[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 23:19:08 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: a way for peace chapter 1  (อ่าน 12762 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:15:18 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1

<a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/23.wma" target="_blank">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/23.wma</a>

หรือมิฉะนั้น ท่านจะใช้คำสั่งตัวเองก็ได้ เพราะคำสั่งตัวเองนั้นมีความหนักแน่น ท่านใช้เป็นอารมณ์แห่งการปฏิบัติ คือสั่งตัวเองว่าสงบ สงบ สงบ ไปเรื่อยๆ หรือจะเปลี่ยนแปลงเป็นคำภาวนาอย่างอื่นก็ได้ ตามแต่ถนัด


............................เมื่อมีความเข้าใจแล้ว ขอให้ทุกคนพนมมือขึ้น เพื่อจะได้กล่าวคำขอกรรมฐาน........................


........................................คำขอกรรมฐาน.................................



พระพุทธบูชา พระธรรมบูชา พระสังฆบูชา เทวบูชา

ข้า ฯ ขอสงบจิตใจ
ขอให้มีอำนาจในสมาธิ
เพื่อปฏิบัติซึ่งผลแห่งการหยุดกิเลสตัณหา
โลภะ โทสะ โมหะทั้งมวล

ขออำนาจแห่งการเจตนานี้
จงเป็นปัจจัยให้บังเกิดผล
ยังความสงบเป็นที่ตั้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:28:47 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:17:33 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


ขออำนาจเหล่าเทพเทวาทั้งหลาย
จงช่วยอุดหนุนและส่งเสริม
ให้ลูกมีความสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน
เพื่อเจริญทางแห่งมรรภผลนิพพานได้
ณ.กาลบัดนี้เทอญ


ขอให้ทุกคนตั้งอยู่ในความสงบด้วยการทำสมาธิ
ลักษณะแห่งการทำสมาธินั้น
ท่านใช้อารมณ์ใดก็ได้ตามถนัด
ผมจะแนะนำให้ท่านดูสักนิดนะครับ ท่านนั่งอยู่ในท่าตรงอย่างนี้อย่างเดียว ก็จะเกิดการเมื่อยหลัง เกิดการปวดในหัวเข่า
ฉะนั้น..................การนั่งตรงเพื่อให้จิตสงบนั้น เป็นการฝึกธรรมชาติของร่างกายคือรูปธรรม เมื่อท่านนั่งพอรู้สึกว่ามีอาการปวดแล้ว ท่านขยับเขยื้อนได้ครับ
ท่านจะก้มลงมาเพื่อให้ผ่อนคลาย จากการตึงของเส้นท้อง ย่อลงมาก็ได้
แล้วท่านก็เริ่มต้นภาวนาของท่านต่อไป หรือไม่ ท่านรู้สึกเมื่อยแล้ว ลองทำอย่างผม เอามือเอนมาข้างหน้า ยันตัวเอาไว้ แล้วภาวนาคำว่า สงบ สงบ สงบ อยู่ตลอดเวลา
เมื่อความสงบเกิดขึ้นแล้ว ท่านจะใช้คำว่า พุทโธ เข้ามาประกอบก็ได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงอยู่ในลักษณะของความสงบ อยู่ตลอดเวลาด้วยการหาที่พึ่ง
ให้ท่านกระทำไป จนกว่าจะได้ยินเสียงเรียกของผม ให้ท่านตื่นจากสมาธิ แล้วก็จะนำท่านก้าวเข้าสู่วิปัสสนากันต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:16:32 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:22:42 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


