[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 18:39:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คนเผาขยะ  (อ่าน 2057 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 1014


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.5.9 Firefox 3.5.9


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2553 10:00:58 »


คนเผาขยะ
Posted by กฤตบวรวิชญ์
                        
เสียงมโหรีปี่พาทย์ ยังคงบรรเลงเพลงพระธรณีกรรแสงอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนาน
ตราบใดที่ความตายยังเกิดขึ้นอยู่คู่กับมวลมนุษย์
บทเพลงบทนี้ก็คงจะไม่ล้าหลังไปจากยุคสมัยแน่นอน
              
เสียง โหยหวนจากการดีด สี ตี เป่า ที่แว่วเวียนอยู่ในอากาศ
สามารถยุเย้าอารมณ์เศร้าให้กับผู้ฟังที่อยู่ในงานศพได้เป็นอย่างดี
แม้บางคราวจะมีเสียงสอดแทรกจากพวกขี้เมาบ้างแต่นั้นก็แค่ส่วนหนึ่งของพวก ด้อยมารยาท
                        
โลงศพยังคงตั้งแน่นิ่งอยู่ใกล้กับลานอภิธรรม
ดอกไม้ที่ล้อมรอบโลงแอร์เริ่มแห้งเหี่ยว  กลิ่นและรูปลักษณ์ที่เคยงดงามก็เริ่มโรยรา  
แต่ก็น่าแปลกที่มนุษย์ยังถือความเชื่อ  ใช้ความสวยงามมาประดับเคียงคู่อยู่กับความตาย
และหากความตายคือสิ่งที่สวยงาม เหตุไฉนเล่ามนุษย์บางคนยังพยายามที่จะหลีกหนีความตาย
                        
กลิ่นควันธูปเทียนยังคงคละคลุ้งเคียงคู่อยู่กับดวงวิญญาณของผู้ตาย
ปี่พาทย์ยังคงโลมเล้าบรรเลงอยู่อย่างอึกทึก  
ป้าย ชื่อผู้มีเกียรติบนพวงหรีดยังคงอวดศักดาอยู่คู่กับโลงศพ
นานมาแล้วที่มนุษย์ใช้ลายปากกา เพื่อสื่อความอาลัย
ซึ่งก็คงนานพอที่จะทำให้พวกเขาเริ่มเอือมระอาต่อความตาย
                        
รูปถ่ายครึ่งท่อนในฉากแก้วข้างโลงศพ ยังคงมีสีหน้าและแววตาเช่นเดิม
ไม่มีความเศร้า  ไม่มีความสุข  เป็นสีหน้าที่เงียบเชียบและเดียวดาย  
เบื้องล่างรูปถ่ายบอกถึงวันที่ ชาตะ   มรณะ  และ อายุรวมถึงวันตาย ไว้อย่างลงตัว  
ซึ่งเมื่อคิดดูให้ลึกซึ่งมนุษย์ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากสินค้าที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด
มีวันผลิต และ วันหมดอายุ ตามกาลเวลาอันสมควร
                        
ปี่พาทย์หยุดบรรเลงชั่วขณะ  พระสงฆ์สี่รูปเดินเรียงหน้าเข้าประจำที่ตรงลานสวดอภิธรรม
น้ำดื่มถูกยกมาถวายต่อหน้าพระสงฆ์   ตาลปัตรทั้งสี่ถูกยกขึ้นมาบังหน้าพระสงฆ์ทั้งสี่รูป  
“ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น”    
คำ กลอนบน ตาลปัตร เรียงแถวต่อคำกลอนกันอย่างลงตัวด้วยความหมายที่กินใจ
ร่างผู้ตายภายในโลงศพถูกเชื่อมต่อเข้ากับพระสงฆ์ทั้งสี่รูปโดยมีสายสิญย์ เป็นสื่อ  
เสียงสวดคาถาภาษาบาลี เริ่มเปล่งเสียงสำเนียงสอดประสานอย่างมีมนต์ขลัง
                        
ชาย วัยกลางคนในชุดแต่งกายที่ดูซ่อมซอยกมือขึ้นพนมไหว้พระสงฆ์ทั้งหมด
ก่อนที่จะลุกขึ้นออกไปจากที่สวดอภิธรรม เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ
และเขาก็ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับคนทั่วๆไปเช่นกัน  ด้วยเหตุนี้  
การกระทำใดของเขาจึงไม่ตกเป็นที่สนใจของบุคคลรายรอบ
                        
ชายผู้นี้มาพร้อมกับพระสงฆ์ทั้งสี่ เขามีวัดเป็นบ้าน
และอาศัยข้าวก้นบาตรประทังชีพ เขามาจากไหน? เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ? ไม่มีใครรู้
แต่แกอาศัยวัดที่นี่มานานหลายปี และดูทีท่าว่าจะไม่ไปอยู่ที่อื่นเสียด้วยซ้ำ
                      
