[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 16:15:41 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาตา ฮารี นักระบำเปลื้องผ้า โสเภณี และสายลับสองหน้า  (อ่าน 693 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2304


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 06 มีนาคม 2563 09:52:13 »




มาตา ฮารี
นักระบำเปลื้องผ้า โสเภณี และสายลับสองหน้า (ผู้บริสุทธิ์?)

“มาตา ฮารี” นักเต้นสุดเซ็กซี่อันโด่งดัง และยังเป็นฉายาที่มอบให้กับบรรดาสายลับหญิงที่ใช้เสน่ห์เป็นอาวุธในการล้วงความลับจากเหยื่อเพศชายที่หลงในแรงดึงดูดแห่งกามาอันยากจะปฏิเสธของเธอ แต่ตัวตนจริงๆ ของ มาตา ฮารี อาจเป็นเพียงเหยื่อของระบบที่ทำให้ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น

พื้นเพของนักเต้นระบำคนดังเป็นชาวฮอลันดา เกิดในครอบครัวช่างทำหมวกมีอันจะกิน บ้านอยู่ใกล้กับชายแดนเยอรมนี เดิมเธอมีชื่อว่า มากาเรธา เกียร์ทรูดา เซลล์ (Magaretha Geetruida Zelle) พ่อแม่ของเธอเลิกกันหลังพ่อของเธอล้มละลายเพราะเล่นหุ้นน้ำมัน ก่อนที่แม่จะมาตายตั้งแต่เธออายุได้ 14 ปี การขาดแม่ตั้งแต่ยังเด็กก็ทำให้เธอต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆ อย่างเกินกว่าเด็กวัยเดียวกัน

เมื่ออายุได้ 18 ปี เธอไปเจอประกาศหาคู่ในหนังสือพิมพ์ของนายทหารแก่ที่ประจำการอยู่ในชวาซึ่งอายุพอที่จะเป็นพ่อเธอได้ เธอจึงลองสมัครไปเล่นๆ แต่ปรากฏว่านายทหารคนนี้เอาจริง เธอจึงได้แต่งงานกับ รูดอล์ฟ แมคลาว (Rudolph MacLeod) นายทหารแห่งกองทัพอาณานิคมดัตช์เชื้อสายสก็อต ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 39 ปีแล้ว

การแต่งงานทำให้ “เกรธา” มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งคู่เดินทางไปใช้ชีวิตร่วมกันที่ชวา อาณานิคมของฮอลันดาสมัยนั้น ตั้งแต่ปี 1895 (พ.ศ.2438) หลังจากมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน และการเดินทางครั้งนี้เอง ที่ทำให้เธอได้ฝึกฝนการเต้นระบำแบบพื้นเมืองชวา ซึ่งกลายเป็นความสามารถติดตัวที่สร้างชื่อให้เธอในภายหลัง

ในระหว่างที่ทั้งคู่คบหากัน มีการกล่าวหาว่าเธอและแมคลาว เคยร่วมกันกรรโชกทรัพย์หนุ่มโชคร้ายหลายรายที่ถูกยั่วตัณหาโดยเกรธา ก่อนที่แมคลาวจะทำทีหุนหันเข้ามาเห็นการทำชู้โดย “บังเอิญ” แต่ความจริงเป็นการเตี๊ยมไว้ก่อนของคู่สามีภรรยาจนทำเงินให้กับทั้งคู่ไปหลายอัฐ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เกรธา เต็มใจให้ความร่วมมือในการก่ออาชญากรรมนี้หรือไม่ หรือมันเป็นเพียงเรื่องแต่งทั้งหมด

นอกจากนี้ การสมรสของเธอก็ยังเต็มไปด้วยปัญหาอื่นๆ ว่ากันว่า เกรธา ชอบโปรยเสน่ห์ใส่หนุ่มๆ ทั้งเศรษฐีพื้นเมือง และทหารที่ถูกส่งไปประจำการในแดนอาณานิคม ฟากสามีก็เลยตอบโต้ด้วยการไปมั่วกับหญิงอื่น และใช้กำลังทุบตีเธอ ซึ่งเธอเคยกล่าวหาว่า สามีคนนี้เคยพยายามฆ่าเธอด้วยมีดหั่นขนมปัง แต่เธอเอาชีวิตรอดมาได้ก็เพราะเก้าอี้ที่ขวางทางอยู่ทำให้เธอวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือได้ทัน

เธอยังเคยติดเชื้อซิฟิลิสสามี ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอบอกว่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ชอบการร่วมเพศ [เหมือนอย่างที่หลายคนคิด] เนื่องมาจากประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมซึ่งเธอได้รับจากสามี และขณะที่อยู่ในชวา ลูกๆ ของเธอทั้งนอร์แมน (Norman) ลูกชายคนโต และนอน (Non) ลูกสาวก็ป่วยหนักอย่างปริศนา บ้างก็ว่าทั้งคู่อาจป่วยด้วยเชื้อซิฟิลิสที่ติดจากพ่อหรือแม่ บ้างก็ว่าพวกเขาถูกวางยาโดยพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งผลทำให้นอร์แมน เสียชีวิต ส่วนนอน สามารถรอดตายมาได้แบบหวุดหวิด