เอาละครับรู้สึกตัว เมื่อท่านรู้สึกตัวแล้ว ให้ท่านกำหนดรู้สึกว่ารูปนั่ง เมื่อท่านกำหนดรู้สึกตัว อยู่ในอาการของรูปนั่งแล้ว ท่านไม่จำเป็นจะต้องหลับตาต่อไป ท่านลืมตาขึ้นมาได้ และท่านพบเห็นอะไร เกิดขึ้นมาในสายตาของท่าน ท่านกำหนดทันที
นามเห็นเสียงที่ผมพูดอยู่ ท่านไม่ต้องมาใส่ใจกับเนื้อหาสาระ แต่ท่านใช้เสียงของผมเป็นอารมณ์ เพื่อจะกำหนดต่อไปในลักษณะ ของวิปัสสนากรรมฐาน
ผมจะพูดอะไรอยู่ ถ้ามีอำนาจรุนแรงกระทบที่หูท่าน เป็นช่วง ๆ หรือขณะ ๆ ท่านกำหนด นามได้ยิน
สายตาที่ท่านทอดออกไป ถ้าเห็นอะไร เช่น เปลวเทียนที่สาดส่องอยู่ ท่านก็กำหนด นามเห็น และท่านรีบกลับมากำหนดที่รูปนั่งทันที พอรูปนั่งแล้ว แสงเทียนมากระทบตาท่านอีก ท่านก็กำหนด นามเห็น
ถ้าเสียงของผมมีความรุนแรงมากกว่า ท่านก็กำหนด นามได้ยิน หรือว่าท่านอยู่ในอาการสงบแล้ว จิตของท่านนึกคิดต่าง ๆ นานา ท่านก็กำหนด นามฟุ้งลายของเสื่อน้ำมันที่ท่านมองลงไป นั่นคือ นามเห็น เสียงที่ผมพูดอยู่ท่านก็ กำหนด นามได้ยิน
ถ้าท่านจะเปลี่ยนอิริยาบถ ยกตัวอย่างเช่น ท่านนั่งขัดสมาธิอยู่ หรือนั่งพับเพียบอยู่ มีทุกข์เกิดขึ้นท่านกำหนด นามทุกข์
พอกำหนดนามทุกข์แล้ว ช่วงที่จะเปลี่ยนอิริยาบถใช้อะไร ใช้สติควบคุมเพื่อให้เกิดความสุภาพครับ มีสติควบคุม ความสำรวมก็เกิดขึ้น
เสียงที่ผมพูดอยู่ ท่านไม่ต้องใส่ใจ เพราะท่านเข้าใจภูมิของวิปัสสนาพอสมควรแล้ว ถึงเวลาตอนนี้เราจะทำหน้าที่การปฏิบัติ ท่านก็กำหนด นามได้ยิน
ท่านมองเห็นอะไรก็แล้วแต่ จะเป็นพระพุทธรูป หรือเทียน หรือเห็นลายเสื้อของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่าน ระหว่างที่ท่านมองไป ระหว่างที่ท่านใส่ใจนั้น ท่านเปลี่ยนได้ครับ นามเห็น แล้วก็ทำความรู้สึกตัวใน รูปนั่ง ให้กลับมาที่ฐานเดิมของท่านให้ได้
คำสั่งของผมก็คือ ความทุกข์ชนิดหนึ่ง เพราะคำว่าทุกข์ คือสิ่งที่ทนอยู่ในสภาพเดิมได้ยาก
ฉะนั้นเมื่อทุกข์เกิดแล้ว ท่านกำหนดรู้ว่า ระหว่างที่ท่านได้ยินนี้ไม่ใช่รูปมันทุกข์ แต่นามเป็นทุกข์และทำตามคำสั่งไป
ท่านไม่จำเป็นจะต้องนั่งอยู่ในลักษณะเดียว ผมมีความต้องการให้ท่านทั้งหลาย รู้จักการเปลี่ยนอิริยาบถว่า จากรูปหนึ่งไปอีกรูปหนึ่งนั้น ให้มีการฝึกสติเข้าควบคุมบ้างในตอนนี้
ท่านกำหนดนะครับ ผมสั่งท่านทั้งหลายให้ลุกขึ้นยืน ท่านก็กำหนดว่า นามทุกข์ ระหว่างกำหนดนามทุกข์แล้ว ท่านไม่ต้องรอช้าครับ ท่านมีสติ จะเอามือท้าวก็มีสติ ควบคุมอิริยาบถ ให้เกิดความไม่ประมาทเป็นกิริยาที่สุภาพ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:17:24 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:27:27 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