เขา เดินมาข้างเมรุ เงยหน้าขึ้นมองตรงจุดสูงสุดของปล่องควัน
ไม่มีคำพูดและอารมณ์ใดๆแฝงอยู่บนใบหน้า เงียบขรึมและมั่นคง
อาจจะดูแข็งกระด้าง แต่จริงๆแล้วมันคือความเข็งแกร่ง
                      
เขา เบือนสายตาไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆเมรุ
ต้นไม้ต้นนี้มีอายุที่ยาวนานพอสมควร ลำต้นของมันเติบใหญ่ขึ้นตามกาลเวลา
แผ่กิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  
เขาเดินมาที่โคนของต้นไม้ต้นนั้น แอบอิงเงาของมันเป็นที่ร่ม
แล้วนั่งกอดเข่าหลังพิงโคนต้น  ดั่งเฝ้าคอยถ้าอะไรสักอย่าง
                        
ลม ยามบ่ายยังพัดอย่างต่อเนื่อง แม้พลังของลมจะไม่รุนแรงมากนัก
แต่ก็สามารถกระชากเอาใบไม้ที่อ่อนแอและไร้พลังให้ร่วงหล่นลงมาแนบอกแม่พระธรณี
ใบแล้ว ใบเล่า ให้มากองทับถมกับใบไม้เหี่ยวๆที่ร่วงหล่นมาก่อนหน้านี้
                        
ลมหายใจของเขาเริ่มแผ่วเบาลง
แต่สมองของเขากลับทำงานหนักขึ้น
เขาไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ ความหมายของใบไม้ที่ร่วงหล่นถึงมีคุณค่า แตกต่างไป
จากที่เขาเคยมองเมื่อครั้งก่อนๆ  ธรรมชาติ กำลังสอนให้เขาคิด
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองจุดสูงสุดของต้นไม้ ที่ตรงนั้นมันช่างดูสง่างามเสียเหลือเกิน
มันคือยอดที่ไม่มีมีส่วนไหนสูงเทียบเท่า
แต่มันก็ดูเหนื่อยล้าเมื่อเทียบกับใบไม้ที่อยู่ในชั้นต่ำกว่า
ทุกครั้งที่กระแสลมปะทะร่างของมันจนโยกไหวสั่นคลอน
ดูมันช่างวุ่นวายและไม่มีความสุขเอาเสียเลย
 
ในขณะเดียวกัน
พวกใบไม้เบื้องล่างที่ดูด้อยศักดิ์กว่ากลับมีชีวิตที่สงบร่ม เย็น
มันคือความแตกต่างที่ธรรมชาติได้ชดเชยให้เกิดความสมดุล                        
“และถ้าเป็นตัวฉัน ในตอนนี้ฉันจะอยู่ตรงส่วนไหนของต้นหนอ” เขาแอบคิดอยู่ในใจ  

เงย หน้าขึ้นไปมองตรงยอดสุดของต้นไม้
ก่อนจะละสายตามองมาเป็นชั้นๆ จนถึงใบที่อยู่ชั้นต่ำสุด
สีหน้าของเขาเริ่มเผยรอยยิ้ม แม้มันจะเป็นยิ้มแห้งๆแต่มันก็เป็นยิ้มที่หาดูได้ยาก
เขามองตรงส่วนนั้นอยู่เนิ่นนาน ดูภาคภูมิใจกับมัน
เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด ถึงบังเกิดอารมณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้
ปกติเขาเป็นคนด้านชากับความรู้สึกมานาน
จนเกือบลืมไปว่า ตัวเขาเองก็มีความรู้สึกเหมือนเช่นคนอื่นๆ
                        
ใบ หน้าเขาดูมีความสุขขึ้น เขาได้พบธาตุแท้ของตัวเองเป็นครั้งแรก
เขาชอบในความต่ำต้อยที่สงบสุข
เขาภูมิใจที่ได้คลุกคลีกับคำเหยียดหยาม มากกว่าที่จะได้คลุกคลีกับคำเยินยอที่เสแสร้ง  
มันคือความรู้สึกที่เกิดมาจากจิตใต้สำนึกอันใสซื่อบริสุทธิ์
                        
