้านหน้า) เก็บผักชีฝรั่งพร้อมกับเด็กๆ และ เพื่อนๆ ครอบครัวของกลิกอริส อาศัยเก็บกินและขายผลไม้
จากในไร่ สวนมะกอก และไร่องุ่น



http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-115-IMG-1288.jpg
วิวัฒนาการของอาหาร

ภาพโดย : มัททีเยอ ปาเลย์
คำบรรยายภาพ : อาหารกลางวันของวันเสาร์เป็นมื้อที่ยาวนานและอุดมสมบูรณ์ที่สุด
ของครอบครัวโปปี และคอสตาส มอสโคนัส ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเมอโรนัสทางตอนกลางของเกาะครีต
ครอบครัวนี้เสิร์ฟไวน์โรเซ่บ่มเองและอาหารทำจากส่วนผสมในท้องถิ่น (จากซ้าย): ใบองุ่นชุบแป้งทอด,
ไข่เจียวสมุนไพร และมันฝรั่งทอดในน้ำมันมะกอก


บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.338 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 01 เมษายน 2567 21:08:46