เมื่อทั้งคู่เดินทางกลับฮอลันดาในปี 1902 (พ.ศ.2445) ก็ตัดสินใจแยกกันอยู่ เกรธาได้สิทธิในการเลี้ยงดูลูก แต่เมื่อเธอไม่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากนัก เกรธาจึงเดินทางไปกรุงปารีสตามลำพังในปี 1905 (พ.ศ.2448) โดยเธอได้กล่าวถึงการตัดสินใจในครั้งนั้นว่า “ฉันคิดว่าผู้หญิงทุกคนที่หนีผัวก็คงต้องไปปารีสทุกคนนั่นแหละ”

ที่ปารีส เธอสร้างชื่อเสียงขึ้นมาด้วยการเป็นนักเต้นระบำแบบตะวันออก ด้วยชุดที่ประดับด้วยอัญมณีแพรวพราวทั่วร่าง ภายใต้ชื่อในวงการว่า “คุณหญิงแมคลาว” (Lady MacLeod) ก่อนเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “มาตา ฮารี” ภาษามาเลย์ที่หมายถึงแสงสว่างของดวงอาทิตย์ (แปลตรงๆ ว่า “eye of the day” หรือดวงตาแห่งทิวากาล) จากนั้นในปี 1906 “มาตา ฮารี” กับแมคลาว ก็หย่าขาดจากกันอย่างเป็นทางการ

รูปแบบการแสดงที่ทำให้เธอโดดเด่นมีชื่อเสียงมาจากท่วงท่ายั่วยวน และพร้อมที่จะแสดงเนื้อหนังอันเปลือยเปล่าอย่างมั่นใจ ชื่อเสียงในวงการมาพร้อมกับเรื่องเล่าความเป็นมาแสนพิสดารที่เธออ้างว่าตัวเองเป็นลูกสาวนักเต้นระบำในวิหารฮินดู ต้องเต้นเปลือยต่อหน้ารูปปั้นพระศิวะตั้งแต่เธออายุได้เพียง 13 ปี ซึ่งรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกับชาวตะวันออกก็ทำให้เรื่องเล่าดังกล่าวเข้ากันได้ดี และด้วยความที่โลกตะวันตกยังไม่คุ้นเคยดินแดนชวา ทุกคนจึงพากันเชื่อความเป็นมาที่แต่งขึ้นมาอย่างไม่มีมูลความจริง

ความโด่งดังของเธอได้มาอย่างรวดเร็วสำหรับนักเต้นที่เริ่มต้นอาชีพเมื่อมีอายุมากแล้ว (เธอเริ่มเต้นเป็นอาชีพเมื่ออายุย่างเข้าวัยเลขสาม) แต่ยุคทองของเธอก็อยู่ได้เพียงไม่กี่ปี เรือนร่างทรงเสน่ห์สำหรับนักเต้นก็เริ่มเป็นแหล่งสะสมไขมันไปตามวัย เธอจึงหันเป็นเอาดีกับการเป็นนางบำเรอให้กับชนชั้นสูง ทั้งนักการเมือง และนายทหารในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึง จูลส์ คัมบง (Jules Cambon) นักการทูตระดับสูงของฝรั่งเศส และมกุฎราชกุมารวิลเฮล์มแห่งปรัสเซีย

การที่เธอไปคลุกคลีอยู่กับชนชั้นสูงที่มีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองและการทหารหลายประเทศ และเดินทางเข้าออกหลายประเทศเป็นว่าเล่นก็ทำให้เธอถูกต้องสงสัยว่าเธอมีเบื้องหลังอะไรหรือไม่

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ปะทุขึ้น ขณะนั้น มาตา ฮารี ยังอยู่ในเยอรมนี แต่เมื่อเธอเดินทางไปยังฝรั่งเศสชาติศัตรู เยอรมนีก็ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของเธอ (ที่อยู่ในเขตอำนาจของเยอรมนี) จากนั้นเธอจึงเดินทางกลับไปฮอลันดา ฝ่ายข่าวกรองของเยอรมนีได้เข้าหาเธอและขอให้เธอเดินทางไปยังฝรั่งเศสในฐานะสายลับแลกกับเงิน 5 หมื่นฟรังซ์ ซึ่งภายหลังเธออ้างว่าเธอรับปากก็เพื่อชดเชยกับทรัพย์สินที่ถูกพวกเยอรมันปล้นไป โดยไม่มีเจตนาที่จะช่วยเหลือพวกเยอรมันแต่อย่างใด

