[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 22:43:15 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี  (อ่าน 10626 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2563 16:30:50 »

.



อักษร (ก)
๑ พระราชสาส์นกรุงศรีสัตนาคนหุต มีมายังกรุงธนบุรี
๒ พระราชสาส์นกรุงธนบุรึ ถึง กรุงศรีสัตนาคนหุต
๓ ศุภอักษร เสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุตกำกับพระราชสาส์น
๔ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรีกำกับพระราชสาส์น
๕ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรีรับรับสั่ง มีไปถึงเสนาบดีกรุงล้านช้าง
๖ พระราชสาส์นศรีสัตนาคนหุต
๗ พระราชสาส์นกรุงธนบุรีมีตอบไป
๘ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุตกำกับพระราชสาส์น
๙ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรี กำกับพระราชสาส์นมีไปกรุงล้านช้าง
๑๐ ศุภอักษรพญาหลวงเมืองแสน อรรคมหาเสนาเมืองล้านช้าง ที่ส่งตัวขึ้นไปจากกรุงธน
๑๑ สมณสาส์นมาแต่กรุงศรีสัตนาคนหุต
๑๒ คำแปลสมณสาส์น
๑๓ สมณสาส์นพระสังฆราชกรุงธนบุรีมีตอบไป
• ศุภอักษรครั้งแผ่นดินเจ้ากรุงธนบุรีตอบไปกรุงศรีสัตนาคนหุต

๑ พระราชสาส์นกรุงศรีสัตนาคนหุต มีมายังกรุงธนบุรี
๏ พระราชสารสาขินทศิขารวรชมภูพฤกษ อธิกมํณทลบุบผิด วิกะสิตะ วิรจติปภาหา นันตมหันตคุณ วิบุลมะนุญ สุนธรศุขัดถะประมัดถะ อรรถ หิตะกรณัดถะทัศนาการ สารสุนไสไญย ธรรมา คำภิรโชตินทรสำภาราติเรกอเนกอนัน มหันต มโหฬาร พิสาร พิสิฏ พิพิธ รัตน ราชัยะ ปติมันทิตะพิจิตรวิโรโชติมันทะจันทจรวรรักษ อัคปรมา สาร สิทธิหิตะ ธรรมไม้ตรีในพระบาทสํมเด็จบรมบพิต พระมหาบุญไชยเชฎาจักรพรรดิภูมินทร ธรรมมิกราชาธิราชพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต อุดดมราชธาณีบุรีรํมยบรมนารรถ บรมบพิตรจิตรนา สุภาวิตสัตยา นิตยธรรม ไม้ตรี ศรี รษพจนุตมสมาคม สมเด็จพระมหาเอกาทุศรุทอิศวร มหากระษัตราธิราชบรมนารถบพิตร พระมหานครทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบุรีรมยษรดังอุภัยมหานครบวรราชธาณีศรีสุธาก หากเปนสุพัณปัตติเรก เอกฉันทอัญมัญ ยังซึ่งกันแต่พระมหากระษัตราธิราชแต่ในกาลเมื่อก่อนสืบ ๆ มา ดั่งกรุงศรีอยุทธยาก็เกิดเปนแต่เวรกำมบ้านเมิองจึ่งขาดเสียทางพระราชไม้ตรี ดั่งข้ากะบถในขอบขันธเสมากรุงศรีสัตนาคนทุต ก็เกิดขัดสนซอกทางมิได้ขาด ถึงเมือเจ้าพญานครราชสิมาก็ได้เข้าชดช่วยกทำการช่วยเอาราชพร้อมกันฟาดตีเสีย ยังข้ากบถฝูงนั้น กจึ่งปราไชยไปยังต้งงอยู่ดอนมดแดง ดั่งทางพระราชไม้ตรีจึงเปนอันหวะหวาง จึ่งแจ้งว่าพระมหากระษัตราธิราชยังต้งงอยู่ปักไคยหะวรพุทธสาศนา แลรัฎาปรชาราษฎรข้าไพร่ดั่งนั้น จึงได้ทรงพระราชจินดาปราโมทถึงทำนอ่งคลองพระราชประเพณี บให้ขาดราชไม้ตรี จึ่งได้เปสิตาราชทูตยพญาไทรทรงยศทศบุรีย พญาศรีรัตนาธิเดชไม้ตรีจำทูลพระสุพัณบัตรัตนราชสาร แลเครื่องมงคลบรรณาการ มาวัฒนะสวัสดาสมเด็จพระมหากระษัตราธิราชเจ้าในกรุงศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบุรีรมย เพื่อให้ขอดพันทมิตรสนิทเสน่หาซึ่งพระมหากระษัตราธิราชสืบ ๆ มา กิจราชการกรุงศรีสัตนาคนหุตหากเกิดมีเยิองใดกอย่าให้กรุงเทพมหานครปะวางกิจราชกรุงเทพมหานคร หากเกิดมีเยิองใด กรุงศรีสัตนาคนหุตก็บปะวางบด ประการหนึ่งดั่งเจ้าพญานครราชศรีมา อันได้พาข้าไพร่เอาเข้ามาช่วยราชการดั่งนั้นหากแล้วราชการในกรุงศรีสัตนาคนหุตเมื่อใด กจให้คืนเมิ่อต้งงบ้านเมืองดั่งเก่า ซึ่งประการใดกรุงศรีสัตนาคนะหุตแลกรุงเทพมหานคร จเปนเอกฉันทจิตรสนิทเสนหาซึ่งพระมหากระษัตราธิราชเจ้าแต่ในกาลเมือก่อนให้วรพุทธสาศนาอภัยมหานครจักโชตนายาวะบัญจวัศสหัสจได้ศุขาสมานุศุขนั้น ไว้ในทีปัญาพระเจ้ากรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนํพรัตนราชธาณีบุรีรมยจงทุกประการ เสด็จสธรรตะกราคะไมยสุไสยราชพัฎะมานุสันธิสังกาศ ร้อยสามสิบสองตัวเดือนญีขึ้นสิบห้าค่ำวันจัน ๚ะ๛
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 กุมภาพันธ์ 2563 19:29:43 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2563 17:28:54 »



๒ พระราชสาส์นกรุงธนบุรึ ถึง กรุงศรีสัตนาคนหุต

วัน ๓ ฯ ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๓๓ ปีเถาะตรีณีศกทรงแต่ง พระราชสาร /ศุภอักษร    ตอบแล้ว ทรงพระกรุณาดำรัดเหนิอเกล้า ฯ สั่งให้... พระสุนธรไม้ตรีราช/... หลวงภักดีวาจาอุป/... ขุนพจนาพิมลตรี ทูตย จำทูลพระสุพัณบัตรัตนพระราชสารแลศุภอักษรขึ้นไปยังกรุงศรีสัตนาคนหุตในใจความนั้นว่า

พระราชสารสฤษดิรักษศักดิสุนธรบวรมงคลสกลโลเกษบวเรษขัติยศะศรีรักษไม้ตรีในสมเด็จพระพุทธเจ้ากรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบุรีรมย มีปะฏิวากยพระราชสารเปสิดาการใช้ให้...พระสุนธรไม้ตรีราช/...หลวงภักดีวาจาอุป/...ขุนพจนาพิมลตรี ทูตย จำทูลพระสุพรรณบัตรัตนราชสารนำเครื่องมงคลราชบรรณาการ มาจำเริญพระราชสัตยานุสัตย แต่สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต สุทธิรัตนราชธาณีบุรีรมย ด้วยพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ใช้ให้พญาไทรทรงยศทศบุรีเปนราชทูตย พญาศรีรัตนาธิเดชไม้ตรีมาทูลจำพระสุพรรณบัตรัตนราชสาร แลเครื่องมงคลราชบรรณาการ มาจำเริญพระราชสัตยานุสัตยภาพพระราชสำพันทมิตรไม้ตรีตามบุราณราชประเพณีนั้น ะ ครั้นแจ้งในอรรถลักษณนั้น ก็มีพระราชกมลหฤๅไทยใสสุทอุดดม โสมนัดสาการยินดีเปนอันยิงนักหนาควรที่จเปนอัคมิตรสัณทวะ แต่ทว่าสมเดจ์พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต กอปรด้วยขัติยวงษทรงพิภพอันสูงใหญ่ แลอันกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาทุกวันนี้ ก็อับปางอยู่จะขอให้สมเดจพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ช่วยทะนุบำรุงให้เปนศรีสุวรรณปัตพีเดิยวจำเริญพระราชวงษสืบไป ถึงมาทว่าจมีปัจจามิตรข้าศึกมาปรการไดในกรุงศรีอยุทธยา ก็จเกรงพระเดชานุภาพกรุงศรีสัตนาคนหุต เพราะพระเดชปกเพิ่อเจิอไปแลซึ่งมิปัจจามิตรข้าศึกมาเบิยดเบิยนกรุงศรีสัตนาคนะหุตนน้นก็จะเปนภาระธุระแห่งกรุงศรีอยุทธยา แลซึ่งข้าศึกไปต้งงอยู่ดอนมดแดง แลจะขอเจ้าพญานครราชศรีมาไว้ช่วยราชการน้นนก็แล้วแต่พระราชดำริสมเดจพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตเถิด แต่ทว่าถ้าเหนจได้ถ่ายเดียวจึ่งให้กระทำการ ถ้าเหนจได้ส่วนหนึ่งสองส่วนจะเสียแต่ส่วนหนึ่งก็อย่าให้กระทำไว้ภารธุระกรุงศรีอยุทธยาจะได้กระทำสืบไป อันหนึ่งซึ่งราชการบ้านเมืองกรุงศรีอยุทธยาทุกวันนี้ เดิมมีลิปูต้าทั่งอัคมหาเสนาธิบดีสมเดจพระเจ้ากรุงต้าฉิงผู้ใหญ่ณเมิองกรุงจีนเข้ามาถึงกรุงศรีอยุทธยาว่าให้ทำแผ่นที่ท่าทางซึ่งจะไปกรุงอังวะนั้นส่งออกไป แลมีเนื้อความว่าพม่ายกกองทับมารบเมืองศรีฉวนเมิองห้วยหลำปลายแดนกรุงจีน ๆ รบพุ่งพม่าแตกกลับไป ฝ่ายกองทับจีนยกไปติดแว่นแคว้นกรุงอังวะอยู่ แล้วจขอไห้กองทับจีนมาขึ้นณกรุงศรีอยุทธยาอีกทางหนึ่งนั้นได้มีหนังสือออกไปแต่ก่อนว่าขัดสนด้วยเข้าปลาอาหาร แลบัดนี้พม่ามากระทำแก่เมิองถลางเมิองกานบูรีเมิองศรีสวัศเมิองอุไทยธาณีเมิองสวรรคโลกยเมิองพิไชยปากใต้ฝ่ายเหนิอตวันตกตวันออก ซึ่งขึ้นแก่กรุงศรีอยุทธยา กองทับหัวเมิองตีทับพม่าแตกเลิกไปฝ่ายกรุงศรีอยุทธยายังมิได้จดฝีมือดูความคิดประการใดหามิได้ ซึ่งเสดจพระราชดำเนิรยกกองทับขึ้นไปจดฝีมือดูความคิดพม่าเมืองเชียงใหม่ บัดนี้เหนแจ้งอยู่แล้วภอกระทำตอบแทนแก่กรุงอังวะได้ถ่ายเดียว แลบัดนี้เข้าปลาอาหารภอมีอยู่แล้ว แลจให้มีศุภอักษรออกไปถึงลิปูต้าทั่งอรรคมหาเสนาธิบดีให้นำเอากราบบงงคมทูลแด่สมเด็จพระเจ้าต้าฉิงผู้ใหญ่ณเมิองกรุงจีนให้ยกกองทับมาขึ้นณกรุงศรีอยุทธยา ๆ ก็จเกนกองทับยกไปกระทำแก่กรุงอังวะ แต่ว่าบัดนี้ขัดสนด้วยม้า ได้มีศุภอักษรขึ้นมาด้วยแจ้งอยู่แล้วเนื้อความอันอื่นนอกกว่านี้มีมาในศุภอักษรเปนหลายปรการแล้ว ปรการใดกรุงพระนครศรีอยุทธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุตจะวัฒนาการจำเริญเปนมะหามิตรสนิทเสน่หาสืบไปก็ไว้ในพระราชปรีชาญาณแห่งสมเดจพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต จมีพระราชดำริให้ชอบทุกปรการ พระราชสารสมิทธิเปสิตะภารภูม วารวิสาขมาศกาลปักขทุติยะดิถีตยุลศักราชพันร้อยสามสิบสามสัศะสังวัดฉะระตรีณิศกสิริสวัศดิทิฆายุสม ๏ ๚ะ๛



๓ ศุภอักษร เสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุตกำกับพระราชสาส์น

๏ กรุงศรีสัตนาคนหุต ๏ ศรีสุวรสัตยา วะจะนิยะปิยามะนาปา พิสิดถะนารถพิสาลพิสุทธาพิรมย พรมสุจริตหิดตัดถะสัชนาการสุจถะหัษนัดถะสัมคาไมยภัยนรวิรหิตา ในอัคมหาเสนาธิบดีศรีสุชนสัปรุศชุติสามีปวาษบาทมุลิกากรบวรรัตนามาตย แห่งพระบาทบรมนารถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัวในกรุงพระมหานครบวรศรีสัตนาคนหุตวิสุทธรัตนราชธาณีบุรีรมย มีมธุระจิตรสนิทเสน่หา มาถึงอัคมหาเสนาธิบดีศรีสุรชาติอันเปนบาทมุลิกากรบวรรัตนามาตยแห่งพระบาทสมเด็จเอกาทศรุทอิศวรบรมนารถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัวในกรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบูรีรมย ด้วยวุฒิสวัศดิษรดั่งพระบวรพุทธสาศนาปรชานาราษฎร สัตรนิกรนัครวาศรีในกรุงพระมหานคร บวรศรีสัตนาคนหุตวิสุทธิรัตนราชธาณีบุรีรมย ก็ยังสวัศดิวิเสษด้วยเดชะพระรัตนไตรยคุณบุญสำภาราทานบารมีศิลาพระบาทสมเดจบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทุกสิ่งทุกปรการ ดั่งพระมหานครบวรราชราชธาณีท้งงสองหากเปนกะดาดทองทิพยอันเดิยวกัน แต่พระมหากระสัตราธิราชเจ้าท้งงสองกรุงหากได้สำพันทสัจปฏิญาณเอาพระศรีรัตนไตรยสหธาตุเจดียถานเปนสักขีพญาณ เท้าห้าพันพระวัดษาเปนปริยเสฏแต่ในอดิตกาลเมิ่อก่อน ดั่งกรุงเทพมหานครก็หากเปนแต่เวรนุเวรก็จึ่งเปนจุลาจลกุลาหล แก่อนาประชาราษฎรข้าขอบขันทเสมากรุงศรีสัตนาคนหุตก็เปนข้ากบถขัดสนซองทางเปนนิรันตรมิได้ขาด ในปีศักราชสามร้อยสิบเบดตัว จึงได้ให้อุปหาชสงครามมีอักษรไปถึงเจ้าพญานครราชศรีมา แลกรมการท้งงปวง เข้ามากระทำราชการช่วย ค่อยท้งงหลายอัคมหาเสนาพร้อมกัน กระทำฟาดตีเสียยังข้ากบถฝูงนั้นเขาก็ปราไชยพ่ายแพ้แตกไปต้งงอยู่ดอนมดแดง จึ่งหวะหวางซอกทางจึ่งได้รู้แจ้ง สมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว ทรงทศมิตรราชธรรม์เปนอันยิ่ง จึ่งปไคหะเลิกยกวรพุทธสาศนาอณาประชาราษฎรได้อยู่เอย็นเปนศุขปรกะติดังเก่า ว่าด่งงนี้สมเดจบรมนารถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัวในกรุงศรีสัตนาคนหุตกทรงพระโศรมนัศพิรมยในพระราชหฤๅไทยเปนอันยิ่งนักหนา จึ่งทรงพระราชจินดาพิรมย ถึงทำนองคลองพระราชประเพนีบให้ขาดราชไม้ตรี ในสมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวในกรุงเทพมหานครเปนอันยิ่ง จึ่งเปสนานัตพญาไทรทรงยศทศบุรี พญาศรีรัตนาธิเดชไม้ตรีทูลจ่านำสุพรรณบัตรัตนราชสาร แลเครื่องศุภมงคลบรรณาการมาวัฒนะสวัศดา พระบาทสมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวในกรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุทธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบุริรมย เพื่อขอดทางพระราชไม้ตรีสืบ ๆ ไป ภายหน้ากับพระวษาเปนปริยเสฏสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว จึ่งทรงพระกรุณาใส่หัวค่อยท้งงหลายอรรคมหาเสนาแต่งพญาสุทธจิตรมงคล ท้าวแก้วเพลานำศุภอักษรมาถึงอรรคมหาเสนาธิบดิในกรุงเทพมหานคร โดยทำนองคลองราชประเวณีให้เปนเอกฉันทสะมัคคากัลยานิมิตรอันหนึ่งอันเดียวกัน ผี้แลกรุงศรีสะตะนาคนหุตหากเกิดมีเหตุการ กอย่าให้อรรคมหาเสนาธิบดีปะวาง เหตุการหากเกิดมีในกรุงเทพมหานครดั่งนั้น ค่อยท้งงหลายกบ่ปะวาง ปรการหนึ่งเจ้าพญานครราชศรีมา แลกรมการซอไว้ให้ช่วยทำราชการก่อนแลดั่งข้าไทมอญอันเข้ามาทำราชการอยู่ในมุกคาตาแสงแห่งกรุงศรีสัตะนาคนหุตนั้น ราชการหากสำเรจธิแล้วบริบวรเมื่อใด ค่อยท้งงหลายอรรคมหาเสนากจพรอมกันให้เมือใส้บ้านเมิองเลิกยกยอวรพุทธสาศนาประชาราษฎรข้าขอบขันธเสมามลฑลกรุงเทพมหานครปรกดิดั่งโบราณราชประเพณี แลดังหลวงวังแลไพร่ลาวมวงหวานญิ่สิบครัวนั้น ขอกับอรรคมหาเสนาธิบดีไว้เปนผู้ใช้ท่องเที่ยวไปมาจำเริญทางพระราชไม้ตรี ให้เปนเชื้อบ้านสายเมือง ฉันใดสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวท้งงสองพระองค จทรงพระราชกัลยานีมิตรสนิทเสน่หา สถิตยเสถียรเคิยลคาอย่าให้เปนจลาวิจไลไปมาเพื่อให้อุภัยรัษฐาราชธานีท้งงสองคามคำโชตนาวรพุทธสาศนา สมณพราหมณาจารยปรชานาราษฎรสัตวนิกรนัครวาสี จได้อยู่เอย็นเปนศุขาภิรมยไซ้ไว้ในญาณวิสุทธิอุดมปัญาอัคมหาเสนาธิบดีท้งงปวงในกรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบูริรมยจงทุกปรการ สุพรรณบัตหนักห้อยเบี้ยอูบสุพรรณหนักเจ็ดบาทสวินหมากหูดถุงหนักห้าบาทสุวรรณคำรักษสามห้อยงาช้างสองคู่สาดเวียนสองผืนเปนเครืองศุภมงคลราชบรรณาการคำสองหลิ้มหนักสองห้อย เปนบรรณาการอัคมหาเสนาศุภอักษร ๏ ๚ะ๛


๔ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรีกำกับพระราชสาส์น

๏ ศรีสวัศดิสุภอักษรวสิฐ พิพิทรัตนอรรถธรรมรัศสิกอธิกธิโรตมโชตยสัมปชัญ อนันตคุณคณาธารสังคามวชิตสิทธิสุนธรบวรธรรมไมตรี อันมีในอรรคมหาเสนาธิบดีศรีสุรพงษจตุรงคนิกรบวรบริณายกรัตนามาตย อันเปนสมิปวาศในบาทมูลแห่งพระศรีสรรเพฯชสมเด็จบรมธรรมิกราชาธิราช พระเจ้ารามาธิบดีบรมจักรพรรดิษรบวรราชาธิบดินทรหริหรินทราดาธิบดี สวิบูลยคุณรุจิตรฤทธิราเมศวร บรมธรรมิกราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพตรี ภูวนาธิเบศโลกเชฐวิสุทธ มกุฎประเทศคตามหาพุทธังกูร บรมนารกบรมบพิตร พระพุทธเจ้ากรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบุรีรมย มีมฤธุดาปราโมชจิตรสินิทสันทวะสหะปฏิวากย มาถึงอรรคมหาเสนาธิบดีแห่งพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตวิสุทธิรัตนราชธาณีบุรีรมย ด้วยพญาสุทธจิตรมงคล แลท้าวแก้วเพลา ถือศุภอักษรแลเครื่องคารวะบรรณาการมาจำเริญทางพระราชไม้ตรีแลไม้ตรีนั้น ครั้นได้แจ้งในลักษณศุภอักษรนั้นแล้วจึ่งนำเอากิจานุกิจท้งงนี้ปฤกษา ด้วยเสนาพฤทธามาตยราชกระวิ มนตรีมุกขลูกขุนท้งงปวงปฤกษาพร้อมกันว่า แต่ในกาลก่อนกรุงศรีอยุทธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต เปนแผ่นสุวรรณปัตพีเดียวเคยไปมาจำเริญทางพระราชไม้ตรีแลไม้ตรีต่อกันมิได้ขาด แลครั้นอยู่มาเปนเวรานุเวรแห่งกรุงศรีอยุทธยา แลกรุงศรีสัตนาคนหุตให้บังเกิดมีปัจจามิตรข้าศึกมาเบียดเบียนท้งงสองฝ่าย จึ่งขาดทางพระราชไม้ตรีแลราชประเวณี ดูจหนึ่งมีสุภอักษรอัคมหาเสนาธิบดีกรุงศรีสัตนาคนหุตลงมา แลครั้งนี้ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอุษาหะเสดจได้ปราบอรินราชศัตรูหัวเมือง...ใหญ่/…น้อย แว่นแคว้นแดนกรุงเทพมหานคร นน้นก็ปลงพระไทยทำนุกอำรุงเพื่อจให้กระทำตามคลองบุรราชปรเพณีซึ่งมีมาแต่ก่อน แลเดชเดชานุภาพบารมี เพื่อจให้ประจักแก่ไพร่ฟ้าปรชากร ยกไปปราบปรามอริราชศัตรูหัวเมืองใหญ่...ใหญ่/…น้อย แว่นแคว้นแด่นกรุงเทพมหานคร นั้นก็ได้โดยสดวกง่ายอยู่สิ้นแล้ว แลบัดนื้มีศุภอักษรอัคมหาเสนาธิบดีณะกรุงศรีสัตนาคนหุต ลงมาจำเริญทางพระราชไม้ตรีแลไม้ตรีนั้น ควรให้รับเปนไม้ตรีสืบไปตามทางบูรพราชประเพณีซึ่งมีมาแต่ในกาลก่อน แลสืบดูกฎหมายอย่างธรรมเนียมกรุงศรีอยุทธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต ซึ่งเปนทางพระราชไม้ตรีแลไม้ตรีกันแต่ก่อนนน้น ได้เนื้อความว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงศรี...อยุทธยา/…สัตนาคนหุต แต่ก่อนสองฝ่ายฟ้าย่อมจำเริญทางพระราชศรีสวัสดิเปนสุวรรปัตพีเดียวสืบพระราชวงษากันมา แลครั้งนี้ขอให้มีพระราชสารแลศุภอักษรขึ้นไปว่ากล่าวตามบูรพราชประเพณี ซึ่งมีมาแต่ในกาลก่อนนน้น จได้เปนพระราชศรีสวัศดิในกรุงศรีอยุทธยาปรดุจหนึ่งพลอยพระมหาเพฯชรัตนอันสถิตยอยู่ณเริอนพระธำมะรงชมภูนุชธรรมชาติชาตรี ถ้าแลอรรคมหาเสนาธิบดีผู้...ใหญ่/…น้อย  ณ กรุงศรีสัตนาคนหุตเหนด้วยดูจหนึ่งเสนาพฤทธามาตยณกรุงศรีอยุทธยาปฤกษานี้แล้วกให้ช่วยทำนุกอำรุงนำเอาขึ้นกราบบังคมทูลสมเดจพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ฯ จขอพระราชบุตรีมาเศกไว้ในที่อรรคมเหษีณกรุงศรีอยุทธยา สองฝ่ายฟ้าจได้พึ่งพระเดชเดชานุภาพพระบารมีเปนที่พึ่งพำนักนิแก่เสนาพฤทธามาตย แลอณาประชาราษฎรดูจหนึ่งเสวตรฉัตรแก้วแห่งท้าวมหาพรหมอันกางกั้นร่มเอย็นไปทั่วทิศศานุทิศ จึงนำเอาคำลูกขุนปฤกษานน้นขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาแต่พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันมหาประเสริด ทรงพระมหากรุณาดำหรัดเหนือเกล้า ฯ สั่งว่าให้ทำตามปฤกษาแลให้แต่ง...ราชทูต/…อุปทูต /...ตรีทูต จำทูลพระราชสาร แลศุภอักษร แลเครื่องมงคลราชบรรณาการขึ้นมาให้แจ้งจงทุกประการ แลบัดนี้แต่งให้...พระสุนธรไม้ตรีราชทูต/…หลวงภักดีวาจาอุปทูต/...ขุนพจนาพิมลตรีทูต  จำทูลพระราชสาร ขึ้นมาจำเริญทางพระราชไม้ตรีแลไม้ตรีตามราชปรเพณียซึ่งมิมาแต่ในกาลกอร ตามซึ่งลูกขุนปฤกษาเหนพร้อมกันนั้น แต่ข้อซึ่งว่ามีปัจจามิตฆ่าศึกมาเบิยดเบิยนกรุงศรีสัตนา คนหุต แลจขอเจ้าพญานครราชสิมาไว้ช่วยราชการนัน พระบาทสมเด็จพระพุทธิเจ้าอยู่หัวทรงพระคุณอันมะหาประเสริด ได้มีราชสารขึ้นมาแจ้งอยู่ทุกประการแล้ว แลข้อซึ่งว่าขอหลวงวังแลใทมอรลาวม่วงหวาน ๒๐ ครัวไว้เปนคนใช้สอยไปมาจำเริญทางพระราชสัมพันทมิตรไม้ตรีนั้น เนื้อความข้อนี้มิควร ไม่ได้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธิเจ้าอยู่หัวหามิได้ ถ้าแลอรรคมหาเสนาธิบดี ณกรุงศรีสัตนาคนหุตทำนุกบำรุงกรุงท้งงสองฝ่ายฟ้า ได้เปนบรมกัลยานิมิตรสนิจเสน่หาดูจนึ่งกาลก่อนแล้ว ถึงจเอาหลวงวังแลลาวม่วงหวานซึ่งขอไว้นั้นก็ได้อยู่ อนึ่งราชการบาลเมิองกรุงศรีอยุทธยาทุกวันนี้ จใด้คิดอ่านการสงครามตอบแทนแก่กรุงรัตนบุระอังวะเปนการใหญ่ แลจต้องการม้าใหญ่ศอกนิ้ว ๓๐๐ ม้าแลให้อรรคมหาเสนาธิบดีณกรุงศรีสัตนาคนะหุตช่วยทำนุกบำรุงจัดม้าส่งลงมาให้ได้ตามซึ่งต้องการนั้น จเปนราคาประการใดให้ช่วยทดรองจึงจเบิกเงินณพระคลังส่งขึ้นมาให้ครบตามซึ่งได้ทดรองนัน แลแต่ก่อนกรุงศรีอยุทธยากับกรุงศรีสัตนาคนะหุตยังมิได้เปนพันธุมิตร แลบัดนี้กรุงท้งงสองใด้เปนพันธุมิตรสนิทเสน่หาจำเริญพระราชสัตยาณุสัตยต่อกันอยู่แล้ว มาถแม้นกรุงศรีอยุทธยาจมีกิจการณรงสงครามปรการใดให้เปนภาระทุระแห่งอรรคมหาเสนาธิบดีณกรุงศรีสัตนาคนหุต ถ้าแลกรุงศรีสัตนาคนหุด จมิการนรงสงครามปรการใด กจเปนพาระทุระแห่งกรุงศรีอยุทธยา แลเมิองท้งงสองฝ่ายฟ้าใดเปนทิพกัลยานิมิตรสนิจเสน่หาต่อกันดูจหนึ่งแต่ก่อรอยู่แล้ว ถ้าจมีการนรงสงครามปรการใดให้ช่วยกันอย่าให้ละวาง กันเสียตามบุราณราชประเพณี ซึ่งมีมาแต่ในกาลก่อน เครื่องมงคลราชบรรนาการให้ขึ้นมาพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต พระวิสูดพื้นเหลิองระใบปักทองยีปุ่นเคริอต้นไม้ผืนหนึ่ง อานม้าพื้นดำลายทองเครื่องตะกูทองผู้แดง จามจุรีสำรับนึ่ง แพรกระบวนพื้นม่วงผุดทองตาตักกะแตนม้วนนึ่ง แพรกระบวรพืนแดงดอกพุดตานม้วนนึงปืนสั้นแฝดหญ่างยิปุ่นองคนึง ห้าสิ่งเปนเครื่องราชบรรณาการ สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวส่งสิ่งของให้ขึ้นมานอกเคริ่องราชบรรณาการในี แพรพื้นน้ำเงินใหมกี่งไม้สองม้วน แพรพื้นดำลายทองสองม้วน แพรพื้นดำผุดใหมกี่งไม้สองม้วร ผ้าขาวม่ารสาบสองตรา ผ้านำกีงลายสอง ศรีต่างกันเก้าพับ ผ้านำกี่งขาวแปดพับ แพรจินศรีต่างกันแปดพับ ผ้านำกึงดอกคำแปดพับ เจียมลายสองพื้นเหลิองรูปใกฟ้าผืนนึ่ง ชามเบญรงสามหย่างสิสิบใบ ถ้วยเบญรงกลิบบัวสองหย่างสี่สิบใบ ช้างพลายพังสิบช้าง เบี้ยคิดเปนเงินห้าชั่ง พระราชทานเสนาบดีคิดเปนเงินห้าชัง เข้ากันเปนเงินสิบชั่ง แลซึ่งเสนาบดีให้ทองห้อยลงไปถึงเราสองลิมนั้น เราจัดได้ผ้าขาวตรา แลแพรขึ้นมาแก่เสนาบดีในีแพรพื้นแดงผุดลายกิ่งไม้สองม้วน แพรพื้นแดงผุดใหมเหลิองลายกึ่งไม้ม้วนนึ่ง แพรลิ้นลายศรีต่างก้นสามพับ ผ้าขาวยาวสามสิบแขน คงปักสองตรา แลเบี้ยซึ่งให้ขึ้นมานั้น ช้างทิส่งลงไปนั้นน้อย ให้ขึ้นมาไว้แก่พญานครใชศรีเมิองบัวชุมให้เสนาบดีแต่งช้างแลคนลงมารับ เอาเบิ่ยต่อพญานครใชสินนเมิองบัวชุมเถิด ศุภอักษรมาณวัน ๓ฯ ๖ ค่ำจุลศักราช ๑๑๓๓ ปีเถาะตรีนิศก ๏ ๚ะ๛


๕ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรีรับรับสั่ง มีไปถึงเสนาบดีกรุงล้านช้าง

๏ ศุภอักษร บวรมงคลวิมลพจินสภาสิตสหิตนิกรบวรรัตนกถาปรมาพิฌาไศรย ในอัคมหาเสนาธิบดีนธรณรินทรามาตยอนเปนสมิปวาทบวรบาทมุลิกากรบวรรัตนามาตย แห่งพระบาทสมเด็จเอกาทศรทอิศวรบรมนารถบรมบพิตร พระพุทธิเจ้าอยู่หัวณกรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาติหลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมยอุดพระราชมหาสถาน มิโสมนัศมาแต่อัคมหาเสนาธิบดี กรุงศรีสัตนาคนหุตวิสุทธิรัตนราชธานีบุรีรมย ด้วยมีพระราชโอการมารพระบันทูลสูรสิงหนาถตำหรัดเหนือเกล้า ฯ สั่งว่า พม่ายกพลมาทำรายทางเมิองตากบ้านรแหงแขวงเมิองกำแพงเพฯชฝ่ายเหนือทางนึ่ง มาทางลันเตท่าดินแดงแขวงเมิอง...กาญบุรี/… สีสวัด ฝ่ายตวันตกทางหนึ่ง แต่พระเดษเดชานุภาพแผ่ไปยังไม่พจน ลาวมอญกอันตรายฆ่าฟันอ้ายพม่าล้มตายยับเยินสิ้น ฝ่าย...มอญ/…ลาว ภาเอาเรือ...รบ/…ไล่ ช้างม้าเครื่องสรรพยุทเข้ามาให้ทูลเกล้า ฯ ถวายขอเปนข้าขอบขันทเสมากมีบ้าง ที่ภาครอบครัวอพยบเฃ้ามาสู่พระบรมโพธิสมภารอยู่ในแดนฃ้างนี้กมีบ้าง ที่ต้งงต้านต่อตีรบพม่าเฃ้าไปกมีบ้าง อันพระเดษเดชานุภาพแผ่ไปถึงมอญลาวแล้ว ๆ...พญาจ่าบ้าน/…พญาลำพูน แลลาวแว่นแคว้นเมิอง...เมิองเชียงใหม่/…เมิองลำพูน กสวามีภักดิฆ่าพม่าเสิยขอเปนข้าขอบขันทเสมา พระบาทสมเด็จพระพุทธิเจ้าอยู่หัวสิ้น ยังแต่โปชุพลาแม่กองทับ กับมะยุงวนเจ้าเมิองเชิยงไหม่นั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธิเจ้าอยู่หัว กจเสด็จขึ้นไปสังหารเสียให้สิ้น ใหอัคมหาเสนาแลเสนาบดีทูลพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ให้คอยฟังฃ่าวเอา อันพระเดษเดชานุภาพทุกวันนี้กอประด้วย...วิยาคุณ/…ปัญาคุณ/ ...อุเบกขา ประดุจหนึ่งทรงจักแก้วพระขันทแก้วชามเสียซึ่งทาวพระญามหากระษัตร ไนสกลชมภูทวิป สาอไรแก่กรุงบุรัตนอังวะ ปรการไดที่ใหญ่กวากรุงรัตนบุระอังวะกดีทิจงพระไทยแล้ว เหนไม่พ้นเงิอมพระหัษฐ บัดนี้หมายพระไทอาจขึ้นไปเอากรุงรัตนบุระอังวะมาใช้เปนข้า แตกรุงศรีสัตนาคนหุต เปนกัลยานิมิตรสนิดเสน่หากับกรุงเทพ ฯ มาแต่ก่อนแล้ ละคลองราชปรเพณีเสีย เปนไจไปด้วยพม่ากรุงอังวะนั้นพระบาทสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวยังไป่เสิยคลองทางราชประเพนีก่อน จึงให้ส่งลาวกรุงศรีสัตนาคนหุตซึ่งพม่าเอาไปมัดผูกจำจองขึ้นมาให้อัคมหาเสนาแลเสนาบดีทูล ถวายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตให้เร่งเปนใจไปด้วยกรุงอังวะ จงเกนกองทับไปช่วย...โปชุพลา/…โปมยุง่วน ณเมืองเชียงไหม่ ฝ่ายพระบาทสมเดจพระพุทธิเจ้าอยู่หัวจขึ้นไปตี ปรการหนึ่ง เร่งตัดถ้าทางขนเฃ้าปลาเสบิยงอาหารอย่าให้กองทับไทไปถึงกรุงศรีสัตนาคนหุต ประการหนึ่ง จงโอบอ้อมเอาไทฃ้าขอบขันทเสมากรุงเทพ ฯ ไว้จได้กันกรุงศรีสัตนาคนหุตเหนจรุ่งเรืองเปนไหญ่เพราะเปนไจไปด้วยพม่าแท้อย่าไห้ใพร่เมืองลาวเปนศุกได้ แตไพร่เมิองลาวเฃ้าไปสู่พระบรมโพธิสมภารปรมานหมืนหนึ่งแล้วบัดนี้ได้ส่ง...พญาหลวงเมิองแสน/…พญาหารอาษา/...พญาจันทอง/…พญาโคต/...พญาบุตโคต/…แวงบาวบูรภา/...ทัพหมูเตริยมทา  กับไพร่...ชาย ๖๑/…หญิง ๓ ๖๔ คน ขึ้นมาไห้อคมหาเสนาแลเสนาบดีทูลถวายแต่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตตามรับสั่งสุภอักษรมาณวัน ๖ ฯ ๑ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๓๖ ปี มเมิยฉอศก ๛

๏ ไห้พญาหลวงเมิองแสนถือไปลานช้าง๏ ๚ะ๛



๖ พระราชสาส์นศรีสัตนาคนหุต

๏ พระราชสาร ษาขินทศิกขรปวระชมภูพฤกษอติกนันถิตะบุบพิตา วิกสิตะวิโรจนะโชติมหันตะมหาอนันตคุณ วิบุลมนุญสุระธระปวรศุกขวัทน หิตะนิจการะนรหัฎปัศนาการะสารสุธรรมคำภิร โชติวรสำภาราดิเรก อเนกอนันตมหันตเหฬารพิสารวชิรปติมันทิตพิจิต จันทวระลักขปะรมาสารสิทหิตธรรมไม้ตรี ในสมเด็จนรมบพิตรพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตวิสุทรัตนราชธานีบุรีรมย บรมนาฎบพิตรกิจนาสุภาวิตะสัตะนิตรมิตะธรรมไม้ตรีสริปจานุตมสำมาคมะ สมเดจพระมหาเอกาทศรุธอิศวรบรมนาฏบรมบพิตรพระมหานครทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมยอุดมษามีศรีสุพรรณรัตน พระเจ้าประสาททองเจ้าไชยมหามังคะละรัตนวิสุทธิเสตกุญไชยบพิตร สถิตยในบรมมหาสถานอันมหาปรเสริฎ ในศักราช ๑๑๓๔ ตัวนั้น กจึ่งได้สนทนาในพระราชหฤๅไทยถึงทำนองคลองพระราชไม้ตรีแห่งกรุงเทพ ฯ แต่ในกาลเมื่อก่อนกหากได้เปนพันทมิตรสนิจเสน่หาบได้ขาดยังราชประเพนี จึงได้เปสิตาราชทูตาจำทูลสุพรรณบัตรรัตนพระราชสาร แลมังคลบรรณาการวัฒนากรุงเทพ ฯ เพิ่อไม่ให้ขาดเสียยังราชปรเพนีปรการหนึ่ง ดั่งเจ้าพญานครราชศรีมาก็ยังจำเริญทางพระราชไม้ตรีบได้ขาดแท้ มาจนถึ่งศักราช ๑๑๓๕ ตัวนั้น โปชุกพลากถือมหันตโยธามาขมเหงกรุง ฯ ศรีสัตนาคนหุต กเปนโทรมนัศทุกขาแก่ปรชากรขมเหงเอาพระราชบุตรท้งงเสนาอำมาตย ไปกรุงรัตนบุระอังวะกค้างคาอยู่ โปชุกพลาก็ยกถอยหนีจากกรุงศรีสัตนาคนหุต ไปต้งงอยู่เชิยงใหม่ จึ่งแต่งให้โปมาว่า โปชุกพลาจยกกองทัพไปรบเอากรุงเทพ ฯ ให้กรุงศรีสัตนาคนหุต เอากำลังเข้ามาทางเมืองนครราชศรีมาว่าดั่งนี้ ก็จึ่งได้รำพึงถึงทำนองคลองราชปรเพนีแห่งพระมหากระษัตราธิราชเจ้าแต่กาลเมิ่อก่อนสืบมา ดั่งกรุงศรีอยุทธยาแลกรุงศรีสัตนาคนหุตสองกรุงบห่อรเปนเวรานุเวรแก่กัน จึ่งขัดสนเสิยบถือเอาถอยคำฝูงนั้น จึ่งได้บอกเสนาอำมาตยมิศุภอักษรไปถึงเจ้าพญานครราชศรีมาเล่ากิจานุกิจทุกปรการ อยู่มาศักราช ๑๑๓๖ ตัว สมเดจพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา จึ่งมิเมตากรุณาถึงทำนองคลองราชประเพนีแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ทรงพระกรุณาตรัสเหนิอเกล้า ฯ เจ้าพญานครราชศรีมาจึ่งแต่งกรมการมีศุภอักษรส่งพญาหลวงเมิองแสน มาถึงกรุงศรีสัตนาคนหุต ณเดือนยี่แรมสองค่ำนั้นได้แจ้งยังวัจนคดีอันมีในศุภอักษรทุกประการ จึงมีโสมนัศษาปราโมฎโชตนาการ ถึงทานบารมีพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยายิ่งนักหนา จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ อัคมหาเสนาพร้อมกับอริยสงฆราชครูแต่งแปลงสืบไว้ยังทางพระราชไม้ตรีเพิอหมิให้ขาดเสิย ยังราชประเพนี เหตุว่าสองกรุงหากได้วัฒนาปรำปราสืบ ๆ มา จึ่งได้เปสิตา พญาสุธาราชาจาบ้านปัญามงคลพญามหาอำมาตยสุรตังรไม้ตรี จำทูลสุพรรณบัตรรัตนพระราชสารมงคลบรรณาการวัฒนสวัสดิสมเด็จพระเจ้าในกรุงเทพ ฯ เพิ่ออุภัยรัฎจให้เปนสุพรรณบัตเอกอัญมัญสืบ ๆ ไป ประการหนึ่งดั่งข้าไพร่กรุงเทพ ฯ อนพ่ายมาพึงกรุงศรีสัตนาคนหุต นั้นก็บได้ปองกันเข้าไว้แต่ก่อน พญานครราชศรีมา จคืนมาส้างบ้านเมิองกได้บอกป่าวร้องเขาคืนไปท้งงปวงว่าดั่งนี้ ฝูงเขาหมิยากไปเขาจึ่งลับลี้อยู่ ฝูงเขาสมักไปกมีอยู่มากหลายกให้คืนไป เจ้าพญานครราชศรีมาคืนไปถึงบ้านเมิองแล้ว จึ่งใช้กรมการมาขอเอากได้บอกป่าวร้องกะเกนเอาไป ทีหลังใช้ซ้ำมากได้บอกป่าวร้องหัวบ้านหัวเมืองส่งให้กมากหลาย อันยังค้างคาอยู่บัดนี้แต่ฝูงทุกขยากอดหยากเขากลี้ลับอับอยู่ ขวนขวายเลี้ยงชิวิตรอินทรีแห่งเขากหมีได้กฎหมายจำนวรไว้ ปรการหนึ่งเมิ่อใดราชบุตรราชนัดา แลเสนาอำมาดยอันไปค้างคาอยู่กรุงรัตนบุระอังวะนั้นหากคืนมาถึงบ้านเมืองเมิอใด กจบอกเสนาอำมาตยพร้อมกันแต่งการนำเคริองมงคลราชาภิเศกสมเด็จพระเจ้ากรุงเทพฯ เพิ่อให้หมั้นคง ๑๒๐ พระวะษา ให้ชำระปราบทั่วไปในสกลชมภูทวิปท้งงปวง อนึ่งดั่งข้าไปจจัดทอนโรมไว้จให้พร้อมกันบัดนั้น ประการหนึ่งดั่งพระราชบุตรพระราชนัดดาเสนาอำมาตยฝูงค้างคาอยู่กรุงรัตนบุระอังวะนั้น หากยังดั้นจอนมาถึงบรมโพธิสมภารกรุงเทพฯ เมิ่อใดขอให้มีเมตากรุณาทุกประการ อนึ่งข้าไพร่กรุงศรีสัตนาคนหุตอันได้กลัวม่ารเมงพ่ายเข้ามาพึงโพธิสมภารกรุงเทพ ฯ นั้น ขอให้เขาคืนมาส้างแปลงที่บ้านเก่าเมิองหลัง ขอให้สืบต่อยังทางพระราชไม้ตรีไว้อย่าให้ขาดไปประการใดสองกรุงจะวัฒณพันธุมิตรสนิดเสน่หาญาวะปันจสะหัศะพระวะษา ปัจารัฎวัฒณศุกขานุศุขไส่ไว้ในราชปัญาสมเดจบรมบพิตรพระเจ้ากรุงเทพฯ ทุกประการเสรจอย่าให้ช้าจถ้าสวณบรมราชาพจนมานานุสาสนทิศักราช ๑๑๓๖ ตัว เดิอนสิแรมหกค่ำวันพุทปีมเมียฉอศก ฯ๏ ๚ะ๛


๗ พระราชสาส์นกรุงธนบุรีมีตอบไป

๏ พระราชสารสุนธร ในพระนครศรีอยุทธยาปฏิวากยเปสิตาการ พระราชสารมาแต่อิศวรภาพมงกุฎพระนครศรีสัตนาคนหุต ด้วยพญาสุทธาราชาจ่าบ้านปัญามงคล พญามหาอำนาตสุรตังระไม้ตรีจำทูลพระสุวรรณบัตรัตนพระราชสารเคริองศุภมงคลบรรณาการลงมากได้ทัศนาเสรจสิ้นทุกประการครั้นแจ้งซึ่งกิจการแล้ว จึ่งสืบพม่าแม่กองทัพซึ่งจับมาได้ครั้งนี้ให้การแจ้งซึ่งความคุยรหัศแล้วก็โทรมนัศขัดแค้นกระมลราชหฤๅไทยเปนใหญ่หลวง ว่าต้องข่มเหงเสียราชบุตรราชนัดดาไป ใม่เลิ้ยงดูอดสูแล้วหมี่หนำซ้ำให้ส่งบรรณาการดอกไม้ทองเงินอีกเล่า ถ้ามิใช่พระเจ้านครศรีสัตนาคนหุตก็จะสู้เสียพระชนที่ใหนจะทนทานมาได้ถึงเพียงนี้ ควรที่เสวยพระสุชลธาราอยู่แล้ว แต่ทว่าครั้งนี้นครศรีอยุทธยาขออาษา ให้แต่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตบำรุงมาโดยราชทรัพย์ช้างม้ารี้พลบ้าง ฝ่ายพระนครศรีอยุทธยากับกรุงกำภูชาธิบดีขอรับประกันตีเอากรุงรัตนบุระอังวะเชิญเสดจพระราชบุตรพระราชนัดดาส่งถวายไป ถ้าพระเจ้านครศรีสัตนาคนหุตเหนหาชะนะพม่าไม่กลัวไภยแปดพระนครก็เร่งส่งกิจจานุกิจไปให้กรุงอังวะยกลงมาประจลกัน จะได้ทัศนาท้งงสองฝ่าย ซึ่งฝ่ายพระองคทรงพิภพเปนหลักอิศวรภาพมกุฎพระนครศรีสัตนาคนหุตสุดบูรรพทิศอยู่แล้ว แลจะมานิ่งทรมานอยู่จหมี่กู้พระนครคืนก็ดูอัศจรรย อันฝ่ายนครศรีอยุทธยาหาเงิอดงดไม่จะต้านต่อทำไปกว่าจะได้กรุงอังวะ ขอพระองคจงรู้ซึ่งราชหฤๅไทย ประการหนึ่งซึ่งทรงพระกรุรณาการุญภาพมาเปนคลองทางบูรรราชประเพณินน้นชื่นชมโศรมนัศยินดีจะได้มีวิจิกิจฉากังขาราคีในองคอิศวรภาพมกุฎพระนครศรีสัตนาคนหุต ประการใดประการหนึ่งหามิได้ ขอให้อยู่ในตำริพระผู้พงษแก่นบูราณกระสัตรจงทุกประการ แต่สงไสว่าถ้าไม่ทรงพระกรุณาช่วยกันล้างพม่าให้มหานครศรีสัตนาคนหุตพ้นจากทาษมาเปนไทยก่อน แลจภาพระนครศรีอยุทธยาตามไปเปนเขยทาษกรุงอังวะดังฤๅ ก็หมี่เตมราชหฤๅไทย ปรการใดจชอบจควรกขอให้อยู่ในตำริราชปัญาพระเจ้านครศรีสัตนาคนหุตจงทุกปรการ พระราชสารนิพันทสมฤทธิเปสิตาภาวกาลบริเฉท ตยุลศักราชสัตตะดึงษสตาธิกะสหัสสะอัชะสังวัจฉะระเชษฐมาศสุกขปักข ปาฏิบทตฤถีภูมวาร ภูมิปาลนักขัตฤกษศรีสวัศดิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 พฤษภาคม 2563 17:31:51 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2563 17:42:52 »