ให้ท่านทั้งหลายยืนขึ้น เมื่อท่านยืนขึ้นแล้ว ท่านกำหนด รูปยืน ทันที เมื่อกำหนดรูปยืนแล้ว เสียงผมเกิดขึ้นมาอีก นาม ก็ได้ยิน ท่านมองไปเห็นพระพุทธรูปหรือรูปถ่าย เมื่อนามเห็นอล้วก็กำหนดต่อมาว่า นามได้ยิน
รูปยืน กำหนดรูปยืนอยู่ เสียงมาชัดก็กำหนด นามได้ยิน ท่ายืน ไม่จำเป็นต้องยืนแข็งทื่อ ยืนตามสบายได้ จะกอดอก จะอะไรก็ได้ แต่ให้รู้สึกว่า รูปมันยืน
เมื่อท่านรู้สึกลักษณะนี้แล้ว ท่านก็ใช้สติในการทำงาน เพื่อโยกย้ายจากอิริยาบถหนึ่งไปอิริยาบถหนึ่ง
ท่านเห็น....................................ก็กำหนดนามเห็น นามเห็นแล้วท่านทำยังไง ตอบ รูปยืนครับ เมื่อรูปยืนแล้ว เสียงก็เข้า เป็นนามได้ยิน
ทวารทั้ง 6 ของเรานี้เป็นประตูรับ มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย และมีใจ มันเข้าออกอยู่ตลอดเวลา แต่เราไม่เท่าทัน
ตรงไหนที่มีความรุนแรงมากระทบ เช่น ท่านกระทบเปลวเทียน ท่านก็กำหนด นามเห็น เสียงผมเข้าไป นามได้ยิน แล้วท่านก็พยายามตั้งต้น เริ่มที่รูปยืน
คำสั่งของผมก็คือ ทุกขังชนิดหนึ่ง ให้ท่านกำหนดรู้สึกตัว ในอาการที่ให้ยืนว่า รูปยืน แล้วท่านจงนั่งลง
อันนี้หวังว่าคงเข้าใจกันดีมาก เพราะเป็นการปฏิบัติซึ่งมีโยนิโสมนสิการด้วย พร้อมทั้งมีสติอันเป็นตัวเอก ควบคุมการกระทำของท่าน
ระหว่างที่ท่านกำหนดว่า นามเป็นทุกข์ แล้วท่านมีสติควบคุมการนั่งของท่านครับ เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สำรวม พอนั่งปุ๊บ ท่านใช้โยนิโสคือ รูปนั่ง ทันที พอนั่งแล้วเสียงผมเข้าก็ นามได้ยิน
การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่า การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพราะว่าการเป็นการคลี่คลายสิ่งต่าง ๆ ทั้งแบบซ่อนเร้นและแบบเปิดเผย ให้เราเห็นเด่นชัดว่า ที่เรายืน เรานั่ง เรานอน เราเดิน ไม่ใช่เราเลย มันเป็นเพียงอาการของรูป เป็นการกระทำของนามธรรมทั้งสิ้น
การกำหนดรู้สึกตัว ไม่จำเป็นต้องมองดูด้วยตาเนื้อ ก็สามารถจะรู้สึกตัวได้ขอให้ท่านทดลองชูมือขึ้นเหนือศรีษะ ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปดูมือที่ชูนั้น รู้สึกไหมครับว่า ท่านกำลังชูมืออยู่ กำลังนั่งฟังผมพูดอยู่ ไม่จำเป็นต้องนั่งนึก นั่งท่องว่ากำลังฟังอยู่
ตามหลักความเป็นจริง ไม่จำเป็นไม่ต้องหลับตา เพราะการหลับตาหมายถึง ต้องการพักผ่อน คือนอนหลับ การช่วยเหลือตัวเองอีกอย่างหนึ่ง เพื่อจะทำลายความวิปลาส ให้มาตีเทียบน้อยลง ก็คือการ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:17:50 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:32:49 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