ขณะที่อยู่ในปารีส เธอตกหลุมรัก วาคิม มาสลอฟ (Vakim Maslov) นักบินรัสเซียที่ประจำการในกองทัพฝรั่งเศส ซึ่งต่อมา มาสลอฟ ได้รับบาดเจ็บจากการรบจนสูญเสียความสามารถในการมองเห็นของตาทั้งสองข้าง มาตา ฮารี ต้องการไปเยี่ยมคนรักของเธอที่รักษาตัวอยู่ในแนวหน้า ฝ่ายข่าวกรองฝรั่งเศสได้ยื่นเงื่อนไขกับเธอว่า เธอจะต้องเป็นสายลับให้กับฝรั่งเศสเพื่อล้วงความลับจากประเทศเยอรมนีเธอจึงจะมีสิทธิได้เยี่ยมคนรัก ด้วยเห็นว่าเธอสามารถเข้าถึงตัวผู้นำระดับสูงของเยอรมันได้ รวมถึงองค์มกุฎราชกุมาร จึงเสนอค่าตอบแทนอีกต่างหาก 1 ล้านฟรังซ์ มาตา ฮารี จึงยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวด้วยหวังจะได้เริ่มชีวิตใหม่กับคนรักใหม่

แต่ขณะที่เธอกำลังออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่เบลเยียมด้วยเรือจากสเปน เธอถูกอังกฤษกักตัวและสอบสวนอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะปล่อยตัวไป เข้าถึงช่วงปลายปี 1916 (พ.ศ.2459) เธอเดินทางกลับไปยังสเปนและตัดสินใจที่จะล้วงความลับจาก อาโนลด์ เคลเลอ (Arnold Kalle) ทูตทหารเยอรมันในมาดริด และขอให้ช่วยจัดการให้เธอได้พบกับมกุฎราชกุมารแห่งปรัสเซียที่เธอเคยมีสัมพันธ์ด้วย แต่ทูตทหารเยอรมันรู้ทันสายลับสมัครเล่นจึงได้แต่บอกข้อมูลที่ล้าสมัย หรือข้อมูลเท็จให้กับเธอไป ส่วนเธอก็เล่าเรื่องข่าวลือทางฝั่งฝรั่งเศสซึ่งก็ไม่ได้มีราคาอะไรมากเป็นการแลกเปลี่ยน

ไม่นานจากนั้น ทูตเยอรมันรายนี้ก็ส่งข้อความลับซึ่งได้จาก “H21” สายลับที่ลักษณะตรงกับ “มาตา ฮารี” กลับไปยังเบอร์ลินโดยใช้รหัสลับที่ทางฝรั่งเศสสามารถถอดได้แล้ว ราวกับจงใจที่จะเล่นงาน มาตา ฮารี ที่เธอให้ข้อมูลขยะกับเขาเป็นการเอาคืน

เมื่อ มาตา ฮารี เดินทางกลับกรุงปารีส เธอไม่สามารถติดต่อผู้ดูแลของเธอได้ กลับกันเธอถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสด้วยข้อหาจารกรรมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1917 (พ.ศ.2460) และถูกพิจารณาคดีเป็นการลับ ก่อนที่ศาลจะตัดสินให้เธอมีความผิดต้องโทษประหารชีวิต ซึ่งว่ากันว่า เธอเป็นเพียงแพะรับบาปของรัฐบาลฝรั่งเศสต่อความล้มเหลวในการทำสงคราม โดยโทษว่าเธอขายความลับให้กับพวกเยอรมันทำให้ฝรั่งเศสต้องเสียท่า

ในวาระสุดท้าย มาตา ฮารี หญิงแกร่งที่ต้องพึ่งพาตนเองตั้งแต่เด็กเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความตายอย่างกล้าหาญ เธอขอให้เพชฌฆาตไม่ต้องปิดตาของเธอขณะลั่นไก เธอจะจบชีวิตลงในวันที่ 15 ตุลาคม 1917 และกลายเป็นตำนานเล่าขานถึงปัจจุบัน แต่เรื่องราวของเธอก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงในหลายแง่มุมโดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ทำให้เธอต้องจบชีวิตลง ซึ่งเราอาจจะได้เห็นภาพชีวิตของ มาตา ฮารี ที่ชัดเจนขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากทางฝรั่งเศสเตรียมที่จะเปิดเผยเอกสารลับเกี่ยวกับการพิจารณาคดีและเอกสารอื่นๆ ของกองทัพฝรั่งเศสภายในปีนี้ (2017) กว่า 100 ปี หลังจากที่เธอจากไป








ผู้เขียน :พล อิฎฐารมณ์
เผยแพร่ : นิตยสารศิลปวัฒนธรรม มีนาคม พ.ศ.2563

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
พุทธภาษิต{มาตา}ปิตุคุณภารกตเวทีสูตร
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
時々๛कभी कभी๛ 0 1862 กระทู้ล่าสุด 08 กรกฎาคม 2554 09:53:24
โดย 時々๛कभी कभी๛
โสเภณี ไทยสมัยอดีต
สุขใจ ห้องสมุด
ฉงน ฉงาย 4 1470 กระทู้ล่าสุด 16 มิถุนายน 2563 19:21:12
โดย ฉงน ฉงาย
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.569 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 13 ธันวาคม 2566 05:00:52