๘ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุตกำกับพระราชสาส์น

๏ ศรีสุวสัตยะวะจะนิยะปิยะมนาปาพิสิถะนารถพิสารพิสุธาพิรมย พรหมสุจริตหิตถะสุชนาภารุสุจัตถหัศ นัตถะสำมัคคคามัย ภัยภิระวิระหิตา ในอรรคมหาเสนาธิบดีศรีสุชนะสปรุศชุติสามิปวาสบาทมูลแห่งพระบาทสมเดจบรมนารถบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว ในกรุงพระมหานครบวรศรีสัตนาคนหุตวิสุทธิรัตนราชธาณีบุรีรมยอุดมสวามี มีมธุระจิตรสนิทเสน่หา มาถึงอัคมหาเสนาธิบดีศรีสุณชาติอันเปนบาทมุลิกากรบวรรัตนามาตแห่งพระบาทสมเด็จเอกาทศรถอิศวรบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวในกรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพราชธาณีบุรีรมย ด้วยวุทธิสีสวัศดิบัดนี้มีพระราชจินดาถึงทำนองคลองบุราณกระสัตราธิราชเจ้าท้งงหลายเมื่อก่อนผ่อนคลองพระราชปรเพณีศรีวรกัลยาไม้ตรี ในปีศักราช ๑๓๒ ตัวนั้น สมเดจพระพุทธเจ้าในกรุงพระมหานครบวรศรีสัตนาคนหุต กทรงพระราชจินดาพระราชหฤๅไทยในทางพระราชไม้ตรีเปนอันยิ่ง จึ่งทรงพระกรุณาตรัสใส่เกล้า ฯ พญาไทรทรงยศทศมงคล พญาศรีสัตนาธิเบศรจำทูลสุพรรณบัตรัตนราชสาร แลมงคลบรรณาการมาวัฒนะ สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว ในกรุงเทพพระมหานครกได้แจ้งยังกิจราชการทางพระราชไม้ตรีพระมหากระสัตราธิราชเจ้าทั้งสองกรุง เจ้าพญานครราชศรีมา ก็จำเริญสืบพระราชประเพณีมาหมี่ได้ขาด ในปีศักราช ๑๓๔ ตัวนั้นในกรุงศรีสัตนาคนหุต โปชุพลาก็ยกรี้พลพหลโยธามามากหลายเปนคลองข่มเหงบ้านเมิอง ด่งงข้าไพร่กอยู่เปนบั่นเปนท่อนม่านก็ยกกองทัพไปข่มเหงบ้านนอกเมิองนา ไพร่น้อยค่อยเมิองกเปนโทรมนัศอดสูทนาพระพุทธสาศนาจเปนจุลวิจุลไป ด้วยม่านท้งงหลายหากมาล้างลดเสียแล้ว จหายเวรานุเวรแห่งอณาปรชาราษฎรว่าด่งงนี้ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวจึ่งได้แต่งยังเจ้าราชบุตรอุดมโอรศแลราชนัดดาเสนาอำมาตยขึ้นไปแต่งแปลงถึงกรุงอังวะ ด่งงพญาหลวงเมิองแสนม่านกนำมาถึงเชิยงใหม่แล้วสมเด็จพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ให้ต้งงค่ายกวาดครัวเข้ามาอยู่ในกรุงศรีสัตนาคนหุตเพื่อดั่งนน้น อยู่มาศักราช ๑๓๖ ตัวเดือนแปดขึ้นเก้าค่ำโปชุพลาแต่งม่าน ๓๐๐ นำหนังสือแต่อังวะมาถึงว่าให้มหากระสัตรเมืองจันบุรีแต่งเสนาอำมาตยยกรี้พลกำลังเข้ามาตีทางเมืองนครราชศรีมา กองทัพหลวงจะยกเข้าทางเมืองตากบ้านรแหงจึงให้ไปพร้อมกันที่กรุงศรีอยุทธยาว่าดั่งนี้ พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตทรงพระจินดาถึงทำนองคลองบุราณราชประเพณี ดั่งอุกัยรัฎราชธาณีหากเปนกระดานทองทิพอันเดียวกันแก่พระมหากระสัตราธิราชเจ้าเมิ่อก่อน หากได้กระทำมิศพันทให้สัจปฏิยานเอาพระศรีรัตนไตรเปนที่ต้งงยังพระมหาทาตุเจดียเปนศักขีพญานท้าว ๕๐๐๐ พระวษาเปนปาริเฉทอัติการนั้นแล บัดนี้จให้เปนวิวาษวาทารพตีกันก็ไม่สมไม่ควร จึ่งละปะเสียยังถ้อยคำอันนั้นจึ่งส่งไปด้วยดี เขาได้ความฉิบหายอรทารหายไปด่งงพญาหลวงเมือง จึ่งภาท้าวเพี้ยบ่าวไพร่เข้าไปถึงบาทมุลิกากร แห่งสมเดจพระพุทธเจ้ากรุงเทพมหานคร ทรงพระราชจินดาถึงทำนองคลองพระราชปรเพณีเปนอันยิ่ง จึ่งทรงพระกรุณาตรัศเหนิอเกล้า ฯ ให้เจ้าพญานครราชศรีมาแต่งการส่งพญาหลวงเมิองแสนเข้ามาถึงกรุงศรีสัตนาคนหุตด้วยวุธิศรีสวัศดีกได้พร้อมกันชมชื่นยินดีต้อนรับตามฤทตามกองทุกเยิองทุกปรการ จึ่งพร้อมกันนำขึ้นกราบทูลพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตได้แจ้งในศุภอักษรนั้นแล้ว ทรงพระโสมนัศปิติปราโมชในคลองราชไม้ตรีสมเดจพระพุทธเจ้ากรุงเทพมหานครเปนอันยิ่งคนักหนา จึ่งทรงพระกรุณาใส่เกล้า ฯ ให้พญาศรีสุทาราชาจ่าบ้านปัญามงคล พญามหาอำมาตสุรตังไม้ตรีจำทูลพระสุพรรณบัตรัตนราชสาร แลเคริ่องศุภมงคลราชบรรณาการ มาจำเริญสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรุงเทพมหานครฯ จึงแต่งให้พญาสุพัณปัตมงคล พญาสุพันทมิตไม้ตรี ทาวตัง นำสมณสารมาสำปตาสมาคมสมเดจอรรควรราชครูเจ้าท้งงปวง แลศุภอักษรมาวุธถึงอัคมหาเสนาธิบดีในกรุงเทพ ฯ ขอให้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระเจ้ากรุงเทพ ฯ ประการหนึ่งดังฃ้าไพร่กรุงเทพได พ่ายหนีไปพึ่งกรุงศรีสัตนาคนหุตนั้น เมิ่อเจ้าพญานครราชสิมาจกลับคืนมาบ้านมาเมิอง กจัดเอาครอบครัวมามากหลายอยู่ ภายหลังมาเจ้าพญานครราชสีมาแต่งให้กรมการเข้ามาขอเอากได้พร้อมกันป่าวร้องทุกบ้านทุกเมิองใด้เกบส่งให้เอามา บัดนี้กยังแต่ฝูงทุกอดยากซ่านเซนเร้นซ่อนอยู่ใม่ได้กำนฎกฎหมายไว้ บัดนี้พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตกยังคอยถ้าราชบุตรราชนัดา ซึ่งค้างอยู่ณกรุงอังวะนั้น ถ้าได้คืนมาถึงบ้านเมิองด้วยบุญแก้วสามปรการเมิ่อใดพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตบให้ขาดเสิยยังทางพระราชไม้ตรี จได้แต่งแปลงยังเสนาอำมาตราชโอรสนำพระสุพัณบัตรัตนราชสารเคริ่องมงคลราชบรรณาการ พร้อมกับอัคมหาเสนาธิบดีศรีสูรชาติอดิเรกมงคล สมเด็จพระพุทธเจ้ากรุงเทพ ฯ ซ้ำให้ทรงทิพอายุยืน ๑๒๐ พระวษา ให้ฤๅชาปรากฎไปในสกลชมภูทวิปท้งงปวง ดั่งไพร่ฝูงยังคางอยู่มากน้อยเท่าใด ให้โอบอ้อมพร้อมมูลบัดนั้น ปรการดังพระราชบุตรพระราชนัดาแลเสนาอำมาตยังค้างอยู่กรุงองวะนั้น ดั้นจอรมาถึงกรุงเทพฯ พึ่งพระบรมโพธิสมภารขอให้อัคมหาเสนาบดีผู้ใหญ่ มีความเมตาทุกเยิ่ยงทุกปรการ อนึ่งดั่งไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินกรุงศรีสัตนาคนหุต อันกลัวม่านเมงพ่ายแตกเข้าไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้ากรุงเทพ ฯ ขอให้คืนไปบ้านเก่าเมิองหลังทำมาหากินสืบทางพระราชไม้ตรีไว้ตามบุราณราชปรเพณีอย่าให้ขาดปรการใด พระเจ้าท้งงสองพระองค์จทรงพรกัลยานิมิตรสถิตเสถียรเวียรการในวรพุทธสาศนา สมณพรามณาปรชาราษฎรสัตววนิกรอันอยู่ในเมืองท้งงสองกรุง ฯ จใด้อยู่เอยนเปนศุขไว้ในปัญาอัคมหาเสนาธิบดีกรุงเทพ ฯ ทุกเยิ่ยงทุกปรการ เคริ่องบรรณาการ งาช้าง ๔ กิ่ง สาศ ๒ ผืน พระสุพัณบัตหนักทอง ๑๐๐ เบี้ยว่าหนัก ๓ l…ผอํบพระสุพัณบัตหนักทอง ๑ l ๓  มากหุดสวิงหนักทอง ๑ l ๑  สุวรรณคำหักหนักทอง ๓ ห้อยว่าหนัก ๗ l ๒ 
ทองคำ ๒ ลิ่มหนัก ๒ ห้อยว่าหนัก ๕ l…  มาวัฒณนำศุภอักษรมาถึงท่านอัคมหาเสนาธิบดี ศักราช ๑๑๓๖ ตัวเดือน ๔ แรม ๖ ค่ำ วันพุทปีมเมียฉ้อศก๚ะ๛



๙ ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรี กำกับพระราชสาส์นมีไปกรุงล้านช้าง

๏ ศุภอักษร บวรมหามงคลวิมลกะถา ในอัคมหาเสนาธิบดินทร นะรินทรามาตย ผู้บาทธมูลิกากร เอกาทศรฐบพิตรพระพุทธิเจ้ายูหัว ณกรุงศรีอยุทธยาชื่นชมโสรมนัศมาแต่อัคมหาเสนาธิบดีณกรุงศรีสัตนาคนหุต ด้วยพญาศรีสุธาราชาจ่าบ้านปัญามงคล พญามหาอำมาตยสุรตังไม้ตรี พญาสุพรรณปัดมงคล พญาสุพันทมิตรไม้ตรี ท่าวตัง จำทูลพระสุพรรณบัดสุวรรณรัตนราชสาร เครื่องศุภมงคลราชบรรณาการ แลเชิญสมณสารถือศุภอักษรลงมาจำเริญทางพระราชไม้ตรีโดยบูรพราชประเพณี พร้อมกันมาถึงกรุงเทพพระมหานคร ณวันจันทเดือนหกแรมสิบห้าค่ำปีมแมสัพศกนั้นกได้ช่วยทำนบำรุง เชิญสมณสารไปถวายแก่สมเด็จพระสงฆราชาคณะ ๆ เข้ามาถวายพระภรตามสมณกิจแล้ว ๆ ได้ภานำพญาศรีสุธาราชาจ่าบ้านปัญามงคล พญามหาอำมาตสุรตังรไม้ตรี พญาสุพัณปัดมงคล พญาสุพันทมิตรไม้ตรี ทาวตัง เข้าทูลอองทุลีพระบาทเฝ้าทูลเบิกถวายพระสุพรรณบัดสุวรรณรัตนพระราชสาร เครื่องสุพมงคลราชบรรณาการแล้ว ๆ อ่านศุภอักษรกราบทูลพระกรุณาถวาย ครั้นแจ้งซึ่งลักษณพระราชสารแล้ว ทรงพระกรุณาให้สืบพม่าแม่กองทัพซึ่งจับมาได้ครั้งนี้ ให้การกราบทูลพระกรุณาต่อน่าทูตานุทูต เปนการคุยรหัศกโทรมนัศขัดแค้นพระราชหฤไทย ให้พระสุนธรใม้ตรีราชทูต หลวงภักดีวาจาอุปทูต ขุนพจนาพิมลตรีทูต จำทูลพระสุพรรณบัดสุวรรณรัตนพระราชสาร แลเคริ่องสุพมงคลราชบรรณาการขึ้นไปถวายแต่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ให้อัคมหาเสนาธิบดีภาเข้าบังคมทูลถวายแจ้งราชกิจจงทุกประการ ประการซึ่งเริ่องราวศุภอักษรนั้น ทรงพระกรุณาว่าป่างก่อนพม่ายังไม่มาย่ำยี นครศรีอยุทธยากับพระมหานครศรีสัตนาคนหุตครั้งนั้นเปนเอกะร่วมพฤกษาผลปัตภีดลดั่งสุวรรณรัชตะแกมแก้วงาม เปนอันหนึ่งอันเดียว ฝ่ายองคผู้เปนปิ่นปักมงกุฎพระนครถาวรประดุจดั่งบรมจักรพรรตราธิราช ฝ่ายนารถบริจามเหษีกกอประด้วยแก้วแหวนแสนสัตพิรัตนะราชทรัพย์ท้งงปวง ประดุจหนึ่งอุดรกาโรราชกรรญามาสมัคสโมษรครองทิศท้งงสี่ เหมือนหนึ่งมีเสวตรฉัตรกางกั้นกอประด้วยจัตุรงคโยธาชุ่มเอยนไปทั่วทิศษานุทิศ ครั้นไกล้ถึงเข็นก็เปนไป จนเสียพระนครศรีอยุทธยาสิ้นพระวงษา ยังแต่อิศวรภาพมงกุฎพระมหานครศรีสัตนาคนหุต กทรงพฤทธิภาพหาราชโอรสที่จเปนปิ่นพระนครสืบไปไม่ หากพระองคทรงทศธรรมกอประด้วยวิริยเปนอันดี จึ่งเสียแต่ราชบุตรราชนัดาไปกรุงรัตนบุระอังวะโดยข่มเหงขัดแค้นพระราชหฤๅไทยนัก ส่งพระสุพรรณบัตสุวรรณรัตนพระราชสารเครื่องมงคลราชบรรณาการลงมาท้งงนี้ เพื่อจให้เชิญเสด็จราชบุตรราชนัดากรุงรัตนบุระอังวะ ส่งไปกรุงศรีสัตนาคนหุตนั้น ควรเรายินดีจะได้ขอรี้พลช้างม้าพระเจ้านครศรีสัตนาคนหุต มาเปนกำลังทำสงครามต่อกรุงรัตนบุระอังวะสืบไป เหมือนได้กึ่งพระนครแล้ว ชอบเรากำหนดไปให้ข้าขอบขันทเสมาทำนาหาเสบิยงอาหารได้แล้วเมื่อขะนใด ควรเรายกพลขึ้นไปเชิญเสดจ ฯ ราชบุตรราชนัดาหาความชอบถวายไปแต่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตจึ่งควร อันซึ่งพระนครแห่งเราอับปาง ท้งงธรมารพระกายเหมิอนว่ายท้องชเลหลวง อุษาหเหลิอบแลดูคลองราชประเพนีกหลุดลับ หามีสิ่งซึ่งจะมุ่งหมายไม่ บัดนี้เทพยุดาบุรรพกุสลหลังหากดนพระไทยให้พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ทรงพระเมตตาการุญภาพคืนมาเปนคลองทางพระราชประเพนีดั่งนี้ก็เปนมหัศจรรยใหญ่หลวง เหมิอนพระสุเมรุราชอ่อนน้อมลงหาจอมปลวกอันน้อย กซ้ำมั่นคุงเข้าที่จะได้กรุงรัตนบุระอังวะเปนแท้ อันซึ่งพระนครจะสมัคสโมษร เปนสุวรรณรัชตะปัตพีเดียวสืบพระราชวงษต่อไปนั้น ควรเราปลงธุระไว้พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตอันสูงใหญ่ ฝ่ายอัคมหาเสนา แลเสนาพฤธามาตย ราชครูปะโรหิตมุกขลูกขุนราชนิกูลพระวงษกรุงกำภูชาธิบดี อำมาตยแขกฝรั่งมอญลาวจีนพม่าเขมรจเหนปรการใด นั้นมุกขมลตรีลูกขุนท้งงปวง ปฤกษากราบทูลพระกรุณาว่าประเทษได ฝ่ายพงษเจ้าพระนคร กรุงอังวะทุกวันนี้ ก็ย่ำยียับเยินเสรดสิ้นราชการท้งงนามกสูน ยังเหลือแต่อิศวรภาพมงกุฎพระนครศรีสัตนาคนหุตพระองคเปนพงษแก่นกระษัตรแล้วกเปนประเพนีที่จะได้สืบพระวงษาธีราช จละให้เสียราชบุตรราชนัดาไปแปลกปนดังนี้ดูมิควร ขอพระเจ้าอยู่หัวทำการอาษาขึ้นไปเชิญเสด็จราชบุตรราชนัดาหาความชอบถวายไป ประการหนึ่งจได้ยำยีเสียซึ่งอาสัจแลอาธรร โดยพระฤทธพระเดชไว้กฤษดานุภาพไปกัลปาวะสาร อิกประการหนึ่งจได้ส้างกรุงหงษาวดี ยกยอดพระเจดีลเกิงก่อส้างกุศลตามพระพุทธทำนาย ประการหนึ่งฝ่ายองคอิศวรภาพมงกุฎพระนครศรีสัตนาคนหุต กจได้ดีพระไทย ให้รี้พลช้างม้าราชทรัพย์มาเปนกำลังทำการสงคราม สำเรธราชการมาราชาพิเศกเมื่อขะณได ฝายพระองคเปนพงษแก่นโบราณกระษัตรกจได้อวยพระภอรให้ถาวรวัถนาการจำเริญยศยิ่งพระชณศุขสืบไป ขอพระราชทานให้จัดเครื่องมงคลราชบรรนาการถวายไปให้มั่นคงไว้ดังพระเจดียถาน สำเรธราชการแล้วขอทรงพระกรุนาพระนครกรุงศรีสัตนาคนหุต อย่าให้ท้าวพญามหากระษัตรอื่นไปย่ำยีแปลกปน ขอเดชะนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เหนด้วยให้ทำตามปฤกษา จึงแต่งให้พระสุรธรไม้ตรี ราชทูต หลวงภักดีวาจา อุปทูต ขุนพจนาพิมล ตรีทูล จำทูลพระสุพรรณบัดสุวรรณรัตนพระราชสาร แลคุมเคริองมงคลราชบรรนาการมาถวายแต่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต



แล้วพระราชทานมาแก่พญาหลวงเมืองแสน แพรก้ารแย่งลายทองม้วน ๑ เพิ่อจให้สองฝ่ายฟ้ามั่นคุงเปนสุวรรณรัชตะแกมแก้วรุ่งโรดโชตนาดังมหาเสวตรฉัตกางกั้นสองพระนครไปกัลปาวะสาร แลให้อัคมหาเสนาธิบดี ชวยทำนุบำรุงภาทูตานุทูตเข้ากราบบังคมทูลถวายพระสุพรรณบัดสุวรรณรัตนพระราชสารแลเคริ่องมงคลราชบรรณาการแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต แจ้งราชกิจจงทุกปรการ ศุภอักษรมาณวันอังคารเดิอนเจดขึ้นค่ำหนึ่ง จุลศักราชพัรร้อยสามสิบเจด ปีมแมสัพศก

๏ ศุภอักษรทรงแต่ง นายเชตอาลักษณ์เขียรเปนอักษรไท ๑๑๗ บันทัด เปนกดาษหน้ง ๘ แผ่น ...ขุนสารประเสริด/… นายบุญจันอาลัก  อาลักษณทาน ส่งมาณวัน ๔ ฯ ๗ ค่ำ ปีมแมสัพดกพระคลังในซ้ายได้จัดกระดาษหน้งสำรับ เขียน ...ศุภอักษร /



๑๐ ศุภอักษรพญาหลวงเมืองแสน อรรคมหาเสนาเมืองล้านช้าง ที่ส่งตัวขึ้นไปจากกรุงธน

๏ ศุภอักษร บวรสุจริตสมมิทมงคลอตุลเสนหาบรมาภิชฌาไสย ในพญาหลวงเมืองแสนราชธาณีบุรีรมยอุดมสมพัทฦศักอัคมหาเสนาธิบดี มีมธุระจิตรสนิทเสนหามาถึงอัคมะหาเสนาธิบดีศรีสุระชาติบาทมุลิกากรบวรรัตนามาต ในกรุงเทพมหานครบวรทวาราอดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบุรีรมย ด้วยวุฒิสวัศติแต่อติทุระธารมากหลาย บรมโพธิสมภารล้นเกล้า ฯ เลิ่อมมุงได้มาลุถึงนครบ้านเมือง ก็ได้ทราบทูลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ให้รู้แจ้งยังกิจการทุกเยิองทุกประการ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวกทรงโสรมนัศปาโมชโชตรนาการในสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เปนอันยิ่งคหนักหนา จงทรงพระกรุณโปรดเกล้าแตง...ราชทูต/…อุปทูต/...ตรีทูต/…จัตวาทูต กำกับจำทูลพระสุพรรณบัตสุวรรณรัตนพระราชสารมงคลราชบรรณาการ แลสมณสารศุภอัคษรเปนที่บริบวน แล้วจได้ยกยายแลกรมการจนำศุภอักษรเข้ามาถึงก็ได้ต้อนรับตาม...ฤกษ/…กอง แล้วจึ่งพร้อมกันแจ้งในศุกอักษรโปรดขึ้นมาว่าดังพม่าอันลงมาอยู่ในกรุงศรีสัตนาคนหุต นั้นให้ผูกมัดจำจองลงมาทูลถวายสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวนั้น ดังพม่าแลจะแตกแต่เชิยงไหม่มานั้นหาหมีได้ ดังพม่าหมู่โปชุพลาได้แต่งลงมาขอกำลังนั้น กได้ส่งให้ขึ้นไปถึงเมิองพม่า เมิองลครกสกัดลัดฆ่าฟันเสีย จได้คืนมาถึงกรุงศรีสัตนาคนหุตนั้นหาหมีได้ ปรการหนึ่งดังว่าครอบครัวข้าไพร่สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรุงเทพฯ อันได้อุปยกครอบครัวเข้ามาอยู่ในกรุงศรีสัตนาคนหุตมีมากน้อยเท่าใดหมิได้ป้องปกไว้ มีมาในท้องสุวรรณบัตแลศุภอักษรทุกปรการ ขอให้อัคมหาเสนาธิบดีผู้ใหญ่ท้งงปวง ขึ้นกราบบังคมทูลสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวตามมีมาในท้องพระราชสารทุกสิ่งทุกปรการ ศักราช ๓๖ ตัว เดือน ๔ แรม ๖ ค่ำ วัน ๔ ๚ ศุภอักษรจารใส่ใบลานเปนอักษรลาว ใส่ถุงแพรแดงปิตราครั่งปรจำปากถุงเปนรูปบัวห้ากลีบ ๛๚ะ๛


๑๑ สมณสาส์นมาแต่กรุงศรีสัตนาคนหุต

๏ วัน ๒ ฯ๑๕ ๖ ค่ำจุลศักกราช ๑๑๓๗ ปีมแมสัพศกแขกเมิองมาแต่กรุงศรีสัตนาคนหุต นำสมณสารแลบรรณาการมาบังคมทูล ๚ ๛

๏ ในสมณสารนั้นว่า สมณสารสูรพิตัดอัคะดุลาลลาลัตะสาธรปวะระจินตานัตะบรมัดฎคำภิใรยใสย นันตะลาภูอุดมปะรมโสภํคอัคอาจาริยคุณบุญเขตรโลกเสดฐาธิคมพรหมภาณินท์ะมนุชินอินทสกาทยปไต มาในชะไทยภัยวิลหิตวิลชิตะอมิต สำมิวิตันตะรายะชิตมะวรใหยไตยะสริติพะวัคอัคะกุตละวรทิพโพชัญา สุมะคุตะมสำมาคมปะระไมยะตยะวะใหยะอุลยะธยะทิยาชาสุต สมเดจอัควระราชครูมหาวิณายกธปะวระชิโนฦาชาติสาศนหัยยัญานุตระธระธรรมากะกิกะมุนี กะวิบพิตรสถิตยในราชรามาธิปติกลางกรุงจันทบุรีราชธานี มิสมเด็จอัควรราชครู มหาวัณรามาธิปะติเปนประธาน แลสมเด็จพระราชครูสังฆสัมมุติสะระณัคณาคินทชินบุตรพะหูสูตรสาศนายกท้งงหลาย ในกรุงพระมหานครบวรศรีสัตนาคนหุตวิสุทธรัตนราชธานี มีพรหมวิหารวรธรรมมากะอยานุตระวรวณีตะมาถึงสมเดจ์พระสังฆราช ราชาธิบดีศรีสังฆบรินายกดิลกรัตน มหาสวามีศรีวิมลธรรมวิสุทธพุทโฆษาจาริย บพิตรสถิตยในพระศรีรัตนบางว้าอารามมาราชคณาธิบดี กลางกรุงอุตุงคไตรรัตนราชธานี แลสังฆมหานาคคณาธิบดีตรีปิฎกทรจาริยะท้งงหลายในกรุงพระมหานครปวะระทวาระติศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบูรีรมย ด้วยมหาวิสุทธมกุระฎะสมณสาร แลสมณมังคัลปรรณการมีจิวรโกไสยจิวรรกปาศรี เอกยุคลปักขิต สมุดตวันเต สหทวิตัดฎิกะปจัดฐถาระณเอกะยุคละ มาวัฌณสำปัดตาภิรมย สมเดจอัควระระพระศรีสังฆราชราชาธิบดี ศรีสังฆปรินายกะรัตนมหาสวามีศรีวิมลธรรมวิสุทธโฆษาจารยพุทธองคอาริยวงษวะรา ดุลยาธิคุณคณันตสธรรมไตรยโลกยนาถา ษาธุฯหทัยทะโยลุมภทุพิธธระปะระมาจาริยะบพิตร สถิตยในพระศรีรัตนมหาบางว้าอารามาธิบดี แต่อติธุระถาณอาคมสำปัตตา สมเดจพระศรีสังฆราชาธิปะตี ศรีสังฆบรินายกอันเตเทวมหานครปะวะระทวาราวดีศรีอยุทธยา ให้ชาณชัญญาปวุติการ วรพุทธสาศนาปพะจนันโตจันทรบุริ ศรีสัตนาคนหุตวิสุทธิวิรุฬหิธสิทธวิเสษ ด้วยเดชะพระรัตนไตรยคุณ อัพภิสุนทรวรวุฒิทัฬหะสิตกถาสันตาสิตานุกุศลา อาจาริยาสิสานุสิสสันตติปะไภยะในยไภยะวิระหิตะสมิธศุข สัศดินิถีปะณะกาละสมัยโยวาสำมาคมสำมตาสพรหมจารี พระศรีสังฆคณมหายเปสิ ทุตาจึ่งเปสนานคครนายกะบรินายะกะ อาคำมะสำปัตา สมเด็จพระศรีสังฆราชราชาธิบดีศรีสังฆบรินายะกะอันเตเทวะมหานคระทวาระวตีศรีอยุทธยา ให้ชาณชัญาสู่เยิองสูปรการสิงปรการไดมิตรธรรมะตันติปิตุปิตามะหากระษัตร ขติยะอุไภยท้งงสองจักเปนทัฬหาติทัฬะหะตะระ แลให้ชมัยะมหานครราชธานีเหมปตะเลกขเอคำมะทยะ แลให้สมณพราหมณประชารัฐสัตนีกะจระไปมา ในยะนิระทุกขศุฃาโรคะยะนะระสวัตยายิ่งกว่าโบราณมหากระษัตราธิราช แลให้พระรัตนไตรยสาสนาสาริกพระธาตุเจตียศรีมหาโพธิวิสุทธปฏิมาวิโรจโชตนายาวะปัญจะวัสสะหัศปริเฉทกาลนั้นไซ้ไว้ในคำภีรอุตมะวชิระปัญาณ ในยะสมเดจพระศรีสังฆราชาธิบดีศรีสังฆปะรินายะติละกะรัตนมหาสวามีศรีวิมลธรรมวิสุทธพุทธโฆษาจารยะ อาริยวงษ วราดุลยาธิคุณ คะนันตะมันตะสธรรมไตยะโลกนาถาสาธุหุทะยะทะโยสุมพธุทัพ ธะระประมาจายะบพิตรสถิตยในพระศรีรัตนบางว้ารามราชคณะปติกลางกรุงอุตุคะสังมิปะวะรัตนราชธาณี แลสงฆมหานาค ณทิปติติปิตะกะทราจายะท้งงหลาย ในกรุงพระมหานครปะวะระทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธาณีบุรีรมจงทุกปรการ จุลสัตติงษาธิกะสัต ศักกราช พคุณมาศกาลาฉัฐดิถีพุทธรัศนักขัตะ๚ะ๛



๑๒ คำแปลสมณสาส์น

๏ ข้อหนึ่งเนื้อความแปลแห่งสมณสารว่าภักดีงามเลิดหาที่จะเปรียบไม่ สลวยกอบประด้วยเคารพปรเสริฎิ คิดเนื้อความอันจริงแลฤๅเปนลาภอันปรเสริฎิอุดมงามยิ่งนักเปนพระอาจาริยมีคุณอันเลิดเปนเนื้อนาบุญอันประเสริฎิในโลกยยิ่งเปนใหญ่ในถ้อยคำอันกล่าวปรดุจพรหมแลเปนใหญ่กว่ามนุษแลพระอินทเปนต้น มีความเอนดูเกิดในใจปราศจากไภยรุ่งเรืองจนับหมี่ได้รงับอัณรายเปนอันดีกำจัดซึ่งโทษเปนที่บุชาอันปรเสริฎด้วยศรีท้งงสามยอดไตรภพ ดูจอาหารทิพสมาคมอันประเสริฎิ ทรงไว้ดั่งอันอุดมแห่งสมเดจพระราชครูผู้ประเสริด เปนใหญ่ในที่สั่งสอนซึ่งบุตรแห่งพระเจ้าในพระสาศนา แลทรงญาณอันรู้กล่าวธรรมเปนนักปราชมีคำอันไพเราะห เปนอยู่อารามหลวงณกลางกรุงจันทบุรียเมืองหลวง มีสมเด็จพระราชครูอันเปนใหญ่ในมหาวันอารามเปนประธาน แลสมเด็จพระราชครูสงฆสมมุติ แลพระภิกษุพหูสูตร อันเปนมหานาคอันเลิดผู้เปนชิโนรสท้งงหลาย ในกรุงพระมหานครศรีสะตนาคนหุตวิสุทธิรตนราชธานีมีพรหมวิหารธรรมอันปรเสริด จำเริญพรมาถึงพระศรีสังฆราชราชาธิบดีอันเปนศิริประธาน แก่พระสงฆอันเปนเจ้าอันปรเสริด เปนที่ยินดีแก่โลกยท้งงสาม มีศรีอันปราศจากมลทิล กอปรด้วยธรรมอันบริสุทธิปรากฎดั่งพระพุทธเจ้าบพิตรอันสถิตยอยู่ในพระศรีรัตนมหาบางว้าอารามหลวงเจ้าคณะกลางกรุงอันสูงใหญ่ แลสงฆมหานาคอาจารย อันทรงพระไตรปิฎกท้งงสามท้งงหลาย ในกรุงพระมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมยด้วยยอดสมณสาร แลสมณมงคลบรรณาการ คือจิวรไหมจิวรด้ายสิ่งละคู่ ในภายในลุ้งกับด้วยเสื่อสองผืนเปนเครื่องลาดคู่หนึ่ง จำเริญภิรมยมาถึงสมเดจอัควรพระศรีสังฆราชราชาธิบดีศรีสังฆบรินายกรัตนมหาสวามีศรีวิมลธรรมวิสุทธิ พุทธโฆษาจารย พุทธองคอริยวงษวราดุลยาธิคุณคณันตสธรรม อันเปนที่พึ่งแก่โลกยท้งงสาม มีฤทธิปรกอบด้วยกรุณาเปนอันดีเปนบรมอาจาริย อันทรงซึ่งคุณอันประเสริฎิอันสถิตยอยู่ในพระศรีรัตนมหาบางว้าใหญ่อารามหลวงมาแตใกลมาถึงสมเด็จพระศรีสังฆราชราชาธิลดีผู้เปนประธานแก่สงฆ อันอยู่ในกรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย ให้รู้ซึ่งปรพฤธิเหตุแห่งวรพุทธสาศนาในเมืองจันทบุรีศรีสัตนาคนหุตวิสุทธิอันจำเริญฤทธิอันปรเสริฎวิเสดด้วยเดชะพระรัตนไตรยคุณอันงามจำเริญยิ่งมั่นคงด้วยรัศมีอันเอย็นระงับร้อนตามกุศลแห่งอาจารยแลสัตวผู้...ใหญ่/…น้อย สืบงามปราศจากไภยสำเรจซึ่งศุขสวัศดิสำแดงซึ่งรู้กาลสมาคมมาถึงเพื่อนพรหมจาริย อันเปนเจ้าคณะสงฆผู้ใหญ่จึ่งใช้ทูตผู้เปนเสนาผู้...ใหญ่/…น้อย มาถึงสมเด็จพระสังฆราชาธิบดีศรีสังฆบรินายกดิลกรัตนมหาสวามีศรีวิมลธรรมวิสุทธพุทธโฆษาจารยอยู่ในกรุงเทพมหานครทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย ให้รู้ทุกสิ่งทุกปรการ ปรการไดมิตรธรรมปรเวณีอันมีมาแต่โบราณบรมกระษัตรท้งงสองฝ่ายจักหมั้นคงยิ่งนัก แลให้สองพระมหานครราชธานีเปนรอยในแผ่นทองอันเดียวกัน แลให้สมณพราหมณปรชาราษฎรจรไปมาให้ปราศจากทุกขโศกโรคไภยมีความศุขยิ่งกว่าบุราณมหากระษัตราธิราช ให้พระสาศนาสาริกะธาตุเจดียศรีมหาโพธิปฏิมากร วิโรจนนาตราบเท่าเคารพห้าพันพระวษานั้นไซ้ ไว้ในปัญาอัษฐอันอุดมดั่งแก้ววิเชียรอันรู้ใญยธรรมแห่งสมเด็จพระศรีสังฆบริณายกดิลกรัตนมหาสวามีศรีวิมลธรรมวิสุทธพุทธโฆษาจาริยสถิตยในพระศรีรัตนบางว้าอารามหลวงเจ้าคณะกลางกรุงอันสูงใหญ่ใกล้เมิองหลวง แลสงฆมหานาคเจ้าคณะผู้ใหญ่อันธรงไตรปิฎกท้งงปวงในกรุงพระมหานครทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมยทุกประการ จุลศักราช ๑๑๓๖ ตัวเดือนสี่แรมหกค่ำวันพฤหัศบดีวันพุทฤกษสิบแปด๚ะ๛

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2563 17:45:25 »




๑๓ สมณสาส์นพระสังฆราชกรุงธนบุรีมีตอบไป

๏ สมณสารสุนธรบวรวจน อรรถธรรมรศิกะอธิกะศิลสาราทิไตรย อุภัยโลกะหิตยพิธสมบัดติ สังสิชนัศภัชนานิกรอมรนริศจัตุพิธบรมบรรพสัตวสาศนัศประโยชน โชตนายาวะปัญจะสหัสวัศะบริเฉทเจตนานุทิศสุภาสิตปรสาท ในสมเด็จพระสังฆราชธิบดีศรีสังฆบริณายกติปิฎกธราจารยญาณคำภีรธรรมมัดถาพิศใมย อธิปตัยคณานิกรวรสงฆสถิตยทุวิธธุระธราคณอดุลยเตรัศะธุดงควัถะสิกขัตยสันตุฐีวิสุทธสเลขะอับปิจ์ฉะวิวิธคุณคณาธารสถิตยถาวรรัญาคามวาศรีสักลคณารามรัฐวัฒนะติเรกเอกนิษร ในบวรมหาธาตุอารามหลวง ณกรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพ นพรัตนราชณีบุรีรมย มีมโนนุษรโสมนัศศาประฏิสมณสารมาถึงสมเดจพระสังฆราชาธิบดีด้วยสมเด็จพระสังฆราชาธิบดีณกรุงศรีสัตนาคนหุตมีสมณสารสมณบรรณาการอุทิศมาเปนเรื่องราวบอกปรพฤทธิเหตุ แห่งวรพุทสาศนาเปนศิลวัตตาติเรกเอกชัชวาลยวัฒนะยังสถิตยสมบูรรณอยู่ในกรุงศรีสัตนาคนหุต แลให้ช่วยถวายพระพรธิบายทำนุบำรุงพระราชสุนธรบวรธรรมมิตรมงคลนุสนธิสืบบุราณราชปรเพณีให้จำเนียนนายในทไวยวรรัตนราชธานีเปนศรีศุขสวัศดิพิพัฒนในพระสาศนา สมณาปรชากรทั้งสองฝ่ายฟ้า ครั้นได้ทัศนาสารก็โสรมมนัศจึงนำเรื่องสมณสารสมณบรรณาการเฃ้ามาถวายพระพรธิบายแดสมเดจพระมหากระษัตราธิราชเจ้าณกรุงเทพมหานครได้ทรงฟังสมณสาร ก็ทรงพระมโนภิรมยเบิกบาลวิบุลปราโมชโมทนายิ่งนัก จึงทรงพระกรุรณาโปรดดำรัสพระราชบริหารในท่ามกลางสังฆราชาคณะท้งงปวง ว่าแต่ก่อนยังหมีได้มีสมณสารมาได้แจ้งข่าวว่าพม่าหมู่ร้ายอาธรรมคุมพวกพลมาทำปะไสยหาการข่มเหงเบียดเบียนกรุงศรีสัตนาคนหุตนั้น น้อยกระมลหฤทัยนักขัดแค้นดูจหนึ่งพม่ามาทำแก่อาตมแลญาติอันเปนที่รักแห่งโยมแต่ตำริหมิรู้วาย ด้วยท่าทางที่จะทำนุกบำรุงกรุงศรีสัตนาคนหูต แลวรพุทธสาศนาก็หมีได้ท่วงที บัดนี้มีสมณสารมาถึงพระผู้เปนเจ้าท้งงหลายเปนธุระสงฆอย่าทรงพระปรารภเลย โยมก็ได้ถวายชิวิตรอุทิศต่อพระรัตนไตรยจชั่วดีปรการใดก็แจ้งอยู่ทุกปรการ ขอพระผู้เปนเจ้าเอาสมณสารนี้ปฤกษาพระสงฆราชาคณพร้อมกันตามสมณกิจแล้วตอบไป จึงถวายพระพรลานำสมณสารมาอ่านปฤกษาในท่ามกลางพระสงฆราชาคณอธิการอันดับฝ่ายคันฐธุระวิปัศนาธุระท้งงปวง ๆ ปฤกษาว่าซึ่งพระสังฆราชาธิบดีณกรุงศรีสัตนาคนหุต ส่งสมณสารเรื่องลักษณความท้งงนื้ต้องด้วยพระราชอาการปรนนิบัดดิสมเดจพระมหากระษัตราธิราชเจ้ากรุงเทพมหานคร อันทรงพระราชอุษาหะกรุณาญาณบำรุงพระพุทธสาศนาดัดแปลงสัตวโลกยท้งงปวงให้ต้งงอยู่ในคลองธรรมอันดี แลฝ่ายคณะสงฆท้งงปวงอันรักษาพระพุทธสาศนาอันอยู่ในแว่นแคว้นกรุงเทพมหานคร ก็ทรงพระกรุณาสั่งสอนให้เล่าเรียนพระปาฏิโมกขสังวร ขึ้นปากขึ้นใจท้งงพระบาฬีแลเนื้อความให้ปฏิบัตติตามพระวิไนยสังวโรวาท แล้วซ้ำประสาทสั่งสอนด้วยพระธรรมอันเปนใจพระไตรยปิฎกท้งง ๓ คือให้ต้งงอยู่ในธรรม ๔ ประการ คืออายบาปกลัวบาปเกลียดบาปหน่ายบาป พระสงฆราชาคณะท้งงปวงได้รับพระราชทานพระราชโอวาทมาปรนนิบัดติตามก็เปนศุขสวัสดิสมบูรณด้วยศิลสารสมณปติวัฒนะในพระสาศนาพระกรุณาคุณมีแก่สมณสงฆท้งงปวงณกรุงเทพมหานครหาที่สุดมิได้ ฝ่ายฆราวาศราชบรรพสัชเล่าผู้ใดหมีได้ต้งงอยู่ในสัจธรรมทำให้แผ่นดินจุลาจลทรงพระกรุณาดัดแปลงสั่งสอนทรมานให้อยู่ในสัจสุจริตธรรมบุราณราชปรเพณียมีพระอาการปรนนิบัตินน้นเที่ยงตรงจัตุรัศปรดูจ ดิน น้ำ เพลิง ลม ธาตุท้งง ๔ อันเปนคุณประโยชนแก่บุทคลผู้รักษาดี เปนโทษแก่บุทคลอันหมีรู้รักษาควรจเอาพระราชอาการกิริยา อันเปนอัศจรรยวิเสดกว่าบรมกระษัตราธิราชแต่ก่อนมั่นคงฉนี้ เปนปรฏิสมณสารธรรมบรรณาการตอบไปถวายแก่สมเดจพระสงฆราชาธิบดี แลสงฆมหานาคราชาคณะณกรุงศรีสัตนาคนหุตผู้มีปรีชาญาณคำภีรภาพ ให้พิจารณาพระอาการสมเดจพระมหากระษัตราธิราชเจ้าณกรุงเทพมหานคร ซึ่งปรนนิบัดดิตามราโชวาทราชอณาจักรรักษาสมณพราหมณาจารย เสนาพฤทธามาตยราษฎรฉนี้ยังจะต้องตามพุทโธวาทแลจควรสมเด็จพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต จผูกพระราชสัมพันธกัลยาณมิตรมีประโยชนอิธโลกยปรโลกยแลฤๅ เมื่อวิจารณเหนว่าต้องตามพระพุทธชิโนวาทแล้วเร่งทำนุกอำรุงสมเดจพระมหากระษัตราธิราชณกรุงศรีสัตนาคนหุต ให้ต้งงอยู่ในราชธรรมสุจริตผูกพระราชสัมพันทมิตรให้มั่นคงอย่าแพร่งพราย เปนอันหนึ่งอันเดียวด้วยพระอานุภาพสองบรมกระษัตรต้งงอยู่ในราชธรรมสุจริตอันซื่อตรงฝากพระชนมชีพแก่กันท้งงสองฝ่ายฟ้า ก็จะมีกำลังพระสุจริตธรรมภายในกำลังพระปัญา กำลังพลทหารกำลังราชทรัพยมากขึ้นอาจป้องกันหมู่ปัจามิตร ด้วยอุภัยรัฐราชธานีท้งงทองทิพยปติเรกเอกจิตรเอกฉันทอัญมัญชิวิตรนิสิตะนิไสยชัมไมยหมั้น ในบรมกัลยาณมิตรสนิทเสน่ห์ไป จเนิยรไภยเนิยรโศกสมณพรามณาฃัติยวํงษานุวงษเสนาธิบดีเศรษฐีวานิชนรากรประชาชน ในเมทนิดลท้งงสองฝ่าย จมิศุขประโยชนไชยโชตรนาในวรพุทธสาศนาถ้วนกำหนดวัตษา ๕๐๐๐ จึงมีพระพุทธฎิกาสั่งให้พระครูปลัดลิกขิตคำสงฆปฤกษาเปนอักษรสมณสารส่งตอบมา ประการหนึ่งซึ่งสมเดจพระสังฆราชากรุงศรีสัตนาคนหุต ถวายจิวรสาฎกกับปาสิกพัตรโกไสยภัตรหมิได้ตัดเปนขันธตามพระวิในยทุติยปัญญัตินั้น ครองจะเปนอาบัตติจึงบูชาไว้เปนพุทธบูชาจงโมทนาเอาส่วนกุศล แลได้ถวายสมณบรรณาการผ้าจิวรกับปาสิกะภัตรตัดเปนขันธตามพระวิในยทุติยปัญญัติไตรรัตปคตแพรสองสาย รัตปคตยวนใหมคาดเอวสาย ๑ อังสะแพร ๑ สัณฐัดผุดทอง ๑ ผ้าฃาวตรองอุทกัง ๑ ผ้าฃาวเช็ดมือ ๑ ถวายมาเปนหย่างให้พระสังฆราชาธิบดีครองแล้ว ว่ากล่าวพระสงฆท้งงปวงให้ทรงจิวรตัดเปนขันธดูจหย่างสงฆถวายมานี้จึงต้องพระวิในยทุติยปัญญัติ จึงได้ชื่อว่าทำนุกบำรุงบวรพุทธสาศนาในกรุงศรีสัตนาคนหุตเปนแท้ได้ แลครอบแก้ว ถาดทองฃาวรอง ๑ พะองแก้วคู่ ๑ จอกแก้วคู่ ๑ หมอนกำมหยี่ผุดทอง ๑ พรมเหลี่ยม ๑ เจียมลาย ๑ เสื่ออ่อนตนาว ๑ ร่มแดงกรองคันยาวคู่ ๑ ร่มคันสั้นคู่ ๑ มีดโกนคู่ ๑ รองท้าวเชิงงอนปักทองขวาง คู่ ๑ รองท้าวน่าภับหุ้มสักหลาดคู่ ๑ รองท้าวหน้าภับเลวคู่ ๑ คนโทดิบุกชำระ ๑ หม้อดิบุกกรองมูต ๑ ย่ามสักหลาดแดง ๑ หีบแว่นฟ้าตะบะรอง ๑ ปรการใดสมเด็จพระมหากระษัตราธิราชเจ้าท้งงสองพระนครราชธานี จะมีพระราชวรธรรมมิตรสถิตยหมั้นหมี่ได้จุลาจลในภูมิมณฑลอาณาจักรท้งงสองราชธานีให้วัฒนาวรพุทธสาศนาสืบไปก็ไว้ในคำภิรญาณณุบายแห่งพระสงฆราชาธิบดีณกรุงศรีสัตนาคนหุตจงทุกปรการ