ใบไม้ เหี่ยวยังคงร่วงโรยอยู่เรื่อยๆ
เขาพบสัจธรรมอีกอย่างที่ตัวเขาเองได้เคยมองผ่านมาโดยตลอด
เขามองไปที่ใบไม้หนาทึบ มันมีสีเขียวอ่อน  เขียวเข้ม และเหลือง สลับซับซ้อนกันไป
บางใบกำลังผลิแย้มต้อนรับโลกใหม่
บางใบก็เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วหลาย
ฤดูกาลจนสีใบแก่จัด  และบางใบก็เริ่มเหี่ยวแห้งโรยรา
ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตมนุษย์เลย
เราเริ่มที่จุดกำเนิด ผ่านการเจริญวัย  แล้วก็มาสิ้นสุดลงที่ความตาย
                        
ความคิดของเขา ชะงัก  เมื่อ เสียงสวดของพระสงฆ์เงียบลง
เขารู้ดีถึงสัญญาณเตือนด้วยความเคยชิน ปี่พาทย์เริ่มบรรเลงอีกครั้ง
ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนจะปลุกระดมความเศร้าโศกได้มากกว่าครั้งก่อนเสียอีก
เขาเดินไปบนเชิงเทินของเมรุ เพื่อรอที่จะทำหน้าที่ของตนต่อไป

พระสงฆ์ชักสายสิญย์ขึ้นสู่เชิงเทินหน้าเมรุ
โดยมีขบวนญาติๆตามหลังและผู้ทำหน้าที่หามโลงศพของผู้ตายขึ้นตามไป  
ภรรยา และลูกๆของผู้ตายร่ำไห้ปานว่าจะขาดใจ
หลายคนพลอยร่ำไห้ตามไปด้วยจนหน้าแดงก่ำ
รูปถ่ายที่ไร้อารมณ์ยังแนบอยู่กับอกเสื้อของภรรยาผู้ตาย
แม้ว่าการโอบกอดครั้งนี้ จะไม่เหมือนการโอบกอดเมื่อครั้งที่สามียังมี ชีวิตอยู่ก็ตาม
                        
คนมากหน้าหลายตาอัดแน่นอยู่บนเชิงเทิน
เช่นเดียวกับลานดินด่านล่างที่มีจำนวนไม่น้อยกว่ากัน
พิธีการสำคัญใกล้เริ่มขึ้น เด็กๆบนลานดินต่างจับจองสมรภูมิที่เหมาะและตนถนัดที่สุด
แม้มันจะไม่ใช่การรบ แต่มันก็เป็นการวัดความสามารถที่อาศัยความเชี่ยวชาญใน เชิงยุทธ์อยู่พอควร
                        
ฝาโลงเปิดออกให้บุคคลใกล้ชิดได้ดูหน้าผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย  
สีหน้าหมองคล้ำของร่างแน่นิ่งในกล่องไม้  ดูเหมือนจะไม่รับทราบเรื่องราวใดๆที่เป็นอยู่ภายนอก  
เวลาเดียวกันเสียงร่ำไห้ก็ดังอยู่เป็นระยะๆ  แทนคำอำลาที่ไม่มีความหมายใดซ่อนเร้น
นอกจากความเศร้าและอาลัยอาวรณ์
                        
ประตูตู้เผาถูกเปิดออกด้วยมือของชายแต่งตัวซ่อมซอที่มากับพระ  
โลงไม้สี่เหลี่ยมถูกใส่เข้าไปในช่องไฟทันทีที่ได้เวลาอันสมควร
ดอกไม้จันทน์ พวงหรีด ถูกบรรจุและเผาไปพร้อมกับร่างของผู้ตาย  
ภรรยา และลูกๆยังคงร่ำร้อง เช่นเดียวกับญาติสนิท
และผู้มาร่วมพิธีบางคนที่ยืนน้ำตาคลอเบ้า
กัลปพฤกษ์ ถูกหว่านไปหน้าลานดิน
เด็กๆแย่งชิงกันอย่างสนุกสนานผู้ใหญ่บางคนเข้าร่วมวงด้วยเพื่อต้องการเก็บ
เหรียญห่อกระดาษแก้วไว้เป็นที่ระลึก มันช่างดูวุ่นวายในช่วงเวลาที่น่าจะโศกเศร้า
                        
ควันสีดำพุ่งฟุ้งกระจายออกจากยอดเมรุไปตามแรงลม  
แขก เหลื่อหลายคนเริ่มทยอยกันกลับบ้าน
ญาติๆเริ่มพากันมานั่งที่เต๊นข้างล่างหน้าเมรุ
บนเชิงเทินเมรุแลโล่งขึ้น เหลือก็แต่พ่อ แม่ ภรรยา และลูกๆของผู้ตาย
ที่ยังคงยืนอาลัยอาวรณ์อยู่หน้าเตาเผา  
พระสงฆ์ชักแถวเดินกลับวัด
แต่ชายแต่งตัวซ่อมซอที่มากับพระยังกลับไม่ได้
เพระภาระหน้าที่ของเขายังไม่จบสิ้น
                        
