[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 15:40:21 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระอรหันต์กลางกรุง! "เจ้าคุณนร" ผู้สละทิ้งทุกสิ่ง บวชแล้วไม่ขอสึก เพื่อถวาย ร.6  (อ่าน 1101 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.272 Chrome 50.0.2661.272


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 28 กันยายน 2559 02:58:27 »



พระอรหันต์กลางกรุง! "เจ้าคุณนร" ผู้สละทิ้งทุกสิ่งทางโลก บวชแล้วไม่ขอสึก เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่6

เรื่องราวของ "ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต" ได้รับการบอกเล่าผ่านปลายปากการของ "หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช"






ได้รับการบอกเล่า ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ผ่านทางสมาชิกเฟสบุ๊คท่านหนึ่งนามว่า

โดยมีเนื้อความดังนี้ Supani Sundarasardula
 

"ผมเพิ่งได้ทราบข่าวเดี๋ยวนี้เองว่า พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต ได้มรณภาพเสียแล้วที่วัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 14 เมื่อเวลาหลังเพลเล็กน้อย

นามฉายาของท่านคือ ธมมวิตกโก ภิกขุ

ความจริงพระภิกษุมรณภาพเพียงรูปเดียวเมื่ออายุท่านได้ 74 ปี ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นอะไรนัก แต่บังเอิญชีวิตของท่านและการปฏิบัติธรรมของท่านในภิกขุภาวะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเป็นเครื่องชี้ให้เห็นธรรมอันดีที่ควรส่งเสริมบางอย่าง ผมจึงเขียนถึงท่านไว้ในที่นี้

ผมเคยรู้จักเจ้าคุณนรรัตนฯ เมื่อผมยังเป็นเด็กเล็ก คิดดูเดี๋ยวนี้ก็เห็นจะห้าสิบกว่าปีมาแล้ว

ตอนนั้นท่านอายุ 20 กว่า เป็นพระยาและได้สายสะพานแล้วด้วย

ท่านรับราชการกรมมหาดเล็กหลวง และมีตำแหน่งเป็นต้นห้องพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

หน้าที่ของท่านคืออยู่รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ในที่รโหฐาน และเป็นผู้บังคับบัญชามหาดเล็กพระบรรทมคนอื่น ๆ ซึ่งมีอยู่หลายคน

เจ้าคุณนรรัตนฯ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนข้าราชการพลเรือนที่หอวัง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเรียนสำเร็จแล้วก็ต้องเข้าไปรับราชการในกรมมหาดเล็กเพื่อศึกษาราชการตามระเบียบ ก่อนที่จะไปรับราชการกรมกองอื่น ๆ

แต่เจ้าคุณนรรัตนฯ คิดอยู่ที่กรมมหาดเล็กและอยู่ที่ห้องพระบรรทมอยู่จนตลอดรัชกาล



ความจำของเด็กเล็ก ๆ ซึ่งบัดนี้แก่แล้วจะต้องกระจัดกระจายเป็นธรรมดา ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ผมนึกออกเกี่ยวกับเจ้าคุณนรรัตนฯ

ครั้งหนึ่งเห็นท่านกำลังติดพระตรากับฉลองพระองค์ ซึ่งสวมไว้กับหุ่นช่างตัดเสื้อ ท่านติดจนเสร็จแล้วท่านก็ถอยออกมานั่งดูอยู่นาน ไม่พูดจากับใคร

อีกครั้งหนึ่งเห็นท่านนั่งชุนกางเกงจีนเก่า ๆ ของใครอยู่ เสือกเข้าไปถามท่านตามวิสัยของเด็กทะลึ่ง ว่าท่านชุนกางเกงของท่านเองหรือ

ท่านบอกให้ผมลงกราบกางเกงที่ท่านกำลังชุนอยู่นั้น แล้วบอกว่าเป็นพระสนับเพลาจีนของพระเจ้าอยู่หัว

แล้วท่านก็บ่นอุบอิบอยู่ในคอว่า “เป็นถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่ก็ชอบนุ่งกางเกงขาด ๆ เก่า ๆ อย่างนี้แหละ หาใหม่ให้ก็ไม่เอา ครั้นจะปล่อยให้นุ่งกางเกงขาดก็ขายหน้าเขา”

จำได้ว่าเวลาท่านพูดกับเด็กอย่างผมแล้วท่านใช้วาจาหยาบคายสิ้นดี พูดมึงกูไม่เว้นแต่ละคำ

แต่ท่านมีทอฟฟี่แจก เด็กก็เมียงเข้าไปบ่อย ๆ

เด็กที่วิ่ง ๆ อยู่ในวังสมัยนั้นมีมาก และบางคน (อย่างผม) ก็เป็นเด็กที่ซุกซนขนาดเหลือขอจริง ๆ ทีเดียว บางครั้งเข้าไปซุกซนใกล้ที่ประทับจนถูกกริ้วต้องพระราชอาญา มีรับสั่งให้เจ้าคุณนรรัตนฯ เอาไปตีเสียให้เข็ด

เจ้าคุณนรรัตนฯ ก็ลากตัวเข้าไปในห้องซึ่งอยู่ใกล้ที่ประทับ แล้วเอาไม้เรียวซึ่งเตรียมไว้แล้วมาหวดซ้ายป่ายขวาลงไปกับเก้าอี้บ้างกระดานบ้างให้มีเสียงดัง

“ร้องให้ดัง ๆ นะมึง ไม่ร้องพ่อตีตายจริง ๆ ด้วยเอ้า” เด็กก็ร้องจ้าขึ้นมา

และก็จะได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากที่ประทับทันที

“พอที ข้าสั่งให้ตีสั่งสอนมันเพียงหลาบจำ เอ็งตีลูกเขาอย่างกับตีวัวตีควาย ลูกเขาตายไปข้าจะเอาที่ไหนไปใช้เขา”

เจ้าคุณนรรัตนฯ ก็กระซิบบอกเด็กว่า “ไหมล่ะ !”