ปฏิบัติมีความสำรวม มองให้ตำ มองในระยะใกล้ ไม่จำเป็นไม่ต้องกวาดสายตาไปทั่ว
ระหว่างที่เรามองทั่ว เราก็เห็น แล้วเราก็มีสัญญา มาตีเทียบอยู่ตลอดเวลาว่า นั่นเป็นโต๊ะนะ นั่นเป็นพัดลมนะ สัญญาวิปลาสมันออกมาใช้ สร้างความเคยชินมากขึ้นเข้าไป ไม่จำเป็นต้องทนอยู่ในสภาพเดิมนะครับ สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ยังไม่เข้าใจ
จะคันท่านก็กำหนด แล้วก็แก้ไขได้ด้วยสติ ระลึกรู้สึกตัวเมื่อเสร็จภารกิจแล้ว ท่านก็เริ่มต้นดูตามความจริง ที่เกิดขึ้นมากระทบกับท่านต่อไป
สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าใจชัดเจน ท่านก็ฟังผมต่อไป ผู้ที่กำหนดก็ขอให้กำหนดต่อไป
รูปนั่งเสียงที่มากระทบแรง นามได้ยิน หรือท่านฟุ้งไปก็ นามฟุ้ง หลับตาแล้วเปลวเทียนที่ถูกพัดลม มันซัดส่ายเข้ามาสะท้อนเข้าตา ท่านเกิดการระคายเคือง นามทุกข์ครับ ไม่ใช่เราทุกข์ พัดลมที่พัดมากระทบเย็นวูบมา กำหนด รูปเย็น เสียงผมท่านก็กำหนด นามได้ยิน
ชีวิตของคนเรามีแต่รูป มีแต่นาม ฉะนั้น การมีโยนิโสมนสิการคือ การเพ่งเล็งได้อย่างแยบคาย และถูกต้องตามปรมัตถสัจจะ
ท่านจะเห็นว่า ชีวิตที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป เป็นการเกิดขึ้นของรูปธรรม และดับไปของรูปธรรม เป็นการเกิดของนามธรรม และดับไปของนามธรรม มีทั้งรูป มีทั้งนาม แต่ระหว่างหัวต่อที่จะเกิด ในอิริยาบถหนึ่งไปอิริยาบถหนึ่งนั้น ท่านควรใช้สติควบคุม
เช่น เมื่อนั่งอยู่มีทุกข์เกิดขึ้น ท่านก็รู้ว่านามเป็นทุกข์ เมื่อนามเป็นทุกข์แล้ว ไม่ต้องทนอยู่ เพราะว่าวิปัสสนาไม่ได้สอนให้ทน
เมื่อท่านกำหนดรู้ทุกข์แล้ว จะเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ ด้วยการมีสติควบคุมการทำงาน เพื่อให้เกิดความสำรวม พอสำรวมจนกระทั่ง อยู่ในอาการที่นั่งแล้ว ท่านก็กำหนดรูปนั่ง
ชีวิตของคนเราไม่เที่ยง ชีวิตคนเราทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ชีวิตของคนเรานั้นไม่สามารถบังคับบังชาอะไรได้
ตั้งแต่เล็กจนโตมาทุกวันนี้ ท่านลองคิดดูว่ามีอะไรบ้างสำหรับชีวิต ที่มั่นคงเที่ยงแท้ถาวร ท่านเจอปัญหาร้อยแปดมาแล้ว แก้ไขมาไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ฟันฝ่าสู้เพื่อให้ได้มา........................แต่ก็หมดไป ท่านทำให้แก่ชีวิตมาโดยไม่คิดว่าจะผิดหวังกันเลย แต่ท่านก็ยืนอยู่บนความผิดหวังตลอดเวลา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:18:13 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #25 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:35:04 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