คนเริ่มบางตาจนนับจำนวนถูก ความตายเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่เคยถวิลหา
แต่ก็ได้มาทุกคนขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะเร็วหรือช้าต่างกัน  
ควัน ที่พุ่งผ่านยอดเมรุเปลี่ยนเป็นสีเทาและค่อยๆเบาบางลงเรื่อยๆ
พ่อ แม่ ภรรยา และลูกๆของผู้ตายลงมานั่งอยู่ในเต๊น
ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยยังคงเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
                        
ชายแต่งตัวซ่อมซอกลับมานั่งที่โคนต้นไม้ใหญ่ข้างเมรุ
เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยแม้แต่น้อย  
ไม่ใช่เพราะผู้ตายไม่ใช่ญาติโกโหติกากับเขา  
หาก แต่ภาพความเศร้าที่เขาได้เห็นมันกลายเป็นสิ่งชินตาที่เขาได้สัมผัสมาอย่าง โชกโชน
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองตรงยอดเมรุอีกครั้ง กลุ่มควันเริ่มเบาบางลงทุกขณะ
ใบไม้เหี่ยวใบหนึ่งร่วงลงมาผ่านหน้าเขาไป  มัน ลงซบแน่นิ่งกับอกแม่พระธรณี
เช่นเดียวกับใบอื่นๆที่ร่วงหล่นมาก่อนหน้านี้
เขาหยิบมันขึ้นมามองดู เหี่ยวแห้งและไร้ความหมาย
เขาถือมันไปรวมวางกับใบอื่นๆ ที่กองรวมกันอยู่ก่อนหน้านั้น
เขาหยิบไฟแช๊คขึ้นมาและรู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ไฟติดขึ้นแล้วมันลามเลียใบไม้แห้งอย่างรวดเร็ว
กลุ่มควันโขมง พวยพุ่งขึ้น เขานั่งมองมันย่อย สลายไปกับเปลวไฟ  
                        
ลมยังคงพัด  เชื่อแน่ว่าใบไม้จะต้องทยอยกันร่วงหล่นต่อไปเรื่อยๆไม่มีอันจบสิ้น  
เขาหยิบไม้กวาดขึ้นมาดู  ใช้จิตวิญญาณแทรกซึมเข้าไปในเนื้อไม้      
เหมือนมีพลังบางอย่างแอบแฝงอยู่ภายใน  มันล้ำลึกเกินจะบรรยายออกมาจากสีหน้า  
คล้ายกับว่าเขาได้พบสิ่งที่ปรารถนา  และไม่อาจจะละทิ้งมันได้อีกต่อไป  
“ใครเคยคึดถึงบ้างว่าถ้าไม่มีไม้กวาด โลกนี้จะสกปรกสักเพียงใด”

ชายผู้นั้นแอบพร่ำรำพันกับตัวเองพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ที่ยากจะบรรยายความรู้สึก
                        
กองไฟเริ่มมอด ควันไฟก็เริ่มจางลง เศษใบไม้เริ่มเป็นผงเถ้า  
เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์  เมื่อผ่านการเผาก็หลงเหลือแต่เพียงเถ้าถ่าน  
หากจะต่างกันบ้างก็ตรงที่ชื่อเรียก  แม้นไม่มีสรรพนามคำว่ามนุษย์และขยะมากั้นกลาง  
สุดท้ายจุดจบของของสองสิ่งก็คงคล้ายกัน  
หากนำผงเถ้าขยะและผงเถ้ามนุษย์มาคลุกเคล้ารวมกัน
คงไม่มีใครสามารถที่จะแยกแยะได้อย่างหมดจด
        
เขาเงยหน้าขึ้นมองยอดเมรุอีกครั้ง  มันสงบลงแล้ว  
แต่หน้าที่คนเผาขยะอย่างเขายังไม่จบสิ้น  
ดวงตะวันอ่อนแสงโรยรา  เขากำไม้กวาดแน่นและพร้อมที่จะเผชิญอนาคตอย่างทรนงตน


http://img12.imageshack.us/img12/1548/wzt17.jpg
คนเผาขยะ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 มิถุนายน 2553 15:09:43 โดย ขม..ค่ะ » บันทึกการเข้า

"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2553 15:44:48 »

อารมณ์ประมาณอ่านเรื่องสั้นในขายหัวเราะเลย
ขอบคุณคร๊าบ
บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2553 19:03:36 »



บันทึกการเข้า
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 1014


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.5.9 Firefox 3.5.9


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 17:21:51 »

 ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า

"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.42 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้