สมณสารสฤทธิในบริเฉทตยุลศักราช ๑๑๓๗ อัชสังวัดฉะระเชษฐศุขปักขดฤถีภูมวารภูมิบาลฤกษบริบูรณ ๚ะ๛



ศุภอักษรครั้งแผ่นดินเจ้ากรุงธนบุรีตอบไปกรุงศรีสัตนาคนหุต

๏ ศุภอักษรบวรกะถา อรรคมหาเสนาธิบดินทร ณรินทรามาตย์ผู้ (ภักดีบำเรอพระ) บาท (สมเด็จพระ) เอกาทศรถบพิตร์ศรีอยุทธยานครมีมโนไนยะ มาแต่อรรคมหาเสนาธิบดีณกรุงศรีสัตนาคนหุต ด้วยพระยาศรีสุธาราชาจ่าบ้านปัญญามงคล พระยามหาอำมาตย์สุระตังระไมตรี ท้าวตัง ถือศุภอักษรลงไปจำเริญทางพระราชไมตรี โดยบูรราชประเพณีถึงกรุงเทพ ณวัน ๒ เดือน ๑๐ แรม ๙ ค่ำปีมแมสัพศก ได้ให้เจ้าพนักงานรับศุภอักษรแปลได้เนื้อความว่า พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตโทรมนัศด้วยพระราชบุตร์พระราชนัดา อันค้างคาอยู่ในกรุงอังวะ พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตมิให้เสียคลองราชประเพณีแห่งมหากระษัตริย์มาวัฒะณะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงเทพ ฯ บวรทวาราวดีศรีอยุทธยา เพื่อให้อุไภยรัษฐาทั้งสอง เป็นเอกะสุวรรณปัตฦาชาปรากฎทั่วไปในสกลชมภูทวีปทั้งปวง ให้อรรคมหาเสนาธิบดีณกรุงเทพ ฯ จัดแจงขึ้นไปแห่แหนรับพระยอดแก้วกัลยานีศรีกระษัตริยลงมาในเดือนยี่ ประการหนึ่งพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ให้จัดเข้าในพระคลังไว้ได้ ๕๐๐ เกวียน ให้แต่งช้างโคกระบือขึ้นไปช่วยลากเข็นเอา แล้วว่าขอปืนคาบสิลา ๒๐๐๐ ขึ้นมาไว้สำหรับรักษาบ้านเมืองนั้น ได้แจ้งในลักษณศุภอักษรนั้นแล้ว จึงนำเอาเรื่องราชกิจจานุกิจแลพาพระยาศรีสุธาราชาจ่าบ้านปัญญามงคล พระยามหาอำมาตย์สระตังรไมตรี ท้าวตัง ขึ้นกราบถวายบังคมทูลพระกรุณา แต่พระบาทพระพุทธเจ้าอยู่หัว ครั้นดำรัสทราบใต้ลออง ฯ แล้วก็ชื่นชมโสรมนัศศาการยินดี มีพระราชโองการมารพระ บัณฑูร ว่าถ้าพระเจ้านครศรีสัตนาคนหุต แลเจ้าเสนาพฤทธามาตยพิโรธกรุงอังวะร่วมทุกข์ศุขเปนใจด้วยกันขะเม่นเข่นฆ่าพม่าจะได้ให้รี้พลผู้สันทัดปืน ๆ คาบสิลา ๔ พัน ๕ พันขึ้นไป ฝึกปรือชาวกรุงศรีสัตนาคนหุตป้องกันพระนคร ประการหนึ่งพระราชวงษ์องค์ใด ไม่สันทัดการณรงค์สงครามจะได้ช่วยบำรุงเพื่อจะได้สืบราชวงษาต่อไป ประการหนึ่งโดยเสด็จ ไปได้กรุงอังวะพบรี้พลครอบครัวกรุงใดจะได้ให้คืนพระนครกรุงนั้น อิกประการหนึ่งจะได้ให้เจ้าเสนาข้าทูลลออง ฯ สองฝ่ายฟ้าถือน้ำพระพัฒน์สัจจาเสน่หาสนิทเปนพันธุมิตร์แก่กัน แลซึ่งกิจการณรงค์สงคราม คิดอ่านปฤกษาบำรุงรี้พลช้างม้ากำหนดข้าขอบขัณฑเสมาเสร็จได้มีพระราชสารศุภอักษรขึ้นไปแจ้งแต่ก่อนแล้ว ถ้ากรุงอังวะไม่ยกลงมาฝ่ายศรีอยุทธยาก็จะยกขึ้นไปตี การสงครามติดพันธ์กันอยู่ ครั้นจะเชิญเสด็จรับพระยอดแก้วกัลยานีศรีกระษัตริย์ลงมาไว้พระนคร ก็จะเปนห่วงหน้าห่วงหลังพว้าพวัง ถ้าเจ้าเสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุตปลงใจร่วมทุกข์ศุขพระนครศรีอยุทธยา เพื่อจะมาล้างพม่าด้วยเปนมั่นแม่นหาผู้ใดจะป้องกันพระยอดแก้วกัลยานีศรีกระษัตริย์ไม่ กลัวจะมีเหตุเภทไภยภายหลัง ถึงจะเชิญเสด็จพระยอดแก้วกัลยานีศรีกระษัตริย์ลงมาพระนครศรีอยุทธยา จะได้แต่งการรับสู้ ถ้าเปนประการดังนี้ก็จะมีศุภอักษรลงมา เมื่อพิจารณาดูข้อความในลักษณศุภอักษรนั้น หาคิดอ่านอุดหนุนมาโดยการสงครามไม่ ยกเนื้อความมาแต่ว่าพระเจ้าอังวะจะลงมาสู่พระบรมโพธิสมภารจึงงดไว้ เนื้อความข้อนี้เปนสัพเพสัตตาไม่มั่นไม่เที่ยงแจ้งไปในศุภอักษรแต่ก่อนแล้ว แลฝ่ายกรุงศรีสัตนาคนหุตหยิบยกเอาบอกลงมาดังนี้ ก็ไม่รู้ว่าที่จะเจรจาหฤาว่าพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต เจ้าเสนาบดีกลัวจะเปนไภยแก่พระราชบุตร์พระราชนัดา หากรุงอังวะนั้นกรุงศรีอยุทธยาขอรับประกันแก้ไขไปโดยวิทยาคมไม่ให้เป็นเหตุการเลย ถ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตไม่เชื่อจงยุยงขึ้นไป ให้พระเจ้าอังวะเร่งยกลงมา ฝ่ายกรุงศรีอยุทธยาจะพิฆาฏให้กลิ้งอยู่ในกลางสมรภูมิ์ อิกประการหนึ่งจะจับเปนให้โลกทั้งปวงเห็นทั่วชั่วดีประการใด กรุงศรีสัตนาคนหุตจะได้ทัศนาทั้งสองฝ่าย แลซึ่งนครศรีอยุทธยาจะแต่งช้างแลคนขึ้นไปขนเข้าลงมานั้น การศึกมิขดสนอยู่แล้ว ถ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตจะเห็นแก่ทางพระราชไมตรีจะเอามาให้ก็ตาม ขัดสนอยู่แล้วก็แล้วไปเถิด ศุภอักษรมาณวัน ๓ เดือน ๑๐ แรม ๑๐ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๓๗ ปีมแมสัพศก. ฯ
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2563 13:00:17 »

.



อักษร (ข) หมวดแรก พระราชสาส์น รัชกาลที่ ๑ มีไปมากับเมืองญวน
(๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๒) พระราชสาส์นเจ้าเมืองญวน


(๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจำเริญทางพระราชไมตรี มาถึงพระเจ้านครตังเกี๋ย

ด้วยแต่งให้ จิ๋วิแหว้ จิ๋วิเชียง จิ๋วิเกวียน จิ๋วิถึด จิ๋วิมัญ จิ๋วิทงควร }  จำทูลพระราชสาส์น คุมขนจามจุรีเปนเครื่องราชบรรณาการ มาจำเริญทางพระราชไมตรีแลไมตรีถามฃ่าวกล่าวความศุขสวัสดิมงคลนั้น ขอบพระไทยเจ้าตังเกี๋ยหนักหนา แลซึ่งว่าแต่ก่อน เมืองเวียงจันท์ เมืองพวน เมืองคำเกิด เมืองนคร ๔ เมืองนี้ เคยขึ้นแก่เมืองตังเกี๋ยแล้วมิได้ไปขึ้น ความข้อนี้ ถึงกรุงมหานครศรีอยุทธยา ยกไปตีได้เมืองเวียงจันท์ เมืองพวน แลเมืองลาวทั้งปวงมาเปนฃ้าขอบขันธเสมา พระเจ้าเวียงจันท์องค์เก่าถึงแก่พิราไลยแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยามีความเมตตากรุณามิให้เสียราชประเพณี ทำนุบำรุงปลูกเลี้ยงตั้งเจ้านันทเสนผู้เปนราชบุตร ให้คืนมาครองเมืองเวียงจันทบุรีสืบตระกูลสุริยวงษต่อไป แลกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะได้กำหนดห้ามปรามเมืองลาวทั้งปวงให้ละขนบธรรมเนียมประเพณีบุราณเสียหามิได้ แลเมืองพวนกับเมืองเวียงจันท์เกิดอริวิวาทรบพุ่งกัน แล้วเมืองเวียงจันท์แต่งกองทัพไปตีเมืองพวนอิก และกองทัพเมืองเงอานยกมารบกับกองทัพเมืองเวียงจันท์ แล้วยกมาตีเมืองเวียงจันท์ก็ดี ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาหาแจ้งเหตุผลไม่ ต่อมีศุภอักษรเจ้านันทเสนบอกลงไป ว่าเจ้าตังเกี๋ยแต่งกองทัพมาตีเมืองเวียงจันท์จึงแจ้งเหตุ ให้กองทัพยกขึ้นไปหวังจะใคร่พบกับกองทัพตังเกี๋ย เจรจาดูให้รู้เหตุผลเปนประการใด ครั้นไปถึงเมืองเวียงจันท์ ก็หาทันกองทัพเมืองตังเกี๋ยไม่ ต้องยกไปถึงเมืองพวน ครั้นจะติดตามไปเล่า เกรงว่าจะล่วงเกินขนธเสมาราชธานี จึงยกกองทัพกลับมา ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยานี้ ดำรงทศพิธราชธรรมอันเสมอมิได้คิดเบียดเบียนแก่บ้านเมืองใหญ่น้อยลูกค้าวานิชนานาประเทศ มีแต่เมตตาเปนต้น อุปมาดุจดังเขาพระสุเมรุราชแลมหาสาครสมุทอันเปนที่พำนักนิ์อาไศรยแก่เทวามนุศย์แลฝูงมัจฉาชาติทั้งปวง มิดังนั้นเสมือนหนึ่งมหาพฤกษาชาติต้นใหญ่ เปนที่อาไศรยแก่ฝูงนกทั้งปวงอันเข้าพึ่งพักกระทำรวงรังฟักไข่ ครั้นสกุณโปฎกขนปีกหางบริบูรณ์แล้วก็บินไปทั่วทิศานุทิศ โดยความปราถนาผาศุกแห่งตน แลซึ่งครั้งก่อนองเชียงสือแตกจากเมืองโลกหน่าย หนีเข้ามาพึ่งกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ก็ทำนุบำรุงเลี้ยงให้เปนศุขโดยตระกูลกระษัตริย์สุริยวงษ แล้วกลับคืนไปเมืองโลกหน่าย อุปไมยเหมือนสกุณปักษาอันมีขนปีกหางบริบูรณ์แลบินไปสู่ประเทศแห่งตนโดยปราถนาหาไภยอันตรายมิได้ ก็เปนที่ยินดีแห่งกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาโดยกรุณาหารังเกียจมิได้ แลซึ่งว่าองเชียงสือไม่อยู่แต่เมืองโลกหน่าย ยกกองทัพไปรุกรบตีบ้านน้อยเมืองใหญ่ จนแดนเมืองตังเกี๋ย ๆ แต่งกองทัพตีองเชียงสือแตกคืนมานั้น ความข้อนี้เปนระยะท่าทางไกล ยังหาแจ้งเหตุผลตระหนักไม่ แลซึ่งว่ากองทัพเมืองตังเกี๋ยจะยกมาตีองเชียงสือ ขอให้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่ง กองทัพไปตั้งอยู่ปลายด่านแดน ถ้าองเชียงสือแตกมาให้ช่วยจับกุมส่งให้เจ้าตังเกี๋ย จะตอบแทนสนองคุณนั้น ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนมิรู้ที่จะเจรจาเลย ด้วยเหตุทว่าเปนคุณแล้วจะให้กลับเปนโทษดังนี้ ผิดราชประเพณีธรรม ประการหนึ่งกิติศับท์จะฦๅไปนานาประเทศเมืองใหญ่น้อยทั้งปวงว่ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเหนแก่ลาภสการเมืองตังเกี๋ยเท่านั้น ช่วยจับกุมองเชียงสือส่งไปให้ ไม่มีความเมตตากรุณาเลย จะคะระหาติเตียนข้อนี้ปรากฎอยู่ฟ้าดินดูมิบังควร อันกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะประพฤติการ จะทำได้ก็แต่โดยคลองทศพิธราชธรรมตามประเพณี เจ้าตังเกี๋ยกับองเชียงสือเปนฆ่าศึกกัน ถ้าจะให้รงับว่ากล่าวทั้งสองฝ่ายพอจะเจรจาได้ อนึ่งซึ่งว่าขอให้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่งกองทัพไปตั้งอยู่ปลายแดนนั้น จะยากอะไรมี แต่ทว่ากองทัพองเชียงสือแลกองทัพเมืองเว้เมืองเง้ก็เปนญวนเหมือนกัน ฝ่ายไทยมิได้กำหนดรูปพรรณสัญญา เกลือกจะเกิดอริวิวาทรบพุ่งกัน ก็จะหมองคลองพระราชไมตรีแลไมตรีไป อันประเพณีกระษัตราธิราชเมืองใหญ่น้อยทั้งปวง ก็ย่อมรู้จักกำหนดขอบขันธเสมาราชธานีเขตรแดนซึ่งกันแลกันอยู่สิ้น เจ้าตังเกี๋ยก็ทรงปัญญาดำรงไพร่ฟ้าฃ้าแผ่นดิน ให้ดำริห์จงชอบนั้นเถิด ทางพระราชไมตรีแลไมตรีทั้งสองพระนครจะได้วัฒนาการมั่นคงสืบไป



(๒) พระราชสาส์นเจ้าเมืองญวน

พระราชสาส์นเจ้าเมืองญวนมาเยียนเจ้าน้องกรุงไทยให้ทราบ

ด้วยทูตนำ นายแก้ว นายพรมมา นายทัพสัตุ } พระราชสาส์นกับแพรมังกรออกมาเปนทางพระราชไมตรี เราจึงถามฃ่าวถึงเจ้ากรุงไทยทั้งสองพระองค์จำเริญมั่นคง วัดวาอารามรุ่งเรืองสุกใสยิ่งกว่าแต่ก่อนบุราณสืบมา เรามีความยินดีด้วยเจ้ากรุงไทยหนักหนา แลว่าเมืองเวียงจันท์ปีก่อนทำไม่ดี ยกกองทัพมาตีเมืองพวน จับเจ้าเมืองพวนกับเจ้าหัวเมืองลาวทั้งปวงแลไพร่พลเมืองหนี้มาเมืองเงอาน ว่าแก่เจ้าเมืองเงอาน ๆ จึงบอกหนังสือมาถึงเรา ๆ จึงให้กองทัพยกขึ้นมาถามโทษเจ้าเวียงจันท์ ๆ รู้ว่ากระทำผิด ปล่อยเจ้าลาวทั้งปวงคืนบ้านเมืองตามเก่าแล้ว เจ้าลาวทั้งปวงเคยเอาเครื่องราชบรรณาการไปถวายแก่เมืองญวนตามอย่างแต่ก่อนทั้งนี้ เราจึงโปรดยกโทษความผิดไม่ว่าแล้ว แต่ก่อนเราคิดว่าเจ้าเวียงจันท์อาไศรยเจ้ากรุงไทยคิดทำร้ายตีบ้านเมืองทั้งปวง บัดนี้เราเห็นในพระราชสาส์นว่าเจ้ากรุงไทยชุบเลี้ยงเจ้านันท์ให้ขึ้นมาครองเมืองเวียงจันท์สืบตระกูลมาหาได้ห้ามปรามตามอย่างแต่ก่อนมาหาไม่ เราจึงแจ้งว่าเจ้ากรุงไทยตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมหนักหนา อนึ่งเวียนจุงเมืองญวนกับกรุงไทย หนทางระยะห่างไกลกันข่าวคราวหารู้แจ้งไม่ แต่ก่อนเจ้าชมภูเมืองพวน เจ้าฦๅคำรฎเมืองหลวง ทูลเราว่าเวียนจุงมาอยู่ด้วยเจ้ากรุงไทย ๆ ทรงพระเมตตาชุบเลี้ยง แก้วเวียนจุงคิดอกตัญญ เก็บเอาเครื่องสาตราอาวุธยกกองทัพออกไป มันคิดการทั้งนี้โทษมีแก่เมืองโนัน แลครั้งก่อนเรามีราชสาส์นมาถึงกรุงไทย ว่าเวียนจุงแตกหนีเข้ามา ขอกองทัพจับไว้ บัดนี้มีพระราชสาส์นมาถึงเราจึงแจ้งราชการ เราคิดว่าไพร่ไหน ๆ ก็เปนไพร่ฟ้า ผู้ใด ๆ เปนเจ้าครองเมือง จะใคร่เอาใจราษฎรให้อยู่เยนเปนศุขเปนต้น ไพร่พลเมืองญวนก็เหมือนไพร่พลเมืองไทย เราได้เปนเจ้าพึ่งไพร่ฟ้าราษฎรทั้งปวง จึงสร้างเมืองญวนขึ้นใหม่ กว้าง ขวาง } ได้แว่นแคว้นแผ่นดินถึงหมื่นโยชน์ ทำไมกับเวียนจุงจะละเสียก็ได้ เหตุด้วยเวียนจุงทำร้ายกวนราษฎรฝ่ายเดียว คิดว่าจะยกกองทัพไปจับสัตว์ในป่า ไพร่ราษฎรจะได้ความยากแค้นเดือดร้อน ครั้นจะไม่ทำมันวันนี้มันจะไปลวงเมืองนี้พรุ่งนี้มันจะไปลวงเมืองโน้น ให้เกิดศึกรบพุ่งกันต่อ ๆ สืบไป ไพร่ฟ้าราษฎรจะได้ความยากจน จะฟังคำไว้มันนั้นผิดด้วยประเวณี เราคิดว่าเจ้าเมืองไทยจะไม่แจ้งเหตุผลมันอย่างนั้น บัดนี้แต่งทูตไปมา เมืองเรากับเมืองไทยได้แจ้งน้ำใจกันอยู่แล้ว เจ้ากรุงไทยทรงสัจธรรม จงทรงดำริห์ให้อาณาประชาราษฎรเมืองญวนกับเมืองไทยได้อยู่เยนเปนศุข ทางพระราชไมตรีจะได้วัฒนาการสืบไป ถ้าได้อย่างนั้นเรายินดีหนักหนา ให้เจ้ากรุงไทยทั้งสองพระองค์จำาเริญยิ่ง ๆ ต่อขึ้นไป วัดวาอารามจะได้รุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปกว่าแต่ก่อน เมืองญวนกับเมืองไทยท่าทางไกลกัน ให้ราชสาส์นมาเหมือนกับตัวเราได้มาปราไศรยกัน ราชสาส์นมาทั้งนี้เหมือนกับน้ำใจเรา

ราชสาส์นมาณวัน ฯ ๑๑ ค่ำ ปีเถาะ สัพศก





อักษร (ข) หมวดที่ ๒
(๓) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๕) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่
(๖) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่
(๗) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา


(๓) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม

พญาธิเบศโกษาพญาอไภยพิพิธขุนสารประเสริฐหมื่นพจนอักษรกรมท่าหมื่นพินิจอักษรกรมท่านายชำนิโวหารอาลักษณ์ ๑ } นั่งแปลพระราชสาส์นพร้อมกันณะหอพระมณเฑียรธรรม

๓) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนามกราบถวายบังคมสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยณะ ๑๐ฯ ๓ ค่ำ ปีกุนเบญจศก มีพระราชสาส์นให้ทูตานุทูตออกมาถึงเมืองตังเกี๋ยแจ้งในพระราชสาส์นว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ให้คุมเอาสิ่งของออกมาพระราชทาน ฯฃ้าฯ นั้นมีความยินดีนัก ด้วยทรงพระเมตตาชุบเกล้าชุบกระหม่อมเลี้ยง ฯฃ้าฯ เสมอแต่เดิมมาจนคงเท่าทุกวันนี้ พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ ฯฃ้าฯ เอาพระเดชพระคุณปกเกล้าปกกระหม่อมมิได้ลืมพระคุณสักเวลาหนึ่งเลย แล ฯฃ้าฯ จะจัดสิ่งของให้ทูตคุมเข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายด้วยตัว ฯฃ้าฯ อยู่ณะเมืองตังเกี๋ยต่อณะ ๑๑ฯ ๕ ค่ำ ฯฃ้าฯ ลงมาถึงกรุงภูชุน จึ่ง

จัดสิ่งของ} ทองคำ ๕ ลิม เงิน ๕๐ ลิม แพรสีต่างกัน ๕ อย่าง ๑๐๐ พับ ผ้าขาว ๑๐๐ พับ} แต่งให้ กวานเถิงดาว  คำทราย  เตียงกวางเฮา }๑ ทานลำเวียน โหยเวียนบะ } ๑ คุมมาทางเรือ มาณะเมืองไซง่อนเข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระราชสาส์นมาณวัน ฯ ๖ ค่ำ ยาลองศักราช ๓ ปีชวดฉศก๏ ๚ะ๛



(๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม ขอกราบถวายบังคมแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวณะกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบด้วยณะเดือน ๔ ขึ้น ๕ ค่ำปีกุนเบญจศก มีหนังสือออกมาว่า ณเดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ ปีกุนเบญจศก ล้นเกล้าฯ กรมพระราชวังบวร ฯ เสด็จถึงแก่พระนิพพาน ฯฃ้าฯ ได้แจ้งนั้นแล้วมีใจสสดเสียดายลำลึกถึงพระเดชพระคุณอันยิ่งหนักหนา ฯฃ้าฯ จะจัดสิ่งของเข้ามาให้ทันถวายพระเพลิง ทำบุญฉลองพระเดชพระคุณก็มิได้ดังใจด้วยเปนระยะทางไกล ถึงนิพพานไปแล้วก็ดี ฯฃ้าฯ ยังคิดถึงพระเดชพระคุณอยู่มิได้ขาด แลบัดนี้ ฯฃ้าฯ จัดได้ขี้ผึ้งหนัก ๕ หาบ ผ้าขาว ๑๐๐ พับ น้ำตาลทราย ๓๐ หาบ น้ำตาลทรายหลอม ๕ หาบ น้ำตาลกรวด ๕ หาบ แต่งให้แต่งให้กวานเถิงดาวคำทรายเจืองดาวเตืองกวางเฮาทานลำเวียนโฮยเวียนบะ ๑๑ }
กวานเถิงดาวคำทรายเจืองดาวเตืองกวางเฮา๑ทานลำเวียนโฮยเวียนบะ๑ }  คุมเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวายให้ทำบุญ แล้วขอพระราชทานให้ กวานเถิงดาวคำทรายเจืองดาวเตืองกวางเฮา ทานลำเวียนโฮยเวียนบะ  } ไปกราบถวายบังคมพระอัฐิ แทนตัว ฯฃ้าฯ จะได้เหนใจ ฯฃ้าฯ ว่าคิดถึงพระเดชพระคุณ อยู่

พระราชสาส์นมาณวันเดือน ๖ ค่ำ ขึ้น ๑ ค่ำ ยาลองศักราช ๓ ปีชวดฉศก



(๕) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่

(๕) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่ มาถึงพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยมีพระราชสาส์นเข้าไปว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แต่งให้ทูตานุทูตคุมเอาสิ่งของเครื่องสำหรับกระษัตริย์ ออกมาพระราชทานนั้น ได้รับไว้แล้ว แต่พระมาลานั้นเปนอย่างสูง ไม่เคยใส่ถวายคืนเข้ามา อนี่งพระเจ้ากรุงเวียดนาม จัดได้สิ่งของให้กว้านเทืองดาวคำทรายเจืองเกอเตืองกวางห้าว หานลำเวียนโหยเวียน
เวียดนาม แลว่าพระเจ้ากรุงเวียดนาม ได้แต่งเครื่องสักการบูชาเทพยุดา พระไอยกา พระไอยกี พระราชบิดามารดา แลขอชื่อเปนกรุงเวียดนาม ถ้ามีพระราชสาส์นไปมาก็ดี ขอให้ใส่ชื่อกรุงเวียดนาม แลมีเนื้อความแจ้งอยู่ในพระราชสาส์นสี่ฉบับทุกประการแล้ว แลซึ่งพระเจ้ากรุงเวียดนามให้คุมเอาพระมาลา แลสิ่งของเข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย แลทำบุญพระอัฐินั้น ได้ให้ชาวพระคลังเจ้าพนักงานรับไว้แล้ว แลสิ่งของซึ่งถวายเข้ามาทำบุญนั้น ได้สัตปกรณ์พระอัฐิ แลได้ให้ทูตานุทูตกราบถวายบังคมพระอัฐิแล้วอนุโมทนาส่วนกุศล ให้พระเจ้ากรุงเวียดนามจำเริญไปในราชสมบัติสบพระญาติพระวงษ์ไปชั่วฟ้าชั่วดินเถิด แลซึ่งพระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระไทยอาไลยถึงสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสฐานมงคลนั้น ขอบพระไทยพระเจ้ากรุงเวียดนามยิ่งนัก อนึ่งซึ่งพระเจ้ากรุงเวียดนาม ให้คุมเอาสิ่งของเข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายนั้น ครั้นจะจัดหาสิ่งของอันใดให้ออกมา ให้ต้องตามประเทศใช้
ส่งให้กว้านเทืองดาวคำทรายเจืองเกอเทืองกวางห้าว ๑ หารลำเวียน โหยเวียนบะ ๑ คุมออกมาพระราชทานพระเจ้ากรุงเวียดนาม

พระราชสาส์นมาณวัน ๕ ๑๐ฯ ๙ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๖๖ ปีชวดฉศก



(๖) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่

(๖) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่ มาถึงพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยแผ่นดินเมืองญวนซึ่งเปนเสี้ยนหนามหลักตออยู่นั้น พระเจ้ากรุงเวียดนามอุสาหกระทำความเพียรสำเร็จราชการ แผ่ขอบขันธเสมากว้างขวางเปนศุขอยู่แล้ว แต่กรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงอังวะยังเปนประจามิตรฆ่าศึกกันอยู่ แลณเดือนหกปีชวดฉศก ให้ทัพเมืองเชียงใหม่ เมืองนคร เมืองน่าน ยกไปตีเมืองเชียงแสน ฝ่ายพม่าลาวเมืองเชียงแสนต่อรบพุ่งเปนสามารถ กองทัพเราตั้งล้อมประชิดเมืองเชียงแสนอยู่เดือนเสศ จึงเข้าหักเอาเมืองเชียงแสนได้ มยุง่วนแม่ทัพพม่าซึ่งมารักษาเมือง ถูกปืนตายในที่รบ แต่อ้ายนาขวาเจ้าเมืองพาพรรคพวกอพยบหนีข้ามแม่น้ำของไป กองทัพตามจับได้สิ้น แล้วทำลายกำแพงเผาบ้านเมืองเสีย กวาดเอาครัวอพยบชายหญิงใหญ่น้อยเปนคนสองหมื่นสามพันเสศ เห็นพม่าจะมีความเจ็บแค้น ณเดือนอ้ายเดือนญี่ จะยกกองทัพมากระทำตอบแทนบ้างฤๅประการใดยังไม่ได้เนื้อความ ถ้าทัพพม่าไม่ยกมาในปีชวดฉศกนี้ พระมหานครศรีอยุทธยาคิดจะยกไปกระทำแก่กรุงอังวะ แต่ถ้าว่าเมืองมฤท เมืองทวาย เมืองเมาะตมะ เมืองย่างกุ้ง สี่เมืองนี้เปนเมืองชายชเล ถ้าแต่กำลังทัพบกเราจะไปตี มันรวนเรอุดหนุนช่วยกันได้ จำจะคิดทัพเรือ ไปกันทัพเรือพม่า ทั้งจะได้ตัดเสบียงอาหาร จึงจะเอาไชยชำนะได้โดยสดวก คิดไว้คนเมืองไชยา เมืองนคร เมืองพัทลุง เมืองสงขลา เมืองถลาง บางคลี เมืองตกั่วกุ้ง เมืองตกั่วป่า แปดเมือง กับแขกเมืองไทร เมืองตานี จะเปนกองทัพเรือ แต่ทว่าไม่สู้สันทัดนัก จะขอกองทัพเรือพระเจ้ากรุงเวียดนามสองร้อยสามร้อยลำ ให้สรัพไปด้วยปืนไหญ่น้อยเครื่องสาตราวุธพร้อม คิดดูมรสุมลมเดือนอ้ายมาจากเมืองญวนเดือนญี่ถึงมลากา เดือนญี่ปลายเดือน เดือนสามข้างขึ้นเปนลมสำเภา เลี้ยวขึ้นไปทางเกาะหมากไปถึงเมืองไทร เมืองถลางเหนได้สดวกอยู่ ถึงว่าอังกฤษซึ่งตั้งอยู่ณะเกาะหมากนั้น ถ้าทัพญวนจะได้มาเมื่อใด ก็จะมีหนังสือแต่งคนออกไปบอกราชการเสียแล้วก็จะไม่มีวิวาทสิ่งใดหามิได้ กำหนดจะได้ยกเปนกระทำแก่เมืองพม่าปีใดเดือนใด จึงจะมีพระราชสาส์นบอกมาให้แจ้ง

พระราชสาส์นมาณวันพฤหัศบดีเดือนเก้าขึ้นสิบค่ำ จุลศักราช ๑๑๖๖ ปีชวดฉศก



(๗) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา

(๗) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา มาถึงองไลโบเสนาบดีขอได้นำขึ้นทูลแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามให้ทราบ ด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้ากรมพระราชวังบวรสถานมงคลฝ่ายน่า มีพระราชบัณฑูรดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า พระยาราชวังสรรข้าหลวงมีชื่อกลับเข้าไปครั้งนี้ กราบทูลว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระไทยยินดี ต่อสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเปนอันมาก ให้รับเลี้ยงดูผู้ออกมาต่าง ๆ มิให้ขัดสนประการใดนั้น ด้วยสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามมีน้ำพระไทยรักในสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวแต่ก่อนฉันใด ก็มีพระไทยเสมอมาจนคุ้มเท่าบัดนี้ แลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล ก็มีพระไทยคิดถึงพระเจ้ากรุงเวียดนามอยู่มิได้ขาด แต่ไม่ทราบว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามจะต้องพระราชประสงค์สิ่งใดจะได้จัดออกมาถวาย แลครั้งนี้พระยาราชวังสรรกราบทูลว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ต้องพระราชประสงค์ดิบุกบริสุทธิ์สำหรับจะใช้ในการเบ็ดเสร็จ บัดนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล จัดได้ดิบุกสองร้อยสามสิบสี่ปึก ถวายออกมาก่อน ขอให้สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ครอบครองสุริยราชสมบัติแผ่นดินเมืองญวนทั้งปวงให้อยู่เยนเปนศุขสืบไป อนึ่งณมรสุมปีขานอัฐศกนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้ากรมพระราชวังบวรสถานมงคลฝ่ายน่า ให้พระอินอากรแต่งสำเภาลำหนึ่ง จีนอิวเจียง เปนนายสำเภา จีนตัวงี ล้าตา จีนชุน ปั้นจุ๊ จีนวอ ผู้กำกับ คุมเอาสินค้าออกไปจำหน่ายณเมืองเอมุย แลสำเภาลำนี้ต่อไม้ยังหามีป้ายสำหรับสำเภาไม่ จะออกไปขอป้ายณเมืองจีน แลมีหนังสือนายสำเภาล้าต้า ฝากพระยาราชวังสรรเข้าไปให้กราบทูลว่าใช้ใบไปกับสำเภาหูทรง ครั้นไปถึงเข้าท่าขัดสนมรสุมกลัวใช้ใบไปเมืองจีนมิได้ เข้าทอดอยู่ปากน้ำเมืองกุยเยนกับสำเภาหูทรงด้วยกัน องโหกุนเจ้าเมืองกุยเยินได้ลงไปดูแลอนุเคราะห์อยู่ แลสำเภาลำนี้จะต้องค้างมรสุมต่อปีน่าจึงจะใช้ใบไปได้ แลณเดือน ๓ เดือน ๔ ปีขานอัฐศก จะให้ผู้ตบแต่งออกไปแต่งสำเภาณเมืองกุยเยิน แลให้องไลโบช่วยกราบทูลแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามให้ทราบ

หนังสือมาณวัน ๕ ฯ ๑ ค่ำปีชวดฉศก


บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2563 18:25:00 »



อักษร (ข) หมวดที่ ๓
(๘) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๙) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๑๐) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม


(๘) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม 
ณวัน ๕ ฯ ๑๒ ค่ำปีขานอัฐศกเพลาเช้า พระยาโกษาธิบดี๑พระยาพิพัฒโกษา๑พระยาธิเบศโกษา๑พระยาราชวังสรร๑พระยาศรีพิพัฒน์๑พระยาไกรโกษา๑พระยาโชฎิก๑หลวงท่องสื่อ๑ขุนสารประเสริฐ๑ขุนมหาสิทธิโวหาร๑นายเทียรฆราษ๑หลวงราชมนตรี๑ล่ามญวน๑เสมียนตรากรมท่า๑} นั่งพร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม ให้พระราชมนตรีแปลพระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม ในพระราชสาส์นนั้นว่า

(๘) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม กราบถวายบังคมแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยณะ เดือน ๙ ปีขานอัฐศก เจ้าเมืองกวางตีมีหนังสือมาให้กราบทูลว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว แต่งให้พระยาจักราราชทูต พระยาราชวังสรรอุปทูต นายเสน่ห์มหาดเล็ก แลไพร่ ๙๕ คน จำทูลพระราชสาส์นไปทางเมืองลาวถึงตานกามโล จึงมีรับสั่งให้เจ้าเมืองกวางตีแต่งให้ขุนนางแลไพร่จัดเรือขึ้นไปรับ ครั้นณวัน ๘ ค่ำ ปีขานอัฐศก รับ ราชทูต อุปทูต ข้าหลวงมีชื่อลงมาถึงกรุงเวียดนาม จึงพระราชทานกงกวนให้อยู่ พระยาจักรา นายเสน่ห์มหาดเล็ก แลไพร่ป่วยหนัก จึงพระราชทานหมอหลวงให้รักษามิฟัง ครั้นอยู่มาณวัน ๘ ค่ำ พระยาจักรา นายเสน่ห์มหาดเล็กตาย พระเจ้าเวียดนามทรงพระเมตตาหนักหนา ทรงพระวิตกว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสใช้ให้ข้าหลวงออกมาตายเสีย เสมือนหนึ่งข้าราชการในพระเจ้ากรุงเวียดนามก็เหมือนกัน มิได้แจ้งราชการเลย จึงให้แต่งการศพพระยาจักรา นายเสน่ห์มหาดเล็กตามอย่างกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้เอาไปเผา ครั้นณวัน ๘ ค่ำ จึงให้รับสั่งเชิญพระราชสาส์นแลข้าหลวงมีชื่อเข้าเฝ้าแจ้งในพระราชสาส์นแล้ว มีพระไทยคิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าทรงพระเมตตาในพระเจ้ากรุงเวียดนามเสมอต้น เสมอปลาย  แลพระยาเชียงเงินก่อเนื้อความชักชวนเอา นายคำทิพ นายคำนักกับครอบครัวไป พระยาเชียงเงินทำทั้งนี้ ให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระวิตก แลกรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ยังเปนทางพระราชไมตรีสืบไปอยู่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว จึงมีรับสั่งให้พระยาเชียงเงินเอาครอบครัว ๑๐๐ เสศคืนขึ้นไปเมืองแถง แลข้อความทั้งนี้เจ้าเมืองทังลวงได้บอกหนังสือมาหลายครั้ง ว่าพระยาเชียงเงินทำเบียดเบียนชักชวนเอาครอบครัวไป แจ้งพระไทยว่าการทั้งนี้พระยาเชียงเงินทำเอง มิได้สงไสยว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจะได้ตรัสใช้หามิได้ จึงมิได้ว่ากล่าวประการใด ครั้นณวัน ๑๕ฯ ๗ ค่ำ ปีขานอัฐศก จึงมีรับสั่งให้เจ้าเมืองทังลวงมีหนังสือไปถึงเจ้าเมืองสือหึงว่าให้หมื่นศรี เพลียจันอาษา แลไพร่มีชื่อ ซึ่งอยู่ณเมืองสือหึงกลับคืนไปเมือง แลพระเจ้ากรุงเวียดนามมึพระไทยคิดถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมิได้ขาด ซึ่งให้เอาโทษพระยาเชียงเงินนั้นพระเดช หาที่สุดมิได้ ทั้งสองพระนครจะได้เปนทางพระราชไมตรียืดยาวสืบไป อนึ่งซึ่งพระยาเชียงเงินพาเอาครอบครัว ๑๐๐ เศศคืนไปนั้น ยังหาไปถึงเมืองแถงไม่ ครั้นจะให้ข้าหลวงมีชื่อคอยครอบครัวกว่าจะถึงนั้นจะช้าไป พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจะทรงพระวิตก จึงมีรับสั่งให้พระยาราชวังสรรอุปทูต ข้าหลวงมีชื่อกับไพร่ ๖๒ คน ให้กลับเข้ามา แล้วพระราชทานสิ่งของ ครั้นณวัน ฯ ๑๐ ค่ำ พระยาราชวังสรรข้าหลวงมีชื่อกราบถวายบังคมลา พระเจ้ากรุงเวียดนามได้สั่งให้เข้ามากราบทูล พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว อย่าให้ทรงพระวิตกเลย จึงให้ขุนนางจัดเรือแลคนส่ง ครั้นณวัน ฯ ๑๐ ค่ำ พระยาราชวังสรรออกจากกรุงเวียดนาม อนึ่งทูตข้าหลวงมีชื่อจะไปทางเมืองลาวครั้งนี้ลำบากป่วยเจ็บล้มตายเปนอันมาก แต่ลาวเคยไปมาอยู่ยังป่วยเจ็บล้มตาย แต่นี้ถ้าจะแต่งข้าหลวงออกไปกรุงเวียดนามอีก อย่าให้ไปทางเมืองลาวเลย ให้ไปทางเรือขึ้นเมืองไซ่ง่อน แลครั้งนี้จะให้กลับไปทางบกกลัวจะลำบาก จึงมีรับสั่งให้จัดเรือแลคนส่งทางเรือมาขึ้นเมืองไซ่ง่อน ให้เจ้าเมืองไซ่ง่อนส่งต่อ ๆ ไป ขอให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวครองราชสมบัติแลสมเด็จพระเจ้าลูก พระเจ้าหลานเธอ พระญาติพระวงษ ครอบครองอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเปนศุขสืบไป

พระราชสาส์นมาณวัน ฯ ๑๐ ค่ำ ศักราชล่วง (ยาลอง) ๕ ปีขานอัฐศก



(๙) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม 
(๙) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม ขอกราบถวายบังคมแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่ให้ทราบ ณเดือน ๓ ปีขานอัฐศก องไลโบนำเอาพระยาวิสูตรโกษาข้าหลวงมีชื่อ แลหนังสือเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงแจ้งว่าเดือน ๑๑ ปีขานอัฐศก สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมพระราชวังหลังประชวรหนัก ถึงณเดือน ๑๐ฯ ๑ ค่ำ สวรรค์คต กรุงพระมหานครกับกรุงเวียดนามเปนทางพระราชไมตรีอยู่ ครั้นได้แจ้งแล้วเสียดายนัก บัดนี้แต่งให้หันลำเบียดบะ ราชทูต เลโปลินซือติเกาทัพกวางประ อุปทูต



(๑๐) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๑๐) วัน ๖ ฯ ๖ ค่ำ ปีเถาะนพศก พระยาพิพัฒโกษา ๑ พระยาธิเบศโกษา ๑ ขุนสารประเสริฐ ๑ ขุนมหาสิทธิ ๑ พระราชมนตรี ๑ } พร้อมกัน ณ หอพระมณเฑียรธรรม ให้พระราชมนตรีล่ามแปลพระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนามออกเปนคำไทย

สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาผู้ใหญ่ ให้ทราบ ณ เดือน ๑ ปีฃานอัฐศก พระยาราชาเสรษฐีจำทูลพระราชสาส์น แลหนังสือท่านมหาเสนาผู้ใหญ่ ไปถึงองไลโบให้ทราบในหนังสือนั้นแล้ว ว่าสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงพระจำเริญศุขอยู่ แลอาณาประชาราษฎร์ก็อยู่เปนศุขดีพระไทยหนัก แลซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทรงพระจำเริญพระชัณษาขึ้น สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเศกให้เปนกรมพระราชวังบวร ฯ สืบพระญาติพระวงษาต่อไปแผ่นดินจะได้ยืนยาวไปนั้นยินดีพระไทยหนัก แลทุกวันนี้พระไทยสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม รักใคร่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสมอต้นเสมอปลาย จะได้รังเกียจสิ่งหนึ่งสิ่งใดหามิได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ครองราชสมบัติไพร่ฟ้าประชาราษฎรบ้านน้อยเมืองใหญ่อยู่เยนเปนศุขยืนยาวมานั้น พระเจ้ากรุงเวียดนามยินดีพระไทยนัก บัดนี้แต่งให้ กำหทายกายเก่อถนจกหาว ราชทูตทำลุนตานเมียงหาว อุปทูต }จำทูลพระราชสาส์น คุมเครื่อง





อักษร (ข) หมวดที่ ๔ พระราชสาส์นรัชกาลที่ ๒ มีไปเมืองญวน
(๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ปราบดาภิเศกใหม่
(๒) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๓) หนังสือ เจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา
(๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๕) พระราชปฏิสัณฐาน
(๖) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๗) พระราชสาส์น เจ้ากรุงเวียดนาม
(๘) พระราชสาส์น พระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๙) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๑๐) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๑๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๑๒) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๑๓) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๑๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๑๕) พระราชสาส์นกรุงเวียดนาม
(๑๖) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๑๗) พระราชสาส์นพระมเหษี พระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๑๘) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๑๙) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๒๐) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๒๑) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๒๒) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๒๓) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๒๔) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๒๕) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาฯ
(๒๖ เห็นจะเปนร่างครั้งแรก) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๒๗ เห็นจะเปบฉบับที่แก้แล้วมีไป)
(๒๘) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ ณะกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๒๙) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา
(๓๐) พระราชสาส์นพระเจ้ามินมาง
(๓๑) พระราชสาส์นเจ้ากรุงเวียดนาม



(๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ปราบดาภิเศกใหม่
วัน ๖ ๑๒ฯ ๑๑ ค่ำจุลศักราช ๑๑๗๑ ปีมเสงเอกศก เพลาเช้าโมง บาท ได้ฤกษชุบพระราชสาส์นกระดาษน้ำส้มเส้นหมึกไปกรุงเวียดนาม

พระยาโกษา พระยาอุไทยธรรม์ พระยาทิพโกษา พระอาลักษณ์ พระอไภยพิพิธ ขุนสารประเสริฐ ขุนมหาสิทธิ พระราชมนตรีญวน }  นั่งพร้อมกันหอพระมณเฑียรธรรม หมื่นเทพไมตรีชุบ แล้วปิดตราประจำพระราชสาส์นอักษรไทยตีตราโลโตดวง ๑ พระราชสาส์นคำหับอักษรจีนตีตราโลโตดวง ๑ แล้วเชิญตราพระครุธพาห์นประจำผนึก ๒ ดวง แล้วใส่กล่องไม้กลึง แล้วใส่ถุงโหมด

พระราชสาส์นไป ณวัน ๖ ๑๒ฯ ๑๑ คำ จุลศักราช ๑๑๗๑ ปีมเสงเอกศก

(๑) ๏ พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ปราบดาภิเศกใหม่ จำเริญพระราชไมตรีมาแจ้งแก่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยพระบาทสมเด็จบรมนารถบรมบพิดรพระพุทธเจ้าหลวง ผู้ทรงพระคุณอันมหาประเสริฐ เสร็จปราบดาภิเศกครองราชสมบัติ ทำนุบำรุงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสมณชีพราหมณ์เสนาบดี แลพระบรมวงษานุวงษ์เปนศุขสืบมาได้ยี่สิบแปดปี ครั้นถึงณเดือนหกปีมเสงเอกศกทรงพระประชวร แพทย์ได้ประกอบพระโอสถถวายต่าง ๆ พระโรคนั้นมิได้คลาย ณเดือนเก้าแรมสิบสามค่ำเพลาสามยามเจ็ดบาทเสด็จสู่สวรรค์คต ได้จัดแจงเครื่องต้นสำหรับกระษัตริยทรงพระบรมศพแล้ว เชิญเสด็จเข้าสู่พระบรมโกษฐทองคำประดับพลอย ตั้งกระบวนแห่แต่พระมหามณเฑียร เชิญมาสถิตย์ไว้ณพระที่นั่งดุสิดามหาปราสาท ประดับด้วยเครื่องสูง มีพระมหาเสวตรฉัตรครบเครื่อง บูชาเฉลิมพระเกียรติยศตามราชประเพณีพระมหากระษัตราธิราชเจ้าสืบมาแต่ก่อน ครั้นเพลาเช้าแลเย็นได้ไปถวายบังคมกระทำสักการบูชาพระบรมศพเปนนิจมิได้ขาด แลพระวงษานุวงษ์ทั้งปวงก็พร้อมมูลกัน จัดแจงแต่งพระบรมศพฉลองพระเดชพระคุณเปนปรกติอยู่ แต่เจ้าเหม็นผู้หลานที่เปนบุตรเจ้าตากแผ่นดินหลัง ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงให้เปนเจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิตนั้น หามีกระตัญญูรู้พระเดชพระคุณไม่ คบคิดกันพี่น้องที่ร่วมบิดาเดียวกันทั้ง ๓ คน แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยไทยมอญเปนขบถ พิจารณาได้ความเปนสัจ จึงให้เสนาบดีปฤกษาเห็นว่าเปนคนหามีความสัจกตัญญูไม่ เลี้ยงไว้จะเปนเสี้ยนศัตรูแผ่นดิน จึงให้ประหารชีวิตรเสียแต่ณเดือนสิบขึ้นห้าค่ำแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาทุกวันนื้ก็ราบคาบปรกติเหมือนแต่ก่อน อย่าให้สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามทรงพระวิตกเลย แลซึ่งการพระเมรุพระบรมศพต่อณเดือนห้าข้างขึ้นสิ้นเทศกาลฝน จึงจะได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพ บัดนี้แต่งให้