ท่านทั้งหลายครับ พระธรรมเท่านั้นที่จะทำให้ท่านเข้าใจความจริงว่า ชีวิตของแต่ละบุคคลที่โดยสมมุติกันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นคนฐานะมั่งมีหรือยากจนขนาดใด
จะเป็นเราที่นั่งอยู่ในสถานที่นี้ หรือจะเป็นผู้ที่เดินอยู่บนท้องถนนก็ตาม ทั้งเขาเหล่านั้นและเราเหล่านี้ ไม่มีใครที่จะสามารถคว้าอะไร และยึดถือเอาเป็นเจ้าของได้นานเลย
เพราะว่าธรรมชาติทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป ภายในขณะจิตที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ดับลง แต่เราไม่เท่าทัน จึงหลงผิดคิดว่า ชีวิต สิ่งที่เห็น บ้านที่อยู่ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ใส่ เป็นของเลอเลิศสวยงามวิจิตรบรรจง ทั้งที่ความจริงเป็นเพียงการตกแต่งด้วยสัญญาวิปลาสของเราทั้งสิ้น
เมื่อเราสามารถทำลายสัญญาวิปลาสได้ เราจะเห็นแง่มุมอันเด่นชัดแท้ๆ ว่า ชีวิตของเรามีแต่อสุภะ คือของไม่ดี เพื่อจะได้ทำลายสุภวิปลาส เราจะได้เห็นว่าชีวิตของเรานั้น ถ้าเรามีสติตั้งอยู่ จะเปลี่ยนแปลงอิริยาบถเพราะทุกข์มันเกิด
เราจะได้เห็นว่าชีวิตนั้นมีแต่ทุกขเวทนา เราจะสามารถทำลายสุขวิปลาสได้ เราเห็นความเปลี่ยนแปลงจากน้อยไปหามาก เรานั่งลงและเราก็กำหนด ทุกข์มันเริ่มขึ้นทีละน้อยและมันมีอยู่ตลอดเวลา
เดี๋ยวเสียงก็มากระทบ เราต้องทำงานทางประสาทหู เดี๋ยวตาต้องเห็น ต้องทำงาน จึงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ที่ต้องเห็นต้องได้ยิน คำว่าต้องคือความทุกข์ฉะนั้น......................จะเห็นว่าชีวิตมีแต่ความทุกข์ มีแต่ความไม่เที่ยง ทำลายนิจจวิปลาสแล้วเราจะเห็นว่า ความมีสาระในชีวิตไม่มีเลย คนก็ไม่มี สัตว์ก็ไม่มี แท้ที่จริงคือสภาวะของรูปของนาม จะได้ทำลายอัตตวิปลาสซึ่งถ้าผู้ใดสามารถกำจัดวิปลาส อย่างใดอย่างหนึ่งออกไปได้ ท่านผู้นั้นถึงซึ่งความเจริญโดยแท้จริง
แต่เราล่ะครับ เรายังไม่ได้เจริญแท้จริง เมืองที่ว่าศิวิไลซ์ โลกที่ว่าพัฒนาแล้ว ประเทศที่มีความพัฒนาเกิดขึ้น เป็นการพัฒนาทางด้านวัตถุธาตุทั้งสิ้น แต่เราลองคิดดูมีใครบ้างที่พัฒนาทางจิตใจไม่มีเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:18:44 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:37:15 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


และเรามีหนทางที่จะพัฒนาจิตใจก็เพราะว่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเป็นผู้รู้ความจริง ว่ามีแต่ความไม่เที่ยง มีแต่ความเป็นทุกข์ และไม่สามารถยังคับบัญชาได้
ท่านทั้งหลายครับ ที่ท่านนั่งอยู่ กำหนดรูปนั่ง เสียงผมที่จะสั่งท่านต่อไปนี้คือความทุกข์ที่เกิดขึ้นทางนาม ให้ท่านกำหนดรูสึกตัวอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเคยชินในการเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ จะได้เอาสติเข้าใช้
พอสติเข้าควบคุมจนกระทั่งท่านยืนตั้งตัวได้ดีแล้ว ท่านกำหนดรูปเป็นยืนทันที แล้วกำหนดนามได้ยินหรือนามเห็นก็ได้ หรือนามฟุ้งก็ได้ทันทีครับ
ผมสั่งให้ท่านทั้งหลายยืนขึ้น ท่านกำหนด นามเป็นทุกข์ แล้วเปลี่ยนแปลงทันที การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ท่านต้องใช้สติทันทีครับ จะใช้มือท้าวหรืออย่างไรท่านก็มีสติ พอยืนได้แล้วกำหนด รูปยืน
นามได้ยิน ตอนนี้นามก็ได้ยิน หรือท่านมองไปเห็นอะไรก็แล้วแต่ กำหนดนามเห็น แล้ว รูปยืนต่อ ไม่มองอยู่ที่เดียว
ตอนนี้ถึงเวลาที่ท่านจะฝึกหัด เพื่อให้เกิดความเคยชิน แล้วจะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในเวลาที่อยู่ตามลำพังได้
ผมมีคำสั่งให้ท่านทั้งหลาย เดินสลับสับเปลี่ยนที่กันไปมา แล้วกลับมายืนที่เก่าด้วยกันทั้งสิ้น ท่านจะชนกับใคร จะกระทบกับใคร ท่านใช้สติหลีกเลี่ยงได้ครับ
การกระทบ เช่น ผมจะเดินให้ดู ผมสั่งให้ท่านเดินก็กำหนดนามเป็นทุกข์แล้วกำหนดรูปเดิน ที่นี้ถ้ากำหนดรูปเดินอย่างเดียวก็ชนกับใครต่อใคร ไม่มีการเคารพนบนอบ ไม่มีการสำรวม ระหว่างที่ท่านก้าวไปไม่ได้ชนกับใคร ท่านกำหนดรูปเดิน
ที่นี้นามเห็นคน ท่านก็มีสติหลบ เมื่อผ่านพ้นไปแล้วท่านก็รู้สึกตัว กลับมากำหนดรูปเดิน มีสติหลบ เดินไป เมื่อไปยืนอยู่ที่ไหนก็กำหนดรูปยืน
ผมมีคำสั่งให้ทุกคนเดินเปลี่ยนที่กัน ครบแล้วลองใช้สติในการเดิน กำหนดรูปเดินสักนิดหนึ่งรู้สึกตัวว่านี่รูปเดิน แล้วออกเดินเปลี่ยนที่กัน ใช้สติควบคุมการเดินเพื่อให้เกิดความรุนแรง ท่านก็กำหนดนามได้ยินได้ จะชนอะไรก็มีสติยับยั้ง หลบเลี่ยง ใช้สติเดินแล้ววนกลับไปที่ของตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:19:06 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #27 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:39:44 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