เด็กก็พ้นพระราชอาญาเพียงแค่นั้น และความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณก็จะติดอยู่ในตัวในใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่มีวันที่จะลืมเลือนได้

ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าคุณนรรัตนฯ ได้อุปสมบทหน้าพระเพลิง อย่างที่สามัญชนเรียกว่า บวชหน้าไฟ

และท่านก็ได้ครองสมณเพศตลอดจนจนถึงมรณภาพ

เป็นเวลา 46 ปีเต็ม

สี่สิบหกปีแห่งความกตัญญูอันมั่นคงหาที่เปรียบได้ยาก

ความจริงเมื่อเสด็จสวรรคตนั้น เจ้าคุณนรรัตนฯ มีทั้งฐานะ ทั้งทรัพย์ และโอกาสที่จะหาความเจริญในโลกต่อไปอย่างพร้อมมูล

ในทางชีวิตครอบครัวท่านก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว

แต่ท่านก็ได้สละสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดออกอุปสมบท และอยู่ในสมณเพศตลอดชีวิต เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งมีพระคุณแก่ท่าน

นับว่าเป็นตัวอย่างแห่งความกตัญญูซึ่งควรจะจารึกไว้

เมื่ออยู่ในสมณเพศนั้น เจ้าคุณนรรัตนฯ ฉันอาหารวันละหนเท่านั้น

อาหารที่ท่านฉัน มีข้าวสุก มะพร้าว กล้วย เกลือ มะนาว และใบฝรั่ง

ท่านลงไปโบสถ์ทำวัตรเช้าและเย็นวันละสองครั้ง ไม่เคยขาด จนมรณภาพ

ดูเหมือนจะขาดอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถระ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตและเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์อยู่สั่งให้อยู่ที่กุฏิเพราะท่านอาพาธ

ท่านเป็นพระที่สงบสงัดจากโลกแล้ว ไม่เคยโด่งดัง แม้แต่ธรรมที่ท่านได้แสดงไว้เมื่อพิมพ์แล้ว ก็ได้เป็นสมุดเล่มเล็ก ๆ มีเนื้อความเพียง 22 หน้ากระดาษและแบ่งออกเป็นเรื่องสั้น ๆ ได้ 8 บท

บทที่ 7 นั้นมีเพียงเท่านั้น แต่ก็ขอให้ท่านอ่านเอาเองเถิดว่าเป็นความจริงเพียงไร และน่าประทับใจเพียงไร

 

7. อานุภาพของไตรสิกขา

ศีล สมาธิ ปัญญา

ด้วยอานุภาพของไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญานี้แล จึงชนะข้าศึก คือ กิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง และอย่างละเอียดได้ !

1. ชนะความหยาบคาย ซึ่งเป็นกิเลสอย่างหยาบที่ล่วงทางกายวาจาได้ด้วยศีล
ชนะความยินดียินร้ายหลงรังหลงชัง ซึ่งเป็นกิเลสอย่างกลางที่เกิดในใจได้ด้วยสมาธิ
ชนะความเข้าใจ รู้ผิด เห็นผิดจากความเป็นจริงของสังขาร ซึ่งเป็นกิเลสอย่างละเอียดได้ด้วยปัญญา

2.ผู้ใดศึกษาและปฏิบัติตามตามไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญานี้โดยพร้อมมูลบริบูรณ์สมบูรณ์แล้ว ผู้นั้นจึงเป็นผู้พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้แน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย !

เพราะฉะนั้น จึงควรสนใจ เอาใจใส่ ตั้งใจศึกษา และปฏิบัติตามไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญานี้ ทุกเมื่อเทอญ

 

ครั้งหนึ่งมีคนเขาไปลือว่าท่านสำเร็จพระอรหันต์แล้ว

ผมพบท่านโดยบังเอิญที่วัดเทพศิรินทร์ก็เข้าไปกราบท่าน แล้วกราบเรียนถามท่านว่า

เขาลือกันว่าใต้เท้าสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วจริงหรือครับ

ท่านดึงหูผมเข้าไปใกล้ ๆ แล้วกระซิบว่า

“ไอ้บ้า”

 

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก คุณSupani Sundarasardula


จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/199026/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
พระอรหันต์กลางกรุง
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
時々๛कभी कभी๛ 1 3135 กระทู้ล่าสุด 04 กรกฎาคม 2554 02:10:59
โดย หมีงงในพงหญ้า
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.335 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มีนาคม 2567 00:48:17