พระยาศรีสุริยพาหะพระราชเสนาหลวงจิตรเสน่ห์ขุนศรีเสนาหมื่นหาญชลาไลย ราชทูตอุปทูตตรีทูตล่ามล่าม 
พระยาศรีสุริยพาหะ ราชทูต  พระราชเสนา อุปทูต  หลวงจิตรเสน่ห์ ตรีทูต  ขุนศรีเสนา ล่าม  หมื่นหาญชลาไลย ล่าม
 
จำทูลพระราชสาส์นออกมาเปนอักษร ไทยฉบับ ๑ จีนฉบับ ๑ ญวนฉบับ ๑ } ข้อความต้องกัน

พระราชสาส์นมาณวัน ๖ ๑๒๑๒ฯ ๑๑ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๑ ปีมเสงเอกศก ๚๛



(๒) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
๏ วัน ๖ ฯ ๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๒ ปีมะเมียโทศก หมื่นสวัสดิ์อักษร จาฤกพระราชสาส์นไปกรุงเวียดนาม ด้วยกระดาษฝรั่ง ๔ แผ่นเปนอักษร ๔๖ บันทัด ปิดตราโลโตประจำศกตรามังกรคาบแก้วประจำต่อตราไอยราพต ตรามังกรหก ปิดครั่งข้างละดวงประจำปากบอกดวง ๑ ปากถุงดวง ๑ ก้นถุงดวง ๑ พระราชสาส์นใส่พานสองชั้นประดับแว่นฟ้าถุงแพรเหลืองระใบแดง ๒๚

(๒) ๏ พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จำเริญพระราชไมตรีมาแจ้งแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยองไลโบเสนาบดีผู้ใหญ่มีหนังสือเข้าไปว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระไทยวิตกถึงการทื่จะถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงผู้ทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐเมื่อใดเปนแน่ให้กำหนดออกมาให้แจ้งนั้นขอบพระไทยยิ่งนัก บัดนี้ได้ให้เจ้าพนักงานเร่งรัดทำเครื่องประดับแลพระเมรุทุกวัน จะได้เชิญเสด็จพระบรมศพออกมาถวายพระเพลิง ณเดือนห้าข้างแรมเดือนหกข้างขึ้น อนึ่งองค์จันทร์บุตรองค์เอง ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงอภิเศกให้เปนพระรามาธิบดีครอบครองแผ่นดินเขมรตามลำดับสกูลวงษ์ แลพระรามาธิบดีถึงแก่พิราไลยแล้ว องค์จันทร์องค์อิ่มองค์สงวนผู้บุตรยังเยาว์นัก ก็บำรุงเลี้ยงรักษามาจนค่อยวัฒนาจำเริญใหญ่ จึงเศกองค์จันทร์เปนพระอุไทยราชาธิราชให้ครองสมบัติแทนพระรามาธิบดี แต่องค์อิ่มองค์สงวนผู้น้องยังหาได้ยศศักดิ์สิ่งใดไม่ จึงเศกขึ้นครั้งหลังเปนวังหลังวังน่า หวังจะให้ช่วยกันทำนุบำรุงอนาประชาราษฎร รักษาแผ่นดินเมืองกัมพูชาโดยประเพณี แลพระอุไทยราชามีความรังเกียจอิจฉาองค์สงวนองค์อิ่มผู้น้อง ให้จับพระยาจักรี พระยากลาโหมซึ่งเปนเสนาผู้ใหญ่ฆ่าเสียโดยจิตรพยาบาท จะได้มีศุภอักษรเข้าไปยังกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็หาไม่ นำเอาแต่ความมิจริงแกล้งผูกพันมาทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ว่าพระยาจักรีพระยากลาโหมกระทำให้ไพร่ได้ความเดือดร้อนกะเกณฑ์กองทัพ จะให้เข้าไปช่วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยารบพม่าฆ่าศึก แลยุยงให้พี่น้องเปนสองแผ่นดินเมืองกะพงสวายซึ่งขึ้นแก่เมืองกัมพูชา ตระเตรียมกองทัพจะยกมาสู้รบ จึงทูลขอกองทัพไปรักษาเมือง สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามด้วยยังหาทราบเหตุประการใดไม่ จึงจัดกองทัพให้โดยเมตตา แลดินเตงกรันคำทรายเจิงเกอหั้นลูถูซื่อหึงจันเฮา ขึ้นไปตั้งอยู่ณกะพงหลวงนั้น ให้ขุนนางญวนถือหนังสือไปถึงพระยาอภัยภูเบศร์เปนเนื้อความในหนังสือหลายประการ อนึ่งว่านักถีภรรยาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์เก่าเปนมารดาภรรยาเจ้าเมืองเขมรให้ส่งลงมาโดยเร็ว ครั้นพระยาอภัยภูเบศร์จะขัดขืนไว้ เกลือกจักวิวาทขัดเดืองกัน จึงให้นักถีมาด้วยขุนนางญวนผู้ถือหนังสือ อันครอบครัวเมืองปัตะบองก็ระส่ำระสายไปเปนอันมาก เพราะพระอุไทยราชา มาก่อ เกิดความอิจฉารังเกียจองค์สงวนองค์อิ่มผู้น้องซึ่งร่วมมารดาบิดาเดียวกัน ให้เสียประเพณีธรรมเนียมกระษัตริย์ แล้วมิหนำซ้ำกล่าวมารยา ขอกองทัพสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ไปรักษาเมืองให้ลำบากแกรี้พล ครั้นกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะให้ออกมารงับว่ากล่าวตามผิดแลชอบ เกลือกดินเติงกรันคำทรายเจิงเกอหั้นลูถูซี่อหึงจันเฮาซึ่งมาช่วยรักษาเมืองกัมพูชานั้นจะมิปรกติผ่อนปรนกัน ทางพระราชไมตรีก็จะมัวหมอง ด้วย สองพระนครร่วมศุขร่วมทุกข์โดยสัจสุจริตยิ่งนัก แต่พม่ายกมากระทำแก่กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามยังทรงพระวิตกจะให้กองทัพเข้าไปช่วย ก็ยินดีขอบพระไทยเปนที่หวังอยู่ บัดนี้องค์จันทร์กระทำดังนี้ สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามจะไม่ช่วยทรงพระโกรธบ้าง ข้าขอบขันธเสมาเมืองขึ้นทั้งปวงก็ยังมีอยู่เปนอันมาก ด้วยกรุงเวียดนามก็สิ้นเสี้ยนหนามเปนบรมศุขอยู่แล้ว แต่กรุงพระมหานครศรีอยุทธยายังกระทำสงครามกับพม่าอยู่ ยากที่จะผ่อนปรนจึงให้พระยาพิพัฒโกษาราชทูตพระยาราชวังสรรอุปทูต พระยานราราชมนตรี ตรีทูตขุนวิเศษวารี ขุนศรีธากร  ล่าม ขุนวิเศษวารี ขุนศรีธากร ล่าม จำทูลพระราชสาส์นออกมาเฝ้าสมเด็จพระเจ้าเวียดนามให้ทราบที่สิ่งใดโดยใจสุจริต ได้สั่งมาแต่ทูตานุทูตทุกประการ ฉันใดกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามอันหาความรังเกียจมิได้ พระราชไมตรีอันสนิทร่วมรักมาแต่ก่อน ขอสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามทรงดำริห์ให้พระเกียรติขจรไปแก่ท้าวพระยานา ๆ ประเทศทั่วแหล่งหล้า ให้ปรากฎไว้คู่ฟ้าแลดิน

พระราชสาส์นมาณวันศุกรเดือนสามขึ้นค่ำหนึ่ง จุลศักราชพันร้อยเจ็ดสิบสองปีมะเมียนักษัตโทศก๚ะ๛



(๓) หนังสือ เจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา
(๓) ๏ หนังสือ เจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา มาถึงองไลโบเสนาบดีผู้ใหญ่กรุงเวียดนาม ขอได้นำขึ้นกราบทูลแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามให้ทราบ ด้วยสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มีพระราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งให้บอกความเดิม เมืองกัมพูชาธิบดีออกมาว่า ด้วยณวัน ๑ ฯ ๑๑ ค่ำ ปีมเมียโทศก พระยาสังขโลกเจ้าเมืองโพธิสัตว์ กับพระยาพระหลวงขุนหมื่นเมืองเขมร พวก พระยาจักรี พระยากระลาโหม  หนีเข้ามาณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แจ้งแก่เสนาบดีว่า ณวัน ฯ ค่ำปีมเมียโทศก พระยาแสนท้องฟ้า พระยาราชอาญา คุมคนถือเครื่องสาตราอาวุธ ยกมาทางบก ทางเรือ ผิดสังเกตปลาดอยู่ พระยาสังขโลกกลัวจึงหนีเข้าไปณกรุง ฯ แล้วพวก พระยาจักรี พระยากระลาโหม  นายไพร่ ๒๓ คน แจ้งความว่าพระอุไทยราชาธิราชให้จับ พระยาจักรี พระยากระลาโหม  ฆ่าเสียจะผิดชอบประการใดไม่แจ้ง จึงเอาคำให้การขึ้นกราบบังคมทูล แต่สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ยังเคลือบแคลงพระไทยไม่เห็นจริง ให้ซักถามพระยาสังขโลกขุนหมื่นเขมร ว่าพระอุไทยราชาให้ฆ่า พระยาจักรี พระยากระลาโหม เสียนั้นด้วยเหตุอันใด ก็หาได้ความต่อไปไม่ จึงมีรับสั่งจะให้ออกมาฟังราชการณเมืองกัมพูชาธิบดี ภอมีศุภอักษรพระอุไทยราชาธิราช กำหนดจะให้ยกเข้าไปตามเกณฑ์ กับหนังสือ พระองค์แก้ว ฟ้าทะละหะ } บอกเฃ้าไปด้วยฉบับหนึ่งว่า พระยาจักรี พระยากระลาโหม พระยาสังคโลก คบคิดกันเปนขบถ ได้ปฤกษาด้วยพระยาเขมรเห็นพร้อมกันให้ฆ่าพระยาจักรี พระยากระลาโหม } เสียแต่พระยาสังขโลกหนีไปได้นั้น ทรงพระราชดำริห์ว่า พระองค์แก้ว ฟ้าทะละหะ เปนผู้ใหญ่ในกรุงกัมพูชาธิบดี รู้ผิดแลชอบพอจะเชื่อฟังได้อยู่ โดยทรงพระราชเมตตาวางพระไทยมิได้เคลือบแคลง พระอุไทยราชาธิราชจึงให้จำพระยาสังขโลก (ต้นฉบับขาด)


(๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
๏ (๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมาถึงพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยกรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนทางพระราชไมตรีสนิทกันมาแต่ก่อนจนทุกวันนี้ ถ้ากรุงเวียดนามจะมีเหตุการประการใด กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็วิตกถึง ถ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะมีเหตุการประการใด กรุงเวียดนามก็วิตกถึง แลซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกษฐเสด็จสวรรค์คต พระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระไทยอาไลยรักใคร่คิดถึงยิ่งนัก จึ่งแต่งให้ทูตคุมสิ่งของเข้ามาทำบุญ แลการถวายพระเพลิงณเดือนสามปีมะเมียโทศก จึงแต่งทูตจะให้เข้ามาช่วยทำบุญอีก พอมีหนังสือเจ้าเมืองไซ่ง่อนบอกมาถึง ว่ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่งให้ทูตจำทูลพระราชสาส์นออกมาแจ้งราชการ จึงคิดว่าทูตออกมานั้น ถ้าจะถวายพระเพลิงเมื่อใดเปนแน่ก็จะมีกำหนดมาในพระราชสาส์น จึงให้งดทูตกรุงเวียดนามไว้ ครั้นพระราชสาส์นไปถึงได้แจ้งในพระราชสาส์นว่ากำหนดจะถวายพระเพลิง สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกษฐ ณเดือน ๕ ข้างแรม เดือน ๖ ข้างขึ้น ปีมแมตรีศก จึงแต่งให้ คำทรายเจืองเกอหวานเง่าเค้า ราชทูต ๑ คำทรายถวกโหนยพอเว้วิตรินเตืองเห้า อุปทูต โหโบเกียมชื่อตะวันทันเห้า อุปทูต  เข้าไปให้ทันกำหนดทำบุญ จะได้ยินดีในทางพระราชไมตรีแลไมตรีสืบไป แลมีเนื้อความในพระราชสาส์นเปนหลายประการ ครั้นพิเคราะห์ดูในพระราชสาส์นเห็นเปนที่สงไสย ไม่แจ้งพระไทยกรุงเวียดนาม แลกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนาม เปนทางพระราชไมตรีสนิทมา หามีความรังเกียจสิ่งใดไม่ แลเจ้าเมืองเขมรบอกหนังสือมาว่า กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเกณฑ์กองทัพเขมรเปนกองทัพเรือลงไปทางไซ่ง่อน เจ้าเมืองไซ่ง่อนจะไว้ใจมิได้จึงบอกหนังสือขึ้นไปกรุงเวียดนาม เจ้าเมืองไซ่ง่อนจึงเกณฑ์กองทัพไปรักษาแว่นแคว้นแดนเมืองไซ่ง่อน แลซึ่งเจ้าเมืองไซ่ง่อนจัดแจงให้กองทัพไปรักษาแว่นแคว้นนั้นก็ควรอยู่ พอมีหนังสือเมืองเขมรบอกซ้ำไปอิกในเมืองเขมรวุ่นวายเห็นจะรักษาเมืองมิได้ กรุงเวียดนามคิดว่าเมืองเขมรแต่ก่อนมาเปนข้าสองกรุงใหญ่ บัดนี้เมืองเขมรวุ่นวาย แล้วกรุงมหาพระนครศรีอยุทธยาก็ทำการพระบรมศพ แลมีการศึกด้วย กรุงเวียดนามจะนิ่งดูมิได้ จึ่งให้เจ้าเมืองไซ่ง่อนยกกองทัพขึ้นไปรักษาเมืองเขมรให้ราบคาบอย่าให้เขมรวุ่นวายกัน แว่นแคว้นกรุงเวียดนามจะได้อยู่ปรกติ เมืองเขมรจะได้พึ่งอยู่เย็นเปนศุข แล้วกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนาม สองพระนครจึงจะไม่มีความวิตก กรุงเวียดนามคิดทั้งนี้ เหมือนช่วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ด้วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนทางไกล กรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็ทางไกล หาเห็นน้ำพระไทยพระเจ้าเวียดนามไม่ จึงมีพระราชสาส์นมาให้ทราบ

พระราชสาส์นมาณเดือนหกขึ้นสองค่ำ ยาลอง ๑๐ ปีมแมตรีนิศก ๚ะ๛

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2563 18:29:55 »


(๕) พระราชปฏิสัณฐาน
๏ องหวานเปนใหญ่เข้ามา พระเจ้าเวียดนามสั่งมาที่เรื่ององค์จันทร์ นอกนั้นกระไรบ้าง แปล๚ นี่แลองหวานองค์จันทร์เปนเด็กไม่ช่างเด็ก ทำผิดแล้วแกล้งเรียกบอกเคลือบแฝงขึ้นไปขอกองทัพจะทำให้เราผิดใจกันจะได้ฤๅ ไม่เหมือนครั้งแผ่นดินไตรเซิน แปล๚ ครั้นจะให้ไปข่มขี่ให้ราบคาบตามประเพณีเมืองขึ้น เกลือกจะไปวิวาทกันกับญวนที่มาตั้งอยู่ พระเจ้าเวียดนามจะน้อยใจ จึ่งให้พระยาพิพัตออกไปบอก แปล

ต่อมีราชสาส์นเข้ามาจึงรู้แน่ว่าพระเจ้าเวียดนามคิดโดยซื่อ เห็นว่าเมืองไทยมีงานการอยู่ จึ่งให้กองทัพมาช่วยรงับเขมรให้ราบคาบ ทั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่ข้า แปล

๏ แต่องค์จันทร์มันถือใจว่าให้มาช่วยมัน จึงกำเริบใจไม่ไปมาคำนับตามเคยละประเวณีเสีย จะมาขึงเอาข้าข้าจะอดที่ไหนได้ นี่แลการจะต้องจำเปนจำทำ แปล๚ องหวานกลับออกไป พระเจ้าเวียดนามก็จะแจ้งความชั่วขององค์จันทร์ ถึงองค์จันทร์มันจะทำต่อไปอีกเหมือนแต่หลัง ข้าก็สิ้นวิตกแล้ว แปล๚ พระเจ้าเวียดนามกับข้ารักใคร่เห็นกันมาอย่าเห็นองค์จันทร์ดีกว่าเรา อันเมืองไทยกับเมืองญวนเปนเมืองใหญ่ ถ้ามีธุระแล้วไม่นิ่งดูกันได้ อย่าให้พระเจ้าเวียดนามมีความสงไสยรังเกียจเลย แปล๚ ที่ข้าให้ไปเกณฑ์กองทัพเขมรมาทางเรือ ว่าไม่บอกให้รู้จึ่งต้องมารักษาเขตรแดน ความข้อนี้อย่างไรอยู่ดูเหมือนหาไว้ใจกันไม่ ๚ะ๛



(๖) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
วัน ๖ ฯ ๑๒ จุลศักราช ๑๑๗๓ ปีมแมตรีนิศก เพลา ๒ โมงเช้า

เจ้าพระยารัตนาธิเบศ พระยาโกษาธิบดี พระยาพิพัฒโกษา พระยาทิพโกษา พระยามณเฑียรบาล พระยาไกรโกษา พระยาพิไชยบุรินทรา หลวงท่องสื่อขุ นมหาสิทธิโวหาร พระราชโกษา หลวงพิพิธสมบัติ }  นั่งพร้อมกัน ณหอพระมณเฑียรธรรม ครั้นได้พระฤกษประโคมพิณพาทย์ฆ้องไชยแตรสังข์ ขุนสาราบรรจงนอกราชการอาลักษณกรมพระราชวังบวร ฯ จาฤกพระราชสาส์นอักษรไทยด้วยกระดาษฝรั่ง ๔ แผ่นครึ่ง เปนอักษร ๗๑ บันทัด จาฤกแล้วหลวงพิพิธสมบัติเชิญตราโลโตปิดพระราชสาส์นอักษรไทยประจำศกดวง ๑ ตรามังกรคาบแก้วประจำต่อ แล้วม้วนพระราชสาส์นเอาไหมแดงผูก แล้วใส่ในกล่องไม้กลึงทาแดงเขียนมังกรลายทองมีฝา มีเชิง แล้วใส่ถุงโหมดระไบแพรเหลืองสายไหมผูกปากถุงเอาตรา ไอยราพต ตรามังกรหก ปิดงบครั่งประจำปากถุงกล่องพระราชสาส์นดวง ๑ ก้นถุงปากถุงพานแว่นฟ้าข้างละดวงปิดคลุมโหมดทอง แล้วเชิญพระราชสาส์นไปไว้ณหอพระเชฐบิดร

(๖) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ขอบพระไทยมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยมีอาไลยคิดถึงสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ซึ่งสวรรค์คต จึ่งแต่งให้ทูตานุทูตจำทูลพระราชสาส์น คุมสิ่งของเข้าไปคำนับช่วยทำบุญในการพระบรมศพ หวังจะให้ทันถวายพระเพลิงโดยไกลกันดารยากที่จะไปถึงสองครั้งนั้น ยินดีในราชไมตรียิ่งนัก ก็ได้งดการพระบรมศพไว้ท่าตามในพระราชสาส์นจนถึงเดือนหกแล้ว เห็นทูตหายไปฝนตกหนักมา การที่ทำเปนการใหญ่จะรอไว้อีกมิได้ จึ่งกำหนดให้เจ้าพนักงานเชิญพระบรมโกษฐเข้าสู่เมรุมาศแต่ณวัน ๗ ๕ฯ ๖ ค่ำ ได้มีงานเฉลิมพระเกียรติยศตามราชประเพณีพร้อมด้วยญาติวงษ์ ทำบุญแจกทานอุทิศกุศลถวายเจ็ดวัน จึงได้ถวายพระเพลิง แล้วมีงานสมโภชพระบรมอัฐิทำบุญอีกสามวัน จึงเสร็จการฉลองพระเดช พระคุณ  เปนคำรบสิบวัน สิบคืน ต่อ ณวัน ๗ ๖ฯ ๑๐ ค่ำ ทูตานุทูตจึงถึงกรุงหาทันไม่ ก็ให้พาทูตขึ้นไปบนพระที่นั่งมหาปราสาท ที่สถิตย์ไว้ซึ่งพระบรมอัฐิ ทูตได้กราบถวายบังคมกระทำสักการบูชาก่อนแล้ว จึงเจ้าพนักงานแลล่ามนำทูตานุทูตเข้ามา ครั้นแจ้งในราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามว่าเจ้าเมืองเขมรบอกไปถึงเมืองไซ่ง่อน ด้วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเกณฑ์ทัพเขมรเปนทัพเรือมาทางไซ่ง่อน เจ้าเมืองไซ่ง่อนไม่ไว้ใจจึงบอกขึ้นมายังกรุงเวียดนาม ขอจัดทัพไปรักษาเขตรแดน แล้วเจ้าเมืองเขมรมีหนังสือซ้ำมาอีกว่าในเมืองเขมรวุ่นวาย เห็นจะรักษาเมืองไว้ไม่ได้ สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามคิดโดยซื่อ ว่าเมืองเขมรเปนข้าทั้งสองฝ่าย กรุงใหญ่ทั้งสองเปนทองแผ่นเดียวกัน แต่กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาติดด้วยการศึกแลการพระบรมศพระยะทางก็ไกล กรุงเวียดนามอยู่ใกล้ว่างเปล่าไม่มีการ รู้เหตุแล้วจะนิ่งดูอยู่มิได้ จึ่งให้เจ้าเมืองไซ่ง่อนยกกองทัพ ซึ่งตั้งรักษาเขตรแดนขึ้นไปเมืองเขมร หวังจะรงับดับความไว้มิให้เขมรวุ่นวาย คิดทั้งนี้เหมือนช่วยบำรุงกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แต่หากว่าอยู่ไกลเกลือกไม่เห็นน้ำพระไทยกรุงเวียดนาม จึงมีพระราชสาส์นตอบเข้าไปให้สิ้นสงไสยนั้น สมที่เปนกรุงใหญ่รักใคร่สนิทกันชอบหนักหนา แต่ความจริงจะได้มีใจแหนงสงไสยกรุงเวียดนาม ว่าให้ไปกระทำอันตรายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยานั้นหาไม่ ด้วยมั่นใจวางใจในราชสาส์นไปมาเปนคำปฏิญาณโดยสุจริตต่อกันทั้งสองฝ่าย กรุงใหญ่ทั้งสองใช่บ้านเล็กเมืองน้อย ควรที่จะเชื่อฟังได้ไปชั่วฟ้าแลดิน แลซึ่งกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แจ้งความมาในราชสาส์นครั้งก่อนนั้น ด้วยเห็นความว่าองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมร พาลฆ่าพระยาจักรีพระยากระลาโหมเสีย โดยอิจฉาขอให้ตั้งน้อง แลเกณฑ์ทัพทำด้วยกำลังโกรธแล้วก็กลัวผิด จึงให้พระยาเขมรมาแจ้งยังกรุงเวียดนาม ครั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามให้กองทัพไปช่วยรักษาเมืองไว้ ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะให้ผู้ใดออกมาว่ากล่าวกับเมืองเขมรโดยดีตามประเพณีเมืองขึ้น เกลือกจะขัดแขงไม่ปรกติ แม้นจะขืนข่มขี่ให้ราบคาบเล่า ทัพกรุงเวียดนามก็มาตั้งอยู่ หารู้ว่าจะไปช่วยข้างผู้ใดไม่ เกลือกจะขัดข้องในทางพระราชไมตรีอันสุจริตต่อกัน ความเปนดังนี้ จึงให้มีพระราชสาส์นออกมาแจ้งโดยซื่อตรงไม่อำพราง ตามเรื่องความเมืองเขมรกระทำผิดล่วงเกินต่อกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา บัดนี้สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ก็แจ้งความตอบเข้าไปโดยพระไทยสุจริต ว่าเห็นกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาติดการงานอยู่ จึงให้มาช่วยรงับความไว้นั้นควรจะยินดีนับถือยิ่งนัก แต่ทว่าองคจันทร์ผู้เปนเด็กเห็นจะเข้าใจถือว่า กรุงเวียดนามให้กองทัพไปช่วยโดยเมตตาเห็นกับตัวยิ่งกว่าพระมหานครศรีอยุทธยา จึ่งนิ่งเฉยอยู่แต่เกิดความมาจนบัดนี้ ก็ได้มีศุภอักษรยกโทษอไภยให้ออกมาถึงสองครั้งสามครั้งแล้ว ก็ยังหาไปมาคำนับตามเคยเห็นเหมือนแต่ก่อนไม่ เกลือกไปเบื้องน่าจะเอาความอันมิควรออกมาแจ้งดุจดังหนหลัง ให้กรุงใหญ่ทั้งสองอันมีความสุจริตร้าวฉานขัดเคืองแก่กันทั้งสองฝ่าย เหมือนดังมีหนังสือมาเมืองไซ่ง่อนด้วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา เกณฑ์ทัพเมืองเขมรเปนทัพเรือเข้าไปรบพม่า ถ้าว่ากล่าวตรงไปตรงมาตามศุภอักษรซึ่งมีมาในกรุงไทยแล้ว เจ้าเมืองไซ่ง่อนก็หามีความสงไสยไม่ ด้วยได้บอกข้อราชการศึกพม่ามาอยู่เนือง ๆ ซึ่งการเปนดังนี้ หากถ้อยทีไม่เบาความจึงได้เห็นจริงกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แต่ทว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ก็แจ้งความเห็นเหตุว่าองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรไม่สุจริต ถึงจะกระทำต่อไปฉันใดอีก กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็สิ้นวิตก แลซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามจัดสิ่งของให้ทูตานุทูตคุมเข้ามาช่วยทำบุญนั้นก็ขออนุโมทนาบุญด้วย ให้จำเริญไปในราชสมบัติพร้อมพระญาติพระวงษ์จงถาวรสืบไป

พระราชสาส์นมาณวัน ๖ ๑ฯ ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๓ ปีมแมตรีนิศก ๚๛

นายจ๋าย มหาดเล็ก นายเอี่ยม มหาดเล็กออกไปส่งทูต



(๗) พระราชสาส์น เจ้ากรุงเวียดนาม
(๗) พระราชสาส์น เจ้ากรุงเวียดนามคำนับมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยกรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนทางพระราชไมตรีดีด้วยกันแต่ก่อนมาจนทุกวันนี้ มีธุระสิ่งใดต้องบอกไปมาถึงกันให้ทราบ ครั้นณวัน ๑๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีมแมตรีศก หว้างท้ายเห้าเข้าสู่สวรรค์คต เจ้ากรุงเวียดนามมีความอาไลยกรรแสงทุกข์ถึงหว้างท้ายเห้ายิ่งนัก นุ่งขาวห่มขาวเฝ้าพระศพอยู่คิดจัดแจงการออกปีใหม่จะฝังพระศพ มิได้ดูฟ้อนรำฟังพิณพาทย์ขับร้องสามปี พระญาติพระวงษ์ทั้งปวงหาต้องบอกไม่ แลกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามเปนทางพระราชไมตรีสนิทกันมาจะมิบอกก็ไม่ควร จึงมีพระราชสาส์นมาให้ทราบ พระราชสาส์นมาณวัน ๑๒ฯ ๓ ค่ำ ยาลองศักราช ๑๐ ปีมแมตรีนิศก


(๘) พระราชสาส์น พระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๘) พระราชสาส์น พระเจ้ากรุงเวียดนามคำนับมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนาม เปนทางพระราชไมตรีเสมอต้นเสมอปลายสนิทกันยิ่งนัก หามีความรังเกียจสงไสยสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ พระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับพระไทยกรุงเวียดนามส่องถึงกัน ครั้งก่อนกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่งให้พระยาพิพัฒโกษาจำทูลพระราชสาส์นออกไป ในพระราชสาส์นนั้นว่าทางพระราชไมตรีสนิทกันกับว่าเรื่องความเมืองเขมรแต่ต้นจนปลาย กรุงเวียดนามก็ทราบพระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแล้ว แลในทางพระราชสาส์นนั้นว่า ข้อความสิ่งใดก็สั่งมาแก่พระยาพิพัฒโกษาแล้ว จึงให้ขุนนางผู้ใหญ่มารับพระยาพิพัฒโกษาไปกินเลี้ยง แล้วพระยาพิพัฒโกษาว่าแก่ขุนนางผู้ใหญ่ให้กราบทูลเจ้ากรุงเวียดนามว่าเจ้าเมืองเขมรหาเข้าไปเฝ้ารับขอโทษตัวไม่ ขอให้เจ้ากรุงเวียดนามสั่งให้เจ้าเมืองเขมรเข้าไปเฝ้าว่าซ้ำถึงสามหน ขุนนางผู้ใหญ่จึ่งทูลเจ้ากรุงเวียดนาม พระเจ้ากรุงเวียดนามก็แจ้งในพระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ความทั้งนี้เปนคำทูตหามีในพระราชสาส์นไม่ เมืองเขมรก็เมืองหนึ่งแต่เปนข้าอยู่ทั้งสองเมืองใหญ่ จะเข้าไปฤๅมิเข้าไปก็สุดแต่ใจเจ้าเมืองเขมร ครั้นกรุงเวียดนามจะว่ากล่าวให้เข้าไป เกลือกเมืองเขมรเปนเหตุการประการใด เมืองขึ้นทั้งปวงจะนินทาว่ากรุงเวียดนามรู้กันกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้เจ้าเมืองเขมรตกหลุมติดบ่วง ความข้อนี้ได้ให้ขุนนางผู้ใหญ่บอกมาแก่พระยาพิพัฒโกษาแล้ว แลราชการเมืองเขมรกรุงเวียดนามก็ได้มีพระราชสาส์นมาแต่ก่อน กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็แจ้งอยู่แล้ว เมื่อคำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่าราชทูตเข้ามาณกรุง ฯ รับราชสาส์นกลับไป ในพระราชสาส์นกับคำคำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่าต้องกัน กรุงเวียดนามทราบแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามเปนทางพระราชไมตรีสนิทกัน ซึ่งข้อความเมืองเขมรนั้น คำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่ากราบทูลเจ้ากรุงเวียดนามตามรับสั่งพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา กรุงเวียดนามก็ทราบแล้วว่าพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาหาเอาโทษเจ้าเมืองเขมรไม่ ครั้นมิว่ากล่าวเมืองขึ้นกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนอันมากจะเอาเยี่ยงอย่างกำเริบตามเมืองเขมร แลข้อความในพระราชสาส์นกับคำคำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่า แลคำพระยาพิพัฒโกษาให้กราบทูลแต่ก่อนนั้นคล้ายคลึงกัน เจ้าเมืองเขมรไม่คำนับพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา เหมือนไม่คำนับกรุงเวียดนามเหมือนกัน จึ่งเจ้าเมืองเขมรทำผิดทั้งนี้จะไม่รู้โทษตัวบ้างฤๅ อันกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามก็เปนทางพระราชไมตรีกันมา เจ้าเมืองเขมรทำให้เคืองพระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาทั้งนี้ กรุงเวียดนามจะนิ่งดูได้ฤๅ แต่เปนทุกข์ด้วยการพระศพยังไม่แล้ว จึ่งมีพระราชสาส์นเข้ามาให้ทราบ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะคิดทำแก่เมืองเขมรประการใด ผู้ใหญ่ครองผู้น้อยให้ควรเลี้ยงผู้น้อยโดยธรรม์ แล้วให้มีพระราชสาส์นออกไปให้จะแจ้ง แลข้อความทั้งนี้เปนธุระอยู่ทั้งสองพระนคร แต่ทูตไปมาถึงสองครั้งไม่แจ้งว่าจะทำเปนประการใด ด้วยยังหามีพระราชสาส์นออกมาไม่ กรุงเวียดนามก็ไม่รู้ที่จะทำประการใด บัดนี้การพระศพเปนการใหญ่ ระยะทางก็ไกลกันดาร จึ่งให้ขุนนางผู้น้อยจำทูลพระราชสาส์นเร่งรีบมาแจ้งราชการโดยเร็ว เปนแต่ผู้น้อยหารู้ราชการสิ่งใดไม่ ข้อความสิ่งใดแจ้งมาในพระราชสาส์นทุกประการแล้ว พระราชสาส์นมาณวัน ๑๒ฯ ๓ ค่ำ ยาลองศักราช ๑๐ ปีมะแมตรีนิศก๚ะ๛


(๙) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๙) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจำเริญพระราชไมตรีมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยขุนวิสุทธิสงครามปลัดกรมอาษาจามซึ่งให้ออกมาส่งทูตานุทูตกลับเข้าไปแจ้งว่าผู้รักษาเมืองพุไทยมาศบอกขุนวิสุทธิสงครามว่า ดึกท้ายห้าวเสด็จสวรรค์คตณเดือนสิบเอ็ดขึ้นเจ็ดค่ำปีมแมตรีศกแล้ว บัดนี้มีหนังสือลงมาแต่กรุงเวียดนาม ห้ามมิให้เล่นงิ้วพิณพาทย์นุ่งห่มสีต่างนอกกว่าสีขาวแลดำ ได้ข่าวดังนี้มีความวิตกอาไลยยิ่งนัก ด้วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา กรุงเวียดนามเปนทางพระราชไมตรีร่วมศุข ร่วมทุกข์ อยู่ทั้งสองฝ่าย ครั้นจะงดท่าคอยฟังพระราชสาส์นทางก็ไกลกันดารนักเกลือกจะไม่ทันการด้วยหารู้กำหนดอย่างธรรมเนียมว่าช้าแลเร็ว



(๑๐) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
๏ วัน ๗ ฯ ๔ ค่ำจุลศักราช ๑๑๗๓ ปีมแมตรีนิศก ได้จาฤกเพลา ๒ โมงเช้า

พระยาพิพัฒโกษา พระยาทิพโกษา พระยาวิสูตรโกษา พระยาทศโยธา พระยาเกษตรรักษา พระยามณเฑียรบาล พระยาพิพิธไอสวรรย์ หลวงพิพิธสมบัติ ขุนมหาสิทธโวหาร}พร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม หมื่นสุวรรณอักษร หมื่นบรรจงอักษร } อาลักษณ์จาฤกพระราชสาส์นอักษรไทย หมื่นสุวรรณอักษร หมื่นบรรจงอักษร}บันทัดลงกระดาษฝรั่ง

(๑๐) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จำเริญพระราชไมตรีมาแจ้งแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยณวัน ๕ ฯ ๔ ค่ำปีมแมตรีนิศก พระยาอไภยภูเบศรผู้รักษาเมืองปัตบองบอกหนังสือเข้าไปว่า องค์สงวนผู้น้องพระอุไทยราชาธิราชซึ่งร่วมมารดาเดียวกันพาขุนนางเขมร ๗ คนกับไพร่ประมาณ ๑๐๐ เสศหนีพระอุไทยราชาธิราชมาจากกรุงกัมพูชาธิบดี หยุดอยู่ณเมืองโพธิสัตว์ ภายหลังขุนนางเขมรหนีตามมาบอกแก่องค์สงวนว่า พระอุไทยราชาธิราชเกณฑ์กองทัพบก กองทัพเรือ ตามเปนหลายทาง ข้างองค์สงวนซึ่งมาตั้งอยู่ณเมืองโพธิสัตว์นั้น ก็ตระเตรียมผู้คนรักษาตัวเห็นว่าจะเกิดรบพุ่งฆ่าฟันกันเปนมั่นคง ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาได้ทำนุบำรุง เลี้ยงพระอุไทยราชาธิราช องค์สงวน เปนบ้านเมืองปรกติอยู่แล้ว พระอุไทยราชาธิราชกับองค์สงวนเล่าก็ใช่ผู้อื่นร่วม บิดา มารดา    เดียวกันจะให้เกิดฆ่าฟันกันขึ้นนั้นหาควรไม่ จึ่งให้ขุนนางผู้ใหญ่ออกมารงับห้ามปรามทั้ง ๒ ฝ่ายจะให้สมัค สมาน ประ หนบ ประนอบ  กันตามฉันพี่แลน้อง แต่ทว่าจะปรกติกันผู้ใดฤๅจะกระด้างกระเดื้องอยู่มิฟังบังคับบัญชาเปนประการใดนั้นจึ่งจะให้บอกข้อราชการมาทางเมืองไซ่ง่อนต่อครั้งหลัง บัดนี้แจ้งความมาแต่พอให้สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามทราบพระไทย พระราชสาส์นมาณวัน ๗ ฯ ๔ ค่ำ ศักราช ๑๑๗๓ ปีมแมตรีนิศก



(๑๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
๏ วัน ๑ ๑๐๘ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๔ ปีวอกจัตวาศก ได้ฤกษ ๒ โมงสามบาท

พระยาศรีสุริยวงษว่าที่โกษา พระยาพิพัฒโกษา พระยาธรมา พระยาอุไทยธรรม์ หลวงทองสือ หลวงโชฎิก หลวงสุนทรโวหาร  นั่งพร้อมกัน ณพี่หอพระมณเฑียรธรรม หมื่นเทพไมตรีจาฤกพระราชสาส์นกระดาษฝรั่ง ๒ แผ่น เปนอักษร ๑๙ บรรทัด นายเอี่ยมมหาดเล็กถือไปณวัน ๑ ๑๐๘ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๔ ปีวอกจัตวาศก ๚ะ๛

(๑๑) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจำเริญพระราชไมตรีมาแจ้งแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามให้ทราบ เมื่อณเดือนสี่ปีมแมตรีนิศก สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระราชสาส์น ให้ไกโดยเหียรเข้าไปแจ้งด้วยวางทายเห้าสวรรคคตแล้วมีพระไทยวิตกว่าพระอุไทยราชาธิราชไม่คำนับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็เหมือนไม่คำนับกรุงเวียดนาม จะคิดทำแก่เมืองกัมพูชาประการใดขอให้มีพระราชสาส์นออกมาจงแจ้ง นั้นเห็นว่าเปนแต่ความพี่น้องวิวาทกัน ที่ส่วนตัวพระอุไทยราชาธิราช ผิดล่วงเกินก็ยกโทษให้แล้ว เห็นจะหามีความรังเกียจไม่ สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามก็ต้องกระทำการพระศพฉลองพระคุณวางทายเห้าเปนการใหญ่อยู่ คิดว่ายังจะมิให้ธุระกรุงเวียดนามก่อน แล้วได้ให้ขุนนางผู้ใหญ่รงับห้ามปราม ก่อนไกโดยเหียรเข้าไปถึงจึงมีพระราชสาส์นตอบออกมา ว่ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะว่ากล่าวมิให้เสียประเพณีทั้งสองฝ่าย ครั้นพระยายมราชพาองค์สงวนลงมาณเมืองพุทไธเพชร์ พระอุไทยราชาก็หาอยู่ให้ชำระว่ากล่าวไม่ อบพยบพาครอบครัวลงมาอยู่ณเมืองไซ่ง่อน ความจึงค้างอยู่มิได้ว่ากล่าวสมัคสมานให้พี่น้องดีด้วยกัน เพราะความขัดข้องดังนี้ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จึงมีพระราชสาส์นออกมาแจ้งแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม จะได้ทรงดำริห์ให้ต้องตามประเพณีทั้งสองฝ่าย

พระราชสาส์นมาณวัน ๑ ๑๐๘ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๔ ปีวอกจัตวาศก



(๑๒) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
๏ วัน ๗ ฯ ๑ ค่ำ ปีวอกจัตวาศก

พระยาอภัยพิพิธ พระยาทิพโกษา พระยาราชโยธา กรมพระราชวังบวร ฯ พระราชเสนา หลวงโชฎึก หลวงทองสือ ขุนมหาสิทธิพระราชเสรฐีล่าม  นั่งพร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม

พระราชสาส์นเวียดนามนายเอี่ยมถือมาณวัน ๗ ฯ ๑ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๒ ปีวอกจัตวาศก ๚ะ๛

(๑๒) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมาถึงพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยครั้งก่อนมีพระราชสาส์นออกไป ว่ากรุงกัมพูชาธิบดีพี่น้องวิวาทกัน กรุงเวียดนามมีการที่จะแทนคุณอยู่ มีรับสั่งพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ใช้ให้ขุนนางผู้ใหญ่ออกไปว่ากล่าวจะให้พี่น้องปรกติด้วยกัน ได้ความประการใด จึงจะมีพระราชสาส์นออกไปครั้งหลัง เมืองเขมรแต่ก่อนมาเปนข้าทั้งสองฝ่ายกรุงใหญ่มาจนทุกวันนี้ พี่น้องวิวาทไม่ชอบกัน พระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มีพระไทยเมตตานัก นิ่งดูมิได้นั้นก็ชอบอยู่แล้ว เจ้าเมืองไซ่ง่อนมีหนังสือบอกขึ้นไปถึงกรุงเวียดนาม ว่าพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ให้ยกกองทัพใหญ่มาตั้งณแดนพนมเปน เจ้าเมืองเขมรตกใจกลัวจึงหนีลงไปอยู่เมืองไซ่ง่อน พระเจ้ากรุงเวียดนามแจ้งความอยู่ว่า พระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาได้มีพระราชสาส์นออกมาแต่ก่อนว่า จะให้ขุนนางผู้ใหญ่ออกไปรงับว่ากล่าวให้พี่น้องดีกัน เหตุไรเจ้าเมืองเขมรจึงหนีไปเล่า พระเจ้ากรุงเวียดนามก็คอยฟังพระราชสาส์น พระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะได้รู้เหตุผลต้นปลายก็พอมีพระราชสาส์นพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาออกมา ในพระราชสาส์นมีจะแจ้งอยู่ว่าขอให้พระเจ้ากรุงเวียดนามช่วยดำริห์อย่าให้เสียประเพณี กรุงพระมหานครศรีอยุทธยามีพระไทยโอบอ้อมเมืองน้อยดังนี้ ทางพระราชไมตรีทั้งสองพระนครจะได้ยืนยาวสืบไป ประเพณีกระษัตริย์ ให้มีพระไทยเปนสัจ เปนธรรม  เหมือนองค์สงวนนั้นเปนข้าก็ไม่ตรงเปนบุตรก็หามีกระตัญญูไม่ เปนน้องก็ไม่อดออม โทษองค์สงวนนั้นใหญ่นัก คิดอย่างหนึ่งเล่าองค์สงวนก็ยังเด็กอยู่ ถ้ารู้ว่าตัวผิดรับขอโทษต่อพี่ก็พอจะหายโทษ ถ้าเปนดังนี้เนื้อกับกระดูกจะได้ร่วมกัน แล้วกรุงเวียดนามจะได้แต่งขุนนางพาองค์จันทร์กลับมาเมืองเขมร กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาต้องมีขุนนางผู้ใหญ่ออกไป กรุงเวียดนามจะได้ชี้แจงข้อความพร้อมด้วยขุนนางญวน พาองค์จันทร์คืนมาเมืองเขมรอย่างนี้จึงจะควรด้วยสองพระนครอันใหญ่ แลเมืองเขมรทำมาแต่ก่อนทั้งนี้หนักอกทั้งสองพระนคร จำจะช่วยกันปลูกฝังขึ้นด้วยเปนเมืองน้อย

พระราชสาส์นมาณวัน ๑๑ฯ ๑๐ ค่ำ ยาลอง ๑๑ ปีวอกจัตวาศก ๚ะ๛



(๑๓)พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

(๑๓) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จำเริญพระราชไมตรีมาแจ้งแก่สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยขุนอนุรักษภูธรซึ่งออกมาแจ้งเรื่องความเมืองเขมร รับเชิญพระราชสาส์นกรุงเวียดนามเข้าไป เปนใจความเมืองเขมรทำการมาแต่หลังหนักอกสองพระนครอยู่ จำจะจัดแจงเมืองน้อยให้ดี ให้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจัดขุนนางออกมายังกรุงเวียดนามจะได้ชี้แจงข้อความพร้อมด้วยขุนนางญวน แล้วจะเอาองค์จันทร์ไปส่งณเมืองเขมร อย่างนี้จึงจะต้องตามประเพณีกระษัตริย์ อันมีพระไทยทรงธรรมนั้นก็ควรด้วยดำริห์พระเจ้ากรุงเวียดนามอยู่แล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ก็คิดว่าเด็กต่อเด็กวิวาทกัน เมื่อใครทำผิดก็คงผิด ตั้งใจจะว่ากล่าวให้ดีทั้งสองฝ่าย โดยเปนที่พึ่งแก่เมืองเขมร จึ่งมีศุภอักษรให้ขุนนางผู้ใหญ่ ออกมาห้ามแต่พอรู้ผิดแลชอบ ขุนนางไทยได้มีหนังสือบอกมาจะแจ้ง เมื่อเปนเด็กไม่ไว้ใจกลัวเกรงอยู่จะให้พระยาพระเขมรไปบอกเหตุผลแก่ขุนนางผู้ใหญ่จึงควร องค์จันทร์ก็ไม่แต่งให้ผู้ใดไปหนังสือก็ไม่ตอบ ครั้นให้นำศุภอักษรซ้ำลงมาก็ขัดแขงไม่รับทำล่วงเกินนัก ความทั้งนี้ก็ปรากฎดังโดยมาก เมื่อได้ทำนุบำรุงเลี้ยงมาแต่เล็ก เคยเข้าไปคำนับทั้งพี่ ทั้งน้อง ก็ละราชประเพณีเสียก็ยังไม่รู้โทษตัว แต่พระเจ้ากรุงเวียดนามได้ดำริห์ดับความไปในพระราชสาส์นแล้ว ก็มิให้ข้องพระไทยมัวหมองในราชไมตรี เมื่อจะสั่งให้ขุนนางญวนแลไทยซึ่งออกมาพาองค์จันทร์ไปส่งเมืองเขมร กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็ไม่ถือโทษ จะทำนุบำรุงมอบเมืองให้ครอบครองไปตามเดิม แลจึ่งองค์จันทร์องค์สงวนวิวาทกันเห็นความเปนอยู่คนละน้อย แต่องค์สงวนเปนน้องไม่อดออมหาอัชฌาไม่ก็มีโทษ ถ้าสองพระนครยังมีพระไทยเมตตาจะปลูกเลี้ยงอยู่ พี่น้องก็ไม่เสียกันได้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาได้ว่ากล่าวองค์สงวนก็สาระภาพรับผิดอยู่แล้ว บัดนี้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาได้แต่งให้