ถ้าเผื่อท่านหลีกไม่ได้ ท่านกำหนดรูปยืนอยู่ เพื่อให้คนอื่นหลีกไปก่อน แล้วค่อยกำหนดรูปเดินต่อ การหลีกให้คนอื่นไปก่อนเพื่ออะไร เพื่อให้เกิดความอ่อนน้อมขึ้นมาในจิตใจ
ขอให้ทุกคนเดินกันไปตามธรรมดา ไม่ต้องเอามือประสานกัน ตัวแข็งทื่อ ท่านเดินของท่านธรรมดา จะเสยผมหรือทำอะไรก็ได้ เพียงแต่ให้รู้ทันว่า ทำไมจึงเสยผม เพราะว่าเกิดความทุกข์ที่ผมลงมาปรกหน้า พอรู้สึกตัวรูปเดินครั้งเดียว
ที่นี้เรามีหน้าที่เดินไปด้วยสติ ไม่เกิดการพรวดพราดข้ามอัญมณีอันมีค่า ท่านจะได้เห็นว่าสิ่งใดที่ท่านควรจะจับตามอง สิ่งใดที่ควรหลีกละ
บางทีท่านอาจเหยียบขวากหนามได้ ถ้าท่านมัวแต่กำหนดรูปเดิน ใช้สติครับ เดินต่อไป ลองวนไปวนมา เพื่อให้เกิดการรู้สึกว่าสติ ควบคุมการเดินเป็นอย่างไรก็จะไม่ชนกับใครหรืออะไร ใช่ไหมครับ และการที่ท่านมีสติเดิน ท่านจะไม่ไปหกล้มตรงป้ายรถเมล์ ท่านจะไม่ลื่นล้ม ท่านเดินเร็ว ๆ ไป เมื่อจะชนก็หลบหลีก เอี้ยวตัวได้ นั่นคือการเดินด้วยการมีสติ
เมื่อหลบไม่ได้หยุดอยู่กับที่นั่นก็คือรูปยืน แล้วก็เดินต่อคือ รูปเดิน แล้วก็นามได้ยินบ้าง สารพัดที่เปลี่ยนได้ แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของบุญ เพื่อไม่ให้เกิดความเศร้าหมองทางจิตใจ
เมื่อจะเดินผ่านหรือสวนทางกัน จะทำอย่างไร รู้สึกตัวรูปยืน ไม่ใส่ใจกับเขา เพราะรู้อยู่ในใจว่าเขาหลีกทางให้เรา เมตตาก็ออกมาใช่ไหมครับ แล้วก็รูปยืนและรูปเดินต่อ รู้สึกตัว เพื่อมีสติ
ถ้าเราไม่เข้าใจว่าระหว่างรูปหนึ่งไปอีกรูปหนึ่งนั้น ระหว่างช่วงที่จะไปจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่ง เราจะใช้อาการใด ต้องมีสติครับ เราจะไม่ใส่ใจกับอะไรทั้งสิ้น เพราะเรากำลังกระทำความดี คนอื่นทำความชั่วเป็นเรื่องของเขา แต่ขอให้เรายืนอยู่บนพื้นฐานความดี ตั้งมั่นให้ได้
เอาละครับ ก็สมควรแก่เวลา ลองทบทวนดูสักนิด ระยะที่เดินนี่ ท่านคิดกี่เรื่อง จำได้ไหม จำไม่ได้ เพราะสารพัดเลย แต่เป็นของธรรมดา
ขอให้ท่านรู้เรื่องทำลายตัวเราออกไป เพราะระหว่างที่ท่านมีสติรู้ว่าเป็นรูปเป็นนามนั้น สติสัมปชัญญะก็จะเข้ามาแทนที่ อกุศลต่าง ๆ ก็ไหลเข้ามาไม่ได้ และเป็นการทำลายสักกายทิฏฐิโดยตรง เพราะว่ากำหนดนามฟุ้งก็ดี ตอนนี้เราก็ไม่มี
ผมถามเพียงเล็กน้อยเองว่า จากที่ท่านเดินมานั่งลงจนวินาทีนี้มีทุกข์เข้ามากี่อย่าง ท่านรับรู้อารมณ์กี่อย่างนับไม่ได้ เห็นไหมครับ อนิจจัง เมื่อความไม่เที่ยงมีแล้ว มันต้องทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้แน่นอน เพราะว่าไม่สามารถบังคับบัญชาได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:19:30 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 19:41:59 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/5.jpg
a way for peace chapter 1