พระยามหาอำมาตยราชทูต พระยาราชโยธาอุปทูต พระทองสื่อตรีทูต ขุนศรีภากร ล่าม หมื่นหาญชลาไลย ล่าม  จำทูลพระราชสาส์นออกมาเฝ้าโดยดำริห์ พระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระราชสาส์นเข้าไป

พระราชสาส์นมาณวัน ๒ ฯ ๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๔ ปีวอกจัตวาศก  ๚ะ๛



(๑๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
พระราชสาส์นกรุงเวียดนามแปลณวัน ๒ ฯ ๗ ค่ำปีรกาเบญจศก

พระยามหาอำมาตย์ พระยาราชโยธา หลวงท่องสื่อ ถือมา

(๑๔) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมาถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ให้พระยามหาอำมาตย์ทูตมีชื่อ จำทูลพระราชสาส์นออกมานั้น ได้แจ้งข้อความในพระราชสาส์นทุกประการแล้ว ความครั้งก่อนกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มีพระไทยกวางขว้างโอบอ้อม ไม่เอาโทษเจ้าเมืองเขมร บัดนี้ทรงพระเมตตาให้เจ้าเมืองเขมรกลับไปครองบ้านเมืองเหมือนแต่ก่อน ต้องกันกับพระราชสาส์น ซึ่งกรุงเวียดนามมีเข้ามานั้น ก็ชอบด้วยทางพระราชไมตรีดียิ่งนัก ช่วยกันชุบเลี้ยงเมืองน้อยดังนี้ จึงต้องตามราชประเพณีทั้งสองพระนครอันใหญ่ บัดนี้กรุงเวียดนามแต่งให้ดำทรายยาดึงทันดงดรันเลียงตากุลบินโตเตียงกุญเวียดกุญเกงกับเหยีบตรงตรันกงโบเทียงเธอดินเวิยงเหา ขุนนางมีชื่อพร้อมด้วยพระยามหาอำมาตย์ มีชื่อกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา พาองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรกลับมาเมือง จะได้เปนที่พึ่งแก่พระยาพระเขมร สองพระนครอันใหญ่จะได้สิ้นวิตกเหมือนเทพยุดาเลี้ยงโลกย์ทั้งปวงให้ได้ศุข แต่คิดว่าเจ้าเมืองเขมรกลับไปบ้านเมืองนั้น ขุนนางอาณาประชาราษฎรคนเก่ายังไม่ปรกติราบคาบ จึงให้เจ้าเมืองไซ่ง่อนส่งองค์จันทร์ถึงเมืองเขมรแล้ว ให้ขุนนางแลไพร่อยู่เปนเพื่อนองค์จันทร์จะได้เปนที่อาไศรยกว่าบ้านเมืองจะราบคาบแล้วเมื่อไรจึงให้กลับไปเมื่อนั้น ทำอย่างนี้เมืองเขมรจะได้อยู่เย็นเปนศุข เขตรแดนทั้งสองพระนครจะได้ราบคาบ ทางพระราชไมตรีจะได้เสมอต้นเสมอปลายยืดยาวสืบไป จึงตอบพระราชสาส์นมาให้แจ้ง พระราชสาส์นมา ณวัน เดือนสี่แรมหกค่ำยาลอง ๑๑ ปีวอกจัตวาศก ๚ะ๛



๑๕) พระราชสาส์นกรุงเวียดนาม
๏ วัน ๓ ๑๒ฯ ๑๐ ปีระกาเบญจศก

พระยาศรีสุริยพาหะ พระสุริยภักดี หลวงสารประเสริฐ } ถือมา
หลวงสุนทรภักดี ขุนสนิทนายล่าม} แปลออกเปนคำไทยได้ความว่า

(๑๕) พระราชสาส์นกรุงเวียดนาม คำนับมาถึงพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ซึ่งเมืองเขมรพี่น้องไม่ชอบกันจึงได้เกิดความทั้งนี้ แต่พระราชสาส์นไปมากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็ทราบความชัดอยู่แล้ว แลกรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่ก่อน ก็ทรงพระเมตตาปู่แลบิดาเจ้าเมืองเขมร มาครั้งนี้ก็มีน้ำพระไทยโอบอ้อมเมืองน้อย เจ้าเมืองเขมรจะทำลดเลี้ยวอ้อมวงไปประการใด ทั้งสองพระนครก็ผ่อนตามใจเจ้าเมืองเขมร ด้วยมีพระไทยเมตตาหาถือโทษไม่ ก็ปราถนาจะให้มีใจสาพิภักดิ์ทิ้งความชั่วซึ่งทำผิดมาแต่ก่อนเสีย พี่น้องจะได้รักใคร่กัน ครั้งนี้กรุงเวียดนามสั่งให้ขุนนางผู้ใหญ่คุมกองทัพกับทูตกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาพาองค์จันทร์มาส่งณเมืองเขมร ราชการก็เสร็จอยู่แล้ว ต้องตามประเพณีสองพระนครอันใหญ่ เมื่อทูตกลับเข้ามากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็จะทราบความอยู่แล้ว กรุงเวียดนามเห็นว่าพระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา คิดต้องกันกับกรุงเวียดนาม ชุบเลี้ยงเมืองเล็กน้อย ซึ่งเอาเจ้าเมืองเขมรมาส่งก็ต้องช่วยทำนุบำรุงการบ้านเมือง ทั้งนี้เพราะเขาไม่ชอบกัน จึงจัดแจงให้เขาดีกัน บ้านเมืองจะได้ปรกติ กรุงเวียดนามคิดว่าเมื่อทูตกลับเข้ามาถึงแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะมีพระราชสาส์นตอบ กับพาองค์สงวนไปขอสมาองค์จันทร์ แล้วขุนนางผู้ใหญ่กรุงเวียดนามก็อยู่นั่น จะได้ว่ากล่าวอย่าให้องค์สงวนสดุ้ง องค์สงวนสเทิ้น  แล้วอย่าให้มีพยาบาทต่อกัน แลกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะว่ากล่าวสั่งสอนองค์จันทร์ออกมาประการใดองค์จันทร์จะได้รู้ แต่ก่อนมาจนทุกวันนี้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ตั้งพระไทยชุบเลี้ยงเจ้าเมืองเขมร เมื่อแม่ลูกพี่น้องพร้อมมูลกันก็จะได้รู้บุญคุณทั้งสองพระนครอันใหญ่ กรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาวิตกทั้งนี้ ก็ด้วยจะชุบเลี้ยงเมืองน้อยให้เปนศุข แต่ทูตกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากลับมาได้ ๓ ได้๔  เดือนแล้วยังหามีตอบไปไม่ เมืองเขมรพึ่งจะสงบไพร่บ้านพลเมืองยังระส่ำระสายอยู่ น้ำใจกรุงเวียดนามก็หารักให้กองทัพอยู่ช้าที่นั่นไม่ แลการทั้งนี้ก็ได้สั่งมาถึงขุนนางผู้ใหญ่ให้คิดผ่อนปรนดูการ สุดแต่ควรจะแบ่งขุนนางแลกองทัพ ไว้จะช่วยทำนุบำรุงองค์จันทร์ ฤๅเห็นจะถอยกองทัพมาเมืองไซ่ง่อนได้ก็ตามแต่ขุนนางผู้ใหญ่จะคิด แลกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนาม เปนทางพระราชไมตรีมาแต่ก่อน จะทำการสิ่งใดก็บอกถึงกันทุกครั้ง บัดนี้จึงจะมีพระราชสาส์นบอกมาให้แจ้ง

พระราชสาส์นมาณวัน ฯ ๙ ค่ำ ยาลอง ๑๒ ปีระกาเบญจศก ๚ะ๛

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2563 18:34:59 »


(๑๖) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
๏ วัน ๔ ๑๒ฯ ๓ จุลศักราช ๑๑๗๕ ปีระกาเบญจศก ข้าพระพุทธเจ้า

พระยามหาอำมาตย์ พระยาสุรเสนา พระยาราชรองเมือง พระยาทิพโกษา พระยาราชทูต พระยาสุรินทร์ภักดี หลวงท่องสื่อ ขุนสารประเสริฐ ขุนมหาสิทธิโวหาร นั่งพร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม รับทูตกรึงเวียดนามขึ้นมา เชิญพระราชสาส์นออกให้พระราชมนตรี หมื่นสนิท ล่ามญวนแปล

(๑๖) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมาถึงพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยณปีก่อนเจ้าเมืองเขมรพี่น้องหาชอบกันไม่ นักองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรหนีไปอยู่เมืองไซ่ง่อน กรุงเวียดนามน้ำพระไทยรักใคร่เมืองน้อยเปนกำพร้า จึงมีรับสั่งให้เจ้าเมืองไซ่ง่อน กับทูตกรุงพระมหาศรีอยุทธยา มอบเมืองให้เจ้าเมืองเขมรกลับมาเมือง ความอันนี้เสร็จแล้วณเดือนเก้า กรุงเวียดนามได้มีพระราชสาส์นเข้ามาได้แจ้งอยู่แล้ว บัดนี้กรุงเวียดนามทำการฉลองพระเดชพระคุณเสร็จแล้ว ได้พึ่งเทวดาบำรุงพระองค์เปนศุขอยู่ แลกรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แต่ก่อนมาเปนทางพระราชไมตรีสนิทกัน บัดนี้มีรับสั่งให้ ลูกูคำทรายกายเกอเฮวินฮว้าเค้า ราชทูต  พิโนยคำทรายกายโดยค้างเง้าเค้า อุปทูต  คำทรายกายโดยอยู่ดึกเห้า อุปทูต จำทูลพระราชสาส์นเข้ามากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาโดยทางพระราชไมตรี กับถามข่าวพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แลล้นเกล้า ฯ กรมพระราชวังบวร ฯ ทั้งสองพระองค์ให้ทรงพระเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป แลมีเครื่องราชบรรณาการมอบให้ทูตคุม ของพระราชวังหลวง





(๑๗) พระราชสาส์นพระมเหษี พระเจ้ากรุงเวียดนาม

(๑๗) พระราชสาส์นพระมเหษี พระเจ้ากรุงเวียดนาม มาถึงเวิยนเถือกทงผู้น้องให้แจ้ง ด้วยบัดนี้บ้านเมืองได้พึ่งเทวดาแลพระญาติวงษาซึ่งล่วงแต่ก่อนนั้น มาช่วยทำนุบำรุงรักษาได้อยู่เย็นเปนศุข สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ก็ครองสมบัติเปนศุขอยู่ แลวงษานุวงษ์ทั้งปวงก็พร้อมมูลทั้งสิ้น แต่มีพระไทยคิดถึงผู้น้องมิได้ขาด ด้วยอยู่เมืองไกลทางกันดาร บัดนี้พระเจ้ากรุงเวียดนาม รับสั่งให้ทูตจำทูลพระราชสาส์นเข้ามากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา พี่ได้ฝากเงิน ๒๐ ลิ่มมอบให้ทูตคุมเข้ามา ให้แก่ผู้น้องจะได้เปนสำคัญ ด้วยน้ำใจรักใคร่สนิทกันดุจแผ่นศิลาเนื้อทองคำ แลเมื่อฝาก ราชสาส์น เงิน } เข้ามากับทูตนั้น ได้กราบทูลพระเจ้ากรุงเวียดนามทรงทราบแล้ว

พระราชสาส์นมาณวัน ๑๕ฯ ๑ ค่ำ ยาลอง ๑๒ ปีระกาเบญจศก ๚ะ๛

(๑๗) พระราชสาส์นพระมเหษี พระเจ้ากรุงเวียดนาม มาถึงเวิยนเถือกทงผู้น้องให้แจ้ง ด้วยบัดนี้บ้านเมืองได้พึ่งเทวดาแลพระญาติวงษาซึ่งล่วงแต่ก่อนนั้น มาช่วยทำนุบำรุงรักษาได้อยู่เย็นเปนศุข สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ก็ครองสมบัติเปนศุขอยู่ แลวงษานุวงษ์ทั้งปวงก็พร้อมมูลทั้งสิ้น แต่มีพระไทยคิดถึงผู้น้องมิได้ขาด ด้วยอยู่เมืองไกลทางกันดาร บัดนี้พระเจ้ากรุงเวียดนาม รับสั่งให้ทูตจำทูลพระราชสาส์นเข้ามากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา พี่ได้ฝากเงิน ๒๐ ลิ่มมอบให้ทูตคุมเข้ามา ให้แก่ผู้น้องจะได้เปนสำคัญ ด้วยน้ำใจรักใคร่สนิทกันดุจแผ่นศิลาเนื้อทองคำ แลเมื่อฝากราชสาส์น ฝากเงิน เข้ามากับทูตนั้น ได้กราบทูลพระเจ้ากรุงเวียดนามทรงทราบแล้ว

พระราชสาส์นมาณวัน ๑๕ฯ ๑ ค่ำ ยาลอง ๑๒ ปีระกาเบญจศก ๚ะ๛



(๑๘) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
๏ วัน ๕ ๑๒ฯ ๔ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๕ ปีระกาเบญจศก เพลาสามโมงหกบาทได้พระฤกษ์ จาฤกพระราชสาส์นตอบไปกรุงเวียดนาม ให้องเวียนทูตญวนถือไป

กรมพระราชวัง พระยาไทยธรรม์ พระยาเทพวรชุณ }(๒) พระยาไกรโกษา พระยาพิไชยบุรินทรา }(๒) พระยาราชทูตขุนมหาสิทธิ พระโชฎึก หลวงทองสื่อ นายชำนิโวหาร }(๕) คน นั่งพร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม ครั้นได้พระฤกษ์ประโคมพิณพาทย์ฆ้องไชย แตรสังข์   หมื่นสุวรรณอักษรอาลักษณ์ นุ่งห่มขาว จาฤกพระราชสาส์นด้วยน้ำหมึกลงกระดาษฝรั่งแผ่นครึ่ง เปนอักษร ๒๐ บันทัด ครั้นแล้วพระราชโกษาเชิญตรามังกรคาบแก้ว ประจำต่อตราโลโตปิดประจำศก พระราชสาส์นอักษรไทยดวง ๑ แล้วม้วนใส่ในกล่องไม้ไผ่กลึงมีฝามีเชิงเขียนลายมังกรทองใส่ในถุงโหมดระใบแพรเหลืองเอาตรา มังกรหก ไอยราพต ปิดงบครั่งบ้าง แลดวงประจำปากถุง แล้วเอาถุงพระราชสาส์นอักษรไทย กับพระราชสาส์นอักษรญวน มิได้ปิตตราใส่ไนพานแว่นฟ้าแล้วเอาตราก้นถุงดวง ๑ ปากถุงดวง ๑ ปิดงบครั่งประจำ มังกรหกไอยราพต  ปิดคลุมโหมดขลิบเขียวแล้วเอาอาลักษณ์เชิญไปณหอพระนาค ๚ะ๛

(๑๘) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จำเริญไมตรีมายัง สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามให้ทราบ ด้วยแต่งให้ทูตานุทูตจำทูลพระราชสาส์น คุมสิ่งของเข้าไปคำนับถามข่าวกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แลพระอนุชาธิราชโดยน้ำพระไทยสนิทมาแต่ก่อน แล้วได้ทำการฉลองพระคุณเสร็จแล้วเปนศุขอยู่ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็มีความยินดีด้วยยิ่งนัก ซึ่งกระทำดังนี้เปนที่สรรเสริญนับถือทุกประเทศ เทพยดาอันส่องเห็นความดีความควรก็หากจะอวยผล ให้มีความจำเริญสุขสืบไป แลซึ่งกรุงเวียดนามมีพระราชสาส์น ให้เจ้าเมืองไซ่ง่อน กับพระยามหาอำมาตย์ราชทูต พาองค์จันทร์มาส่งคืนเมือง โดยเห็นกับไมตรีพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแจ้งความแล้ว คิดว่าองค์จันทร์จะเข้าไปด้วยพระยามหาอำมาตย์ตามจดหมายรับสั่งกรุงเวียดนามแต่ก่อน องค์จันทร์ยังกลัวอยู่จึงต้องผ่อนตามใจเด็ก แต่ได้มีศุภอักษรให้พระยามหาอำมาตย์ กลับมามอบเมืองให้องค์จันทร์ว่ากล่าวไปก่อน ในราชสาส์นที่มีมาแล้ว เปนธุระด้วยพม่าเข้ามาเจรจาเมือง ทูตซึ่งจะมาจำเริญทางพระราชไมตรีขอบพระไทย จึงต้องงดอยู่ฟังความให้แน่ ได้ให้เจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ มีหนังสือมาถึงเลโบแจ้งอยู่แล้ว บัดนี้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แลพระอนุชาธิราชฝ่ายน่าให้จัดสิ่งของแลดอกไม้ซึ่งมีดอกผล  ซึ่งพระเจ้ากรุงเวียดนามต้องพระราชประสงค์ มอบให้ทูตคุมออกมาทรงยินดีในสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ให้เปนศุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วจะแต่งให้ทูตจำทูลพระราชสาส์นออกมาจำเริญทางพระราชไมตรีขอบพระไทยต่อภายหลัง

ราชสาส์นมาณวัน ๕ ๑๒ฯ ๔ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๕ ปีระกาเบญจศก วัน ๖ ๑๑ฯ ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๖ ปีจอฉอศกเพลาเช้าสามโมงหกบาท ได้พระฤกษ หมื่นพิมลอักษร นุ่งห่มขาวจาฤกพระราชสาส์นไปกรุงเวียดนาม ลงกระดาษฝรั่งเปนอักษร ๑๗ บันทัด หลวงพิพิธสมบัติเชิญตราโลโตประจำตรามังกรคาบแก้ว ประจำต่อใส่กล่องไม้ไผ่เขียนลายมังกรทอง ใส่ถุงโหมดระใบเหลือง แล้วใส่พานแว่นฟ้าสองชั้นหุ้มถุงแพรเหลืองระใบแพรแดง แล้วเอาพระราชสาส์นอักษรญวนใส่ในถุงพานรองด้วย แล้วเอาตรามังกรคาบแก้ว ปิดงบครั่งประจำก้นถุง ปากถุง ฝากไว้หอพระนาค๚ะ๛



(๑๙) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๑๙) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จำเริญพระราชไมตรีมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม โดยคำนับด้วยสองพระมหานครสุจริตต่อกัน แต่องค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรเปนเด็กพาความหนีมาพึ่งบุญ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาได้มีพระราชสาส์นมาขอดำริห์ แม้นไม่เห็นกับไมตรีอันสนิทก็ไม่ควรที่จะให้ตัวคืนเมือง หากพระเจ้ากรุงเวียดนามเสียประเพณีแผ่นดิน สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมิได้ช่วยดำริห์ให้ในระหว่างทุกข์ถึงว่างท้ายเห้าสวรรค์คต จึงมีพระราชสาส์นให้เจ้าเมืองไซ่ง่อนกับพระยามหาอำมาตย์ราชทูต พาตัวองค์จันทร์แลขุนนางเขมรไปส่งถึงเมืองพุทไธเพ็ชร์ โดยมีพระอัชฌาไศรยเที่ยงธรรม์ แต่ต้นจนปลายมาก็ควรอยู่แล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะให้ทูตออกมาขอบพระไทย แต่ครั้งนั้นก็ฟังความพม่ายังไม่แน่จึงงดอยู่ ให้แต่ขุนนางผู้ใหญ่มีหนังสือแจ้งความมาก่อน บัดนี้กรุงเวียดนามซ้ำให้ทูตานุทูตคุมสิ่งของเข้าไปถามข่าวแจ้งราชการเมืองเขมร ในพระราชสาส์นใหม่แลเก่า ทั้งสองฉบับก็คล้ายคลึงกัน ว่าการเมืองเขมรเสร็จแล้วแต่ณเดือนเก้า กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แลพระอนุชาธิราชฝ่ายน่าก็ยินดีด้วยยิ่งนัก จึงมีพระราชสาส์นให้พระพรหมบริรักษ์ราชทูต หลวงสิทธิโยธารักษ์อุปทูต ขุนอนุรักษ์ภูธรตรีทูต ขุนราชาวดี ขุนศรีเสนาล่ามคุมของออกมาขอบพระไทยโดยราชไมตรียังเปนธุระกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะระงับความองค์จันทร์องค์สงวน พี่น้องไม่ชอบกันก็คอยท่าเจ้าเมืองเขมรอยู่ จะเข้าไปหรือประการใดจะรอฟังไปดูก่อน

พระราชสาส์นมาณวันสุกร์เดือนหกขึ้นสิบเอ็ดค่ำจุลศักราชพันร้อยเจ็ดสิบหกปีจอฉอศก ๚ะ๛



(๒๐) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา
(๒๐) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มีพระไทยปรารภถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยพระเจ้าเมืองไซ่ง่อนบอกพระโชฎึกว่ามเหษีทิวงคตแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแจ้งข่าวทุกข์ในกรุงเวียดนามไม่สบาย เปนการใหญ่ดังนี้ก็มีความวิตกด้วย เพราะสองพระมหานครสนิทมา ข้างไหนมีการก็เคยช่วยกันทุกครั้ง ครั้นจะรออยู่ต่อทูตกลับเข้าไปเห็นจะช้านัก จึงให้พระเสนาภักดี หลวงจ่าเนตร หมื่นฤทธิพิไชย หมื่นราชมนตรี หมื่นศรีธากรล่าม เชิญพระราชสาส์นคุมสิ่งของตามทูตออกมา ช่วยทำบุญถามข่าวเยี่ยมเยียนพระเจ้ากรุงเวียดนามโดยสนิท มีความวิตกถึงกัน

พระราชสาส์นมาณวันจันทร์เดือนสิบเอ็ดขึ้นห้าค่ำปีจอฉศก  ๚ะ๛



(๒๑) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
วัน ๓ ฯ ๑ ค่ำปีจอฉอศก

นั่งพร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม

พระยากลาโหมราชเสนา พระยาพิพัฒโกษา พระยาพิไชยบุรินทรา พระวิสุทธิวารี  นั่งพร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม

พระราชมนตรี หลวงศรีเสนา พระวิสุทธิวารี  ล่ามแปลพระราชสาส์นญวนออกเปนคำไทย

พระวิสุทธิวารี

ในพระราชสาส์นนั้นว่า ๚ะ๛

(๒๑) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม จำเริญทางพระราชไมตรี มายังสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยทูตานุทูตพระพรหมบริรักษ์ราชทูต หลวงสิทธิโยธารักษอุปทูต ขุนอนุรักษภูธรตรีทูต เชิญพระราชสาส์น ในพระราชสาส์นขอบพระไทย ด้วยแต่ก่อนส่งเจ้าเมืองเขมรนักองคจันทร์กลับมาเมือง ด้วยเจ้าเมืองเขมรเปนข้าสองพระนครใหญ่ แต่ก่อนเมืองเขมรพี่น้องหาชอบพอกันไม่ แลนักองค์จันทร์หนีลงไปอยู่เมืองไซ่ง่อน ด้วยกรุงเวียดนามและกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ด้วยแต่มาเปนทางพระราชไมตรีและไมตรี ก็มีพระไทยโอบอ้อมเมืองน้อยรักใคร่เสมอกัน ก็รักให้เจ้าเมืองเขมรกับขุนนางแลอาณาประชาราษฎร พึ่งพระบารมีอยู่เย็นเปนศุข ก็เหมือนขุนนางแลอาณาประชาราษฎรสองพระนครกรุงใหญ่ เปรียบเหมือนผลไม้เม็ดเดียวกัน บัดนี้กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็มีพระไทยร่วมรักเมืองน้อยด้วย ขอบพระไทยดังนั้นก็จริงอยู่ ด้วยสองพระมหานครเปนทางพระราชไมตรีสนิทกันยิ่งนัก แลบัดนี้เลโบกราบทูลว่าเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ ณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยามีหนังสือมาว่าด้วยพม่าเจรจา ความเมืองทุกประการ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็ยังหาเชื่อเปนแน่ไม่ แลกรุงเวียดนามทรงคิด กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา กับพม่าทำการศึกกันมาช้านานหลายปีแล้วพึ่งจะสงบลง อาณาประชาราษฎรสองพระนครอยู่เย็นเปนศุข กรุงเวียดนามมีพระไทยยินดีด้วย บัดนี้ทูตานุทูตกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากลับเข้าไปกรุงเวียดนามจัดทองคำ เงิน มอบให้ทูตานุทูตเข้าไปทรงยินดีทั้งสองพระองค์ เปนทางพระราชไมตรีแลไมตรี

พระราชสาส์นมาณวัน ๑๓ฯ ๑๐ ยาลอง ๑๓ ปีจอฉอศก  ๚ะ๛



(๒๒) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
(๒๒) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมาถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามเปนทางพระราชไมตรี สนิทเสมอต้นเสมอปลายมาจนทุกวันนี้ ครั้นณเดือนสี่ขึ้นสามค่ำปีระกาเบญจศก ว่างท้ายเห้ามเหษีกรุงเวียดนามทิวงคต เปนการทุกข์อยู่แต่ในกรุงเวียดนาม ครั้นจะแจ้งความเข้ามาให้ทราบเล่าก็ไม่ควร แลกรุงพระมหานครศรีอยุทธยามีพระไทยรักใคร่กรุงเวียดนามยิ่งนัก แต่ทราบความพระโชฎึกราชเสรฐีกราบทูลว่าเจ้าเมืองไซ่ง่อนบอกว่าว่างท้ายเห้าทิวงคตแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มีพระไทยคิดถึงทางพระราชไมตรี แต่งให้พระเสนาภักดีทูตมีชื่อ เชิญพระราชสาส์นแลคุมสิ่งของออกมาช่วยทำบุญในการศพ ทูตไปถึงกรุงเวียดนาม ณวัน ฯ ๒ ค่ำครั้น ณวัน ๑๕ฯ ๒ ค่ำ เปนวันเส้นใหญ่ ได้ให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยนำทูตแลสิ่งของซึ่งช่วยทำบุญไปไว้ศพว่างท้ายเห้าตามธรรมเนียมแล้ว แต่การที่ฝังศพว่างท้ายเห้านั้น ให้เลือกวันดีได้ต่อปีใหม่เดือน ฯ ๖ ค่ำจึงจะได้จัดแจงการฝังศพ ซึ่งพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา กระทำดังนี้โดยมีพระไทยรักใคร่ มีพระราชสาส์นออกมาถามข่าวเยี่ยมเยียนแลให้ทูตคุมสิ่งของออกมาให้ช่วยทำบุญ ในการศพได้ก่อนนั้น บุญคุณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาอยู่กับกรุงเวียดนามยิ่งนัก ครั้นจะแต่งทูตเข้ามาขอบพระไทยตามประเพณีเล่า กรุงเวียดนามอยู่ในการทุกข์ด้วยว่างท้ายเห้าเปนใหญ่ยังไม่สำเร็จ จึงหาได้ว่าราชการอื่นไม่ ได้จัด

พระราชสาส์นมาณวัน ๑๐ฯ ๒ ค่ำศักราช ยาลอง ๑๓ ปี ๚ะ๛

พระเสนาภักดี นายจ่านิจถือมา



(๒๓) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม
วัน ๒ ๑๓ฯ ๓ ค่ำจุลศักราช ๑๑๗๗ ปีกุนสัพศกเพลาเช้า ๔ โมง

พระยาโกษา พระยาธรรมา พระยามหาอำมาตย์ พระยาโชฎึก พระยาทองสื่อ พระราชมนตรีล่าม ขุนสารประเสริฐ ขุนมหาสิทธิ นายชำนิโวหาร หมื่นสุระอักษร } กรมพระราชวัง

พระยาพิไชยบุรินทรา พระยาไกรโกษา พระยาทัศดาจัตุรงค์ พระยาพิพิธไอยสวรย์ }  นั่งพร้อมแปลพระราชสาส์นกัน ณหอพระมณเฑียรธรรม ๚ะ๛

(๒๓) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมาถึงพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ กรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนทางพระราชไมตรีมาช้านาน ณปีกลายเดือนอ้ายพระเสนาภักดีรับสั่งคุมสิ่งของออกมาช่วยทำบุญ ถึงกรุงเวียดนามได้รับสิ่งของเข้าไปที่บูชาพระมเหษีทำตามอย่างธรรมเนียมเสร็จแล้วมีพระไทยยินดีหาที่สุดมิได้ ในวันนั้นทูตกราบถวายบังคมลา กรุงเวียดนามจัดแจงแต่งพระราชสาส์นกับเครื่องบรรณาการทองเงินสองสิ่งมอบ่ให้ทูตคุมเข้ามาตอบยินดี ด้วยการจัดแจงที่ฝังพระมเหษีในปีนี้เดือนห้าแรมสองค่ำก็เสร็จอยู่แล้วควรที่จะมีพระราชสาส์นบอกเข้ามา จึงให้เหลโบหือทำตรีมึนดึกห้าวราชทูต กงโบเทียมซือทันดึกห้าวอุปทูต คุมพระราชสาส์นกับทองเงินหลายสิ่งเข้ามาทรงยินดี กับถามถึงกรมพระราชวังบวร ฯ ว่าปรกติสบายอยู่ฤๅ ลำฦกถึงกรุงพระมหานครศรีอยุทธยามิได้ขาด จึงคำนับยินดีบอกเข้ามา

พระราชสาส์นมาณวันเดือนอ้ายแรมสองค่ำยาลอง ๑๔ ปี ๚ะ๛

ทรงยินดีในพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

ทองคำ ๔ ลิ่ม  เงิน ๕๐ ลิ่ม  อบเชยเมืองทันวาหนัก ๓ ชั่งจีน อบเชยเมืองกวางนามหนัก ๒ ชั่งจีน  น้ำตาลกรวดหนัก ๕ หาบ  น้ำตาลปึกหนัก ๕ หาบ  น้ำตาลทรายหนัก ๒๐ หาบ  ศิลาเมืองทันวา ๕๕ แผ่น

ทรงยินดีกรมพระราชวังบวร ฯ

ทอง๒ ลิ่ม  เงิน๓๐ ลิ่ม  อบเชยเมืองทันวาหนัก๒ ชั่งจีน  อบเชยเมืองกวางนามหนักชั่งหนึ่ง  น้ำตาลกรวดหนัก ๓ หาบ  น้ำตาลปึกหนัก ๓ หาบ  น้ำตาลทรายหนัก๑๐ หาบ



(๒๔) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

๏ วัน ๒ ฯ ๔ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๗ ปีกุนสัพศกเวลาเช้า ๓ โมง ๓ บาตได้พระฤกษจาฤกพระราชสาส์นตอบไปกรุงเวียดนามให้ เหลโบหือทำตรีมินดึกห้าว ราชทูต  กงโบเตรียมซื่อทันดึกห้าว อปทูต  ถือไป

นั่งพร้อมกัน

เจ้าพระยาโกษา พระยาธรรมา พระยาจ่าแสนบดี ขุนศรีกระวีราช ขุนมหาสิทธิ หลวงท่องสื่อ
 
กรมพระราชวังบวร

พระยาพิไชยบุรินทรา พระยาไกรโกษา พระยาพิพิธไอยสวรรย์ พระยาทศโยธา
 
(๒๔) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ขอบพระไทยสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามมาให้ทราบ ด้วยมีพระราชสาส์นให้เหลโบหือทำตรีมินดึกห้าวราชทูต กงโบเตรียมซื่อทันดึกห้าวอุปทูต เข้าไปแจ้งว่าฝังศพพระมเหษีเสร็จแล้ว พระเจ้ากรุงเวียดนามระฦกถึงกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา กับพระอนุชาธิราชฝ่ายน่าไม่รู้ขาด จึงจัดทองเงินสิ่งของให้ราชทูตคุมเข้าไปถามข่าวโดยราชไมตรีก็ยินดีนัก อันกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแลพระอนุชาธิราชฝ่ายน่าก็มีความสบายอยู่ แต่มีการด้วยต้องเปนธุระพวกมอญกระบถต่อพม่า แล้วพาครัวเลิกบ้านออกมาอยู่ป่าแดนต่อแดน ครั้นขัดอาหารพากันเข้ามาขอเข้ากินก็ต้องแจกจ่ายเข้าเกลือให้ทานเลี้ยงชีวิตรไว้ แต่ณเดือนสี่ปีกลายมาจนบัดนี้ก็หาสิ้นไม่ แลเมื่อจัดแจงให้ทานครัวมอญอยู่นั้นพวกพนมเปญก็ยกไปรบปัตบองด้วย สองพระมหานครตั้งใจบำรุงเมืองเขมรจะให้เปนศุข ทำคุณกลับเปนโทษ ให้ยกกองทัพไปตีเมืองปัตบองอีกเล่า ก็เหมือนทำแก่กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเหมือนกัน ขุนนางกรุงเวียดนามก็อยู่ที่นั่น ให้ความกลับเปนดังนี้ไม่ควรนัก คิดว่าจะให้มีราชสาส์นออกมาแจ้งความปฤกษากรุงเวียดนาม ก็ได้ข่าวว่าให้ขุนนางญวนลงมาชำระอยู่แล้วจึงรอฟังอยู่ ต่อทูตเข้าไปได้ความว่ากรุงเวียดนามพึ่งแจ้ง จึงมีพระราชสาส์นจัดสิ่งของมอบให้ทูตออกมาตอบยินดี แล้วให้เจ้าพระยาพระคลังจดความเดิมซึ่งพวกพนมเปญยกเข้าไปรบเมืองปัตบองออกมาให้พระเจ้ากรุงเวียดนามทราบเหตุก่อน แม้นว่างที่จัดแจงครัวมอญลงเมื่อใด จึงมีพระราชสาส์นให้ทูตออกมาจำเริญไมตรีฟังความภายหลัง

พระราชสาส์นมาณวัน ๒ ฯ ๔ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๗ ปีกุนสัพศก ๚ะ๛

เหลโบหือทำตรีมินดึกเห้า ราชทูต  กงโบเกรียมซื่อทันดึกเห้าอุปทูต ถือกลับไปทางทเล



(๒๕) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาฯ

(๒๕) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาฯ มาถึงองเลโบเสนาบดีกรุงเวียดนาม ด้วยสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มีพระราชโองการดำรัสให้หลวงอนุรักษ์ภูธรราชทูต ขุนวิจารณ์อารุธอุปทูต เชิญพระราชสาส์นออกมาทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยพระยารามกำแหงซึ่งโปรดให้ออกมาจัดน้ำรัก แลพระยาอภัยภูเบศรผู้รักษาเมืองปัตบอง บอกเข้าไปว่าทัพเมืองพุทไธเพชรยกล่วงด่านเข้าไปสามทาง ตั้งประชุมอยู่ที่บ้านไอรแวง  พระยารามกำแหง พระยาอภัยภูเบศร  รู้ความแล้ว จึ่งให้ออกมาห้ามทัพไว้ก็ไม่ฟัง ยกรุกเข้าไปตั้งค่ายที่หนองจอกนั้นสี่ค่าย สมเด็จเจ้าพระยาก็ตามเข้าไปอยู่ที่บ้านอลงกูบประมาณคนทั้งสิ้น ๕๐๐๐ เสศ เดิมว่าจะไปเอามูลค้างคาวดูน้ำพระตึก แล้วว่าจะมาหาพระยาอภัยภูเบศร ครั้นจะให้เข้าไปแต่พอสมควรสัก ๔๐๐ สัก ๕๐๐  ก็ว่าจะเข้าไปให้สิ้นทั้งกองทัพ ถึงมิให้ไปจะไปให้ได้ กองพระยาเอกราชก็ยกเข้าไปตั้งค่ายปักขวากริมวัดเขามานนฝั่งน้ำฟากละค่าย ทำตพานเรือกถึงกันยกล่วงเข้าไปบ้านสลึงมาปิดหลังทางโตนดนั้นกองหนึ่ง กองทัพพุทไธเพชร ชิงเอาโคกระบือแลสิ่งของจนผู้คนตื่นแตกเข้าป่า พระยาอภัยภูเบศรจึงให้พระยาวงษาธิราช ออกมารักษาครอบครัวณบ้านบายตำราไว้ แล้วมีหนังสือแจ้งราชการไปแก่เมืองรายทางฉบับหนึ่ง เข้าไปกราบทูลฉบับหนึ่ง ครั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทราบความดังนี้ จึงโปรดให้ พระยารองเมือง พระยาพรหมบริรักษ์  ถือตรารับสั่งออกมาฟังราชการ ห้ามทัพหัวเมืองไว้ก่อน พระยารองเมืองมาพบหนังสือ พระยารามกำแหงบอกซ้ำเข้าไปว่า กองทัพพุทไธเพชรซึ่งตั้งอยู่หนองจอกแลเขามานนนั้น ยกพลเข้าโอบเข้าล้อมพาลวิวาท จะให้ถอยทัพออกไปก็ไม่ถอย แล้วเอาปืนยิงพวกปัตบองก็เกิดรบกันขึ้น ตัวนายแลไพร่เขมรป่วยเจ็บล้มตายทั้งสองข้างเปนหลายคน พวกพุทไธเพชรก็ถอยไปตั้งค่ายรวมทัพอยู่ณเมืองโพธิสัตว์ ทั้งเกวียนซึ่งบรรทุกขวากใส่เสบืยงแลกระสุนดินดำไว้เปนหลายเล่ม กับหนังสือปิดตราซึ่งสมเด็จเจ้าพระยาเร่งทัพให้ตีปัตบองก็ได้ไว้ ข้างฝ่ายเมืองจันทบุรี เมืองตราด  ก็บอกเข้าไปด้วยว่ามีเรือญวนพร้อมด้วยพลแจว แลอาวุธปืนใหญ่น้อยน่าเรือรายแคมเข้าไปทอดอยู่ณะเกาะหมาก เกาะช้าง ในแดนเมืองตราดประมาณ ๓๕ ลำ ไม่รู้จะไปด้วยการสิ่งไร ในคำญวนนายเรือพูดเล่ากับจีนชาวเรือว่าไปป้องกันส่งพระราชสาส์น บอกแก่นายบ้านเกาะหมากว่า พระเจ้ากรุงเวียดนามให้มาตามจับจีนเตาโหว ผู้ร้ายตีเรือลูกค้า ครั้นเจ้าเมืองตราดรู้ข่าว จึงจัดให้ออกมาเที่ยวสืบราชการถึงเกาะกง ก็หาพบเรือพระราชสาส์นแลเรือจีนผู้ร้ายที่ไหนไม่ แต่ไพร่ครัวแลนายบ้านเกาะกงนั้นหายไปสิ้น จึงถามจีนชาวบ้านกับจีนลูกค้า ไปแต่เมืองสือเหงา ได้ความว่ากระลาภาษกับญวนสองลำ ไปกวาดเอาครัวมาเมืองกะปอด แลซึ่งข้อราชการทั้งสองฝ่ายนี้ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวดำรัสว่าจะเบาความหาควรไม่ ด้วยเจ้าเมืองเขมรพึ่งบุญอยู่ทั้งสองฝ่าย กรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามเปนไมตรีกัน องต๋ากุญก็ลงไปสำเร็จราชการเปนผู้ใหญ่อยู่ณเมืองไซ่ง่อน ขุนนางญวนกรุงเวียดนาม ก็ยังอยู่เพื่อนองค์จันทร์ณเมืองพุทไธเพชร เหตุผลต้นปลายประการใดก็ยังไม่รู้ แลความมาเปนดังนี้เห็นไม่ควร จึงโปรดให้หลวงอนุรักษภูธร ขุนวิจารณอาวุธ  เชิญพระราชสาส์นออกมาทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม แม้นพระราชสาส์นแลทูตานุทูตมาถึงเมื่อใด ขอให้องเลโบช่วยทำนุบำรุง นำทูตเข้าเฝ้าทูลถวายราชสาส์นแลหนังสือเรื่องความนี้ ให้สมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามทราบโดยทางพระราชไมตรีจงสดวก

หนังสือมาณวัน - ค่ำ ปีกุน สัพศก



(๒๖ เห็นจะเปนร่างครั้งแรก) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

(๒๖ เห็นจะเปนร่างครั้งแรก) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจำเริญไมตรีมาแจ้งแต่พระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมร ให้กองทัพล่วงด่านแดนเข้าไปจะตีเมืองปัตบอง พระยาพระเขมรณเมืองปัตบองกับข้าหลวงไทย ได้ห้ามปรามหลายครั้งก็มิฟัง พระยาอภัยภูเบศรบอกเข้าไปยังกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับหัวเมืองซึ่งอยู่ใกล้ เจ้าเมืองกรมการรู้ต้องยกมาเปนหลายเมือง กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแจ้งความมิวิตก จึงให้พระยารองเมืองออกมาห้ามปรามดูผิดแลชอบ กองทัพไทยซึ่งออกมานั้นยังมิทันถึงเมืองปัตบอง เกิดรบพุ่งกันขึ้นก่อน ผู้คนล้มตายทั้งสองฝ่ายมิควรเลย ใชว่าเมืองปัตบองเมืองเสียมราฐเมืองสวายจิก สามเมืองนี้จะเกี่ยวข้องในองค์จันทร์ ได้ว่ากล่าวเหมือนเมืองเขมรทั้งปวงก็หาไม่ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจัดแจงเศกองค์เอง ออกมาครองเมืองกัมพูชา ยกเอาพระยาอภัยภูเบศรเข้าไปอยู่ณเมืองปัตบอง ได้ปันเขตรแดนให้ขึ้นทับกรุงเด็ดขาดอยู่แล้ว กรุงเวียดนามก็รู้อยู่ เจ้าเมืองเขมรก็เปนข้าพึ่งสองพระมหานครอันใหญ่ องทวายก็มาอยู่ดูผิดแลชอบ องค์จันทร์บังอาจทำการล่วงเกินถึงเพียงนี้เห็นผิดด้วยกันทั้งแผ่นดิน ซึ่งองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรอันน้อยบังอาจทำดังนี้ ก็หมายใจแต่จะให้กรุงเวียดนามรับเอาเปนธุระ จะทำให้ไมตรีทั้งสองกรุงใหญ่ร้าวฉานเสียให้จงได้ อันกรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา เปนที่หวังวางพระไทยรักใคร่สนิทมิได้มีรังเกียจสิ่งใด จะขุ่นหมองด้วยความคิดเขมรอันเปนเมืองน้อย องค์จันทร์อันเปนเด็กดังนี้ อัปรยศกับนานาประเทศยิ่งนัก ถ้ากรุงเวียดนามยังคิดถึงทางพระราชไมตรี มีความรักใคร่ในกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาอยู่ก็ให้ดำริห์ดูเถิด

อนึ่งมอญเมืองมัตมะกระบถต่ออ้ายพม่า ยกครอบครัวหนีมาณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แจ้งความว่าเจ้าอังวะแต่งทูตให้ถือราชสาส์นมายังกรุงเวียดนาม ความซึ่งมอญว่าข้อนี้เท็จจริงประการใด กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะใคร่แจ้งความ แลการทั้งปวงนี้ ครั้นจะไม่แจ้งความมาเหมือนมีรังเกียจแก่กัน จึงแจ้งความมาจะได้เห็นความจริงรู้น้ำใจทั้งสองฝ่าย

พระราชสาส์นมา ณวัน ฯ ค่ำ ปีกุนสัพศก



(๒๗ เห็นจะเปนฉบับที่แก้แล้วมีไป)

(๒๗ เห็นจะเปนฉบับที่แก้แล้วมีไป) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจำเริญไมตรีมาแจ้งแต่พระเจ้ากรุงเวียดนาม ด้วยองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรให้กองทัพล่วงด่านแดนเข้าไปจะตีเมืองปัตบอง พระยาพระเขมรณเมืองปัตบอง กับข้าหลวงไทยได้ห้ามปรามหลายครั้งก็มิฟัง พระยาอภัยภูเบศรบอกเข้าไปยังกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับหัวเมืองซึ่งอยู่ใกล้ เจ้าเมืองกรมการรู้ต้องยกมาเปนหลายเมือง กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แจ้งความมีวิตกจึงให้พระยารองเมืองออกมาห้ามปรามดูผิดแลชอบ กองทัพไทยซึ่งออกมานั้นยังมิทันถึงเมืองปัตบอง เกิดรบพุ่งกันขึ้นก่อน ผู้คนล้มตายทั้งสองฝ่ายมิควรเลย กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาคิดว่าทางพระราชไมตรีกรุงเวียดนาม กับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยานี้ เหมือนกับภูเขาอันใหญ่มิได้หวาดไหวมั่นคงนัก ยากที่ผู้ใดจะรื้อถอนทำลายได้ ถ้าวงษ์ทั้งสองยังจำเริญอยู่ ไมตรีทั้งสองพระนครก็ยังมิได้ขาด ศุขทุกข์สิ่งใดจะได้พึ่งกัน กรุงพระมหานครศรีอยุทธยายังเปนแผ่นดินใหม่ กับพม่าก็ยังทำศึกกันอยู่ แผ่นดินกรุงเวียดนามสิ้นเสี้ยนหนามราบคาบอยู่แล้ว ผู้คนเหลือใช้เสียอิก เมืองเขมรนิดหนึ่งเท่านี้ องค์จันทร์เล่าเปนเด็กจะขัดได้ฤๅ คิดว่าจะรักใคร่ช่วยทำนุบำรุงกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาบ้าง จึงวางพระไทยมา กรุงเวียดนามผ่อนตามใจองค์จันทร์อยู่ บัดนี้องค์จันทร์กลับมาตีเมืองปัตบองอิกเล่า ใช่ว่าเมืองปัตบอง เมืองเสียมราฐ เมืองสวายจิก สามเมืองนี้จะเกี่ยวข้องในองค์จันทร์ ได้ว่ากล่าวเหมือนเมืองเขมรทั้งปวงก็หาไม่ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง จัดแจงเศกองค์เองออกมาครองเมืองกัมพูชา ยกเอาพระยาอภัยภูเบศรเข้าไปอยู่ณเมืองปัตบอง ได้ปันเขตรแดนให้ขึ้นกับกรุงเด็ดขาดแล้ว กรุงเวียดนามก็รู้อยู่ เจ้าเมืองเขมรก็เปนข้าพึ่งสองพระมหานครอันใหญ่ องค์ทวายก็มาอยู่ดูผิดแลชอบ องค์จันทร์บังอาจทำล่วงเกินถึงเพียงนี้ เห็นผิดด้วยกันทั้งแผ่นดิน ซึ่งองค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรอันน้อย บังอาจทำดังนี้หมายใจแต่จะให้กรุงเวียดนามรับเอาวิวาท จะทำให้ไมตรีสองกรุงใหญ่ร้าวฉานเสีย ถ้ากรุงเวียดนาม ยังคิดถึงทางพระราชไมตรี มีความรักใครในกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาอยู่ องค์จันทร์ยังเปนดังนี้ จะให้กรุงพระนครศรีอยุทธยาผ่อนปรนประการใด ก็ให้ดำริห์ดูเถิด อนึ่งมอญมัตะมะขบถต่อใอ้พม่ายกครอบครัวหนีมา ณกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แจ้งความว่าเจ้าอังวะแต่งทูตให้ถือราชสาส์น มายังกรุงเวียดนาม ความซึ่งมอญว่าข้อนี้เท็จจริงประการใด กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะใคร่แจ้งความ อนึ่งแต่เมืองเขมรเกิดความมาจนทุกวันนี้ หาเหมือนแต่ก่อนไม่ ล่ำฦๅว่าญวนจะไปตีเมืองไทยไทยจะมาตีเมืองญวน พูดจาต่าง ๆ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็มิได้เชื่อ อันกรุงพระมหานครศรีอยุทธยานี้ แต่ที่จะคิดเบียดเบียฬขอบขันธเสมากรุงเวียดนามนั้นหาไม่ ถึงกรุงเวียดนามจะไม่รักใคร่ในกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเลย แต่มิได้ทำสิ่งใดแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ก็คงจะรักษาสุจริตอยู่ มิให้นา ๆ ประเทศล่วงติเตียนได้ แลการทั้งปวงนี้ ครั้นจะไม่แจ้งความมา เหมือนมีรังเกยจแก่กัน จึงแจ้งความมาจะได้เห็นความจริง รู้น้ำพระไทยทั้งสองฝ่าย

พระราชสาส์นมา ณวัน ฯ ค่ำปีกุญสัพศก ๚ะ๛



(๒๘) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ ณะกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

(๒๘) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ ณะกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มาถึงองต๋ากุญเจ้าเมืองไซ่ง่อน ด้วยสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการดำรัสสั่งให้หลวงอนุรักษภูธรราชทูต ขุนวิจารณ์อาวุธอุปทูต เชิญพระราชสาส์นออกมาทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามเปนใจความว่า เมืองพุทไธเพชร์ยกกองทัพล่วงเข้าไปพาลวิวาทตีปัตบอง ซึ่งเปนเมืองน่าด่านชั้นในกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ฝ่ายเจ้าเมืองจันทบุรี เมืองตราด ก็บอกเข้าไป ด้วยกระลาภาษกับญวน ๒ ลำไปกวาดเอาครัวชาย ครัวหญิง  ที่เกาะกงมาเมืองกะปอด แล้วว่ามีเรือรบญวนพร้อมด้วยพลแจวแลอาวุธปืนใหญ่น้อยน่าเรือรายแคมประมาณ ๓๕ ลำ เข้าไปทอดอยู่ณเกาะช้าง เกาะหมาก ในแดนเมืองตราด พวกญวนพูดเล่ากับจีนแลนายบ้านว่าไปส่งพระราชสาส์น ตามจับจีนเตาโหผู้ร้ายตีเรือลู
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2563 18:36:45 »

(๒๘) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ ณะกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

(๒๘) หนังสือท่านเจ้าพระยาพระคลังผู้ใหญ่ ณะกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา มาถึงองต๋ากุญเจ้าเมืองไซ่ง่อน ด้วยสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการดำรัสสั่งให้หลวงอนุรักษภูธรราชทูต ขุนวิจารณ์อาวุธอุปทูต เชิญพระราชสาส์นออกมาทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามเปนใจความว่า เมืองพุทไธเพชร์ยกกองทัพล่วงเข้าไปพาลวิวาทตีปัตบอง ซึ่งเปนเมืองน่าด่านชั้นในกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ฝ่ายเจ้าเมืองจันทบุรี เมืองตราด ก็บอกเข้าไป ด้วยกระลาภาษกับญวน ๒ ลำไปกวาดเอาครัวชาย ครัวหญิง  ที่เกาะกงมาเมืองกะปอด แล้วว่ามีเรือรบญวนพร้อมด้วยพลแจวแลอาวุธปืนใหญ่น้อยน่าเรือรายแคมประมาณ ๓๕ ลำ เข้าไปทอดอยู่ณเกาะช้าง เกาะหมาก ในแดนเมืองตราด พวกญวนพูดเล่ากับจีนแลนายบ้านว่าไปส่งพระราชสาส์น ตามจับจีนเตาโหผู้ร้ายตีเรือลูกค้า ครั้นสืบถามเรือค้าเข้าออกก็ไม่มีใครพบใครเห็น  ว่าเรือพระราชสาส์นแลเรือผู้ร้ายอยู่ที่ไหน เรื่องความแจ้งอยู่ในสำเนาพระราชสาส์น แลหนังสือซึ่งมีมาถึงองเลโบกรุงเวียดนามนั้นแล้ว แต่สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระดำริห์ ว่ากรุงเวียดนามกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ก็เปนทางพระราชไมตรีกันโดยสุจริต องต๋ากุญก็ลงมาสำเร็จราชการเปนผู้ใหญ่ณเมืองไซ่ง่อน ที่เมืองพุทไธเพชรเล่าองค์ทวายก็ยังอยู่เพื่อนองค์จันทร์ดูผิดแลชอบ การควรจะวางพระไทยได้ทั้งสองฝ่ายแล้วเหตุไรกองทัพเมืองพุทไธเพชรจึ่งยกเข้าไปตีเมืองปัตบอง ที่เกาะกงญวนก็มากวาดครัวด้วยเขมร อนึ่งแต่ก่อนจะไปมากิจการก็เคยมีหนังสือสำคัญเข้าไปทุกครั้ง มาบัดนี้ก็เสียอย่างผิดสังเกตไปสิ้น จึงโปรดให้มีหนังสือรับสั่งออกมาถึงเจ้าเมืองไซ่ง่อน ด้วยจะใคร่ทรงทราบเหตุผลต้นปลาย ว่าความเปนอย่างไรอยู่การจึงเปนดังนี้ แล้วให้ช่วยทำนุบำรุงส่งพระราชสาส์นแลทูตานุทูต ขึ้นไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามโดยสดวก ถ้าทูตกลับลงมาจากกรุงเวียดนาม ถึงเมืองไซ่ง่อนเมื่อใด ขอให้เจ้าเมืองไซ่ง่อนมีหนังสือแจ้งความเข้าไปด้วย จะได้นำขึ้นกราบบังคมทูลให้ทราบ

หนังสือมา ณวัน ฯ ค่ำปีกุนสัพศก



(๒๙) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา

วัน ๑ ฯ ๘ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๗๘ ปีชวดอัฐศกเพลาเช้า

พระยากลาโหม พระยาทิพโกษา พระยาไกรโกษา พระยาโชฎึก พระยาศรีกระวีราช นั่งพร้อมกันณหอพระมณเฑียรธรรม

นายชำนิโวหารจาฤกพระราชสาส์นไปกรุงเวียดนาม

(๒๙) พระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา จำเริญไมตรีมาถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนามให้ทราบ ด้วยณวัน ๑๒ฯ ๓ ค่ำ ปีกุนสัพศก พระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระราชสาส์นแต่งให้ทูตานุทูตเข้าไปถามข่าวกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แลพระอนุชาธิราชฝ่ายน่า ก็ได้มีพระราชสาส์นตอบให้ทูตกลับออกมาแล้ว ๆ ให้เจ้าพระยาพระคลัง มีหนังสือจดหมายเรื่องความฝ่ายพม่าแลเมืองเขมรซึ่งเปนธุระกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาอยู่นั้นออกมาแจ้งก่อน จะแต่งให้ทูตออกมาต่อภายหลัง บัดนกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับพระอนุชาชิราชฝ่ายน่าว่างการซึ่งจัดแจงครัวมอญลง จึงมีพระราชสาส์นแต่ง



เวียดนามให้ชำระพวกพนมเปญยกเข้าไปตีเมืองปัตบองนั้นด้วย อนึ่งเมืองอังวะแต่งให้ขุนนางถือหนังสือมาถึงขุนนางกรุงเวียดนาม แต่ให้จีนพามาทางเรือ จีนคิดกันฆ่าพม่าเสีย นาย ๑ไพร่ ๘ } ๙ คน ยังเหลือพม่าอยู่นาย ๑ไพร่ ๔  จีนจับมัดเข้ามาส่งพระยาถลาง กับหนังสือพม่าใส่กล่องงาถุงกำมะหยี่ปิดตราประจำผูกเปนรูปหงษ ความแจ้งอยู่ในสำเนาที่แปลนั้นแล้ว แต่กรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามรักใคร่สนิทกันรู้ความจะนิ่งไว้ก็ผิดประเพณี ไม่ควรที่สองพระนครเปนทางไมตรกันจึ่งแจ้งความมายังพระเจ้ากรุงเวียดนาม

พระราชสาส์นมาณวัน ๒ ฯ ๘ ค่ำ ศักราช ๑๑๗๘ ปีชวดอัฐศก ๚ะ๛



(๓๐) พระราชสาส์นพระเจ้ามินมาง
(๓๐) พระราชสาส์นพระเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมายังสมเด็จพระเจ้าพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยเตียนวั่งเด้ผู้บิดาทำการศึกเที่ยวปราบปรามหัวเมือง ในแว่นแคว้นเมืองญวนประมาณร้อยครั้งจึงสิ้นเสี้ยนหนาม คืนได้บ้านเมืองดังเก่า จึงได้ตั้งเปนกฎหมายอย่างธรรมเนียม แล้วตั้งแต่งขุนนางอาณาประชาราษฎร จึงได้อยู่เย็นเปนศุขสืบมา จนถึงยาลอง ๑๘ ปีเดือนยี่ทรงพระประชวรลง หมอประกอบยาถวายก็หาชอบโรคไม่ ข้าผู้น้อยกับขุนนางทั้งปวงเข้าไปพยาบาลอยู่ทั้งกลางวันแลกลางคืน จนถึงณวันเดือนสามขึ้นสิบเอ็จค่ำ ข้าผู้น้อยแลขุนนางฝ่ายทหารพลเรือน อยู่พยาบาลพร้อมกัน จึงมีรับสั่งให้ช่วยกันรักษาบ้านเมือง แลสั่งสอนแก่ข้าผู้น้อยทุกประการ ครั้นณวันเดือนสามแรมสี่ค่ำเพลาเช้าสี่โมงเศษ เตียนวั่งเด้สิ้นพระชนม์ไปเมืองฟ้า ขุนนางแลอนาประชาราษฎรมีความทุกข์โศกอาไลยยิ่งนัก แล้วก็ช่วยกันจัดแจงไว้พระศพตามอย่างตามธรรมเนียม แล้วเชิญพระศพเข้าไว้ในที่นั่งว่างยินเดี่ยน ผู้น้อยกับเจ้าน้องเจ้าหลาน แลขุนนางทั้งปวงนุ่งขาวห่มขาวอยู่ในระหว่างทุกข์ กว่าจะครบสามปี แล้วสั่งให้เหลโป่ทำหนังสือรับสั่งแจกไปทุกเมือง แลการพระศพนั้นยังให้ขุนนางผู้ใหญ่จัดแจงเครื่องพระศพอยู่ ต่อเมื่อได้จัดครบแล้วจึงจะได้เชิญพระศพไปฝัง แลเตียนวั่งเด้กับสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาพระองค์ก่อน เปนทางพระราชไมตรีสนิทยิ่งนัก จึงแต่งให้เหลโป่ต๋า ทำตรีมินดึกห้าวราชทูต พิโนยกว๋านทีกล้ากายเกอกรุงเลืองห้าวอุปทูต กงใบเทียมซือหายหยุ่นห้าวตรีทูต เข้ามาแจ้งความให้ทราบ

พระราชสาส์นมาณวันเดือนห้าขึ้นสี่ค่ำ มินมางปีต้น ๚ะ๛



(๓๑) พระราชสาส์นเจ้ากรุงเวียดนาม
(๓๑) พระราชสาส์นเจ้ากรุงเวียดนาม คำนับมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยข้าผู้น้อยรับสั่งเตียนวั่งเด้ผู้บิดาที่ล่วงไป มอบราชการแผ่นดินอันใหญ่ ไว้ด้วยณวันเดือนสามแรมสิบสองค่ำปีเถาะเอกศก ได้สั่งขุนนางให้ไหว้ฟ้าดิน แล้วเส้นไอยกีไอยกาบวงสรวงเทพารักษ์ ถึงณวันเดือนสามแรมสิบสามค่ำ ให้ขุนนางทั้งปวงมาเส้นที่ศพเตียนวั่งเด้ผู้บิดา ณวันเดือนสี่ขึ้นค่ำหนึ่งได้ครองราชสมบัติณที่นั่งท้ายว่าเตียน จึงให้ใช้มินมางศักราชใหม่ ได้ปล่อยคนโทษ แล้วยกส่วยสาอากรให้แก่ราษฎร แล้วได้มีหนังสือรับสั่งแจกไปแก่หัวเมืองใหญ่น้อยใกล้ไกลทั้งปวง ให้กระทำตามจงทั่ว แล้วให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยพร้อมใจกันทำนุบำรุงบ้านเมืองให้อยู่เย็นเปนศุข บัดนี้ราชการในหัวเมืองใหญ่ แลหัวเมืองทั้งปวงราบคาบปรกติแล้ว คิดถึงเตียนวั่งเด้ผู้บิดา กับสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาพระองค์ก่อน เปนทางพระราชไมตรีชอบพอเชื่อถือรักใคร่เปนอันมาก บัดนี้ข้าผู้น้อยตามเตียนวั่งเด้ผู้บิดา จะได้ทางพระราชไมตรีมั่นคงยืดยาวเหมือนแต่ก่อน จึงแต่งให้เลโปต๋า ทำตรีมินดึกห้าวราชทูต พิโนยกวานทีกล้าโดยถวกโนยกายเกือตรุงเลืองห้าวอุปทูต กงไปเทียมชื่อหายยุนห้าวตรีทูต จำทูลพระราชสาส์นคุมสิ่งของเข้ามาทรงคำนับ ขอให้สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ทรงพระราชจำเริญครองราชสมบัติ ให้อยู่เย็นเปนศุขทางพระราชไมตรีจะได้ยืดยาวต่อไป ทรงคำนับ

กระลำภักหนักสองชั่งจีน อบเชยอย่างดีหนักสามชั่ง จีนแพรแทร้อยทับ แพรแสร้อยพับ ผ้าขาวตังเกี๋ยร้อยพับ น้ำตาลปึกหนักสิบหาบ น้ำตาลทรายหนัก ๒๐ หาบ

พระราชสาส์นมาณวันเดือนห้าขึ้นสี่ค่ำมินมางปีต้น  ๚ะ๛



อักษร (ค) จาฤกแผ่นสิลา ว่าด้วยพระบรมธาตุมาแต่เมืองน่าน
๏ ศุภมัศดุ ๒๓๕๑ นาคสังวัจฉรอาสุขมาสศุกปักษ์ฉะดฤษถีสุริยวารกาลปริเฉทกำหนด พระบาทสมเด็จพระบรมธรรมิกกะราชาธิราชรามาธิบดี ศรีวิสุทธิคุณวิบูลยปรีชา ฤทธิราเมศวรราช บรมนารถบรมบพิตร์พระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงทศพิธราชธรรมอนันตวิริยาทิโพธาภิรัต ผ่านสมบัติณกรุงเทพทวาวดีศรีอยุทธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ เสด็จออกณพระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิ์พิมานโดยสถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยพระบรมวงษาเสนาพฤฒามาตย์ราชมนตรีกระวีชาติ์ประโรหิตาจารย์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทโดยอันดับ จึงพระยามหาอำมาตยาธิบดีพิริยพาหะ ผู้ว่าที่สมุหนายกกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เจ้าฟ้าเมืองน่านบอกลงมาว่าณวันเดือนเก้าแรมสิบสองค่ำปีมโรงสัมฤทธิศก พระบรมสารีริกธาตุกระทำพระอิทธิปาฏิหาร บันดาลไหซึ่งใส่พระธาตุนั้นให้ผุดขึ้นมาลอยวนอยู่หลังน้ำ ตรงปากถ้ำน้ำน่านใต้ด่านบ้านแผก สามเณรสององค์ลงไปดูนาวาท่าน้ำแลไป สำคัญใจว่าผลฟักลอยอยู่ ลงเรือไปดูเห็นเปนไหเคลือบเขียวสอาด จึงยกขึ้นสู่นาวาพาเข้ามาบอกพระสงฆ์ช่วยกันเปิดดู เห็นกล่องเงินใหญ่ใส่พระธาตุ ๒๓๕ พระองค์ กับพระพุทธรูปแก้วเงินทอง ๒๗๒ องค์ ทั้งเครื่องสักการบูชามีรูปช้างม้า ต้นไม้คนโทผอบแผ่นเงินทอง กล่องเข็มจอกใส่พลอยทุกสิ่ง สรรพเครื่องวิจิตร์ด้วยสุวรรณหิรัญรัตน์ประดับอยู่ในเห พระสงฆ์สามเณรจึงช่วยกันเชิญพระบรมธาตุไปไว้ที่ควร ชวนกันทำสักการบูชา พอเจ้าฟ้าเมืองน่านล่องลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แจ้งว่าเจ้าสามเณรได้พระบรมธาตุเปนมหัศจรรย์ หามีสำคัญอารามใกล้น้ำชำรุดซุดพังไม่ พระบรมธาตุกระทำพระปาฏิหารให้ปรากฎดังนี้ ด้วยเดชะพระบารมีพระบรมโพธิสมภาร สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เจ้าฟ้าเมืองน่านจึงเชิญพระบรมธาตุใส่เรือขนานแห่ลงมาทูลเกล้า ฯ ถวาย ครั้นได้ทรงฟังทรงพระปีติโสมนัศ จึงมีพระราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสสั่งให้เสวกามาตย์ราชมนตรีแต่งที่แลเครื่องสักการบูชา แห่พระบรมธาตุขึ้นมาจากเรือ เชิญสถิตย์เหนือพระแท่นในพระที่นั่งมหาจักรพรรดิ์พิมาน พร้อมด้วยการสมโภชโสรดสรง ทรงถวายเครื่องสักการบูชา แล้วให้ประชุมธรรมธราชาติ์ราชบัณฑิตย์ทั้งปวง มีสมเด็จพระสังฆราชเปนประธาน เลือกจัดพระธาตุได้ต้องพระบาฬีมีศรีสัณฐานต้องด้วยอย่างเปนพระบรมสารีริกธาตุแท้ ๔๙ พระองค์ เหลือนั้นเปนธาตุพระอรหันต์ ๑๘๖ พระองค์ ทรงเชิญพระบรมธาตุใส่ในพระโกษฐ ให้เสด็จอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาศดาราม กิติศัพท์ก็ปรากฎทั่วทุกประชาชนชาติ์ เกิดประสาทศรัทธาเลื่อมไสเกลื่อนกล่นกันมากระทำสักการบูชา บ้างถวายหิรัญวัตถาลังการเครื่องประดับ จึงทรงพระราชดำริห์ว่า พระบรมสาริริกธาตุกระทำพระพุทธอิทธิปาฏิหารมาแต่เมืองน่านครั้งนี้ เปนศุภศิริสวัสดิ์มหัศจรรย์นัก ซึ่งจักประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถณวัดพระศรีรัตนสาสดารามนั้น ไปภายน่าเครื่องสรรพสักการบูชาแห่งทายกเก่าใหม่กับเครื่องพุทธบูชา ซึ่งอุทิศไว้ในพระแก้วมรกฎก็จะบริคนกล่นเกลื่อนกันเข้าหาควรไม่ แลพระชินราชกับพระชินศรีซึ่งอยู่ณเมืองศุโขทัยนั้น ต้องแดดฝนตรากตรำคร่ำคร่าเพลิงป่าเผาแตกพัง หาผู้จะรักษาทำนุบำรุงไม่ ให้อาราธนาลงมาปฏิสังขรณ์ พระลักษณสิ่งใดมิต้องด้วยพระพุทธลักษณให้ช่างซ่อมแปลงแต่งให้ต้องด้วยพระอัตถกถาบาฬี บัดนี้ก็สำเร็จแล้วจักเชิญพระบรมธาตุไปบรรจุไว้ ในองค์พระพุทธรุปจึงจะควร ในปีมโรงสัมฤทธิศกนั้น เมื่อได้ศุภสวัสดิฤกษ์ ทรงพระกรุณาให้เชิญพระบรมธาตุในพระราชวัง ๔๑ พระองค์ กับพระบรมธาตุมาแต่เมืองน่าน ๒๓๕ พระองค์ ทรงสรงพระสุคนธ์วารีเสร็จเสด็จเหนือพระยานุมาศ ให้ตั้งพลพยุหกระบวนแห่เปนขนัด พร้อมด้วยเครื่องสูงแลราชวัตร์ฉัตร์ธงผ้าธงประฎาก พิณพาทย์แตรสังข์ดุริยางค์ดนตรี ประโคมแห่ลงไปณวัดพระเชตุวันาราม สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระราชศรัทธาอุสาหเสด็จพระราชดำเนินไป ทรงบรรจุพระบรมธาตุ ในพระราชวังเข้าไว้ในพระชินศรีแต่ ๓๐ พระองค์ แล้วเชิญพระชินศรีสถิตย์ที่พุทธาอาศน์ในพระวิหารด้านทักษิณทิศ สนองพระองค์ดุจทรงสถิตย์ นั่งเสวยผลศุขฌานสมาบัติภายใต้ร่มไม้จิกแทบขอบสระมุจลินท์ แล้วเชิญพระบรมธาตุในพระราชวัง ๑๑ พระองค์นั้นบรรจบกับพระบรมธาตุมาแต่เมืองน่านเข้ากัน ๖๐ พระองค์ กับทั้งให้ใส่เครื่องสักการบูชาเก่าใหม่ทรงบรรจุไว้ในองค์พระชินราช เชิญขึ้นสถิตย์เหนือวิจิตรบวรพุทธาอาศน์ในพระวิหารด้านประจิมทิศไว้เปนที่เจดียถานให้เปนที่สักการบูชาสนองพระองค์ดุจทรงนั่งตรัสพระธรรมเทศนา พระธรรมจักป์ปวัตนสูตร์ปโปรดปัญจวัคคีย์ภิกษุทั้ง ๕ ในอิสีปัตนมฤคทายวัน จึงเชิญธาตุพระอรหันต์ ๑๘๖ พระองค์ ใส่ในพระโกษแก้ว ๕ ใบ ทรงบรรจุไว้ในองค์พระปัญจวัคคียภิกษุสาวกทั้ง ๕ แล้วทรงพระกรุณาให้จัดช่วยคนเปนข้าพระบรมธาตุครัวหนึ่ง ๖ คน เปนเงิน ๗ ชั่ง แลเงินซึ่งทายกบูชามาแต่เมืองน่านมีอยู่แต่ชั่งสิบตำลึง เงินบูชาณกรุงสามชั่งหกตำลึงหาพอไม่ จึงทรงพระราชศรัทธาให้เอาเงินตราณท้องพระคลัง เพิ่มเข้าอีก ๒ ชั่ง ๔ ตำลึงเข้ากันเปนเงิน ๗ ชั่งช่วยถ่ายชายหญิงได้หกคนเปนค่าพระบรมธาตุ สำหรับอภิบาลรักษาไวยาวัจจกร เพื่อจะให้พระบรมธาตุเจดีย์ถาวรวัฒนาการถ้วน ๕ พันพรรษา ให้เปนหิตานุหิตประโยชน์แก่อมรเทพามนุษย์ กระทำสักการบูชาไปภายน่า แล้วทรงอุทิศส่วนพระราชกุศลนี้ให้ไปถึงผู้ศรัทธาสร้างพระพุทธปฏิมากรทั้งผู้บรรจุพระบรมธาตุนี้ไว้ แลให้ทั่วไปแก่สรรพสัตว์ในอนันตจักรวาฬ จงเปนปัจจัยแก่พระปรมาภิเศกสมโพธิญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด ฯ
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 13:26:12 »



อักษร (ฆ) เรื่องนิพานวังน่า

นิ ราศบาทเบื้องโอ้     โมฬี
พาน จะโศกทั้งศรี     อยุทธเยศฺ
วัง เย็นสรหงัดตี     อกร่ำ ก่ำเอย
น่า มุขพิมานเมศร์     เมื้อมิ่งแรมหมอง
แต่ พระจอมมงกุฎโลกย์     แรมวัง
แผ่น พิภพเพียงพัง     ม้วยไหม้
ดิน โดยอดูรหวัง     หวั่นเทวศ
ต้น แต่ตีทรวงไห้     ห่อนเว้นวันเสบย
วงษ์อินทกรุงธิปัตเอก     อิศรา
หน่อมงกุฎอยุทธยา     เลื่องโลกย์
สืบสายกรมฝ่ายน่า     แรมนิราศ
ทรงคิดคราววิโยค     พระบิดุร้างสวรรค์
พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า     ทรงธรรม์
นุภาพปราบมนุศย์สวรรค์     ฟากฟ้า
สี่ทวีปถวายบรร     ณาน้อม
เกรงบพิตรพระจอมหล้า     โลกย์ลั่นฦๅแขยง
เคยเสด็จออกแสนเส     หนางค์
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์     นอบน้อม
พระฤทธิ์เรืองปานปาง     สุริเยศ
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม     กราบเกล้าเศียรสยอง
พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ     วังเยน
เคยเผยสีหเหน     ลูกไห้
ยามศุขกลับไปเปน     ทุกข์เทวศ
คิดฤๅวายวางไข้     จิตรโอ้อาดูร
พระจอมมกุฎสามภพไห้     สั่งเวียง
พระสนมเสนาะเรียง     ร่ำร้อง
หมู่มุขมนตรีเคียง     ครวญคร่ำ
เสียงพิฦกลั่นก้อง     โศกแส้วังโหย
พระกาญจน์ยอดแก้วเฮ่ย             ยังหัน
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์     สู่ฟ้า
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน     หุยหุง เสียเนอ
ม้วยแต่นับโมงถ้า     ทุกค่ำคืนหาย
พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง     กระหม่อมเฮย
ยามกระเษมแสนเสวย     ศุขภาพ
สุรางค์บำเรอเคย     สพรั่ง พร้อมแฮ
เรียงรอบศิโรราบ     ราชร้างแรมโฉม
โอ้จอมมงกุฎเกล้า     จากจร
กรมพระราชวังบวร     แรมร้าง
ลูกทุ่มทรวงอาทร     เทวศไห้
แสนทุกข์บวายว่าง     ที่เมิ้อจักเห็น
ย่ำยามสดับเสียง     ประโคมวัง
ดุริยางต์เสนาะดัง     พาทย์ฆ้อง
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์     สูญถนัด
ฟังแต่เสียงสกุณก้อง     กรู่แก้วเกลื่อนขัน
พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง     สมภาร
ปราถนาพระโพธิญาณ     ยอดแก้ว
ออกโอษฐ์ขอคชทการ     นำสัตว์
จากบ่วงสงสารแคล้ว     คลาศพ้นพลันเข็ญ

ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง นาฬินาหึ่ง ๆ ถึงยามสอง ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ พระมงกุฎปิ่นเกษนิเวศวัง ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน ไม่เห็นเลยหลักภพพิบัติวาย โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดช ที่ทรงเพศพาหนพระยาหงษ์ เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศ มงกุฎเกษสรวมชีพทวีปสาม เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว เย็นเกษบารเมศบรมจักร ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว พระอานุภาพเลิศลบจบแดนดาว ปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร ดัษกรรื่นราบกราบไสว ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลาย กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน บิตุรงทรงนามธรรมิกราช ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน มายกพระสาศนาภิญยายืน ประชาชื่นชมโพธิสมภาร คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์ สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฎสฐาน แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี จึงสิ้นยุคศุขกระเษมทั้งสามภพ เทพนบน้อมเกษทุกราษี สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรี กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลกย์ ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา ไยนิราร้างราษฎร์อนาถเนาว์ ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์ เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน สุดกระเษมไตรภพสบกระสัน อภิวันทุกพิมานสำราญรื่น เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี จึงนิพนธ์แต่หลังหวังสนอง ให้จำลองสิบกระษัตริย์บดีศรี หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล ถ้าผู้ชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน ปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ จะริร่ำร่างลงก็งงนาน หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน ชอมัศการกรน้อมศิโรดม ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน ประชวรแต่มาขมาสเหมันต์ รดูฉันเดือนหนาวเปนคราวฝน สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์รทมทน ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล เสด็จนั่งเหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์ ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์ เหมือนสุริยันย่างเยี่ยมพระเมรุทอง หมู่อับศรเฝ้ารอบหมอบรดาษ พร้อมพระราชธิดาประนมสนอง สุวรรณผุดโพธิญาฝ่าลออง ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ ลูกวาบวับหวั่นทรวงสหัสา พระฉวีเสียศรีสุนทรา ชลนานองเนตรตลึงแล ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม จะไกลกล่อมขวัญให้รหวยหน จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร ถ้าชีวิตรนั้นจะปลิดไม่เนาว์นาน อย่าให้พานสอคล่องนิยมยิน เทวศว่าต่อพระภักตรพระชนศรี แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ได้อยู่เย็น เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม สุเรตดังสุรางค์บำเรออินทร์ จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนดร แสนเทวศพร้องเพราะพระสุระเสียง พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา วาศนาหาไม่จงเจียมสกล สมรยากฝากองค์ให้การุญ ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์ จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ ประหาญชีพลูกหายทำลายเบื้อง เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย บ้างค่อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ ดังกระเดนเศียรเกล้าของเราหาย เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง ถึงยามกระเษมเคยแสนสำเริงรื่น กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง หมายฉลองพระคุณคอยรวัง ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะรฆัง ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนาว์ ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ พอรตินทิวาเวลาสงัด ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา พรหมภักตรพร้อมภักตรละห้อยหวล แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป แต่พื้นทรงสมญาปราสาทชื่อ ประสิทธินามไว้ให้ลือพิภพไหว แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห้คิด เคยร่วมจิตรร่วมคู่เสวตรสวรรค์ ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม จะพินทนาอยู่เออนาโถ จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ เปนเพื่อนไร้ไนยามกันดารนาน พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น แต่พื้นผินน้อมเศียรหัดถประสาน ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์ บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม จนประฐมล่วงพระชนม์นรินทร์ ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์ เทพเทวศทุกวิมานรังสิน สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ ประชุมผินผันย้ายราษีจร เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท สุราวาศไหวกระทบคูหาหาย สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น พุชชงค์ตื่นเผ่นน้ำผันผยอง ประทุมเกตุอาเพทดังสีทอง แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง ทั้งพโยมก็พยัพพยุฝน ดูฤกษ์บนเทเวศถวายเสียง สุนีย์ฟาดอากาศก้องสำเนียง ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน วายุพาพัดปาริกชาติ ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น เสวตรฉัตรหักยับรยำยล ฤๅเทพดลบันดานฟ้ามาเชิญ วิหคร้องในห้องเวหาหาว เหมือนเสียงสาวสมรอับศรเหิน เหมือนสุลีรอยชลอพิมานเกิน คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ์ นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา กลับรย้ายอดลัดรบัดใบ เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต โพธิ์สลดเอนล้มรทมไข้ ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย หรือล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษเดช แสดงเหตุแจ้งอัถกระจัดถวาย ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร ด้วยพระปิ่นจัลโลงอยุทธเยศ ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน จึงสำแดงบารเมศลือขจร ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น ครั้งนี้จะเสด็จสู่สวรรค์คต ก็ปรากฎอัศจรรย์จะให้เห็น นิจาโอ้อกเอ๋ยมิเคยเปน จะเกิดเข็ญแน่แล้วสุชลริน บัญชรวายุสฐานอัมเรศ ทั้งพิมานพรหมเมศนรังสิน เสร็จศุขจตุรมุขพระแกลยิน เผยดังพิณพาทย์เพลงบันเลงกลอน ไฉนหมองกลับร้องสำเนียงโหย อดูรโดยด้วยพระมิ่งอดิศร แต่พระที่นั่งดังพินทนาวร นิฤๅเราจะมิค่อนอุระครวญ ชรอยเทพยดารักษาวัง ถวิลหลังบริรักษแรมสงวน เคยรองมุลิกานิรานวล รเหหวลอาไลยธุลีลออง มหัสเหตุให้เทวศทวีร่ำ ยิ่งกลืนรกำกอบกินสุชลหมอง สารพัดจะวิบัติบังเกิดปอง ชวนกันพร้องพร่ำโอ้แต่นี้เรา อันฉัตรแก้วร่มเกษเฉลิมโลกย์ เห็นวิโยครัศมีมณีเศร้า เคยเรืองแสงส่องวามเห็นงามเพรา เสมอเขาพระสุเมรุเอนทำลาย สุกรปักษเหมันติกามาศ เสร็จบำราศเอกานิราหาย กำศรดสั่งยังวิหารอารามพราย ถวายกรวรทูลพระชินวงษ์ มณฑปดังจุฬามณีสวรรค์ พระเพลิงหั่นล้างให้เป็นผุยผง พึ่งทรงสร้างฤๅจะร้างไปเอองค์ จะชีพจงคตสิ้นเสียก่อนกาล สถิตย์เถิดลาแล้วพระชินศรี ชุลีหัดถ์ให้ร่ำด้วยคำหวาน พระวรรณโรครึงรนไม่ทนทาน ทรมานนานเนิ่นก็เกินแรง ประชวรซูบผิดพระรูปร่ำเทวศ ชลเนตรนองภักตรชักพระแสง จะล้างองค์ลงให้วางเสียกลางแปลง โอรสแย่งเคียงยุดพระกรกุม อนิจาอาดูรแล้วทูลห้าม จงโปรดตามอย่าเพ่อทอนพระชนม์ทุ่ม พระเปนที่ร่มฉัตรสัตวประชุม ค่อยเหือดกลุ้มพระอุรสบายคลาย กลับสู่พระนิเวศน์นิวาศสฐาน ถึงพระทวารสั่งเสร็จพระไทยหาย โอ้เวียงเอ๋ยเคยเกษมเปรมปราย ประมาณหมายแม่นมิ่งพิมานอินทร์ ทีนี้จะเงียบเหงาเย็นเปนวังร้าง ดำรัสพลางทอดถอนฤทัยถวิล แต่คัลไลรอบราชวังนรินทร์ แล้วก็ผินเผยผันพระบัณฑูร ว่าอนิจาครั้งนี้จะนิราศ เคยเอนอาศน์ปัจฐรจะสิ้นสูญ พระภักตรหมางหมองเศร้าด้วยอาดูร พูลเทวศทุกทิวานิจากรรม จึงเอื้อนเทวบัณฑูรสั่งสนม ต่างประนมหัดถรับพิไรร่ำ จงค่อยอยู่เถิดวิบากจะจากจำ น้ำพระเนตรอาบชลธารนอง ตรัสสั่งวสันตรพิมานแก้ว จะลาแล้วแรมร้างอย่าหมางหมอง เคยสำราญเนาว์สฐานพิมานทอง จะไกลห้องทิพเยศนิเวศวัง นิเวศเวียงยินแต่เสียงสนมโศก เสน่ห์แสนสุดวิโยคไม่วายหวัง ไม่เว้นว่างนางในไห้ประดัง ประดาหวลครวญตั้งตลอดปี แต่ปางหลังครั้งเบื้องบรเมศร์ บรมบาททุเรศนิราหนี นิราศร้างแสนสุรางค์เทพี เทพินมีแต่ตีอุรกรม อุราเกรียมเทียมแทบไศลทับ ศิลาทุ่มทรวงคับด้วยทุกข์ถม ทุกข์ปะทะถึงบดินทร์สุรินทร์รมย์ สุเรตร้างจะรบมอารมณ์โรย อารามร่ำจำจากจอมนิเวศน์ จงนิวรณ์อ่อนเกษถวิลโพย ถวิลหาถึงฝ่าลอองโอย ลอายอาบเนตรโกยแต่กองชล แต่การชื่นฝืนใจไม่มีศุข มาน่ามุขเหงาเงียบลห้อยหน ลห้อยหวลล้วนล้างพิไรลน พิลาพแล้วจะไม่ยลยุคลคืน ยิ่งฆ้องค่ำย่ำสนทยาหมอง ทเยศหมางห่างห้องหวลสอื้น โหยสอึกนึกอนาถสวาสดิ์กลืน เสวยทุกข์ไม่ชื่นสักนาฬิกา นาฬิกาลฆ้องขานประจวบทุ่ม สุชลชุ่มเนตรทรับกับภูษา มิได้เยื้อนเบือนเบิกสักเวลา ชลนาดังสายพิรุณโปรย จึงโศกสั่งพระที่นั่งสุทธาสวริย ว่าแต่วันนี้จะลารหาโหย เคยจำเริญเมาฬีสวัสดิ์โดย โอ้จะโอยโอฐร่ำรกาครวญ ถึงเกยเคยประทับพระยานุมาศ แล้วลิลาศตามท้องวิถีฉนวน เทพบุตรนำน่าสง่าควร กระบวนแห่แลล้วนประนมเรียง บ้างก็เชิญเครื่องสูงมยุรฉัตร เปนขนัดแตรสังข์ประดังเสียง วรเทพมลายูเปนคู่เคียง เหมือนอิเหนาเข้าเวียงนาดกรมา ล้วนกุมกฤชกรายเยื้องชำเลืองคม ดูสวยสมเมื่อมงุมมงาหรา ฤๅปัณหยี่ที่มาปลอมจอมชวา งามสง่าปางก่อนบห่อนมี ฝูงอนงค์ถือทิพย์ประทุมเมศ ดังสุเรศแรมฟ้าจากราษี ที่เดินถัดเชิญพัดชนีวี เหมือนลักษมีแบ่งภาคจากนารายน์ นางถือพระแซ่แลเลื่อนลอยพโยม งามโฉมดังจะล่องลลิ่วหาย นางเชิญพระแสงแต่งกรีดกระบวนกราย เสมอหมายเหมือนอุเมศคัลไลลง ที่เชิญเครื่องค่อยเยื้องมาเจียนจริต เมื่อพินิจดังนางสุรางค์หงษ์ อันแห่น่ากุมารีมีพงษ์ ล้วนทรงเครื่องประดับสำหรับกาย ถือดอกไม้ทิพย์มณฑาสวรรค์ ดังเทวันว่ายเมฆลงมาถวาย กรประนมสมภักตรประพริ้มพราย ฝรั่งรายเดินคู่ก็ดูงาม อันเกณฑ์แห่แลสล้างดังนางเขียน ก็หันเวียนวงรอบคำรพสาม กระบวนน่าพฤฒาราชกระวีพราหมณ์ เคียงตามโปรยเจียรวิเชียรวรรณ์ อันฝ่ายหลังล้วนฝูงสนมแน่น ประหนึ่งแสนกัญญามาแต่สวรรค์ ดังอับศรจรจากพิมานจันทร์ พระกำนัลนางสระลออองค์ บรรดาหมู่มนตรีที่มีหน้า ก็ต้องมาตามเสด็จโดยประสงค์ พระโอรสรับเครื่องกุภัณฑ์ทรง ดังอินทร์องค์ทรงเอราวรรณจร เสด็จพระราชดำเนินดูสง่า ดังนราหน่อนารายน์เมื่อกรายศร อันเขาแก้วดังแก้วคิรินทร เทียมนครไกรลาศสุลีลือ สงสารแก้วกำพร้าที่อยู่หลัง โอ้จะได้เหมือนยังพระชนม์ฤๅ เคยตั้งการมงคลจนรบือ ข้างน่าคือใครจะช่วยอำนวยนาม ชรอยสิ้นวาศนาโอ้อาภัพ จะแลลับหวั่นเวทนาหวาม ได้พึ่งพระบิตุลาพยายาม จึงงามยศงดยังประทังทน เสด็จออกท้องพระโรงวินิจฉัย ไขเทวบัณฑูรอนุสนธิ์ แต่บรรดาเหล่าข้าฝ่ายุคล ไม่ยลภักตรจะนิราศแรมคลา จึงดำรัสสั่งเสวกามาตย์ เคยรองบาทเปนศุขเถิดทุกหน้า เราจะล่วงชิวงคตคัลไลลา จงชีพใต้ฝ่าธุลีลออง อย่าคิดคดทรยศไม่จงรัก จงตั้งภักดีต่อยุคลสนอง อาษาอย่าได้คิดชีวิตรปอง ฉลองพระเดชกว่าจะสิ้นชิวินปลง เสนางค์ต่างแสนกำศรดเศร้า แล้วรับสั่งใส่เกล้าตลึงหลง สุชลอาบกราบเบื้องบรมวงษ์ โอ้พระทรงคุณโลกย์ได้ความเสบย จะนิราศแรมร้างนิราสฐาน จะแดดาลโดยวิตกนะอกเอ๋ย เมื่อเฝ้าบาทไม่ขาดเวลาเคย จะแลเลยทุกนิรันต์นับวันตรอม พระบิตุลาปรีชาเฉลียวแหลม ขยายแย้มสั่งให้ห้อยมณฑาหอม พระโองการร่ำว่านิจจาจอม ถนอมขวัญตรัสโอ้พระอนุชา ว่าพ่อผู้กู้ภพทั้งเมืองพึ่ง จงข้ามถึงพ้นโอฆสงสาร์ ดำรงจิตรคิดทางพระอนัตตา อนาคตนำสัตว์เสวยรมย์ ครั้นทรงสดับโอ้วาทประสาทสอน ค่อยเผยผ่องเคลื่อนคล้องอารมณ์สม แต่หนักหน่วงห่วงหลังยังเกรงกรม ประนมหัดถ์ร่ำว่าฝ่าลออง บุญน้อยมิได้รองยุคลคืน ยิ่งทรงสอื้นโศกสั่งกันทั้งสอง จึงทูลฝากพระนิเวศน์ที่เคยครอง ประสิทธิ์ปองมอบไว้ใต้ธุลี ฝากหน่อขัติยานุชาด้วย จงเชิญช่วยโอบอ้อมถนอมศรี แต่พื้นพงษ์จงพึ่งพระบารมี จงปรานีนัดดาอย่าราคิน เหมือนเห็นแก่นุชหมายถวายมอบ จงนึกตอบแต่บุญการุญถวิล ก็จะงามฝ่ายุคลไม่มลทิน ก็เชิญผินนึกน้องเมื่อยามยัง อนึ่งหน่อวรนาฎผู้สืบสนอง โปรดให้ครองพระนิเวศน์เหมือนปางหลัง อย่าบำราศให้นิราแรมรัง ก็รับสั่งอวยเออพระโองการ จึงตรัสปลอบพระบัณฑูรอาดูรด้วย ว่าจะช่วยเอาธุระแสนสงสาร เปนห่วงไปไยพ่อให้ทรมาน จะอุ้มหลานจูงลูกไม่ลืมคำ อันเยาวยอดสืบสายโลหิตพ่อ ที่ตั้งต่อสุจริตอุปถัมภ์ ครั้นทรงสดับแน่นึกสำเนาคำ ก็คลายร่ำทุกข์ถ้อยบรรเทาทน จึงออกโอษฐ์เรียกโอ้ปิโยรส ทรงกำศรดซ้ำสั่งอนุสนธิ์ อยู่หลังนะจงเจียมเสงี่ยมตน ฝากชนม์พระบิตุลาอย่าอาวรณ์ อย่าประมาทเกรงราชไภยผิด รวังจิตรนะจงจำคำสอน สุจริตคิดพระคุณดังบิดร พ่อจะจรจากแล้วประโลมลา อันสมเด็จหน่อนารถพระราชบุตร จะเปนมงกุฎสืบสายไปภายน่า อย่าบังอาจล่วงพระราชอาญา พ่อจะนิราร้างเจ้าไม่เนาว์นาน จึงให้หาพระบัญชาวังหลังสั่ง พ่ออยู่หลังเลี้ยงน้องประคองหลาน พระนัดดาน้อมศิราลงกราบกราน ก็จากสฐานเมื้อมิ่งพิมานแมน ครั้นเสร็จสั่งพอได้พิไชยฤกษ บ่ายเบิกบุศบกอมรแสน มาตุลีชักรถออกจากแดน เทวแน่นเภรีลั่นกลองประโคม ลูกยินแว่ววาบกรรณประหวั่นเสียง สำเนียงเพียงพิณพาทย์อมรโฉม แต่ยลเวชยันต์นั้นลอยโพยม คครึกโครมแตรสังข์ทั้งวิมาน พระบิตุรงทรงบุษบกเคลื่อน ลลิ่วเลื่อนออกช่องบัญชรสฐาน ต่างสยองศิโรราบลงกราบกราน ชมโพธิสมภารเอนกนันต์ ปางพระเนาวโลกย์โมฬีล่วง ก็ตกพวงมณฑามาแต่สวรรค์ คราวนี้ก็จะมีพระเกียรติครัน ด้วยอัศจรรย์เห็นแจ้งประจักษ์ความ ผู้ใดสดับอย่าหมิ่นประมาทแหนง ถ้าใครแคลงจงสืบสำเนาถาม ใช่จะยกพระยศยอแต่พองาม เราแต่งตามจริงใจในนิพนธ์ มาทถ้าใครฟังอ่านนิพานนี้ ไม่น้อมศิโรราบกราบสามหน ให้วิบัติอุบาทว์อย่าขาดสกนธ์ แต่ยลเร่งประนมนมัศการ จะเหมือนพรธาดาประกาสิทธิ์ญ ด้วยบพิตรเลิศภพจบสฐาน จะนำสัตว์ลัดล่วงตัดบ่วงมาร โพธิญาณแท้เที่ยงพระชินวร จึงจาฤกนึกดังสุพรรณบัตร ออกพระนามจักรพรรดิ์ในอักษร อย่าเมินหมิ่นว่ารบินเปนราวกลอน จงอ่อนเศียรบังคมให้สมควร อันหน่อสุริย์วงษ์ดำรงโลกย์ สุดวิโยคมิได้วายกระหายหวน ทั้งบุตรีโอรสกำสรดครวญ ฤๅโดยด่วนเด็ดพระอาไลยไป พระคุณเอ๋ยผันภักตรมาสักน้อย ลูกลห้อยชลเนตรนี่เหลือไหล ไหลหยัด ๆ ย้อยแต่ชลใน ในใจนึกที่ไหนจะเสร็จคืน คืนมาวัง ๆ เหงาให้เปล่าจิตร จิตรยิ่งเศร้า ๆ คิดโศกสอื้น สอื้นโอ้ ๆ จะพร่ำรกำกลืน กลืนทุกข์ ๆ ไม่ชื่นมโนตรอม ตรอมในอก ๆ เอ๋ยลูกเคยเหน เหนหาย ๆ เว้นแต่ทูลกระหม่อม กระหม่อมโลกย์ ๆ ร้อนนิวรณ์จอม จอมนิกร ๆ น้อมทั้งหมื่นกรุง กรุงเทพ ๆ พระนครสฐาน สฐานเพียง ๆ พิมานดุสิตมุ่ง มุ่งเหมือนเมือง ๆ แมนแดนผดุง ผดุงเดช ๆ บำรุงโลกาควร ควรเปน่ปิ่น ๆ ปักหลักเฉลิม เฉลิมยศ ๆ เพิ่มกุศลสงวน สงวนงาม ๆ พระเกียรติรบือทวน ทวนภพ ๆ ครวญอยู่เครงคราง ครางครุ่น ๆ ยังหวนรำจวนหา หาองค์ ๆ อิศราขนาง ขนางนึก ๆ เสียดายไม่วายวาง วางโศก ๆ ไม่สร่างอดูรตรม ตรมตรอม ๆ จิตรพระบิตุราช ราษฎร์ร่ำ ๆ อนาถราคินขม ขมก็กลืน ๆ เฝื่อนฝาดรทม รทมแทบ ๆ รบมอุระราญ ราญร้าง ๆ พระจอมกระหม่อมโลกย์ โลกย์ร่ำ ๆ วิโยคทั้งทวยหาญ หาญเหิม ๆ บรรดาข้าราชการ การศึก ๆ สท้านทั้งโลกา ดังนเรศร์อวตารมาผ่านภพ ทหารรบพระนารายน์ฝ่ายสวา เหมือนสิบแปดมงกุฎของรามา ฤๅราเมศรพวกพานรินทร์ราม นารายน์แรมจึงแจ่มขจรเดช กระจ่างดังสุริเยศไพรินทร์ขาม ไพรีเข็ดสั่นเศียรเวียนประนาม หวังประนอมนึกคร้ามพระเกียรติครัน ด้วยมีพระเดชานุภาพ ทั้งสามภพรื่นราบสโมสันต์ เสมอองค์กับพระทรงอาศน์สุบรรณ เสร็จมาปราบอาธรรม์ประไลยลอย โอ้ครั้งนี้มานิราศพระบาทแล้ว ดังหลักแก้วหักล้มรทมถอย ไม่ยลใครชาญสนามจะตามรอย ไหนน้อยยศยามตกอกรกำ แล้วขืนคิดถึงพระบิตุลาเล่า สร่างเศร้าอยู่ด้วยได้ที่อุประถัมภ์ เพราะลั่นรับสัจจาสัญญาคำ เห็นจะลำฦกได้ไม่แปรปรวน ลูกยลล้นกระหม่อมสวรรคต ฝ่าลอองกำศรดแสนกำศรวญ ยังรักน้องคงประคองนัดคาครวญ ถ้าหุนหวนเห็นจะทำเพราะกรรมเคย แต่ทรงเสน่หาพระนุชมาก เมื่อคราวฝากนั้นก็เศร้าโศกเสวย นึกพระน้องหมองฤไทยไม่เสบย เสด็จเลยมาพอยลพระชนม์วาย ทรงสถิตย์เหนือจอมศิโรเพศ เห็นสังเวชหวามวาบพระไทยหาย กรายพระกรกรีดน้ำพระเนตรกระจาย กระหม่อมหมายเหมือนชีวิตรประไลยไป พระสนมตรมทรวงไม่สร่างเทวศ พระบารเมศร์เลิศหล้าจะหาไหน เคยเย็นเกษคุ้มเพทรงับไภย เห็นเขาไห้ก็ลห้อยพระไทยตรอม ดำรัสร่ำเรียกโอ้พ่อมิ่งเมือง ถึงยามเคืองพี่ก็ข้ามตามถนอม สู้เอาใจไม่ถือทั้งอดออม เพราะหมายกล่อมขวัญน้องประคองเคียง ถึงคราวณรงค์เคยรบประจันหน้า หมู่ปัจจาถอยท้อไม่ต่อเถียง ความสุขให้พี่แสนสำราญเวียง อุระเพียงเพียบทุกข์สักพันกอง โองการร่ำว่าโอ้โมฬีเฉลิม เชษฐเติมตวงชลวิมลหมอง เคยดับเข็ญเย็นราษฎร์อำนาจครอง ประชาปองพึ่งพ่อทั้งอยุทธยา มาซัดพี่หน่ายหนีประยุรญาติ พ่อนิราศแต่เออนาถา ดังนเรศร์เรืองฤทธิ์อิศรา พระบิตุลาทรงโศกกำศรดโทรม ฝูงอนงค์ร่ำร้องแล้วนองเนตร ว่าโอ้พระเดชปกจอมกระหม่อมโฉม ดังทินกรจรเยี่ยมเหลี่ยมโพยม ทุกกรุงโน้มน้อมพึ่งพระเดชา ทั้งหมื่นเมืองเลื่องพระยศรย่อขาม ออกพระนามดังนารายน์อยู่ฝ่ายน่า เศียรสยองต้องอ่อนศิโรมา จนชั้นข้าทูลบาทก็เกรงครัน พระคุณเอ๋ยดังองค์พระสุริเยศ เสร็จประเวศเลื่อนล่วงเสวยสวรรค์ ไม่เยี่ยมยอดเขาแก้วสัตภัณฑ์ เหมือนบุหลันลอยฟ้าเมื่อราตรี อันดาวอื่นถึงจะเอี่ยมไม่เทียมแข กระจ่างแลก็แต่จันทร์จำรัสศรี ดังหิ่งห้อยน้อยกว่าพระบารมี ถึงจะชี้แข่งเรียงไม่เคียงดวง ไหนจะเทียมเท่ารัศมีเหมือน สว่างเดือนสีมาดับลับล่วง ดังอกเราก่นแต่เฝ้ารหน่ำทรวง จะตั้งตวงเติมเทวศไม่วายวัน โอ้สุเมรุหลักหล้าโลกาสฐาน มานิพานสู่ฟ้าเสวยสวรรค์ เหมือนคราวพบครั้งไภยประไลยกัลป์ ถึงวิสัญญียุคประจวบเปน เพราะพระมิ่งโมฬีนิราศา หากลอองพระบิตุลาคุ้มเข็ญ คลายร้อนด้วยเอ็นดูให้อยู่เย็น ก็เขม้นหมายพึ่งพระบารมี แต่กำศรดรทดวิมลหมอง จนย่ำฆ้องจวนอรุณรังษี เชิญพระแสงปราบประจามาชุลี แสนทวีโศกถวายยุคลครอง แล้วพิลาปต่างว่านิจจาเอ๋ย พระคุณเคยปกจอมกระหม่อมหมอง พี่นางเกษ ราชสนานอง กลืนแต่กองทุกข์ทบสลบลง เหล่าขนิษฐ์คิดหวั่นอุระร้อน ประคองช้อนเชิญสุคนธ์มาโสรดสรง ยิ่งอาดูรฤๅจะสูญไปตามองค์ พอดำรงฟื้นสมประดีมี ลืมพระเนตรมิได้ยลล้นกระหม่อม สอื้นพร้อมกันพิไรอยู่ในที่ จึงพระจอมบดินทร์ปิ่นธรณี มงกุฎตรีโลกย์เลื่องสุธาดล นึกธรรมสังเวชสมเพทเห็น จะดับเข็ญให้เปนศุขสถาผล ว่าจะเลี้ยงเหมือนปิดรอย่าร้อนรน ดังคืนชนม์ได้ชื่นด้วยโองการ ดังสุริยงรังษีรวิไข เชิญให้บรมเบื้องสรงสนาน ก็ชุบรอยฝ่าพระบาทไว้กราบกราน โศกประสานแส้เสียงสำเนียงรงม จึงเชิญพระศพสถิตย์พระโกษแก้ว ประดับแล้วแห่มาสง่าสม ประทับที่ยิ่งทวีเทวศตรม บอบรบมแต่ด้วยทุกข์ไม่ศุขมี พระโองการสั่งประกาศให้โกนเกษ ทั่วทั้งยุทธเยศบูรีศรี อิกร้อยเอ็จนัคราประชาชี แจ้งคดีกฎหมายมีตราวาง พระคุณเอ๋ยเอกาอนาโถ นิจจาโอ้องค์เดียวอางขนาง เมื่อยามศุขพร้อมพงษ์อนงค์นาง ถิงคราวร้างไร้สวาสดิ์อนาถองค์ ลูกใครตามไปสนองรองธุลี ห่วงมีอยู่เหมือนไม่อาไลยหลง จะทอดทิ้งเล่าก็มิ่งมาตุรง แล้วไร้พงษ์จึงสถิตย์เปนเพื่อนยัง โอ้พระจอมอิศเรศเกษกระหม่อม บุตรีตรอมแสนเทวศถวิลหวัง เพราะมงกุฎประชานิราวัง ร้อนทั้งอยุทธร่ำทุกเวลา ครั้นทรงพระโสภะบุพโพไหล ปลาดใสสีแดงรแวงว่า ลอตลอดแต่พระยอดสัพพัญญา เสด็จมาเมืองแก้วพระนิฤพาน๑๐ พระบุพโพเพียงหรคุณชาต ดังพระบาทปิ่นโลกย์โศกประสาน จะสำเร็จปรมาภิเศกฌาณ อันว่าการมีมาเหมือนบาฬี ฤๅไนย์สืบทรงสร้างพระบารเมศ ไม่เพี้ยนเพศผิดพุทธชินศรี จะนำสัตว์ตัดกิเลศในโลกีย์ ให้ถึงที่วิโมกข์อมรเมือง ฝ่ายคนคอยประจำสำหรับเฝ้า ก็นำเอาพระบุพโพโมฬีเลื่อง เชิญศุคนธ์ปนปรุงอำรุงเรือง ให้กลิ่นเฟื่องรศทิพย์อาบลออง เชิญพระโกษเพชรัตน์จำรัสเนตร นำประเวศชูช้อนกรสนอง ขึ้นอาศน์พระยานมาศทอง คนประคองเคียงตามเสด็จมา อันเกณฑ์แห่แต่งเปนเทพบุตร กรก็ยุดเครื่องสูงสพรั่งหน้า ประโคมฆ้องกลองลั่นปี่ชวา ฝูงประชาโศกแส้สำเนียงพล เห็นเกณฑ์แห่แลตามความวิโยค ว่าโอ้โลกย์แล้วจะไม่จำเริญผล จะนองเนตรเทวศถ้าฝ่ายุคล ราษฎร์รนร้อนร่ำทุกเวลา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2563 13:27:56 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 13:30:09 »