ฉะนั้น(สติ)ที่เราฝึกกันอยู่ทุกวันนี้ดีแล้ว รู้สึกว่าเป็นรูปเป็นนาม แต่บางคนน้อยใจว่า มันเหมือนกับการท่อง แล้วก็ยังไม่เท่าทัน ฝึกมากมันเท่าทันเอง เท่าทันรูปนามมากขึ้นเท่าใด ความจริงก็ปรากฏ
ความจริงอะไรครับ ความจริงของอนิจจัง หรือ ทุกขัง หรืออนัตตา
ทีนี้เราจะเห็นความจริงได้อย่างไรว่าไม่เที่ยง ชีวิตของเราท่านอย่าลืมว่าไม่ใช่มีแต่รูปอย่างเดียว มีนามด้วย ฉะนั้นรูปนามคือชีวิต ชีวิตไม่เที่ยง มันจะเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ถ้าเรากำหนดทัน กำหนดบนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะระหว่างที่เรานั่งอยู่ รู้สึกตัวว่ารูปนั่ง พอรู้สึกตัวว่ารูปนั่งแล้วพัดลมพัดมานี่ เรารู้สึกตัวว่ามันเย็น  เมื่ออเย็นแล้วก็เห็น เห็นแล้วก็มีลายรูปนั่งไม่ได้เที่ยงเลย รูปนั่งไม่มีตลอด เพราะจิตเราไปกำหนดอยู่กับรูปนาม รูปมันก็ทิ้งไปเลย
ดังนั้น...................บางคนเข้าใจผิดว่ารูปนั่งนี่ ถ้าเป็นพระอรหันต์มันจะไม่เป็นรูป มันจะกระจัดกระจายไม่ถูกนะครับ ก็ยังเห็นเป็นโครงสร้างรูปคนอยู่ แต่รู้เท่าทันเท่านั้นเอง ไม่ใช่รู้เท่าทันที่เขา รู้เท่าทันตัวเองว่า ขณะที่เห็นนี่เห็นขณะหนึ่ง พอใจจึงตาม สีสันตามมา กระทบอารมณ์ต่าง ๆ ยินดียินร้ายตามมา
เพราะฉะนั้นอะไรก็แล้วแต่เข้ามากระทบรุนแรง หน้าที่เรากำหนดอารมณ์นั้น สันตติถูกทำลายเองอำนาจ โยนิโส ที่เราเข้าไปรู้เท่าทันอารมณ์ปัจจุบันได้เลย สันติคืออาการสืบต่อของรูปก็จะไม่สืบแล้ว เพราะไม่มีรูปแล้วตอนนี้ เพราะมันไปอยู่กับรูปกับนาม



..........................................THE END...........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2553 20:21:11 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 02 เมษายน 2553 22:25:20 »


อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ น้อง"บางครั้ง"



 รัก  สลึมสลือ   รัก
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #30 เมื่อ: 03 เมษายน 2553 09:56:41 »

(:SL:)เหนื่อยจังเลย สลึมสลือ
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.151 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 19:48:36