อักษร (ฆ) เรื่องนิพานวังน่า (ต่อ)

ครั้นถึงวัดไชยชนะสงครามขันธ์ เคยปลุกเครื่องคงกระพันได้ศึกษา จึงหยุดประทับเชิญพระบุพโพมา ขึ้นมหาเชิงตกอนดังเชิงพราย โอ้พระหนึ่งจุลเจิมเฉลิมโลกย์ ข้าพระบาทหวาดวิโยคไม่เหือดหาย จึงจุดเพลิงเริงแรงแสงขจาย ไม่ขาดสายเนตรสอื้นแลคืนวัง พอประจักษ์พวกที่นั่งนามวิเชียร โคมเขียนเพชรพนักฝาผนัง กระหนาบยกเปนกระจกช่องกระจัง ตั้งพระแท่นแว่นฟ้าสง่างาม อันพระจอมจุลจักรสวรรคต ก็รทดทุกข์ซึ่งถวิลหวาม๑๑ จึงโถมถาสาครินทร์ทุเรศตาม ไม่ขามชีพไว้ชื่อให้ลือชาย ก็เลื่องโลกย์เปนตราดังจาฤก อันตายงามนามนึกไม่วายหาย ดังทหารทรงครุธบุตรพระพาย สู้ถวายชีวาตม์บาทบงสุ์ ญยังมีสารนามสังหารคชสีห์ ที่นั่งนี้คู่ศึกเสร็จประสงค์ ดังพระยาไอยเรศสุรินทร์องค์ โดยทรงอานุภาพได้ปราบดา อนิจจาเครื่องประดับสำหรับหาญ อันตรทานโดยเสด็จนิราศา เสด็จอยู่ถึงฤดูดวงผกา เคยพาวรพงษอนงค์นวล ไปรับพวงทิพมาศประทุมเมศ โอ้ถึงเทศกาลแล้วสิหายหวน มหาชาติไตรมาศประจวบจวน เคยประมวญดวงมาลย์ประทานธรรม ยังแต่พระที่นั่งทรงธรรมสถิตย์ ธรรมาศน์แม้นวิจิตรเลขาขำ พระชินวงษช่วยทรงบำบัติกรรม ขอเชิญนำเสด็จคืนสักหมื่นปี ติกมาศกาฬปักษจะชกโคม เคยชวนโฉมสุเรศในราษี สนมน้อมพร้อมพระราชบุตรี ดังศุลีพานางสุรางค์จร ล้วนอนงค์ทรงลักษณ์ลลานโฉม ลอยโพยมมาด้วยเทพอับศร จุดพระเทียนกระทงลอยชโลธร ถวายกรพระคงคาในสาชล ฤดูวสันต์อัสุชมาศา เปนน่ากระฐินทานการกุศล พลแห่โห่กระหึมเสียงคำรน กระสินธุ์วลเวียนลลอกกระฉอกโครม อันพระที่นั่งกิ่งแก้วนำเสด็จ บรรทุกเสร็จไตรเพทวิเศษโสม พยุพยับมืดเมฆมัวโพยม เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นวัง เสด็จตรงลงพระตำหนักแพ ประสานแตรพิณพาทย์ดีดสีสังข์ กระทุ้งส้าวกลองชนะสำเนียงดัง ทรงที่นั่งโคมเพ็ชร์เพียงนารายน์ ประชาราษฎร์ก็ขยาดพระเดชรอบ ประนมหมอบโอษฐ์อวยพระพรถวาย แต่นี้นับทิวาไม่ราวาย ไหนจะคลายเคลื่อนทุกข์ทวีเติม ถึงทวารวดีบุรีร้าง ที่ทรงสร้างพระอารามงามเฉลิม ที่วัดค้างโรยราปัจจาเจิม จะรื้อเพิ่มบารมินภิญโยปอง ประสงค์สร้อยสรรเพชญ์ให้เสร็จสม โดยนิยมโพธิญาณการฉลอง พวกข้าเฝ้าใต้ฝ่าธุลีลออง นำสนองในสำนวนมาลวนลาม ซึ่งข้อคำเหน็บแนมมันแหลมเหลือ หมายว่าเชื่อตั้งกระทู้ขู่ให้ขาม แม้นดีจริงก็จะตรงออกสงคราม นี่บิดนามหลบหน้าท้าแต่มนต์ หมายสู้พระบารมีโมฬีโลกย์ จะกระโชกผุดกลางหว่างพหล เมื่อทัพหลวงล่วงเดินดำเนินพล ประชาชนสามทิวาฉล้าแล จะหักยอดพระสุเมรุทำลายล้าง อวดอ้างห้าวหาญในสารกระแส ประชาชาวยุทธเยศสังเกตแปร สำคัญจิตรคิดว่าแน่ประหม่าใจ ขวัญหายพร้อมถวายบังคมทัด พระบิตุลาทราบอัตถ์ก็สงไสย เสน่ห์พระอนุชายังอาไลย ดำรัสให้หมู่มาตยากร ถือรับสั่งทูลห้ามตามนุกิจ จะทรงพิจารณาในอักษร ชำระเสี้ยนพสุธาให้ถาวร จึงค่อยเชิญบทจรไปจากวัง ปางบรมกรมราชบิตุเรศ ไว้พระเดชมิได้พรั่นประหวั่นหวัง ขัดโองการให้ทหารโห่ประดัง ทรงที่นั่งนามสวัสดิชิงไชย นำโอรสธิดาคณาสนม ไปสร้างสมบารมินแผ่นดินไหว อรินทร์ราบกราบเกรงพระเกียรติไกร ไม่เหมือนในอักขราที่ท้าทาย พลปืน ๆ พลประจำหัดถ์ ให้จัดทวน ๆ จัดประจำหมาย ที่ชักกฤช ๆ ชักจากฝักกราย สพายดาบ ๆ สพายเงื้อกรคอย ง่ากระบี่ ๆ ง่าจะถาโถม กระโจมง้าว ๆ กระโจมไม่ราถอย บางซัดหอก ๆ ซัดสกัดตัดเศียรลอย ตบองพลอย ๆ ตบองลงลองมือ แล้วโบกธง ๆ โบกเอาโชคศึก ล้วนฮึกเหิม ๆ ฮึกกระหึ่มหือ ที่โล่ห์ถือ ๆ โล่ห์โห่กระพือ คือที่ฤทธิ์ ๆ ที่คือทหารราม พระเดชสยองพองเศียรทั้งสามภพ มาเคารพไม่อาจประมาทหยาม เกรงพระยศปรากฎพระเกียรติงาม เปนอุปราชลือนามมงกุฎชาย เสี้ยนสงบหลบคลาดอำนาจขึง ไม่รันดึงกล้าสู้สัตรูหาย แต่ปางหลังครั้งมฤทผิดทวาย แทบจะหมายตนาวได้ไว้วงกร พระบารเมศเลิศหล้าไม่หาถึง ทั้งทรงรำพึงผลบำเพ็ญสอน คือพระราชกุศลมาดลจร สมสมรเทวมิ่งวิมานทอง เคยเสด็จออกตั้งพิไชยอุหธ ทีนี้สุดสิ้นแล้วไม่คืนสนอง จะมิเคืองถึงเบื้องยุคลลออง เห็นจะต้องเปนธุระดำริห์ราญ อันพระเจ้าเอกาทศรฐ ใช่พระยศจะไม่ยิ่งทุกสิ่งหาญ แต่ฝ่ายน่าต่างพระเนตรสังเกตการ เคยเบิกบานเสวยศุขจะขุกเคือง ยังพระราชสมภารสารเสวตร ตระกูลเอกผ่องศรีฉวีเหลือง รัศมีขำขาวดังดาวเรือง ทั้งเมืองกระเดื่องด้วยพระเดชา ควรเปนอาศนบรมจักร ประเสริฐศักดิ์ฉัตรทันต์สุดสรรหา ราษฎร์น้อมพร้อมชมพระโพธิญา ดังเอราวรรณเพชร์ปาณี สมสำอางเปนนางพระยาหญิง๑๒ สองพระองค์เฉลิมมิ่งโมฬีศรี ทุกกระษัตรย์จัดแพ้พระบารมี ปิ่นทวารวดีสถาวร พระนุภาพลือสท้านแต่ผ่านภพ ทุกกรุงกระทบเศียรราบกราบสลอน๑๓อินทปัถจักรพรรดิผ่านนคร พระอินทรลงมาสร้างบุรินทร์ราม พระประทุมสุริวงษดำรงภพ พระเกียรติจบดินฟ้าชนาขาม ประสาทขรรค์ศักดาสง่างาม เคยปราบปรามสามโลกย์เลื่องพระเดชครัน เกิดพระเกษมาลาหน่อนเรศร์ พระเมาฬีมีเพศมาแต่สวรรค์ พระเดชาปรากฎเสมอกัน จนถึงพระขันธกุมารหลานชาย จึงมอบมิ่งอดิเรกเศกฉัตร ให้กระษัตริย์สุริวงษ์ผู้สืบสาย สองพระองค์พงษ์อินทร์นรินทร์กลาย ก็ว่ายเมฆขึ้นสถิตย์พิมานแมน มิได้สวรรคตปรากฎกล่าว ประทุมท้าวคือบุตรอมรแสน อันบดินทร์ที่เปนปิ่นประชาแทน ในพื้นแผ่นธรณีไม่มีปาน นุภาพเพียงสุริโยวโรภาศ เหมือนบิตุราชสืบวงษมหาศาล ลอยโพยมล่องพยับเผ่นทยาน ขึ้นอินทรอัยการพระบิดา รู้ชำแรกปถพีด้วยมีฤทธิ์ ทั้งสิบทิศน้อมทิพย์บุบผา พอนาคินทร์ขึ้นเฝ้าองค์อมรา บังคมคลานผ่านน่าที่นั่งไป แสนพิโรธเคืองดุดุ๊ดูหมิ่น แทรกแผ่นดินเดชาสุธาไหว ถึงบุรียลวาสุกรีไกร พระขรรค์ไชยไล่ล้างวางชีวี โลหิตของพระยานาคราช กระเด็นสาดต้องพระกายสลายศรี กำลังแค้นมุ่งเขม้นก็เปนที เมื่อเหตุมีจะวิบัติอัศจรรย์๑๔ บังเกิดเปนพยาธิเพลิงถเกิงแสง พระโรคแรงขาดเฝ้ามงกุฎสวรรค์ มัฆวานแจ้งการด้วยทิพย์กรรณ์ สงสารขวัญไนยนานัดดาเธอ สั่งเทพย์นิมนต์มุนีนารถ เทวราชฝากทิพย์โอสถเสนอ ฝ่ายกระษัตริย์หมิ่นความตามอำเภอ มิได้เออเอื้อนคิดให้อิดรอา ละเลยไม่เสวยโอสถทิพย์ จนสักจิบวิงวอนไม่ผ่อนหา ถึงเจ็ดครั้งเวียนปลอบประกอบยา อิศราบิดเบือนแต่เชือนไป จึงถวายพรเพิ่มภิญโยยศ ให้ปรากฎพระเกียรติขจรไหว จะชุบโฉมให้ประโลมลานฤไทย เปนฉัตรไชยพำนักนิ์ทั้งจักรวาฬ ถึงจะไม่เสพย์ทิพย์โอสถ ก็ปรากฎผิวพรรณสัณฐาน จะหายประชวรราคินสิ้นสันดาน ดังอวตารงามล้ำอัมรา ปางสมมติเทวันอินทปัถ เวรุวิบัติเมื่อจะน้อยวาศนา เปนกองกรรมที่ได้ทำปาณา ในวิญญาเคลิ้มเขลาเหมือนเมามัว จะสิ้นบุญเสื่อมฤทธิ์วิทย์เวท บันดาลเหตุเห็นดีเปนที่ชั่ว อวิชาครอบงำประจำตัว พเอิญกลัวทิ้งอายอุบายลม จึงไขเทวโองการสารสนอง พระคุณของสิทธาอยู่เหนือผม มัศการขอเผดียงพระโคดม เชิญบรมอิศเรศวิเศษฌาน โยมนี้พรั่นหวั่นหวาดอนาถนึก จงโปรดชักชี้เช่นให้เห็นหาญ เมื่อยลเยี่ยงก็จะเพียรเหมือนเรียนปราณ พระยอดญาณจึงค่อยชุบกระหม่อมตาม พระทรงสิกขาบทประเสริฐศิลป์ ถือกัตเวทินไม่เข็ดขาม ตั้งสัตย์เปนบรรทัดไม่วู่วาม ประสาทสามสิทธิสำอยู่ลำพัง จงชุบกายเถิดถวายบพิตรเห็น เมื่อจะเปนการแล้วจึงกลับหลัง แจ้งเราจะนิวัตรเข้ามาวัง ครั้นเสร็จสั่งคืนที่กุฎีดง ส่วนสามสานุศิศย์ที่ศึกษา มิได้ทราบมารยานราหลง ดำรัสเตือนเดินตามกันสามองค์ เสด็จตรงเข้ากองพิธีกรรม์ ซ้ำซัดทิพย์โอสถถวาย ก็สลายสูญสิ้นเบญจขันธ์ ยังไม่กลับคืนคงเปนองค์ทัน ให้รีบพลันออกไปเททเลลอย ผลบุญเดชะตระบะกิจ พระนักสิทธิ์เสร็จมาน้าวผลาสอย เห็นปริ่ม ๆ ริมกระสินธุ์วารินลอย เหมือนจอกน้อยติดสวะมาปะกัน จึงวินิจพิศดูเปนครู่เพ่ง ปลาดเลงญาณทราบทุกสิ่งสรรพ์ ก็ชุบสามฤๅษีพิธีวัน พระนักธรรม์สาปสรรด้วยคำคม อันพระจอมโมฬีวงษ์ตรีเนตร เคยเรืองเดชแต่ตั้งสุธาปฐม ให้เสื่อมสิ้นศักดาวรารมย์ จงรทมไปชั่วกัลปา อย่าเหาะเหินเดินได้ดังใจหวัง แต่นี้ตั้งไปจนสืบพระวงษา นครวัดอันกระษัตริย์กัมพูชา หญิงชายให้นิรากำจัดวัง ไม่ควรเนาว์พระมณเฑียรอัมเรศ ด้วยผิดเพศเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง เพราะไม่มีขันตีกระตัญญัง อันสัจจังสิ้นหายลลายธรรม ถ้าผู้ใดขืนสถิตย์คงสฐาน จงบันดาลเกิดอันตรายร่ำ๑๕ แต่พระขรรค์ตกไหนจงให้นำ มาประจำคืนมอบสำหรับเมือง อันกรุงอินทปัถนิเวศน์นี้ ถึงใครจะมีเดชลือรบือเลื่อง ผิดวงษอย่าให้ผ่านบุรีเรือง เว้นแต่เนื่องหน่อขัติยามา สาสมที่พระองค์ไม่ทรงสัตย์ จะวิบัติเร็วรุดเพราะมุษษา จงหย่อนตระบะเดชะที่ลือชา ไปจนสิ้นสาสนาทั้งห้าพัน ให้ได้ความเคืองแค้นแสนเทวศ เมื่อไรองค์ประทุมเมศเจ้าของขรรค์ เกิดในสุริวงษ์ดำรงธรรม์ พระเกียรตินั่นจึงจะเรื่องเดชาชาย จะมีพระกฤษดาอานุภาพ ปัจจาราบคอยถือบังเหียนถวาย อาริยเจ้าจะตรัสกำจัดวาย จึงจะหายสิ้นสาปทีหยาบกัน ครั้งนี้ก็มารองบทเรศ บรรณาการน้อมเกษประหวั่นขวัญ เพราะพระบารมีทวีครัน บรรลือลั่นสามโลกย์อรินทร์เกรง โอ้พระจอมดิลกภพนิราศา ทุกทิวาจะระดมกันข่มเหง พระนิเวศน์เย็นเยือกอยู่วังเวง ราษฎร์เครงครวญคร่ำรกำใจ เจ็บอกดังหนึ่งยกไศลทับ มาทอดทุ่มทรวงคับไม่พูดได้ ไม่เลงเหนใครจะเปนที่พึ่งไป เหมือนหาไม่ไร้ญาติขาดรทม เสียมิได้ก็พอกันครหา เมตตานั้นไม่เห็นเท่าเส้นผม แต่หลักโลกย์ยั่งยืนอยู่ชื่นชม เพราะพระร่มเกล้าร่วมครรภาพันธุ์ ถึงเจตรมาศคิมหันต์ประหวั่นโหย สุชลโปรยเปรียบรินพิรุณสรรค์ เคยชำระเบื้องพระบาทอนาถครั้น ดังฉัตรกั้นเกษกลิ้งแต่กายกร ด้วยเคยเห็นสองพระองค์ดำรงราษฎร์ ใจจะขาดถึงพระมิ่งอดิศร ถ้าพระคุณอุ่นวังไม่แรมจร ฤดูร้อนน่านี้สิเทศกาล เคยฉลองกองก่อพระทรายพลาง ด้วยเห็นทางเวียนวงในสงสาร แล้วเสร็จปล่อยมัศยาในท่าธาร หวังจะเพิ่มโพธิญาณบำเพ็ญพูล โดยพระราชประสงค์ทรงดำริห์ พระปีติเลื่อมไสไม่เสื่อมสูญ ก็ไม่ชูชนมาให้อาดูร พระบัณฑูรทิ้งลูกรกำทวี ถึงเวลาฝูงคณาสนมแน่น กำศรดแสนโศกเชิญโมฬีศรี บ้างร่ำโอ้อนิจจาฝ่าธุลี นิราศหนีข้าบาทยุคลจร เสวยเคยถวายสุพรรณภาพ ศิโรราบในมโนสโมสร ดังผะภายรายรอบศศิธร แต่ป่างก่อนไม่นิราศสวาสดิ์วาง พระคุณเอ๋ยเคยทรงพระปราโมทย์ กระเษมโสตรปราไศรยมิให้หมาง โอ้เคยมีมาโนตทุกหน้านาง ถึงยามร้างแต่พระองค์เอกากาย เวลาเฝ้าเปล่าเนตรคนึงบาท เคยบำเรอบำราศฤไทยหาย ที่นั่งเย็น ๆ เหงาสงัดดาย ลูกยิ่งฟายอสุชลนานอง ผคุณมาศอาสาธมาศา ทรงสร้างโพธิญาไม่หาสอง เชิญชักพระชินราชบาทประคอง หอมลอองทิพมาศกระหลบวัง อันทางรัถยานิวาวาศน์ ปารกชาติโปรยปรายถวายหวัง ปิ่นนิเวศน์ไว้พระเดชดังเสร็จยัง เหมือนปางครั้งเนาว์เขตรพระเชตุพน พระเนาวโลกย์เสด็จโดยนภางค์เคลื่อน ลอยลเลื่อนโปรดสัตว์สำเร็จผล พระอรหรรต์ห้าร้อยคอยนิมนต์ ประสาจนก็มีใจศรัทธาทำ คราวนี้ดังสถิตย์ประดิษฐาน เพราะพระราชสมภารอุปถัมภ์ พระพุทธรูปเสด็จดำเนินนำ พระชินวงษประจำไม่ขาดวัน เหมือนพระอรรคสาวกบิณฑบาต เพดาลุดาษห้อยพวงโกสุมภ์สวรรค์ รย้าพู่ดูกลิ่นรคนจันทน์ สำคัญว่าไปชมพิมานทอง พระสฐานปานเมืองอมรเมศ โอ้สังเวชเศร้าศรีมณีหมอง นิราศร้างสุรางค์บำเรอประคอง ฝ่าลอองเอกานิราโรย สุราฤทธิ์สถิตย์บำรุงโลกย์ ยามวิโยคก็ไม่ดับรงับโหย ไยพระราชกุศลไม่ดลโดย กลับโกยทุกข์ทวีไม่มีเสบย ลูกทรงสิโนทกอุทิศถวาย กระหม่อมหมายให้พระคุณศุขเสวย บรรพชายะศิลาธิคุณเลย อกเอ๋ยมีแต่พร่ำรกำกิน ต่างนิมนต์ราชาคณเทศน์ ถวายองค์อิศเรศวิเศษสิ้น แล้วเคาะพระโกษกราบทูลสุชลริน เชิญพระปิ่นเกล้าโลกย์สดับธรรม พระโกษลั่นยินแสยงพอแจ้งเหตุ ถึงสองเชษฐ์๑๖ต้องคดีที่ข้อขำ เขาว่าโทษลึกลับให้จับจำ ก็ค้างคำเทศนาเข้ามาฟัง ต่างคนึงสุดคเนสนเทห์จิตร ไม่ทราบกิจโอ้ไฉนอย่างไรมั่ง ครั้นรู้แน่ว่ากระบถหมดทั้งวัง ชวนกันชังไม่มีภักดีปอง ควรเคืองเบื้องบรมจักรพรรดิ ไม่คิดว่าฉัตรแก้วกั้นเกษสนอง จะได้พึ่งเดชาฝ่าลออง ฉลองบาทบิตุเรศนิราไป พระบิดาบัญชากำชับสั่ง คำหลังลืมพระคุณไม่คิดได้ เพราะทนงนึกประมาทราชไภย ไม่อาไลยถึงถวายพระเพลิงปลง สาใจจนไม่ยลยุคลธเรศ สองเทวศแสนคนึงตลึงหลง ตั้งภักตรจำเพาะเบื้องพระบิตุรง บังคมตรงมาพระโกษวังบวร เสียเชิงที่เปนชาติชายกำแหง หาญเสียแรงรู้รบสยบสยอน เสียพระเกียรติมงกุฏโลกย์ลือขจร เสียแรงรอญอรินทร์ราบทุกบุรี เสียดายเดชเยาวเรศปิโยรส เสียยศบุตรพระยาไกรสรสีห์ เสียชีวิตรผิดแพ้พระบารมี เสียทีทางกตัญญุตาจริง เทพสอดส่องเวไนยสัตว์ ก็เห็นแพ้น้ำพิพัฒสนัดกลิ้ง จึงดลพระไทยไม่อ่อนให้วอนวิง จะมิชิงเชิญเชษฐราคลา ฤๅชรอยทูลกระหม่อมจะตรอมถึง นึกคนึงนำสองโอรสา ไปตามเสด็จเสวยศุขสวรรยา ประเสริฐกว่าน้องยังอยู่วังตรอม นี่หากศุขด้วยพระเดชปกเกษเลี้ยง บวรเวียงสรเสริญไม่สิ้นหอม ค่อยเหือดโหยโดยแต่อาดูรจอม ได้ชื่นด้วยล้นกระหม่อมบันเทาทน พระคุณเอ๋ยคราวหลังเมื่อครั้งเถิน พม่าเกินเกือบจวนจะขัดสน ชนากรร้อนร่ำเสียดายชนม์ ต้องเสด็จไปประจนจึงเมื้อมรณ์ ก็กรีธาพาหน่อดรุณเรศ ดังราเมศรปราบยุคด้วยแสงศร ไปทำศึกไกยเกษธิเบศร์จร พระมงกุฎต่อกรกับพานา พระโอรสเทียมหน่อนารายน์หมาย สังหารหายศึกเสร็จนิราศา ทั้งสิบทิศเกรงพระฤทธิ์ไม่รอรา ไยมิฝ่าฝากชีพในบาทบงสุ์ แม้นซื่อต่อสามองค์มงกุฎเกล้า ไหนจะเศร้าคงจะสืบตระกูลหงษ์ แต่ถาวิลมีวิทยายง ยังขามองค์อิศสยมบังคมเชิญ เสร็จออกช่วยรณรงค์จึงคงชีพ สี่ทวีปแส้ซ้องสรรเสริญ อันพระเจ้าเชียงใหม่แต่ก่อนเกิน หมิ่นประเมินมิได้น้อมประนมคม ครั้งพระลอก็ประหารชีวาวาตม์ นี่เกรงบาทเศียรพองสยองผม เปนข้าทูลลอองธุลีประนม จิตรนิยมยอมพึ่งพระเดชา บรรณาเนืองล้วนเครื่องสุวรรณมาศ มิได้ขาดต่างประเทศทุกภาษา แขกลาวชาวปกันกัมพูชา ก็เข้ามาพึ่งโพธิสมภาร มีพระพุทธสิหิงค์พระมิ่งโลกย์ เปนหลักภพในโอฆสงสาร แต่พระองค์ยังทรงกระเษมฌาน พระยอดญาณโมฬิศสถิตย์ยัง กระษัตริย์หมายหล่อพระโฉมโสมนัศ จะมัศการแทนองค์จำนงหวัง จึงสร้างพระปฏิมาจินดาดัง พเอิญบังเกิดอัศจรรย์เจียว คือพระพุทธสิหิงค์มิ่งมงกุฎ พระอุตคุตหล่อไม่ติดจิตรเสียว เหล่ากระษัตริย์หมื่นแสนแน่นกรูเกรียว แต่ขับเขี้ยวพากเพียรศรัทธาทำ ทุกพระองค์จะประสงค์ไม่สมมาท บุพเพนิวาศไม่เคยอุปถัมภ์ สุดฤทธิที่จะคิดมานะนำ จึงแจ้งคำมีพระพุทธทำนาย พระมหากรุณาธิคุณตรัส แย้มพระโอษฐ์โปรดดำรัสพิกัดหมาย เยื้อนพระพุทธฎีกาวาทีทาย จะมีบดินทร์ดั่งนารายน์สี่กร มายกพระสาสนาตถาคต ให้ปรากฎภิญโยสโมสร จะต่อหัดถ์พระสิหิงค์ได้แน่นอน จะเลื่องยศลือขจรเกียรติ์ขจาย คือ๑๗จอมหริวงษ์องค์บิตุเรศ เรืองพระเดชต่อได้ดังใจหมาย เทวทั่วพรหมโลกย์ก็โปรยปราย กราบถวายบุบผาสาธุการ กระษัตริย์อื่นหมื่นเมืองที่เรืองฤทธิ์ อย่าคิดว่าจะหักทนงหาญ น้อยทั้งวาศนาปรีชาชาญ แต่บันดานเดินดินไม่หมิ่นองค์ พระคุณเอ๋ยไยไม่ช่วยอวยสงวน ให้ประชวรละเลยเสวยสรง ก็ทรงสร้างศรัทธาธิกจง ไฉนปลงพระโรคมารุมรัง รกำกลืนโอ้สอื้นไม่สร่างโศก ยังวิโยคยินทุกข์ปะทะถึง ไม่เล็งเห็นหลักโลกย์โศกตลึง พอที่พึ่งแลลับก็กลับกลาย ด้วยพระมิ่งมงกุฎอยุทธเยศ ในสาเหตุคุมเข็ญเขม้นหมาย ความหลังไม่ประทังประเทืองกาย แทบจะวายชีพรเนนในเวรจำ เพราะพระปิ่นดำรงบวรสฐาน กระหึมหาญหุนเหี้ยมกระหยับย่ำ เหมือนจะวางกลางเมืองเมื่อเคืองคำ พิโรธร่ำดังจะรุกเข้าโรมรัน ครั้นทรงทราบว่าพระจอมบิตุลา ให้พลกัมพูชาลากปืนขัน ประจุป้อมล้อมราชวังจันทร์ จึงมีบัณฑูรสั่งให้สืบความ ตรัสใช้มาตุรงตรงรับสั่ง มิไปฟังราชกิจก็คิดขาม มาสืบเรื่องพระไม่ปลงจะสงคราม ก็ประนามทูลบาทไม่พาดพิง ว่าคำขอมน้อมพจมานสาร ไม่หาญเสน่หาพระนุชยิ่ง แต่พิธีตรุสยืนลากปืนจริง ยังนึกกริ่งกริ้วนั้นพอบันเทา ครั้นสวรรคตนิราศา จอมจุธาเจ็บพระไทยดังไฟเผา กระทู้หลวงตวงฟังดูลาดเลา ก็ไม่เบาทูลกิจให้ผิดคำ จึงหาคหบดีกรุงทิปัต กำลังขัดเคืองเชฐราร่ำ แท้ขยาดเกรงพระราชทัณฑ์ทำ ปดซ้ำเสียที่อ้างเปนอิงความ ให้การเกินเมินไม่รู้จักภักตร เจียนจะหักลงให้หั่นเมื่อวันถาม พระคาดโทษแทบไม่หวังยังแต่นาม มงกุฎสามโลกลงพระอาญา แต่คนใช้ให้พันทนาแน่น สุดแสนพระพิโรธพิไรว่า ครั้งบรมกรมพระราชบิดา เขาก็มาฝากตัวด้วยกลัวเรา ปางพระไอยกาดำรงราช สนองบาทมาตุราเปนข้าเฝ้า ชะคราวนี้ฟังเสียงเห็นเกลี้ยงเกลา ดั่งใช่เชาว์พระนิเวศน์กัมพูชา นี่เดชะผลสัตย์สุจริต ชีวิตรจึงไม่ร้างนิราศา นราพงษ์คือองค์สัพพัญญา จึงไว้ชีพสัตว์สาธุการเกรียว แล้วนรินทร์นึกแหนงรแวงผิด ปะกาสิตสั่งสารโองการเฉลียว ให้สืบถามวันทาสุดาเดียว ไฉนเจียวยุเย้าให้เราแคลง ฝ่ายจอมฉลองโอษฐ์พระบิตุเรศ สดับเหตุให้การไม่เคลือบแผง ว่าคงตายขอถวายสัจแสดง จึงแจ้งจริงสมคำไม่อำพราง พระคุณเอ๋ยถ้าเสด็จยังพร้อมสอง ถึงจะต้องกริ้วกราดเพราะบาดหมาง จะทรงผลัดกันเปนทิพย์นทีทาง พอสว่างโทมนัศให้สัตว์เย็น นี่ยังเดียวแต่ทูลกระหม่อมแก้ว ไม่โปรดแล้วก็ไม่มีที่จะเห็น แม้นล้างแม่แน่ลูกไม่ยอมเปน จะถึงเข็ญแล้วก็ตามเวรามี จึ่งยกพาหาวันทนาสนอง ขอเทเวศร์ทั้งสิบสองราษี อินทร์พรหมยมเรศร์พระสุลี นางเทพธรณีเปนเปนพยาน อิกบรมสมมุติเทวโลกย์ ขอบารเมศทราบโศกอธิฐาน จะเปนตราชูเที่ยงดังนาฬิกาล เชิญเทพย์บันดานดลพระไทย ครั้งนี้พระชนกปกเกษหาย ท่านมั่นหมายชนนีทีสงไสย กระหม่อมฉันก็เปนบุตรสุดอาไลย ไม่ห็นใจด้วยไม่แจ้งกระจัดตรง จึงสาบาลแห่งสัตย์พระชนนารถ แม้นประมาทมุ่งร้ายหมายประสงค์ ประทุษจิตรต่อจอมจุธาพงษ์ ขอให้ปลงชีพสิ้นชีวินวาย ดั่งเชษฐาทั้งสองทรงพิฆาฏ อาญาจักรอย่าให้คลาดตัวขยาย ไม่ปกงำนำถ้อยค่อยระคาย ขอให้หายเคืองข้อที่ราคี ถ้าคดคิดแต่ผิดมีมากนัก ขอเทพย์ชักดลจอมโมฬีศรี อย่าเลี้ยงแต่อย่าล้างเลยชีวี พระบารมีจงแจ้งดั่งส่องญาณ เห็นสุดซื่อต่อลอองธุลีแล้ว ให้ชุบเลี้ยงแก้วแม่กระหม่อมฉาน เทวศตั้งอุเบกขาอภิบาล พิศฐานทั่วเทพย์พโยมยิน พอขาดคำที่พิปรายถวายสัตย์ ถึงเบี้ยหวัดโปรดให้หายเคืองสิ้น จึงเหนจริงไม่กริ่งเสี้ยนแผ่นดิน ถือกัตเวทินตั้งดังทานกร แล้วพระบาทคืนประสาทที่คนใช้ ประทานให้พ้นพันทนาถอน ไม่มีใครกรุณาช่วยว่าวอน ผลสัตย์พเอินอ่อนพระไทยเออ เชิญพระอรหังมาตั้งมั่น ขันตีกตัญญังชั่งเสมอ ดูเจียรดังวิเชียรมนินเธอ สุดเสนอคำขยายสบายมี พระเนาวโลกย์ดับโศกสงสารสัตว์ จนกำจัดอันตรายให้หน่ายหนี ขออุทิศแผ่ทิพย์วารี ถวายปิ่นธรณีเสวยรมย์ อันพระจอมจุลจักรหลักทวีป ประทานชีพแล้วไม่มาทอาฆาฎถม ค่อยสว่างสร่างเศร้าบันเทาตรม ดังได้พรมอำมฤตย์ในเมืองอินทร์ ครั้นทุกข์เปลื้องค่อยประเทืองหวั่นวิโยค โมฬีโลกย์หมายเชิญพระศพถวิล ปิ่นกระหม่อมอยู่ยังจอมรกำกิน เสด็จแล้วซ้ำจะพินทนาครวญ ยิ่งยลมิตรคิดอาไลยใจจะขาด แสนสวาดิหวั่นหวามถึงทรามสงวน จึงกุมกรช้อนคู่ประคองชวน ถนอมนวลนุชขึ้นบนเพลาตรอม เจ้าซบภักตรลงกับตักนั่งสอื้น ทั้งเที่ยงคืนเปลี่ยนให้สไบหอม ไหนจะโศกถึงพระมิ่งมงกุฏจอม ไหนจะผอมเพื่อนยากจะจากวัง เปนสองทุกข์มาปะทะอุรพี่ ฤๅเวรีเราประมาทแต่ชาติหลัง เคยบำราศมยุเรศให้แรมรัง สุดาดังดวงชีวิตรจะปลิดไป พี่รับขวัญ ๆ น้องอย่าหมองโฉม ปลอบประโลมจนแจ้งประจุสมัย เรียมจะร้างโอ้นิราสุมาไลย จำจะไกลกล่อมนุชเสน่ห์นวล เจ้าพี่เพียงจะจากกำจัดเจ้า กำศรวญโศกสุดเศร้าแสนกำศรวญ ครวญครุ่น ๆ ไม่เว้นทิวาครวญ เคยสงวนเสงี่ยมงามไม่ตามเคย ถนอมน้องยิ่งหมองเมื่อยามถนอม รเหยหอมกลิ่นผ้าบุหงารเหย เลยจะลับสายใจไฉนเลย อนิจจาเอ๋ยโอ้มิตรอนิจจา ขวัญเนตรอย่าเทวศพี่มอบขวัญ หาไม่เห็นหวลประหวั่นไม่เห็นหา พงางามทรามสงวนนวลพงา ใจผวาหวั่นจิตรยังมิตรใจ โฉมวิไลยล้ำนางสำอางโฉม ไขแขเด่นพโยมเด่นแขไข ไกลรักเรียมยิ่งราญด้วยกาวไกล นวลโหยนำพี่ให้เมื่อสั่งนวล สายเนตรชลไนยไม่ขาดสาย หวลกระหายนึกนุชคนึงหวล จวนอรุณส่องฟ้าเวลาจวน กรรแสงหวลทนทุกข์ที่จากกัน เวชยันต์มาประทับกับเกยมาศ พิณพาทย์อลเวงเพลงสวรรค์ เชิญพระโกษประดับเพชร์เรือนสุวรรณ กระหนกช่อกระหนาบชั้นนารายน์ทรง ครุธขยับนาคยันสุบรรณบอบ กระจังรอบกระจ่างรายเรือนรหงษ์ อันรูปสัตว์อัดแสนคชาพงษ์ ที่ข้างองค์เคียงอินทร์ดำเนินจร เทเวศร์หัดถ์ถวายมณฑาสวรรค์ สลับคั่นสล้างคชไกรสร จตุภักตรชักพรหมประนมกร ก็ถือฉัตรช้อนวิเชียรชู อันเภรีตีก้องกำปนาถ โลกธาตุลั่นกระทบกระทั่งหู เทวราชดาเรียงมาน่าดู ประนมคู่น้อมเคียงยุคลนรินทร์ มาตุลีตีอัศวราช เผ่นผงาดผาดผงกผกผิน นกอินทรีย์ตีปีกสบัดบิน ก็มีสิ้นมาโศกประชุมกัน เทพนมเทวนองชลเนตร มยุเรศเหมือนจะราปีกผัน อันสิงห์อัดจัดออกมายืนยัน ประโคมลั่นประคองเลื่อนพระโกษมา ปิโยรสเยาวเรศผู้สืบสาย ทั้งสองโปรยโยงปรายทิพย์บุบผา ดังพระลบพระมงกุฎบุตรสีดา กริ่งนราเกรงนารายน์ลงมาดิน ทรงกุภัณฑ์สรรพ์เสร็จพริ้งพร้อม งามลม่อมหมางเศร้าแต่ราศิน ดูภักตรคล้ำผิวหมองเปนมลทิน เนตรรินนุชร่ำแล้วจำจร พระพุทธองค์ทรงวอลอออาศน์ แสนกำศรดทรงพระราชอักษร ข้าทูลบาทมาตยาประชากร ก็อาวรณ์มีแต่ทุกข์รทมโทม ฝ่ายสุรางค์รองบาทบรมเบื้อง ชลเนื่องเศร้าศรีฉวีโฉม ลห้อยหวลครวญตามพระศพโทรม พยัพเมฆมัวพโยมอรุ่มไป อันบุตรีที่เนาว์พลับพลาสถิตย์ ต่างชุลิตแล้วนองสุชลไหล เห็นเกณฑ์แห่แลสพรั่งมาแต่ไกล ยิ่งอาไลยเทวศหาฝ่าลออง เสร็จนิราอนิจจาอยู่ภายหลัง แต่ลูกยังเขาจะย่ำระหน่ำหมอง ที่เคยขามก็จะหยามลเลิงลอง เห็นหายใจจะไม่คล่องสักเวลา จะเหลียวหลังยังพระนามพระองค์สูญ โอ้อาดูรสุดจะดั้นพโยมหา ยังแต่กายหายเกษยิ่งเวทนา ดั่งนิราสูญชีพไม่คงชนม์ แสนวิตกอกเอ๋ยจะเลยลับ ไม่เสร็จกลับคืนแล้วลห้อยหน พอบุษบกประทับพระเมรุบน ก็หมายยลเยี่ยมภักตรประนมชม เขาเชิญชักพระโกษบรมนารถ ขึ้นเหนืออาศน์ชวลิตประสิทธิสม ชั้นหนึ่งเทพย์น้อมศิโรดม ถึงชั้นสองมีพรหมประนมกร อันชั้นสามแลงามจำเริญเนตร อมเรศร์เรียงเทพย์อับศร ที่ชั้นสี่มีเทพย์กินร วิชาทรคนธรรพสลับกัน ชั้นห้ารจนาองค์อิเหนา เมื่อโศกเศร้าแรมห้องคูหาสวรรค์ เหมือนลอองร้างสิบสองพระกำนัล ทั้งแปดหมื่นสี่พันเคยปกครอง ชั้นหกเปนกนกกระหนาบอินทร์ ทรงคิรินทร์เจ็ดเศียรผันผยอง ถึงชั้นเจ็ดเพชร์รับหิรัญรอง เห็นสีส่องแสงรุ้งอร่ามพราย ยลรูปสัตว์ที่ประดับเหมือนกลับหมอง ดั่งจะนองเนตรไห้ไม่ขาดสาย ไม่มีจิตรดอกยังคิดระกำกาย ฤๅอกเราจะมิฟายสุชลโกย มหรศพตระหลบตลอดรุ่ง พระเกียรติฟุ้งทุกประเทศเทวศโหย กัลปพฤกษ์ทิ้งสุวรรณหิรัญโปรย ฝูงประชาพากันโดยประชุมทาน ยามกระเษมมิได้แสนสำเริงศุข คราวสนุกนิ์ก็ไม่นำใจสมาน๑๘เสร็จยังจะมิตั้งประชันงาน ก็จะสำราญเล่นน่าพลับพลาทอง นี่กระไรที่สถิตย์สงัดเงียบ แต่เยือกเยียบเย็นลห้อยเหมือนพลอยหมอง ดั่งมีจิตรคนึงหาฝ่าลออง นี่ฤๅเราจะมินองสุชลตรม ถึงเพลาไปมหาสุเมรุมาศ บังคมบาทแล้วยิ่งทุกข์รทมถม พระสุริเยเอลับเหลี่ยมพนม พระสนมคืนแน่นเข้าสู่วัง ถึงยามดึกวิเวกฤไทยเหงา ให้ปลาบเปล่าทรวงนึกอาไลยหลัง ป่านฉนี้เสด็จเดี่ยวแต่องค์ยัง ก็จะมิตั้งภักตรตรอมคนึงเวียง จะเหลียวซ้ายแลหายพระไทยถอน จะอาวรณ์ยินแต่แว่วประโคมเสียง พระคุณเอ๋ยเคยสุรางค์บำเรอเรียง ประคองเคียงข้างที่ทวีตรอม อนิจจังครั้งนี้มาบำราศ เสร็จอนาถองค์เดียวเปลี่ยวถนอม ยิ่งยลวังสังเวชถวิลจอม ถึงทูนกระหม่อมมิ่งโลกย์ลูกโศกครัน แต่ร่ำร้องนองชลไม่เหือดแห้ง จนส่องแสงรุโนทัยไก่ขัน พอคำรพจะถวายพระเพลิงวัน พระจอมจันทรงสถิตย์เปนประธาน ประชุมพร้อมวงษาคณาสนม ต่างประนมหัดถ์ร่ำด้วยคำหวาน โอ้พระยอดอิศราปรีชาชาญ จะได้พานพบมั่งเมื่อไรมี จะดับแล้วหายเห็นเปนวันสูญ ยิ่งอาดูรด้วยพระมิ่งโมฬีศรี ลูกเคยพึ่งบาทาไม่ราคี ข้าชุลีรองบาทเพียงขาดใจ ดั่งวิเชียรฉัตรสุวรรณกั้นทวีป ทุเรศรีบไว้โลกย์โศกไฉน จอมบดินทร์สิ้นเสร็จเด็ดอาไลย ทิ้งไว้ทั้งนิเวศน์บวรวัง อันกระหม่อมน้อมชีพอยู่รองบาท เสนอนารถอกโอ้มโนหวัง ขอคุณพระดลพระไทยอย่าให้ชัง เชิญช่วยตั้งต่อบุญการุญปอง พระคุณเอ๋ยสุดจะมีที่พำนักนิ์ ยลแต่หลักโลกย์เดียวจะยังฉลอง รงับเข็ญเย็นเกล้ายุคลครอง เปนโพธิ์ทองร่มญาติให้อยู่เย็น แล้วน้อมเศียรกราบสมาฝ่าลออง หัดถประคองค่อนอกเคยปกเข็ญ โอ้พระอิศโรราชขาดกระเด็น ประชาเปนทุกข์ให้พิไรรน จึ่งประนมกรจุดเทียนถวาย ยิ่งใจหายแสนลห้อยรหวยหน พอเพลิงชุมโศกทุ่มทรวงสกนธ์ อนิจาจะไม่ยลยุคลคืน ครั้นเวลาจวนใกล้พระสนทเยศ น้อมเกษลาธุลีไม่มีชื่น กลับหลังยังนิเวศน์รกำกลืน สอื้นโอ้ตั้งแต่จะแลไกล พระยอดยงยุทธยาไม่หาเหมือน ดังดวงเดือนสิ้นศรีมณีไข เจ้ากรุงสัตนาคนหุตไกร จะประไลยล่วงชีพด้วยอาญา พระบิตุรงทรงสัตย์ดังฉัตรแก้ว พระไทยแผ้วผ่องโพธิญาหา ช่วยชีวิตรที่จะปลงคงชีวา ตั้งเมตตาปรากฎพระทศพล เจ้านันท์จึ่งได้เนิ่นนิราม้วย พระสมภารไยไม่ช่วยอำนวยผล ครั้นถึงองค์สิให้ปลงปลิดสกนธ์ ราษฎร์รนร้อนร่ำทุกค่ำครวญ แรมศุขไปเสวยสมบัติสวรรค์ ลูกนี้รันทดทุ่มอุรหวล ต่างสลดหมดศรีไม่มีนวล แสนรำจวนถึงพระมิ่งมงกุฎวัง เคยดับทุกข์บันเทาทุเลาโลกย์ ลูกแสนโศกใจหายเสียดายหลัง แต่เสร็จนิราข้าทูลลอองยัง ยิ่งจะตั้งภักตรตรอมถึงจอมพงษ์ โอ้พระปิ่นอิศเรศเกษกระหม่อม พระเดชจอมเทียมท้าวคัลไลยหงษ์ จักหาไหนได้เหมือนเสมอองค์ ทุกพระวงษ์ร่ำหาฝ่าลออง ไม่คืนแล้วยังแต่จอมกระหม่อมโลกย์ ดับวิโยกราษฎร์คลายให้หายหมอง ต่างเทวศเนตรอาบสุชลนอง จนแสงทองส่องเยี่ยมยุคุนธร พร้อมพระวงษ์ขัติยาธิดาสนม เสียงรงมไห้ร่ำรกำถอน ประคองเชิญสุคนธ์ริ่นกลิ่นขจร ก็สรงช้อนอัฐิใส่พระโกษทอง อันสมเด็จบิตุลาฝ่าพระบาท อยู่เหนืออาศน์บัลลังก์แก้วเกิดสนอง พระทรงโศกวิโยคถึงฝ่าลออง ยลหมองอัฐิคล้ำจำรคาย ก็สุดคิดที่จะใคร่เข้าไปถึง ลูกตลึงแลแล้วก็ขวัญหาย ออกระนี้ฤๅมิมีอันตราย เปนสุดหมายที่จะมุ่งประมาณการ แล้วเชิญภูษาทิพย์โกสัยพัตร ประจงจัดพานช่อวิเชียรประสาน ศิโรราบกราบเชิญพระอังคาร แห่ขนานนำเสด็จถึงนาวิน มาตยาหมอบน่าที่นั่งทรง ไม่ยลองค์อาไลยมิใคร่สิ้น เห็นแต่เครื่องยศหยาดสุชลริน โอ้พระปิ่นเกล้าโลกย์นิราคลา ข้าทูลบาทหมอบกลาดสพรั่งพร้อม แต่พระจอมมงกุฎนิสุดหา ไม่เห็นหากรฟายสุชลนา ทิ้งข้าฝ่าธุลีไม่อาไลย อันเกณฑ์แห่นำเสด็จฝ่าลออง มีแต่หมองทุกแทบน้ำตาไหล พลพาย ๆ พานาวาไป มาจนใกล้ปากชลวาริน จึงเชิญเสด็จลงสู่กระสินธุ์หลวง ข้าพระบาทหวาดทรวงแสนถวิล แล้วทูลลาล้นกระหม่อมจอมแผ่นดิน จึงกลับผินนาเวศนิราไป พระโองการสั่งให้นำอังคารเสร็จ แห่เสด็จลงท่ากระสินธุ์ไหล แล้วโปรดให้เชิญพระโกษแก้วคัลไล สถิตย์ในกรมพระราชวังคืน เชิญจอมอัคราขึ้นยานุมาศ ได้รองบาทสร่างเศร้าบันเทาชื่น ที่ลูกหมองนั้นค่อยคล่องรกำกลืน ประโคมครืนเชิญเสด็จเข้าสู่เวียง เนาว์พิมานรัถยาสง่าเนตร พระนิเวศน์เย็นเยือกสงัดเสียง เวลาเฝ้าน้อมเกล้าศิโรเรียง ยินสำเนียงแต่วิหคประจำวัง พระบัณฑูรมิได้เอื้อนโอษฐเฉลย ประหนึ่งเคยตรัสอย่างแต่ปางหลัง ชุลีกรอ่อนโสตรสดับฟัง ประนตนั่งคอยสนองบัญชามา ก็ไม่เอื้อนพระสุนทรผ่อนกระแส ลูกแล ๆ ลับเนตรนิราศา จึงกราบถวายเทียนทิพย์สุมณฑา โอ้พระยอดขัติยาฝ่าลออง แล้วผลัดกันเฝ้าบาทไม่ขาดภักตร ไม่นานนักพอยินรบินสนอง สงไสยในสุรางค์บำเรอประคอง พระไทยหมองทุกยุภาเปนราคิน จะใคร่ทราบซึ่งคนในกลเม็ด พระอิศเรศให้หาลงมาสิ้น ต่างเทวศเนตรนองสุชลริน สุดถวิลหวั่นทรวงไม่สร่างเสบย ให้สาบาลต่อพระพุทธชิโนเนตร บ้างน้อมเกษแล้วก็ร่ำคำเฉลย ขอบารมินปิ่นโลกย์ที่ล่วงเลย พระคุณเคยปกเกล้าบันเทาทน เดชะสัตย์ซื่อต่อฝ่าพระบาท ให้นิราศอันตรายจำเริญผล ที่ไม่มีราคินมลทินรคน จอมสกลโลมเลี้ยงสำราญวัง ไหนราคีฝ่าธุลีลอองหมาง คิดระคางมิได้เอื้อนสวาดิหวัง จัดให้ออกนอกเขตรทุเรศยัง สั่งให้โปรดประทานประยูรพงษ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2563 13:41:32 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 13:34:10 »



อักษร (ฆ) เรื่องนิพานวังน่า (จบ)

อันพระจอมโมฬิศบิตุลา งามสง่าไม่ลเลิงในเชิงหลง ทรงธรรม์ทศเที่ยงไม่เอียงตรง ดำรงราชขาดพะวงโลกีย์รอญ แต่ซึ่งทรงพระวิตกตรอมถวิล เพราะนรินทร์แรมพงษ์อดิศร พระอัฐิคล้ำสีฉวีวร จึงเคียดค้อนสนมบรมวงษ์ ครั้นสำราญผาศุกทุกข์ประเทือง แขกเมืองเข้ามาน้อมจอมประสงค์ จะเฝ้าบาทอิศราชวราพงษ์ จึงเอื้อนโองการสั่งให้พาจร พระโอรสเคารพรับสั่งโปรด ก็ปราโมทย์มาจัดปัจฐร ชิวงคตพระยศยังทุกนคร ดัษกรอ่อนเศียรศิโรพิน พระบารเมศเลิศหล้าเฉลิมภพ เลงจบทุกทวีปไม่เทียมถวิล อันพระราชนิเวศน์ดังวังอินทร์ พิมานเมืองอมรินทร์ชลอมา ถวายไว้ในเสวตรเอกตระฉัตร ยี่ภู่ดัดด้วยสุวรรณบุบผา รย้าเพ็ชรห้อยพวงสุมณฑา ดูสง่าเมื่อจะออกประชาชน เชิญพระบรมโกษคัลไลยเคลื่อน ลอยละเลื่อนเหนือแท่นที่โสรดสรง แล้วลั่นดุริยางค์ประโคมระงม กรมฝ่ายน่าสนองประนมทูล ว่าพระเจ้าแวดนามนมัศการ ไทยทานถวายบดินทร์สูรย์ ขอพระเดชดับเข็ญเย็นประยูร ให้เพิ่มพูลยศยิ่งภิญโยยง พระจอมภพมิได้ผินยินประพาศ ทูตอนาถน้อมเกล้าตลึงหลง สดัปกรณ์แล้วถอนใจพะวง ว่าโอ้พระทรงคุณโลกย์แต่ปางเคย มาเฝ้าบาทอิศราบัญชาทัก อาไลยนักฤๅพระยอดอยู่หัวเอ้ย เขาร่ำร้องนองเนตรไม่มีเสบย จนสุริยงลงเลยศิขรินทร์ ประนตน้อมเศียรศิโรเพศ ลาประเวศคืนที่สถิตย์ถวิล ให้เชิญพระโกษแก้วจอมบดินทร์ เข้าสู่ถิ่นพระนิเวศน์ที่เคยเนาว์ แล้วผลัดเวรแต่งเครื่องนมัศการ ค่อยสำราญตามเคยแต่ก่อนเฝ้า ไม่ยลยินแต่พระเดชร่มเกษเรา วังก็เหงาเงียบง่วงอยู่โรยริน พิมานทองดังห้องพระหิมเวศ จะสังเกตเย็นเยือกสงัดสิ้น ดุเหว่าร้อง ๆ โหยแล้วโบยบิน สกุณินขานขันสนั่นเวียง เมื่อโมฬิศยังสถิตย์สำเริงรื่น วังก็ครื้นพิณพาทย์ประสารเสียง เคยประนอมพร้อมภักตรบำเรอเรียง อนงค์เคียงคอยเฝ้าประนมคม ครั้งนี้ฟังแต่ฝูงวิหกร้อง วิเวกก้องต่างสำเนียงนางสนม ลูกไปเฝ้าเช้าเย็นยิ่งอกกรม เมื่อไรร่มเกษกระหม่อมจะเสร็จคืน อนิจจังยังแต่พระราชฐาน ดูตระหง่านสง่าเนตรตลอดรื่น ตำหนักตึกพิลึกยังคงยืน วังสอื้นแรมร้างอยู่อาทวา ครั้งพม่าตีสงขลาถลางได้ แล้วลุกไล่ตกั่วทุ่งตกั่วป่า ถึงปาตลีบุตรแตกยับอัปรา ก็หนีล่าทัพถอยไม่ต่อกร จึงถวายสารามาทูลแถลง ครั้นทรงแจ้งในศุภอักษร ยกพยุหยาตราคัลาจร คืนนครได้ด้วยพระบารมี สั่งให้ลุยล้างพม่าปัจจามิตร รักชีวิตรแพ้พ่ายกระจายหนี ให้ผู้รั้งตั้งมั่นทุกธานี เสร็จคืนกรุงศรีอยุทธยา เมื่อพระองค์ยังดำรงพระนิเวศน์ ทุกประเทศนอบน้อมศิรสา มยุรยูงนำฝูงคณามา อ่อนศิราถวายเสียงเพียงดนตรี เหมือนสังคีตบรรเลงเพลงสวรรค์ เสนาะกรรณรี่เร่ยดั่งดีดสี นกนิยมชมพระบารมี โอ้ปางนื้ไร้สัตว์สงัดคน พระสุริเยศอาเพทจำรัสแสง ไม่แจ่มแจ้งเปนพยัพพโยมฝน ภาณุมาศอยู่ถึงราชรถบน กระหม่อมยลดังวิโยคพระบารมี ด้วยพระบาทอำนาจดังทิณกร มาเขจรจากจักรราษี เคยเยี่ยมฟ้าส่องหล้าทุกราตรี ให้โลกย์ทวีหวาดตวงสุชลเติม พระสุริยงลงลับเมรุมาศ แลปลาดดวงจันทร์เมื่อวันเฉลิม ไฉนแขจึ่งไม่ไขวิไลยเติม ฤๅพูลเพิ่มทนเทวศเพราะเหตุเรา เห็นกำพร้าเวทนากระมังมาก ไม่เคยยากถอยยศกำศรดเศร้า จึงอับแสงศศิฉายไม่พรายเพรา ให้เห็นเงารัศมีใหมีงาม แต่มีงานดูงานมาหลายครั้ง ตำแหน่งนั่งต่อรองกันสองสาม เมื่อสององค์ยังดำรงวราราม เลื่องพระนามไตรภพจบขจร เว้นแต่จอมพระธิดาดวงกระษัตริย์ เปนปิ่นฉัตรพระบุตรีศรีสมร ด้วย๑๙สองสรวมร่วมมาตุโครทร ไม่อาวรคิดเคียดรังเกียจกัน อันหน่อนางสุรางค์บรมนารถ ให้ร่วมอาศน์สองวังนรังสรร มิใช้นำคนละอย่างจะต่างพันธุ์ พระบิตุลาทรงธรรม์ยังตามเคย เพราะพระไทยอนุกูลประยูรวงษ์ โอ้พระองค์จงทิพย์ศุขเสวย ไหนนิ้วร้ายทรงตัดสลัดเลย พระคุณเอ่ยสุจริตดังบิดา จะพึ่งเขาพระสุเมรุก็เอนหาย สุดจะว่ายเมฆข้ามไปตามหา ดังม้วยดินสิ้นดวงพระสุริยา เหมือนนิราปิ่นเกษบวรวัง ลูกคิดถึงพระบิดาน้ำตาตก สงสารอกแสนพวงแลธงหลัง จะเหลียวดูธงน่าดั่งฟ้าบัง กระไรช่างไกลกันสักพันวา โอ้พระคุณบุญน้อยไม่มีบุตร เปนมงกุฎสืบสายไปภายน่า จะสนองแทนลอองอิศรา กับพระอรรคชายาไม่เลงยล มีแต่หน่อพระสนมไม่สมยศ สวรรคตว้าเว่รเหรหน กองกรรมจำนิราศบาทยุคล บรรดาชนฤๅจะชื่นทั้งหมื่นกรุง แต่นิราฝ่าลอองบิเรศ ดังฉัตรเกษหักหายไม่หมายมุ่ง โอ้พี่น้องควรประคองเคียงบำรุง มีแต่ยุ่งหยิบความไม่งามเลย วังบวรใครห่อนนิยมหวัง ก็จะชังกันถึงไหนนะอกเอ๋ย ที่ความดีนั้นไม่ยินรบินเปรย มีแต่เฉยกับจะชั่วทุกตัวคน ถึงเพียงนี้น่าทวีเทวศโอ้ พระร่มโพธิ์ที่พึ่งมาสูญผล ควรสวาดิมาทร่วมครรภาสกนธ์ ประสาจนรักกันคุ้มวันตาย เออไฉนไยมามุ่งเขม้นมาท พระบิตุราศแรมร้างยังหมางหมาย ช่างค่อนเคียดเสียดสำคำรคาย ไม่นึกสายโสหิดบิดาเดียว บ้างก็คิดแต่งกลยุบลฬ่อ มีแต่ก่อจะให้เกิดความเฉลียว ไม่ปรกติริกันกระนั้นเจียว คนอื่นฟังเขาจะเกรี้ยวไม่อยากชม ที่ประจบท่านผู้ดีมีบุญมาก เห็นญาติยากหันเหออกเทถม มิใช่โจรก็มาจับประจารลม จะคอยข่มกันให้เข็ดฝีปากกลัว คราวสิ้นวาศนานิจาเอ๋ย กระไรเลยนึกมาก็น่าหัว ราวกะเปนโทษขบถไม่งดตัว ขุนนางพัวรอบข้างมาซักคำ พระคุณเอ๋ยตัวลูกก็เปนหญิง นิราศมิ่งโมฬีที่อุปถัมภ์ มาซ้ำแสนอัปประภาควิบากกรรม กลืนแต่น้ำตาตกในนาภี พระสุเมรุเอนโลกย์เปนหลักปัก เทพย์ชักช่วยชลอคิรีศรี ให้ดำรงคงทวีปสวัสดี จะเปนที่สามภพอำนวยพร ฤๅอนงค์นางตเคียนในเขตรเขา ทั้งอารักษ์สถิตย์เนาว์แนวสิงขร เขาสรวงเส้นธูปเทียนเศียรสุกร สังเวยวอนแรงรับพิรมย์ชม โอ้พิมาน๒๐อมรินทรดั่งอินทร์สว่าง เด่นอยู่กลางสระรอบกระสินธุ์สม มีโศกเรียงเคียงน่าลำดวนดม รำเพยลมกลิ่นแก้วพการาย ทรงไว้พระเนาวโลกย์โมฬีเลื่อง แต่งเครื่องมัสการทุกวันถวาย มณฑาหอมน้อมก้านบานขจาย ดั่งจะหมายน้อมรศเรณูนวล บูชาพระสัพพัญญูคู่ทวีป ขยายกลีบแย้มพุ่มโกสุมภ์สงวน เคยมีสิงหโนภาศบัณฑูรชวน สั่งประมวณหมู่สนมหนึ่งบุตรี ให้สวดมัสการพระชินรัตน์ ตามบัญญัติเพศพุทธชินศรี ประทานทั้งแตรดังรฆังตี จบแล้วก็ชุลีบรมญาณ เคยถวายพระกุศลศรัทธารับ ทรงคำนับน้อมรศพระกรรมฐาน เคยประสาทโภชาพระราชทาน มัจฉซ้องสาธุการถึงเมืองพรพม ประกอบหมู่มัจฉา๒๑ในสาคเรศ ทอดพระเนตรรงับร้อนแรมปฐม แขยงแย่งแย้งเย้ายวลนิยม เนื้อออนอ่อนอ้อนรทมบ้าบ่มใจ เห็นกระแหแห่แห้โบกหางเหิน แก้วลองล่องล้องเดินสายชลไหล แมลงภู่ทองท่องท้องมากินไคล สวายหว่ายว่ายไปแสวงลอย จะหาเหยื่อเผือเผื่อเผื้อภักษา เหล่าเทพาพ่าพ้าสื่อสนสร้อย กระทิงหลายหล่ายหล้ายกรายกรีดลอย นกเขาเข่าเข้าคอยชม้อยดู ได้เคยรับประทานอาหารหาย ตวันบ่ายว่ายเวียนมาเปนหมู่ ไม่ยลพระมิ่งมณเฑียรยกเศียรชู เหมือนจะรู้ว่าพระราชบิดา เสร็จนิราศแรมร้างมไหสูริย์ โอ้อาดูรทุกข์ทั่วถึงมัจฉา ประพาศสวนเสร็จสรวลชวนพงา นำยุพาเคยพายุพินชม คณานางล้วนนางอนงค์แน่น ประดับแสนนับแสนพระสนม สำราญรื่นเริงรื่นชื่นอารมณ์ ถวายลมโบกลมอยู่งานงาม เห็นกาหลงเพลินหลงประสงค์หอม ลูกจันทน์น้อมกิ่งน้อมเหลืองอร่าม ระย้าแก้วแสงแก้วออกแวววาม กุหลาบหนามหลีกหนามเด็ดดอกดม เสาวคนธ์รคนกลิ่นบุหงา จำปาแขกเมื่อแขกมาถวายถม มณฑาหอมหวลหอมยิ่งตรอมตรม จะจากชมชวนชมรบมทรวง ยิ่หุบหุ้มกลีบหุ้มขยายแย้ม ลำเจียกแหลมกลิ่นแหลมล้วนของหลวง ลำจวนเย็นหอมเย็นดูเด่นดวง พิกุลร่วงดอกร่วงลงดาดดิน เสาวรศทรงรศตระหลบฟุ้ง ดั่งจันทน์ปรุงประปรุงรคนกลิ่น ตระการเกษแก้วเกษอินทนิน บุหรงบินรีบบินไปจากรัง ให้หนักจิตร ๆ หวลรันจวนโหย ฤดีโดย ๆ ดิ้นถวิลหวัง เหมือนอกเรา ๆ จะร้างนิราศวัง จึ่งโศกสั่ง ๆ สวนอยุทธยา เทวศโอ้ ๆ สอื้นไม่คืนกลับ จะแล้วลับ ๆ แลนิราศา จะแรมเวียง ๆ เอยไปเอกา มาเห็นหน้า ๆ นุชสุดอาไลย ถนอมขวัญ ๆ ใจอย่าไห้ร่ำ นี่เนื้อกรรม ๆ สร้างแต่ป่างไฉน เคียงหมอบเคียง ๆ ข้างล้วนนางใน จะจำไกล ๆ สงวนยิ่งครวญโครม สุรางค์นาง ๆ น้อมประนมเสนอ ไม่เอื้อนเออ ๆ จะจากจึ่งฉากโฉม เคยชื่นเชย ๆ นวลชวลประโลม จนแสงโคม ๆ สว่างกระจ่างจันทร์ นิจาเรียม ๆ จะร้างนิรารัก ยิ่งพิศภักตร ๆ ผ่องเพียงบุหลัน สพรั่งพร้อม ๆ สิบสองพระกำนัล ชุลีกร ๆ รันอุรตรอม เวรุพราก ๆ เจ้าลำเภาภักตร ธุระรัก ๆ ไม่เหือดจนเผือดผอม ยุคลเคย ๆ ปกเกษพระเดชจอม จะไกลกล่อม ๆ ชวัญอย่าหวั่นใจ ไม่ยลข้อ ๆ รคายมาหน่ายหนี จะเคืองพี่ ๆ นี้ตรงอย่าสงไสย ทุกอนงค์ ๆ นุชสุดพิไร จะพาให้ ๆ เรียมหลงอารมณ์เฟือน ต่างซบเศียร ๆ เกล้าลงกราบบาท ใจจะขาด ๆ ที่ไม่มีเหมือน สงวนบุตร ๆ นางอย่าห่างเรือน จึ่งเอื้อนโอษฐ์สั่งพระหน่อจะขอลา โอ้พระมิ่งมงกุฎอยุทธเยศ ไยทุเรศแรมร้างพระวงษา กระทั่งถือน้ำพิพัฒน์สัจจา มาหยุดน่ามุขน้อมศิโรเรียง ครั้งนี้ยังแต่ที่พรหมภักตร์ ไม่ประจักษ์สิงหนาทประภาศเสียง อันอนงค์ชิดเชยที่เคยเคียง บำราศเวียงจากพระอัฐิเธอ ไปเปนข้าพระนรินทร์ผู้ปิ่นโลก ที่สิ้นโศกสบชื่นไม่คืนเสนอ ไหนยังคิดถึงพระคุณเคยบำเรอ ก็ลเมอร่ำว่าข้าทูลลออง จนจิตรจำนิราฝ่าพระบาท มิได้ขาดชลเนตรคนึงหมอง มายลวังยังลูกผูกประคอง กรตระกองกอดคิดถึงบิตุตรอม เห็นแต่หน่อยุคลกระมลเศร้า สำคัญเท่าแทนองค์ประจงถนอม จะหาไหนที่พึ่งประหนึ่งจอม เหมือนพระมิ่งล้นกระหม่อมไม่เลงปาง ครั้งสละสมบัติทรงบรรพชิต มิได้คิดห่วงไยในสงสาร ไม่ชื่นชมด้วยสนมบริพาร ศฤงฆารทั้งนิเวศน์ไม่เจตนา บุตรีโอรสประนตน้อม ทูลกระหม่อมเมินปลงทรงสิกขา สำรวมพระกายหมายเอกะคตา อิศราโทมนัศดำรัสวอน อ้าพ่อดุจไนยเนตรพี่ อย่าเพ่อหนีออกทรงผนวชก่อน เชษฐเปลี่ยวเอองค์ดำรงนคร เราร่วมร้อนร่วมชีพอันเดียวกัน ช่วยบำรุงราษฎรขจรเดช ดั่งสุริเยศส่องเยี่ยมเหลี่ยมสวรรค์ ประชาชาวหนาวสท้านอารมณ์ครัน แต่รำพรรณเวียนวอนอ่อนพระไทย เหมือนพระเจ้าสญไชยบรมนารถ เชิญพระบาทยศยิ่งมิ่งมไห บรรพชาลาพรตออกจากไพร คืนไอสวรรยาโอฬาฬาร ก็เรืองยศปรากฎพระเกียรติฟุ้ง กระษัตริย์อื่นหมื่นกรุงขยาดหาญ รทดถอยคอยถวายบรรณาการ นับทิวารตั้งแต่จะแลเลย ชิโนรสปรากฎสังวรศิล ก็ยังรินน้ำเนตรไม่วายเสวย ทั่วพิภพจบโลกไม่เลงเสบย พระคุณเคยโอบอ้อมอารีครัน พระยอดขัติยวงษ์ทรงพระเดช ทุกนิเวศน์เกรงหวาดประหวั่นขวัญ ราษฎรห่อนชื่นทุกคืนวัน มีแต่รันอกร่ำอุรรอน ลูกโศกสุดดั่งบุตรสิงหพราก กำจัดจากมงกุฎราชไกรสร แสนรำจวนหวลคิดพระบิดร ชวนกันจรจะไปเฝ้ายิ่งเปล่าใจ สำคัญจิตรคิดจะชื่นขืนวิโยค พระปิ่นโลกย์ลูกเล่าไปเนาว์ไหน นุภาพเพี้ยงสุริโยวโรไกร ฤๅคัลไลล่วงทวีปจักรวาฬ ยลแต่จอมบิตุลานราสรร อันเปนฉัตรแก้วกั้นกระหม่อมหลาน ข้าพระบาทมาทหมายเสมอปาน บิตุเรศข้อยสำราญมโนปรีดิ์ จะดับเข็ญเย็นเกล้าทุเลาร้อน ประนมกรขอบพระเดชโมฬีศรี ขอพระชนม์ยลยืนสักหมื่นปี อย่ารู้มีพระโรคมารุมรึง เชิญสุลีเลิศหล้าธาดาเดช มาคุ้มเพทอย่าให้พ้องพระองค์ถึง ขอวัชรินทร์ปิ่นนิเวศน์ดาวดึงษ์ ประชุมช่วยที่พึ่งให้อยู่เย็น เชิญนารายน์จากสายกระสินธุ์หลวง จะเล็งล่วงทิพเนตรสังเกตเห็น อย่าวิมุติมิได้ทุจริตเปน ไม่ว่างเว้นคิดพระคุณทุกนาที ข้าซื่อต่อแผ่นดินไม่หมิ่นประมาท เทวราชจงจำเริญทุกราษี อันพระปิ่นกรุงทวารวดี หมื่นบุรีอ่อนราบศิโรลาน จงสาพิภักดิ์เปนข้าฝ่าลออง ต่างฉลองพระบาทเบื้องสอดประสาน ขอสุนทรให้เหมือนพรแปดประการ ดั่งมัฆวารอวยศรีสวัสดี ถวายเวสสันดรบรมนารถ ที่จากราชนิเวศน์เปนฤๅษี กับอนงค์ทรงสร้างพระบารมี เธอยกองค์พระมัทรีอำนวยทาน อินทร์พราหมณ์ก็ประนามศิโรเพศ มาเพิ่มพระบารเมศภินิหาร อัศจรรย์ลั่นโลกย์ทั้งจักรวาฬ เทวส้องสาธุการถวายพร ขอคำให้ประสิทธิดั่งอิศราช จึ่งพิวาทจาฤกไว้ในอักษร จะน้อมเกษมัศการประสานกร ให้ถาวรคุ้มโทษบันเทาทำ ถึงจะเนาว์ในพระเพลิงถเกิงแสง อย่าให้ไหม้ร้อนแรงช่วยอุปถัมภ์ ถ้าตกใต้พระคงคาเมตตานำ พระคุณค้ำชูฉันอย่าอันตราย พระบารเมศเคยปกดิลกโลกย์ บำบัติโศกปัทวะเทวศหาย โจรไภยราชไภยอย่าใกล้กลาย ขอถวายชีวินพระชินวร แม้นผู้ใดใส่โทษออกโจทย์หา มุษษาข้าพเจ้าเหมือนคราวก่อน สรรพทุกข์สารพัดอธิกรณ์ ขอเทพย์ย้อนให้ท่านผู้นั้น เอย

ประนมน้อมศิโรราบ บังคมกราบพระบาทา บพิตรพระบิดา อันเปนที่นมัศการ ลูกรฦกถึงฝ่ายุคล จึ่งนิพนธ์ประกอบสาร หวังพระยศในบทมาลย์ ให้ปรากฎพระเกียรติรบือ ดั่งองค์นารายน์ราม ยังพระนามสนั่นลือ ทั้งสามภพบเคียงคือ เหมือนบิตุเรศปิ่นเกษเรา พระอานุภาพมาปราบยุค ให้เปนศุขบันเทาเบา สองพระองค์ดำรงเนาว์ เป็นมงกุฎอยุทธยา ราษฎรสนองมโนปรีดิ์ ก็ยินดีด้วยปราบดา หมายพึ่งพระเดชา ให้เปนศุขสถาผล ทุกประเทศก็เกรงฤทธิ์ ไม่อาจคิดจะโจมผจญ รักกายเสียดายชนม์ ถวายเครื่องบรรณาการ ถึงอังวะที่ระรบ ในแผ่นภพอยุทธราญ สุรามรินทร์นั้นแพ้พาล แต่ครั้งนี้พระมีไชย ดังฤๅเสร็จนิราศัน สู่สวรรค์คัลไล พระกฤษดาสุธาไหว โอ้พระคุณเคยอุ่นวัง ประโคมยามมหรทึก ฟังพิลึกทั้งแตรสังข์ พิณพาทย์เสนาะดัง ดุริยางค์บำเรออินทร์ หนึ่งนางสุรางค์เรียง บังคมเคียงยุคลนรินทร์ ดั่งอับศรในราษิน ถวายกรอยู่งานงาม ทั้งสิบสองพระกำนัล ทิวันรวังทุกทุ่มยาม เสนางค์ล้วนชาญสนาม เคยขึ้นเฝ้าทุกหมวดกรม พระวงษาสพรั่งพร้อม กราบน้อมศิโรดม ประดับแสนสุดาสนม มานิราศพระบาท เอย

ปางปิ่นธรณี โมฬีโลกย์ลือพระเดช ดั่งอิศเรศวโรฤทธิ ชายชาญชิดเลิศภพ ทุกกรุงนภน้อมเกล้า เปนจอมเจ้ามงกุฎหล้า พระเกียรติขจรเฟื่องฟ้า หมื่นนัคราร้อนรีบ ทั้งสี่ทวีปพงษ์จักรพรรดิ ร้อยเอ็ดกระษัตริย์โอนเศียร บังคมเวียนบรรณาถวาย ดั่งนารายน์มาปราบดา จอมยุทธยาล้ำโลกย์ ดับวิโยคเมื่อยามยุค ราษฎร์เปนศุขสรรเสริญ ขอจำเริญพระชันษา ทรงอิศราอาณุภาพ ไพรีราบเกรงรย่อ ทุกกรุงท้อถอยหลัง พระยศยังพระสุริเยศ ส่องทุกประเทศสว่างแผ้ว ดั่งวิเชียรแก้วมณีโชติ แสงรุ่งโรจชัชวาลย์ รัศมีปานทิพากร เทพย์อับศรอยู่เรียงรอบ ชุลีหมอบเมียงชม้าย ส่วนสุริยฉายส่องภพ เร่งรถจบจักรวาฬ แล้วคืนสฐานเมื้อมิ่ง พร้อมเพราพริ้งเลิศลักษณ์ วิไลยลักษณ์ลออโฉม งามประโลมล้วนอนงค์ แทบเทียมองค์เทพกัญญา ดั่งนางฟ้าจากสวรรค์ ผาดผายผันเยี่ยมเมฆ สำอางเอกเอี่ยมลออง สุรางค์รองบทเรศ มงกุฎเกษปิ่นพระสนม เคยชื่มชมสำราญรื่น วังเครงครื้นพิณพาทย์ หมู่อำมาตย์พื้นชาญสนาม ทหารรามพอเท่าถึง พระเกียรติกึ่งบเกินกัน เปนหลักจันบำรุงราษฎร์ พร้อมพระญาติวงษา ทรงศักดากำแหงหาญ ล้วนชำนาญณรงค์รบ ทั้งไตรภพบอาจหยาม ลือพระนามสยองผม ทุกนิคมก้มเกษกราบ ปัจจาราบเกรงพระฤทธิ ทั้งสิบทิศกระถดถอย ประสมสร้อยสรรเพ็ชร์ คงจะเสร็จได้นำสัตว์ ให้ล่วงวัฎกสงสาร พ้นบ่วงมารเปนเที่ยงแท้ บารมีแผ่เผือทั่วโลกย์ ขอข้ามโอฆกันดาน พระโพธิญาณยิ่งแล้ว ทรงดวงแก้วกุมกรกำ อันเทวทำบลืมหลง พระไทยจงจำเริญผล สร้างพระกุศลก่อเกื้อ ป่างหลังเหลือมามาก ยังภายภาคอนาคต กำหนดสี่อสงไขย มีกำไรยิ่งแสนกัลป เอนกนับคนณา จึงสำเร็จปรมาภิเศกสร้าง จะนำทางมนุศย์สวรรค์ องค์พระสัพพัญญูเจ้า เลิศแล้วใครเสมอ


พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร์ผู้แต่งหนังสือนี้ ประสูตร์ปีมเมียอัฐศก จุลศักราช ๑๑๔๘ นักองค์อี ซึ่งเปนธิดาที่ ๒ ของเจ้ากรุงกัมพูชา เขายกเปนสมเด็จพระมหากระษัตรี มี ๒ องค์ด้วยกัน ยังมีน้องอิกคนหนึ่ง
พระอาการทรงพระประชวรว่าเปนนิ่ว เมื่อเสด็จขึ้นไปยั้งทัพอยู่เมืองเถิน ถึงต้องลงแช่น้ำอยู่ในแม่ขัน แต่พระอาการตามที่กล่าวในนี้ น่ากลัวจะกลายเปนมเรงที่เรียกว่าแคนเซอร์ ในพระสอ จึงเสวยพระสุธารศไม่ได้
พระวิมานองค์ตวันตก
คือที่เรียกว่าพุทไธสวรรย์เดี๋ยวนี้
การโสกันต์ใหญ่ ข้างวังหลวงยังไม่ได้ทำ จนกระทั่งเจ้าฟ้ากุณฑล แต่ข้างวังน่าท่านทำเสียตั้งแต่โสกันต์เจ้าลำดวนเจ้าอินทปัต ด้วยเวลานั้นเจ้าฟ้าพินทวดีพระราชธิดาขุนหลวงบรมโกษยังมีพระชนม์อยู่ ได้เปนแม่การ เพราะท่านเคยลงสรงแลโสกันต์มาเอง การที่วังน่าทำก่อนวังหลวง โดยอ้างว่ากลัวตำราจะสูญ เครื่องต้นโสกันต์ที่มีอยู่ ๓ ลำรับเดี๋ยวนี้ เปนของวังน่าทำ ๒ สำรับ กระบวนแห่วังน่าออกประตูอลังการโอฬาร์ข้างเหนือ บางทีก็เข้าประตูโอภาศพิมาณข้างเหนือ เข้ามาน่าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ บางทีก็อ้อมเขื่อนเพชร์มาเข้าประตูมหาโภคราช ซึ่งอยู่น่าพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน แห่ครั้งวังน่าองค์แรกนี้จะเดินทางประตูใดไม่ปรากฎ
โสกันต์ในวังน่าได้มี ๓ ครั้ง คือปีเถาะสัปตศก จุลศักราช ๑๑๕๗ แลปีมเมียสัมฤทศก จุลศักราช ๑๑๖๐ ปีระกาตรีศก จุลศักราช ๑๑๖๓ ได้จากลงสรงแลโสกันต์ ในหนังสือวชิรญาณวิเศษ เล่ม ๒ น่า ๔๗
ดูเหมือนหนึ่งกรมพระราชวัง มีความปราถนาจะให้ลูกเปนวังน่าแทนพระองค์ แต่จะคิดถึงเช่นนั้นก็ดูผิดทางอยู่หน่อยหนึ่ง เพราะจะสูงกว่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอวังหลวงทั้ง ๒ พระองค์ ซึ่งในหนังสือฉบับนี้ก็รับยกย่อง
นี่ต้องหมายความว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
นี่เปนธรรมเนียมที่ต้องส่งคืนพระแสงกันในเวลานั้น
พระองค์เจ้าเกสร ประสูตรปีกุนเอกศก จุลศักราช ๑๑๔๑
๑๐ เรื่องนี้ท่านเอามาแต่ไหน ทีจะมีในเรื่องโลหิตุบาต
๑๑ เห็นจะเปนตำหนักแพพังลงน้ำไป
๑๒ ประสงค์จะกล่าวว่าเปนเจ้าของพระเทพกุญชรทั้ง ๒ องค์ ๑๓ นี่เก็บความมาจากพงษาวดารเขมรท่อนต้น
๑๔ ที่เรียกว่าพยาธิเพลิงนี้ คือโรคเรื้อน เปนโรคซึ่งเจ้านายในราชวงษ์เขมรพระนครหลวง เปนมาทุกชั่วทุกชั้น ยังถือต่อกันมาจนถึงกาลบัดนี้ ว่าถ้าใครเปนผู้ว่าราชการเมืองนครเสียมราฐคงจะเปนโรคเรื้อน แต่ที่ได้เห็นมาผู้ว่าราชการเมืองเสียมราฐเปนโรคเรื้อนหลายคน ผู้ว่าราชการเมืองคนหลังที่สุดในประจุบันนี้ก็ว่าเริ่มเปนโรคเรื้อนแล้ว
๑๕ พระขรรค์นี้อยู่ในมือเจ้าเขมรบ่อย ๆ ครั้นภายหลังหายสูญไป ชาวประมงทอดแหได้ เมื่อจุลศักราช ๑๑๔๖ เจ้าพระยาอไภยภูเบศร์ (แบน) นำเข้ามาทูลเกล้า ฯ กวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ มีจดหมายไว้ว่า เมื่อวันที่พระขรรค์นี้มาถึง อสนีบาตลงในพระนครถึง ๗ แห่ง เดี๋ยวนี้เปนพระแสงเครื่องราชกกุธภัณฑ์ มีนามว่าพระขรรค์ไชยศรี เปนของแลเห็นปรากฎว่าเก่ามาก ฝีมือครั้งเดียวกันกับพระนครวัด
๑๖ พระองค์เจ้าลำดวนประสูตรปีกุนเอกศกจุลศักราช ๑๑๔๑ พระองค์เจ้าอินทปัตประสูตรปีชวดโทศกจุลศักราช ๑๑๔๒ ว่าเจ้าจอมมารดาเปนลาวทั้ง ๒ องค์ แต่น่าสงไสย ไม่สมกับชื่ออินทปัตควรจะเปนเขมร ที่ได้ความนี้อาไศรยบาญชีกรมหลวงบดินทร์ อันจะเชื่อได้แน่นอนอย่างเดียวแต่เรื่องปีประสูตร์ เพราะเหตุว่าการที่จะรู้ปีประสูตรของเจ้านายนั้นไม่ยาก ถ้าได้พบเจ้านายองค์ใดชั้นใดถามคงจะบอกปีพี่น้องเกิดได้หมด เว้นแต่ซึ่งจะบอกเจ้าจอมมารดา ฤๅจะบอกวันสิ้นพระชนม์นั้นเอาแน่ไม่ใคร่ได้ ในบาญชีกรมหลวงบดินทร์ฉบับนี้เลอะเทอะมาก ที่เก่งที่สุดนั้นคือ พระองค์เจ้าหญิงภุมเรศสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ ซึ่งแปลว่าพระองค์เจ้าภุมเรศกรมหมื่นอัมเรศรัศมีสิ้นพระชนม์รัชกาลประจุบันนี้ ไม่มีเหตุที่ลืมหลงก็เปนได้ถึงเพียงนี้ จึงได้เกิดความสงไสย ว่ามารดาพระองค์เจ้าอินทปัตจะเปนเขมร ข้อความจึงได้ประชิดนักองค์อีแลพระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร์มากนัก
๑๗ ในพงษาวดารหริภุญไชยว่าพระเจ้าพรหมาธิราช เชิญพระพุทธสิหิงค์ไปเมืองเชียงราย แล้วจึ่งปฏิสังขรณ์ตัดพระอังคุลีอันหล่อเดิมนั้นออกเสีย ปั้นขี้ผึ้งเปนอังคุลีเข้าต่อหล่อให้บริสุทธดี เพราะพระเจ้าพรหมามีวิชาฉลาดสามารถจะต่อติดได้ บางทีจะได้ตัดได้ต่อกันบ่อย ๆ ในเวลาที่ผู้ใดได้ไปเห็น ว่ายังไม่งามก็ตัดแลต่อเสียใหม่ กรมพระราชวังเห็นจะได้ทรงตัดแลต่อใหม่จริง การที่หมั่นตัดหมั่นต่อกัน ก็ด้วยเรื่องจะมีบุญตามคำทำนาย
๑๘ เมื่องานพระอัฐ มีโขนกลางแปลงวังหลวงกับวังน่ารบกัน
๑๙ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพวดี
๒๐ พระที่นั่งองค์นี้ เดิมจะสร้างเปนปราสาทอยู่ในรหว่างสระให้เหมือนพระที่นั่งบรรยงรัตนาศน์ที่กรุงเก่า กำลังทำอยู่ถูกฟ้าผ่าจึงเลิกเสียไม่ทำปราสาท เปลี่ยนเป็นหอพระที่ทรงศีล
๒๑ ปลาในสระวังน่านี้ เปนสิ่งหนึ่งซึ่งสำหรับไปดูในเวลาขึ้นไปวังน่า เพราะเป็นปลาใหญ่เกินขนาดด้วยอยู่มานาน อยู่มาจนรัชกาลประจุบันนี้หมดไปเมื่อทำคลังสรรพยุทธ


จบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2563 13:44:13 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า:  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.851 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 05:03:36